PART 1PART 2PART 3PART 4PART 5PART 6PART 7PART 8PART 9.1PART 9.2PART 10PART 11Part 12
กว่าที่นายแบบหนุ่มจะจัดการกับข้าวของทั้งหลายที่ต้องหอบหิ้วเอาไปใช้ในระหว่างที่ไปทำงานต่างประเทศได้ลงตัวก็เป็นเวลาย่ำค่ำ พอเงยหน้าจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปเห็นท้องฟ้ายามสนธยาก็ร้อนใจ ห่วงเด็กหนุ่มที่เขาบอกไปเมื่อตอนเช้าว่าจะรีบกลับไปหา แต่นี่ล่วงมาเย็นย่ำแล้ว
“ป่านนี้จะกินยาหรือยังนะ แล้วดีขึ้นไหมเนี่ยสีน้ำ”
มือหนาหยิบโทรศัพท์มาจะกดโทรออก แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าถ้าหากสีน้ำกำลังนอนอยู่จะไม่เป็นการไปรบกวนการนอนหลับพักผ่อนอย่างนั้นหรือ
“งั้นไปหาเลยละกัน อยู่แค่นี้เอง”
พอตัดสินใจได้แล้วนายแบบหนุ่มก็ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งนานๆ พาร่างสูงเดินลงมาจากชั้นสองแล้วจัดแจงสวมรองเท้าแตะสบายๆ เพื่อเดินไปหาคนรัก พอเดินมาถึงหน้าบ้านของสีน้ำก็เห็นรถคุ้นตาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน
“เอ๊ะ รถนั่นมันของคีย์บอร์ดนิ”
พอกดออดที่หน้าบ้านแล้วยืนรอสักครู่ เจ้าของรถพร้อมกับเพื่อนคู่หูจอมทะเลาะก็เป็นคนเดินมาเปิดประตู
“อ้าว คุณเหนือดิน”
“สวัสดีโชนแล้วก็สไปรท์”
“มาหาสีน้ำหรอครับ เชิญๆ”
คีย์เชื้อเชิญให้เข้ามาด้านในปานประหนึ่งเจ้าของบ้าน เหนือดินโดนเพื่อนคู่หูจอมทะเลาะประกบซ้ายขวาเหมือนผู้คุมไปตลอดทางที่ไปยังห้องรับแขก แถมพอมาถึงแล้วได้เห็นคนที่กำลังคิดถึงนั่งอยู่จะตรงเข้าไปนั่งข้างๆ กลับโดนนำให้ไปนั่งที่โซฟาเดี่ยว ส่วนทั้งโชนและสไปรท์ก็มานั่งประกบที่วางแขนทั้งสองข้าง
“โซฟาฝั่งนี้ก็ว่างนะ สไปรท์ โชน จะไปนั่งตรงนั้นทำไม”
“ไม่ได้หรอกสีน้ำ ต้องประกบผู้ร้ายเอาไว้เดี๋ยวหนีไปก่อน”
“ผู้ร้าย??”
ทั้งสีน้ำและเหนือดินพูดย้ำออกมาแทบจะพร้อมกัน แล้วหันไปมองหน้าสไปรท์ที่เป็นคนพูด
“ใช่แล้ว ผู้ร้ายที่ทำให้สีน้ำป่วยวันนี้ แล้วก็ผู้ร้ายที่ว่าจะแจ้งจับข้อหาพรากผู้เยาว์ยังไงล่ะ”
โชนตอบแทนสไปรท์ที่ยักคิ้วเชิงเห็นด้วยอยู่
“เอ่อ....สีน้ำสิบเก้าแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ฮะ”
“อายุน่ะมันถึง แต่ความคิดและการเติบโตของจิตใจยังไงก็ไม่ถึงแน่นอน”
“โหยยยย เพื่อนไป๊ แกพูดจาดูดีมีความคิดมาก”
“เออ แน่นอน ปะป๋าปุ๊กปิ๊กอย่างฉัน เรื่องแบบนี้ต้องเข้มงวด”
“นี่ไอ้ไป๊ ไอ้โชน นั่นมันสีน้ำเพื่อนแก ไม่ใช่ลูกๆ แกนะ มานั่งกีดกันทำบ้าอะไร”
คีย์ที่เดินตามมาทีหลังเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับกล่องใส่พิซซ่าขนาดใหญ่แล้วยังของกินอื่นๆ อีก
“มาส่งแล้วหรอ รอตั้งนานหิวไส้จะขาด”
“พอเห็นของกินอยู่ตรงหน้าแล้วลืมหมดเลยสิ”
คีย์วางของในมือลงกับโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟาแล้วเจ้าตัวก็ลงนั่งที่พรมทำให้เพื่อนอีกสองคนลงมานั่งข้างๆ เหนือดินที่ยังงงอยู่หันไปถามสีน้ำด้วยสายตา แล้วก็เห็นสีน้ำมองกลับมาเชิงขอโทษ เจ้าตัวเลยปะติดปะต่อเรื่องเอาว่าไม่พ้นเจ้ารอยที่คอคงเป็นต้นเหตุให้เพื่อนสนิทของสีน้ำมาไล่เบี้ยกับเขาแบบนี้
“เกือบลืม นี่ครับ คุณเหนือดิน”
“อะไรหรอ”
“ก็ค่าอาหารมื้อนี้ไงครับ”
“แล้ว?”
“ก็เราสั่งมาฉลองให้สีน้ำกับการก้าวข้ามขั้นความเป็นผู้ใหญ่ขั้นซุปเปอร์แอดว้านซ์ไงครับ”
เด็กหนุ่มที่ถูกพูดถึงนั่งกินพิซซ่าหลบหน้าหลบตาเขาไปซะแล้วตอนนี้ แต่ก็ยังเห็นรอยแดงฉาบที่ใบหน้าด้านข้าง เหนือดินชักอยากจะซักฟอกจริงๆ ว่าช่วงที่เขาไม่อยู่นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ด้วยนิสัยที่โกหกใครแทบจะไม่เป็น แบบนี้ สงสัยสีน้ำเองคงจะโดนเพื่อนๆ ถามถึงเรื่องดีๆ หมดแล้ว
“ไม่มีปัญหา แค่นี้....เอง”
พอเหนือดินรับบิลมาดูก็แทบตกใจ นี่มันราคาพิซซ่าหรืออาหารฮ่องเต้กันแน่เนี่ย
“ผมลืมบอกไปว่าที่สั่งมาเนี่ยเป็นแบบพิเศษใส่แต่วัตถุดิบชั้นยอดครับ ราคามันก็เลยสูงตามวัตถุดิบชั้นเลิศแล้วก็ความอร่อยยังไงครับ จริงไหมเพื่อนๆ”
“เย่”
สไปรท์และโชนส่งเสียงเฮ แล้วหันไปสนใจกับพิซซ่ามากหน้าหลายแบบที่วางเรียงอยู่ สั่งปานประหนึ่งกินทั้งคณะ ส่วนคีย์หันมายิ้มมุมปากให้เหนือดินแล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ ก็แค่นี้คุณนายแบบดังคงขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกมั้ง พอคีย์หันกลับไปมองสีน้ำที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวนิ่มกินอยู่เงียบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งต่อ
“นี่สีน้ำ ทานนี่สิ อร่อยนะ”
ไม่ได้ชวนเปล่าๆ หากแต่ส่งไปป้อนถึงปากเลยด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอร่อยแล้วก็ส่งยิ้มหวานไปให้เจ้าคนป้อน ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เห็นแบบนี้แล้วมันก็อดหึงนิดๆ ไม่ได้
“ไม่ทานหรอครับ คุณเหนือดิน”
“ขอบใจนะ”
เหนือดินย้ายลงมานั่งที่พรมบ้าง มือหนาหยิบพิซซ่าเข้าปาก เขาไม่เคยจะต้องมาเสียเงินแพงๆ กับพิซซ่าแบบนี้เลย
“เออ ใช่ วันก่อนผมเห็นข่าวงานแถลงข่าวของคุณเหนือดินแล้วนะครับ ยินดีด้วย งานช้างน่าดู ได้โกอินเตอร์ถึงขนาดนี้”
“งานอะไรหรอ โชน”
ทั้งสีน้ำที่หันมามองคนเปิดประเด็นอย่างสนใจ และคีย์ที่เอ่ยถามเพื่อนอย่างสงสัย แต่คนที่ถูกพาดพิงถึงนั้นนั่งตัวแข็งตาค้างไปหมดแล้ว
“แกไม่ได้ดูข่าวหรอคีย์ ข่าวใหญ่จะตายไปประโคมกันทุกที่ ก็ที่คุณเหนือดินจะได้ร่วมงานกับทีมงานระดับโลกไง นับว่าเปิดตัวพรีเซนเตอร์ชาวไทยคนแรกเลยด้วย แบบนี้ยิ่งดังใหญ่เลยสินะครับ ผมได้ยินมาว่าคุณต้องไปถ่ายทำที่ยุโรปเป็นเดือนๆ ด้วยใช่ไหมครับ”
“ก็....แบบนั้นแหละ”
เหนือดินไม่กล้ามองไปทางสีน้ำเลย เขากลัวจะเห็นแววตาตัดพ้อที่ไม่บอกเรื่องนี้ด้วยตนเอง ปล่อยให้สีน้ำรู้จากคนอื่น แต่ที่กลัวที่สุดคือจะเห็นแววตานิ่งไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกเหมือนรับฟังเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง ถ้าจะเป็นแบบหลัง เขาขอให้สีน้ำโกรธเขาซะจะยังดีกว่าอีก
“แล้วต้องไปนานไหมครับ”
“สักสองเดือนได้มั้ง”
“โหย ดีจังเลยได้ไปต่างประเทศฟรี แล้วก็นานๆ แบบนั้น แถบนั้นของกินอร่อยๆ เยอะน่าดู”
“คิดแต่เรื่องกินนะแก แต่ผู้หญิงฝรั่งก็สวยอย่าบอกใคร เนื้อนมไข่ อูยยย”
ตอนนี้ไม่ว่าโชนและสไปรท์จะคุยอะไรกัน สีน้ำแทบจะไม่ได้ฟัง เขากำลังสับสนกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกที่ในสมองมีแต่คำถามผุดขึ้นมากมาย ว่าทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ทำไมคนตรงหน้าไม่คิดจะบอกเขา แล้วทำไมเขาก็เจ็บหน่วงที่หัวใจแบบนี้
คีย์ที่หันมามองเห็นสีน้ำที่ก้มหน้าแล้วดูหงอยไปก็เหมือนจะเดาอะไรได้ เขาสะกิดเรียกนายแบบหนุ่มให้เดินออกไปคุยกันข้างนอกในห้องครัว
“อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่ได้บอกสีน้ำเรื่องนี้”
“...ก็ว่าจะบอกวันนี้”
“ให้ตายเหอะ เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่รีบบอก”
“ก็เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญยังไงล่ะถึงพูดไม่ออก”
“แล้วจะเดินทางเมื่อไรครับ”
“....มะรืนนี้”
“...”
คีย์เอนตัวพิงไปกับตู้เก็บของในห้องครัว ตกลงไอ้คู่รักนี่มันมือใหม่หัดรักกันทั้งสองคนเลยหรือไงเนี่ย
“มันไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้จะบอกยังไง นายไม่เข้าใจหรอก”
“ครับ ผมไม่เข้าใจคุณหรอกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบไม่บอกสีน้ำได้ยังไง แต่ตอนนี้สีน้ำจะรู้สึกยังไงมากกว่าที่ผมสนใจ”
“!”
คีย์มองไปทางด้านหลังก็เห็นว่าเพื่อนของเขานั้นยืนอยู่ตรงทางเข้ามายังห้องครัว ก็ระบายลมหายใจออกมาช้าๆ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องที่คนสองคนพูดคุยกันเองแล้วละมั้งในครั้งนี้ มือเรียวตบไหล่หนาของนายแบบหนุ่ม
“โอกาสมันมีไม่บ่อยหรอกนะ ถ้าจะรอให้มันมาเอง คุยกับสีน้ำเองแล้วกัน แต่ถ้าทำให้สีน้ำเสียใจ คุณจะไม่ได้โอกาสแบบนี้อีกแน่นอน”
คีย์เดินออกไปจากห้องครัวแล้วกลับไปยังห้องรับแขกสวนกับสีน้ำที่กำลังเดินเข้าไปในห้องครัว
“ฉันไปรอข้างในนะ”
“ขอบใจนะ คีย์”
เด็กหนุ่มร่างเพรียวเดินไปหาคนรักที่ยืนอยู่ในห้องครัว สองขาพาเจ้าตัวไปหยุดตรงหน้านายแบบหนุ่มที่ยืนก้มหน้านิ่ง
“พี่ดิน ผม...”
“พี่ขอโทษ......ที่ไม่ได้บอกสีน้ำก่อน”
มือหนาจับมือขาวจัดของสีน้ำเอาไว้แน่น
“โกรธพี่หรือเปล่า?”
“ผม...ไม่รู้สิฮะ มันบอกไม่ถูก”
“อะไรล่ะที่บอกไม่ถูก”
“มันก็ตกใจด้วย แปลกใจด้วยว่าไม่เห็นพี่เคยพูดถึง แล้วก็โหวงๆ ยังไงไม่รู้”
เหนือดินยิ้มน้อยๆ กับคำตอบที่สมกับเป็นสีน้ำแบบนั้น
“พอจะบอกสีน้ำทีไร มันก็พูดไม่ออกซะอย่างนั้นแทบทุกครั้งเลยรู้ไหม ทีแรกพี่น่ะไปขอยกเลิกงาน แต่ก็โดนสวดยับแล้วก็โดนกำชับว่าห้ามยกเลิกโดยเด็ดขาด มันเป็นครั้งแรกเลย ที่พี่เลือกจะทำตามหัวใจมากกว่าหน้าที่ พี่ไม่อยากจะห่างสีน้ำไปไหน มันอาจจะฟังดูงี่เง่า หรือดูไม่น่าเชื่อ แต่พี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ สีน้ำรู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้คนที่กุมชีวิตทั้งชีวิตของพี่ไว้น่ะ คือสีน้ำนะ”
“พี่ดิน”
“สองเดือน หกสิบวันเชียวนะ พี่คิดไม่ออกเลยว่าจะทนได้ยังไง”
กับคำสารภาพที่ตรงไปตรงมาไม่ได้มีชั้นเชิงอะไร คำพูดนี้ส่งตรงไปถึงใจสีน้ำได้อย่างไม่ยาก ความรู้สึกห่อเหี่ยวเมื่อครู่หายไปจนหมด สีน้ำบีบมือหนาที่เกาะกุมมือเขาเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำงานแล้วรีบกลับมานะฮะ”
“อืม พี่เป็นห่วงสีน้ำมากเลย รับปากพี่ดินนะว่าต้องระวังไอ้รุ่นพี่นั่นให้มาก ไม่ว่าจะยังไงห้ามไปไหนมาไหนหรืออยู่กับไอ้นั่นสองต่อสองโดยเด็ดขาดเลยนะ แล้วกับคนแปลกหน้าก็ด้วย ห้ามเด็ดขาด”
“ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลสักหน่อย”
“รู้ว่าไม่ใช่เด็กอนุบาล เรื่องนั้นพี่พิสูจน์ไปแล้ว รู้ดีเลยล่ะว่าสีน้ำน่ะ โตแล้ว”
ใบหน้าขาวจัดร้อนวูบ ริมฝีปากอิ่มสีแดงเข้มเม้มแน่น เหนือดินดึงข้อมือให้สีน้ำเข้ามาใกล้แล้วปล่อยมือหนาที่จับมือเปลี่ยนมาเป็นโอบร่างนิ่มของเด็กหนุ่มเอาไว้ในอ้อมกอดแทน
“แล้วจะโทรมาหาทุกวัน รับสายด้วยล่ะรู้ไหม”
“จะโทรมาทำไมทุกวันฮะ”
“ก็เพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้กอดแบบนี้ไง แค่ได้ยินเสียงก็ยังดี”
“เปลืองเงินเปล่าๆ”
“ไม่เปลืองเลย เรื่องแค่นี้สำหรับสีน้ำสบายมาก”
เหนือดินก้มลงหมายจะชิมความหวานของริมฝีปากแดงตรงหน้า แต่ดวงตาคมเหลือบไปเห็นเท้าหลายคู่ที่มุมประตูห้องครัวเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นแก้มขาวแทน ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้อยากจะเล่นเลิฟซีนให้ใครดูหรอกนะ
“กลับเข้าไปกินพิซซ่าต่อเถอะ แล้วอยากกินอะไรอีกไหมเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง สั่งมาเลย”
“อยากกินครับ อยากกิน...”
เสียงของสไปรท์ดังมาจากด้านนอก เหนือดินส่ายหน้าน้อยๆ กับฤทธิ์เดชเพื่อนของสีน้ำที่แต่ละคนมีเยอะจนรับมือไม่ไหว
“แล้วคุณแม่ล่ะสีน้ำ”
“อ๋อ วันนี้ที่บริษัทมีงานเลี้ยงครับ พ่อเลยขอให้แม่ไปด้วย”
“อืม...”
“กลับเข้าไปข้างในนะฮะ”
“อืม”
น่าเสียดายว่าทั้งที่ทางโล่งเพราะแม่สีน้ำไม่อยู่ แทนที่เขาจะได้ใช้เวลา มีค่าอยู่กับสีน้ำสองคน แต่กลับโดนเพื่อนกลุ่มนี้มาขัดขวางซะได้ แต่หากเทียบกับค่ำคืนที่ล้ำค่าเมื่อคืนนี้แล้ว มันก็ยังเทียบกันไม่ได้เลย ยังไงเขาก็มีเวลาที่จะอยู่กับสีน้ำตลอดทั้งชีวิตนี่นา
**************************************************************