Chapter V...เมื่อแรกพบ...
"เจ้าคุณไพศาลเพิ่งกลับจากราชการที่หัวเมือง ได้ส้มพันธุ์ดีกลับมามาก เลยฝากกระผมมามอบให้คุณหญิงขอรับ"ผู้มาเยือนค่อยๆเยื้องย่างมาหาเจ้าของบ้าน...ผมที่นั่งอยู่กับพื้นได้แต่เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งที่เดินผ่านหน้า...ใบหน้าคมแบบไทยแท้ แต่ผิวกลับไม่เข้มจัดเหมือนพวกบ่าวผู้ชายในบ้านถึงแม้จะเข้มกว่าผมอยู่บ้าง...ดวงตาคมโตสีดำสนิท คิ้วดกหนาแต่ได้รูป สวมเสื้อคอตั้งแขนยาวสีขาวกับโจงกระเบนสีน้ำเงินเข้ม...ในมือถือตะกร้าของฝากที่เจ้าตัวอ้างว่าได้มาจากหัวเมือง
"ฝากขอบคุณเจ้าคุณไพศาลด้วยนะพ่อแก้ว"เจ้าของบ้านยิ้มหวานพลางรับตะกร้าของฝากส่งให้บ่าวด้านหลัง...ผู้มาเยือนนั่งลงข้างๆ...ริมฝีปากหนาได้รูปยกยิ้มบางๆ...ก่อนจะหันมาสะดุดตาเข้ากับพวกผมสองคนที่นั่งอยู่
"ใครหรือขอรับคุณหญิง กระผมไม่เคยเห็นหน้า"เสียงนุ่มคุ้นหูเอ่ยขึ้นอีกครั้ง...ผมมองคนตรงหน้าไม่วางตา...ถึงผมจะไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ผมจำเสียงนี้ได้แม่นนัก...
"อ้ายสองคนนี่รึ...มันมาโผล่อยู่ที่ห้องเจ้าคุณเมื่อคืนนี้ ถามหาความก็มิรู้เรื่อง สงสัยสติมิค่อยจักเต็ม"ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงรีบเถียงกลับว่าผมไม่ได้บ้า...แต่เวลานี้แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังทำหน้าแบบไหนตอนที่มองผู้มาเยือน...เจ้าของชื่อ'แก้ว'มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังความจากคุณสร้อย
"เอ้อออ ผมมาขออาศัยอยู่สักพักน่ะครับ พอดียังหาทางกลับบ้านไม่ถูก"เป็นไอ้แชมป์ที่สติดีกว่ารีบตอบกลับไป...ส่วนผมยังนั่งเงียบตั้งแต่เห็นคนตรงหน้า...
"ใช่มั้ยไอ้ธีร์..."
"ไอ้ธีร์..."
"เชี่ยธีร์!"กว่าจะรู้ตัวว่าไอ้แชมป์เรียกก็เกือบถูกมันเอาเท้ายันเข้าให้...ผมสะดุ้งเฮือกมองหน้าคุณสร้อยที มองผู้มาเยือนทีก่อนจะพยักหน้ารับ
"ครับๆ...ยังไงผมต้องรบกวนคุณท่านสักระยะนะครับ"ระล่ำระลักตอบแบบไม่ค่อยรู้ความนัก
"เห็นแล้วก็สงสาร มิรู้บ้านช่องอยู่ที่ใด ก็เลยรับไว้เอาบุญน่ะ"คุณสร้อยหันไปบอกผู้มาเยือนอีกครั้ง
"ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ทานเย็นกับป้าก่อนเถิดพ่อ เจ้าคุณท่านเข้ากรมเห็นว่าจักกลับวันพรุ่ง"
"ขอรับคุณหญิง"ผู้มาเยือนตอบรับด้วยรอยยิ้มหวานเช่นเคย...จะว่าผมไม่มีมารยาทก็ได้แต่ผมสารภาพว่ากำลังมองคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาแม้วินาที...ไม่ใช่เพราะบุคคลิกหน้าตา แต่เป็นน้ำเสียงอันคุ้นหูนี่ต่างหาก...
"พวกเอ็งไปบอกนังน้อยให้เตรียมสำรับให้หลวงพิสิษฐด้วย...ส่วนเอ็งสองคนมีงานการใดต้องทำก็ไปเถิด สงสัยอันใดก็ถามอ้ายมิ่งมัน"ประโยคแรกคุณสร้อยหันไปบอกบ่าวผู้หญิงด้านหลังที่รีบรับคำสั่งและเดินลงจากเรือนไปทันที ก่อนจะหันมาบอกพวกผมที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม...ผมกับไอ้แชมป์พยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินลงจากเรือนแต่ยังเหลียวไปมองผู้มาเยือนที่นั่งคุยกับคุณสร้อยอย่างออกรส...ไม่ได้มองมาทางนี้แม้เพียงนิด
.
.
.
.
"เดี๋ยวเอ็งไปตักน้ำใส่โอ่งให้คุณท่านเตรียมไว้อาบเย็นนี้...ส่วนเอ็งยังกวาดลานหน้าเรือนมิเสร็จก็ไปทำต่อ สงสัยอันใดก็ให้ถาม หรือจักถามพวกบ่าวที่มันอยู่แถวนี้เอาก็ได้"มิ่งรีบสั่งงานพวกผมสองคนอีกรอบทันทีที่ลงจากเรือน...สงสารตัวเองจริงๆไอ้ธีร์เอ๋ย...เดี๋ยวขนฟืนบ้างล่ะ เดี๋ยวตักน้ำใส่โอ่งบ้างล่ะ...งานสบายๆไม่มีให้กูทำเลยหรือไง...
...ผมเดินแบกถังไม้ไปจนถึงท่าน้ำหน้าเรือน...ก้มลงตักน้ำจนเต็มถังก่อนจะแบกเดินกลับขึ้นไปบนเรือนใหญ่...ทำซ้ำอยู่อย่างนี้เป็นสิบรอบแต่น้ำในโอ่งมันก็ไม่เต็มเสียที...ทำไมผมไม่เลือกเรียนวิศวะนะจะได้ทำเครื่องสูบน้ำจากคลองลงโอ่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
"ไอ้แชมป์ กวาดเสร็จยังวะ ช่วยกูหน่อยกูจะเป็นลมแล้ว"ผมหันไปเรียกไอ้แชมป์ที่ยังกวาดลานหน้าเรือนอยู่ มันกวาดมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เสร็จสักที
"เหอะ กูชิลล์ มึงอ่ะเป็นกรรมกรแบกน้ำต่อไปนะ หึหึ"ไม่พูดเปล่าหันมาเยาะเย้ยกูอีก...ฝากไว้ก่อนนะครับมึง
.
.
.
.
.
"โอ๊ยยยย เหนื่อยเชี่ยยยย!"บ่นเสียงดังกับตัวเองพลางทรุดตัวลงที่ท่าน้ำนั่นล่ะ...เดินแบกถังน้ำไม่รู้กี่สิบรอบในที่สุดน้ำมันก็เต็มโอ่งเสียที...ผมเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลง...น่าจะสักบ่ายสองบ่ายสามได้...เห็นไอ้แชมป์ที่กวาดลานหน้าเรือนเสร็จก็เดินไปทางโรงครัว สงสัยจะไปอ้อนพวกแม่ครัวหาอะไรกินแน่ๆ...ไอ้นี่มันช่างปรับตัวเร็วกว่าจิ้งจก ขนาดผมเองยังไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลยตั้งแต่มาถึง...
"เหนื่อยรึ"
"เหนื่อยดิวะถามได้ แม่งไม่ลองมาแบกถังน้ำเดินไปเดินมาเหมือนกูม่ะะ..."ผมหันควับไปด่าเจ้าของเสียงที่คิดว่าเป็นไอ้แชมป์ แล้วก็ต้องเงียบกริบเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง...แขกของเจ้าของบ้านที่ผมเพิ่งได้พบไปเมื่อตอนสาย...เจ้าของร่างโปร่งเหยียดยิ้มเล็กน้อยให้ผมอย่างอารมณ์ดี
"เห้ยยยยย! ขอโทษครับ!"ด้วยความตกใจทำเอาผมแหกปากลั่น จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมาเบาๆ
"ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เอ็งตกใจ...ว่าจักมาหาที่อ่านหนังสือเสียหน่อย...ไม่นึกว่าเอ็งขวัญอ่อนเยี่ยงนี้"ผู้มาเยือนว่าก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นั่งในศาลาตรงท่าน้ำ พลางหยิบหนังสือที่ติดมือมาขึ้นมาเปิดอ่าน ในขณะที่ผมยังนั่งอยู่ริมท่าน้ำเช่นเดิม
"คุณเรียนกฎหมายเหรอ"ปากที่ไวกว่าความคิดโพล่งถามเมื่อเห็นเจ้าตัวกำลังอ่าน 'ประมวลกฎหมายนานาชาติ' ทำเอาอีกฝ่ายลดหนังสือลงแล้วหันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ
"ว่ากระไรนะ"ขมวดคิ้วถามพลางจ้องหน้าผมนิ่ง ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ
"ก็...หนังสือนี่"ผมชี้มือไปที่หนังสือในมืออีกฝ่าย...เจ้าตัวพลิกปกหนังสือขึ้นมาดูก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง
"รู้หนังสือรึ"ผมพยักหน้ารับ...ขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าประหลาดใจยิ่งนัก
"ไปเรียนมาจากไหน"เจ้าของร่างสูงยังถามต่อทำเอาผมได้แต่เกาหัวตัวเอง ถ้าตอบว่าเรียนมาตั้งแต่อนุบาลเขาจะหาว่าผมบ้าไหมนี่
"ก็...เอาเป็นว่าอ่านออกก็แล้วกัน"เลยได้แต่สรุปใจความสั้นๆเป็นเชิงว่า 'ไม่ต้องถามกูต่อแล้วนะครับ'ตอบอีกฝ่ายไป
"เอ็งดูไม่เหมือนบ่าว...ผิวก็ขาวเหมือนลูกเจ๊ก...ชื่อกระไรนะ"นี่ผมกำลังขึ้นศาลสอบปากคำพยานอยู่หรือเปล่านะ โดนยิงคำถามรัวๆไม่ได้เว้นช่วงให้หายใจกันบ้างเลย
"ชื่อธีร์..."
"ธีร์รึ?"โอ๊ยพ่อคุณ...จะมีอีกสักกี่คำถามวะเนี่ย
"แล้วนายล่ะ"ได้ทีเลยถามบ้างเดี๋ยวจะเสียเปรียบ
"ข้ารึ?"ก็อยู่กันสองคนจะให้กูถามปลาในน้ำหรือไงวะ
"ชื่อแก้ว"คนอะไรชื่ออย่างกับผู้หญิง...ผมคิด
"ถ้าตำแหน่งในกรมเขาเรียกกันหลวงพิสิษฐวรเวทย์"เจ้าตัวเสริมต่อทำให้ผมนึกถึงคำพูดของมิ่งที่เรียกหมอนี่ว่าหลวงพิสิษฐ คงจะเป็นตำแหน่งทางราชการอย่างที่เจ้าตัวว่า
"แล้วผมต้องเรียกคุณแก้วหรือคุณหลวงล่ะ"สิ้นคำถามเจ้าตัวถึงกับกลั้นหัวเราะ ทำเอาผมได้แต่นั่งนิ่งมองคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
"ฮะๆ เอ็งนี่ตลกนัก คุณหญิงท่านว่าเอ็งแปลก ข้าเชื่อแล้วว่าแปลกเสียจริง"แต่คนที่ทำให้ผมแปลกใจกลับเป็นคนตรงหน้ามากกว่า...โครงหน้าเข้มดูมีอำนาจ หากแต่ตอนนี้เขากำลังยิ้มร่าเพียงเพราะคำพูดเปิ่นๆของผม
"อยากเรียกกระไรก็เรียกเถิด ข้ามิได้เจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนคุณหลวงคนอื่นๆเขาหรอก"แล้วไอ้คุณหลวงนี่มันจะขำอีกนานไหมครับ
"งั้นเรียกคุณหลวง"ผมหันไปตอบ
"แล้วกัน เพิ่งว่าอยู่ว่าข้ามิถือตัว"
"แต่ผมถือ...เรียกชื่อเดี๋ยวจะโดนดุเอาอีก หาว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"ได้บทเรียนจากตอนเรียกคุณสร้อยมาแล้ว ผมเลยเลือกที่จะเรียกหมอนี่ด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ที่มีก็แล้วกัน
"ใครจักดุเอ็ง...อ้อ กลัวพวกบ่าวไพร่จักว่าเอารึ"ร่างสูงโปร่งยังคงอมยิ้มนิดๆ ไอ้หมอนี่ดูไปดูมาหน้ากวนพิลึกถึงเวลาอยู่นิ่งๆจะดูดุก็ตามที
"ใครจะว่าก็ช่างมันเถอะ...เรียกคุณหลวงน่ะแหละ"ผมยังต่อปากต่อคำไม่เลิก
"ตามใจเอ็ง...คุณหลวงก็คุณหลวง ฮะๆ"เอ้อ ยังขำอีกแน่ะ...ผมไม่ได้เล่นตลกให้ดูสักหน่อย
"คุณหลวงขอรับ...คุณท่านให้มาเรียนว่าสำรับพร้อมแล้วขอรับ"บ่าวผู้ชายที่เพิ่งเดินมาถึงลงไปนั่งคุกเข่าบอกข้อความจากเจ้าของบ้าน...หลวงพิสิษฐหันไปมองพลางพยักหน้าตอบรับ
"เอ้อ คุณหลวง"ผมเรียกขึ้นขณะเจ้าตัวกำลังเก็บหนังสือที่หอบหิ้วมาพลางลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินไปที่เรือนใหญ่...เจ้าของชื่อหันกลับมามองเป็นเชิงถาม
"คุณหลวงเคยเจอผมมาก่อนมั้ย"มันคงเป็นคำถามที่โง่ที่สุดเท่าที่ผมเคยถามมาในชีวิตนี้เพราะอีกฝ่ายถึงกับหันมามองหน้าผมนิ่งก่อนจะ
"ฮ่าๆๆ เอ็งนี่มีเรื่องให้ข้าประหลาดใจได้อยู่เรื่อยเชียว"มันขำผมครับคุณผู้อ่าน...โอเคผมยอมรับว่าคำถามผมมันช่างโง่เง่าสิ้นดี...แต่ทำไมต้องขำอย่างกับผมกำลังเล่นละครลิงให้ดูอย่างนี้เล่า!
"ไม่เคยหรอก...คนเยี่ยงเอ็งถ้าเคยเจอข้าคงมิลืมง่ายๆ"ประโยคสุดท้ายทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ...พลันนึกถึงคำพูดที่มักได้ยินในฝันนั่นเสมอ...
"แต่ตอนนี้เคยเจอแล้ว...ข้าก็คงมิลืมง่ายๆเช่นกัน"เป็นอีกครั้งที่หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ...ผมมองตามร่างสูงโปร่งที่เดินขึ้นเรือนไป...ใบหน้าคมเข้มหันมายิ้มบางๆให้ผม จะด้วยเพราะยังขำกับคำถามพิลึกของผมไม่หายหรืออะไรก็ตามแต่...
"หรือจะไม่ใช่เสียงคุณหลวง"ผมพึมพำกับตัวเองอยู่ตรงท่าน้ำนั่นแหละ...เขาไม่เคยเจอผม...แล้วเสียงที่ผมได้ยินนั่่นเสียงใครกันล่ะ?!
.
.
.
.
"โอ๊ยยย เหนื่อยว่ะ!!"เสียงไอ้แชมป์บ่นอิดออดขณะที่พวกผมนั่งอยู่ริมท่าน้ำ...เวลาล่วงเลยมาจนเย็นมากแล้ว ผมสังเกตได้จากดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนต่ำลงจนเกือบลับขอบฟ้า
"แค่กวาดพื้นหน้าบ้านทำเป็นเหนื่อย ดูกูนิ่! ขนน้ำไม่รู้กี่สิบรอบ สาสสสส"ไม่พูดเปล่าแถมเท้ายันหลังมันจนหน้าเกือบทิ่ม
"ก็มึงซวยเอง เดี๋ยวแบกฟืนเดี๋ยวแบกน้ำ แหม่ ใครนะมันช่างกล้าใช้คุณชายชลนธีร์ของกระผมได้"ไอ้ตัวดีหันมาทำหน้าเยาะเย้ย พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ก็มึงเสือกเกิดมาเตี้ย เค้าก็ยกงานถึกๆให้กูดิวะ"ได้ทีผมรีบทับถมด้วยจุดอ่อนของมัน แชมป์มันเตี้ยกว่าผมครับ ถึงจะไม่มากแต่มันก็ชอบบ่นเรื่องนี้ตลอด...มันบอกว่าเวลาเดินด้วยกันแล้วมันดับ ผมก็ไม่รู้ว่าดับตรงไหนในเมื่อมันขาวโอโม่ออร่ากระจาย ด้วยความที่มันมีเชื้อจีนเกือบ100% แถมความสูงก็170กว่าตามมาตรฐานชายไทย บางทีผมเห็นสาวๆเดินเหลียวหลังมองความขาวของมันก็มี แต่ก็ยังชอบบ่นเรื่องส่วนสูงกับผมเกือบทุกวัน
"เออ กูภูมิใจในความเตี้ยของกูก็ตอนเนี้ย ได้ทำแต่งานสบายๆ หึหึ"ไอ้ตัวดียังหัวเราะเยาะผมไม่เลิก
"เงียบไปเลยมึง มาช่วยกันคิดก่อนว่าจะกลับบ้านยังไง"ผมว่าพลางบิดตัวไปมา...เดินแบกน้ำเป็นสิบๆรอบเล่นเอาล้าไปทั้งตัว สงสัยพรุ่งนี้ตื่นมาเดี้ยงแน่ๆ
"กูยังไม่รู้เลยว่ามาโผล่ที่นี่ได้ไง แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะกลับยังไง"เป็นอีกครั้งที่มันยกมือขยี้หัวเกรียนๆของตัวเอง
"แต่กูว่ามันต้องเกี่ยวกับโต๊ะนั่น"มันรีบหันมาเสริม
"มึงคิดเหมือนกู"ผมพยักหน้ารับกับความคิดของมัน
"เพราะโต๊ะนั่นเป็นอย่างเดียวที่เหมือนกันของที่นี่กับบ้านมึง เอ้อ มีไอ้ที่ทับกระดาษนั่นอีกอย่าง"
"แล้วไงวะ ถึงจะรู้ว่าเกี่ยวกับโต๊ะกับที่ทับกระดาษ แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะกลับยังไง"
"โต๊ะแม่งมีลิ้นชักป่าววะ เผื่อจะมุดลงลิ้นชักแล้วไปโผล่บ้านมึงเหมือนในการ์ตูนอ่ะ"ดูความคิดมันครับ ไม่รู้กวาดพื้นมากจนเพี้ยน หรือมันเพี้ยนอย่างนี้มาตั้งแต่แรก
"โอ๊ย! ไม่ใช่ไทม์แมชชีน"ผมว่าพลางเอามือผลักหัวมันสักทีเผื่อจะคิดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้บ้าง
"มึงลองคิดดิ ก่อนจะมาที่นี่มึงทำอะไร"ผมหันไปถามมัน เพราะก่อนที่พวกผมจะโผล่มาที่นี่ ผมจำได้ว่ามันนั่งอยู่ที่โต๊ะ...หยิบที่ทับกระดาษ...มาโยนเล่น...
"ที่ทับกระดาษ!!"โพล่งขึ้นมาพร้อมกันทั้งสองคนแล้วหันมามองหน้ากันอย่างรู้ความหมาย
"ใช่เลยมึง! ที่ทับกระดาษ"มันหันมาชี้หน้าผมที่พยักหน้ารับรัวๆ
"มึงหยิบมาโยนเล่น แล้วมันหล่น...แล้วมันก็มีแสงออกมา"ผมนึกย้อนไปถึงวันเกิดเหตุ เหมือนตัวเองกำลังอยู่ในหนังไซไฟหรือเรื่องจริงเหนือธรรมชาติอะไรสักอย่าง
"แล้วก็ตู้มมมม! มาโผล่นี่"มันทำเสียงเอฟเฟคประกอบเอาผมตกใจ
"เชี่ยย! ไม่ใช่โกโก้ครันช์!"เล่นไม่รู้จักเวลาเลยโดนผมโบกให้อีกรอบ
"แล้วเราจะเข้าไปห้องเจ้าคุณยังไงวะ แค่คราวที่แล้วแกก็ทำท่าจะจับส่งตำรวจละ ถ้าโดนจับได้คราวนี้กูว่าได้ไปนอนห้องกรงแหง"ไอ้แชมป์ที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆหันมาถาม
"คุณสร้อยบอกว่าวันนี้เจ้าคุณไม่กลับบ้าน ก็ต้องลองเสี่ยงวันนี้แหละวะ"
"เสี่ยงอะไรรึ"
"ก็เสี่ยงเข้าห้อ....เห้ยยยยยย!"ผมกำลังหันไปตอบไอ้แชมป์แต่นึกขึ้นได้ว่านี่มันไม่ใช่เสียงไอ้แชมป์นี่หว่า...หันไปเจอเจ้าของเสียงยืนประชิดอยู่ด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งโหยง
"คุณหลวง!"ใช่ครับ ไอ้คุณหลวงนี่อีกแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรชอบโผล่มาเงียบๆทุกที
"ว่าอย่างไร"ตอบกลับเสียงเรียบ
"คุณหลวงมาทำไร"
"เอ้า! ก็จักกลับเรือนน่ะซี"เจ้าของร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยพลางหันไปมองเรือที่ผูกอยู่ตรงท่าน้ำ
"แล้วเอ็งสองคนเล่า แอบมาวางแผนอะไรกันตรงนี้"ถามกลับเหมือนรู้ทัน
"เปล่าครับ!"และก็เป็นไอ้แชมป์ที่ร้อนตัวตอบกลับเสียงดังจนอีกฝ่ายหันมามองหน้า
"ไม่มีอะไรก็ดี...คุณหญิงท่านเมตตาให้เอ็งสองคนอยู่ อย่าทำอะไรให้ท่านต้องลำบากใจเสียล่ะ"ท้ายประโยคหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง
"ครับ!"ไอ้แชมป์รีบตอบกลับ
"ข้าไปล่ะ"พูดพลางก้าวลงไปนั่งอยู่บนเรือก่อนที่บ่าวอีกคนจะลงเรือตาม
"ฝากเรียนคุณหญิงด้วยว่าจักมาหาใหม่"ผมพยักหน้ารับ มองตามเรือที่ถูกพายออกไป ก่อนจะรู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดแขนยิกๆ
"อะไรของมึง!"แล้วจะเป็นใครได้นอกจากไอ้ตัวดีข้างๆ
"คุณหลวงแม่งเท่ห์ว่ะ"ไอ้แชมป์มองตามเรือของหลวงพิสิษฐก่อนจะโพล่งขึ้น
"กวนตีนจะตายห่า"ผมสวนขึ้นจนไอ้แชมป์รีบหันกลับมามอง
"มึงรู้ได้ไง"มันหรี่ตามองผมเหมือนจับผิด
"ก็กูเจอตอนมาขนน้ำ"ตอบกลับสั้นๆ
"แล้ว?"ยังไม่เลิกถาม วันนี้เป็นอะไรนะโดนถามทั้งวัน
"แล้วไง ก็กวนตีนกู"
"กวนตีนยังไงวะ"ไอ้นี่ยังถามไม่เลิกจนผมชักรำคาญ
"กวนตีนอย่างที่มึงทำอยู่เนี่ย ไปๆ หิวแล้วไปหาไรแดกกัน แล้วค่อยคิดว่าคืนนี้จะเอาไง"พูดพลางดันหลังมันให้เดินไปทางโรงครัว ขี้เกียจตอบคำถามเพราะวันนี้โดนถามมามากแล้ว
.
.
.
.
.
.
คืนนั้นผมกับแชมป์รอจนทุกคนเข้านอนก่อนจะแอบออกมาจากเรือนบ่าว...จุดหมายก็เรือนใหญ่ที่พวกผมโผล่มานั่นแหละครับ...
"มีคนเฝ้าด้วยว่ะ เอาไงดี" ผมมองตามเสียงไอ้แชมป์ เห็นบ่าวผู้ชายถือคบไฟเดินรอบเรือนอยู่สองสามคน...หนึ่งในนั้นคือมิ่ง
"สงสัยต้องอ้อมไปด้านหลัง...ไปมึง!"ผมสะกิดเรียกพลางดึงแขนคนข้างๆให้อ้อมไปทางหลังเรือน...นับว่าโชคยังเข้าข้างเมื่อด้านหลังเรือนมีต้นมะข้ามต้นใหญ่ขึ้นอยู่ใกล้เรือน...ดูแล้วน่าจะปีนขึ้นได้ไม่ยาก
"จะไหวเหรอวะ กูไม่ได้ปีนต้นไม้มาตั้งแต่8ขวบ"ไอ้แชมป์เงยหน้ามองมะขามต้นใหญ่ตรงหน้า
"ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะวะ"ผมว่าพลางดันหลังมันให้ปีนขึ้นไปก่อน...ใครมาเห็นสภาพพวกผมสองคนตอนนี้ไม่ต้องสืบเลยครับ โดนจับเข้าคุกแน่ เล่นมาปีนบ้านเขาเสียขนาดนี้
"เชี่ยยยย อย่าดัน!"ไอ้แชมป์ที่อยู่ด้านบนตอนนี้ยันเท้ายิกๆใส่ผม...ก็ใครใช้ให้มันปีนช้าเป็นเต่าอย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวก็ได้โดนจับกันก่อนพอดี
"เร็วๆดิวะ! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"ไม่พูดเปล่าเอามือดันขามันขึ้นไปอีก...สภาพพวกผมทุลักทุเลพอสมควรกว่าจะปีนขึ้นมาถึงขอบหน้าต่างบนเรือน...ไอ้แชมป์ปีนข้ามจากต้นไม้ไปที่หน้าต่างก่อนจะยื่นมามาช่วย...พวกผมปีนเข้ามาอีกห้องหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องท่านเจ้าคุณ...ดูแล้วน่าจะเป็นห้องนอนของใครสักคนเพราะมีเตียงสี่เสาตั้งอยู่...ต่างกันตรงที่ห้องนี้ไม่มีชั้นหนังสือเหมือนห้องเจ้าคุณ แต่มีโต๊ะเครื่องแป้งแบบโบราณ...เจ้าของห้องคงเป็นผู้หญิงแน่ๆ...
ผมเปิดประตูห้องออกอย่างเบามือ...ด้านนอกเรือนเงียบเชียบ มีเพียงแสงจากตะเกียงที่ถูกจุดแขวนไว้ตามผนัง...พวกบ่าวคงเดินตรวจยามแค่ด้านล่าง ส่วนข้างบนคงไม่มีใครนอกจากคุณสร้อย...ผมมองไปที่ประตูห้องของเจ้าคุณ ค่อยๆเดินนำไอ้แชมป์อย่างเบาที่สุด...พื้นไม้นี่เดินลำบากเป็นบ้าแค่ลงน้ำหนักก็ดังเอี๊ยดอ๊าดเสียแล้ว...ผมได้แต่ภาวนาทุกก้าวที่เดินว่าจะไม่โดนจับได้เสียก่อน...
และคำภาวนาของผมก็เป็นผลเมื่อตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ของห้องท่านเจ้าคุณ...กำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่ดันถูกไอ้แชมป์ขัดขึ้นเสียก่อน
"มึงแน่ใจได้ไงวะว่าเจ้าคุณไม่อยู่"
"มึงก็อยู่กับกูตอนคุณหญิงบอกว่าเจ้าคุณจะกลับพรุ่งนี้"ผมว่าพลางย้อนไปถึงตอนที่คุณสร้อยบอกคุณหลวงผู้มาเยือนเรื่องท่านเจ้าคุณที่ต้องเข้าไปทำงานในกรม...แต่หน้าไอ้คุณหลวงที่กำลังกลั้นหัวเราะอย่างกวนประสาทนั่นดันลอยเข้ามาเสียก่อน
"แล้วถ้าคุณหญิงแกอยู่ในห้องล่ะ...ไอ้ธีร์...ธีร์...ไอ้เชี่ยธีร์!"มันขึ้นเสียงตรงคำหลังจนผมสะดุ้งเฮือก
"เสียงดังทำเชี่ยไร เดี๋ยวใครได้ยินก็โดนจับกันพอดี"ผมหันไปด่ามันโดยพยายามลดเสียงให้เบาที่สุด
"ควาย กูเรียกแล้วมึงไม่ได้ยิน เหม่ออะไรของมึงวะ"ผมส่ายหน้าตอบ จะบอกได้ไงว่านึกถึงหน้าไอ้คุณหลวงนั่น
"ค่อยๆแง้มดูก่อนแล้วกัน"ผมว่าพลางเอื้อมไปผลักประตูไม้ออกอย่างเบามือที่สุด...ด้านในห้องมืดสนิท...ไม่มีแม้แต่แสงไฟจากตะเกียงเหมือนวันที่ผมมาในวันแรก...ผมย่องไปดูตรงเตียงสี่เสาพบว่ามันว่างเปล่า...โชคดีที่คุณสร้อยไม่ได้นอนห้องนี้...หันไปหาตะเกียงที่วางอยู่บนโต๊ะไม้สัก กับกลักไม้ขีดไฟที่วางอยู่ข้างๆก่อนจะจุดมันขึ้น...แสงสว่างจากตะเกียงช่วยให้ผมเห็นบรรยากาศภายในห้องชัดเจนขึ้น...ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม ทั้งโต๊ะไม้สัก...และที่ทับกระดาษเจ้าปัญหา...
"เอาไงมึง"ไอ้แชมป์กระซิบถาม
"ไม่เอาไง ทำเหมือนวันนั้น"ผมว่าพลางหยิบที่ทับกระดาษเจ้าปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง...วันนั้น...ไอ้แชมป์จับมันโยนเล่นไปมา...ก่อนที่จะ...
"มันจะได้ผลมั้ย"มันว่าพลางมองตามที่ทับกระดาษในมือผม...ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ผลไหม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ลองอะไรเลย
"เอานะ!"ผมมองหน้าอีกฝ่าย...มันพยักหน้ารับ...ก่อนที่ผมจะตัดสินใจโยนที่ทับกระดาษนั่นขึ้น มันลอยเคว้งในอากาศ...เหมือนวันนั้น...ผมเห็นภาพทุกอย่างเป็นภาพสโลวโมชั่น...ก่อนที่ทั้งผมและมันจะพุ่งไปรอรับที่ทับกระดาษนั่น...เหมือนในวันนั้นไม่มีผิด...และ
"โอ๊ยยยยย!"หัวที่กระแทกกันอย่างจังทำให้ทั้งผมและมันเผลอร้องออกมาเสียงดัง...ผมยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ...ส่วนไอ้วัตถุเจ้าปัญหาตอนนี้ลงไปกองอยู่กับพื้นเป็นที่เรียบร้อย
'เฮ้ย เสียงอะไรวะ!?'ได้ยินเสียงของมิ่งแว่วมาจากด้านล่างก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดมา...ผมรีบดับตะเกียงก่อนจะลากไอ้แชมป์ไปมุดหลบตรงใต้เตียง...พอดีกับที่มิ่งเปิดประตูเข้ามา...เจ้าของร่างกำยำสอดสายตาไปทั่วห้อง...ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับที่ทับกระดาษที่ตอนนี้ลงมากลิ้งขลุกขลักอยู่บนพื้น
"ชิบหายแล้วกู"ไอ้แชมป์กระซิบบอกผมก่อนที่ผมจะรีบยกมือขึ้นอุดปากมันเพราะคนตรงประตูห้องหันมาทางนี้พอดี...มันกำลังก้าวเข้ามาในห้องพลางยกตะเกียงสอดส่องไปทั่ว
"เสียงดังโวยวายอะไรกันอ้ายมิ่ง"เสียงคุณหญิงสร้อยแทรกขึ้นเสียก่อน จนเจ้าของชื่อได้แต่ชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปทางหน้าห้อง
"กระผมได้ยินเสียงขอรับ แต่พอขึ้นมาดูก็ไม่มีอะไรขอรับ"ร่างกำยำทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นก่อนจะรายงานให้ผู้เป็นนายทราบ...คุณหญิงสร้อยหันมามองในห้อง สะดุดตาเข้ากับที่ทับกระดาษบนพื้น ก่อนจะเดินเข้ามาหยิบมันขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะตามเดิม
"แปลกจริงขอรับคุณหญิง มิรู้ตกลงมาได้เยี่ยงไร"มิ่งยังรายงานต่อ...คุณสร้อยมองที่ทับกระดาษบนโต๊ะด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน
"เจ้าคุณคงวางไม่เข้าที่กระมัง วางหมิ่นเหม่มันก็ร่วงเอาเสียได้ ไม่มีกระไรหรอก ไปเถิดอ้ายมิ่ง"คุณหญิงเจ้าของเรือนหันไปบอกบ่าวที่นั่งอยู่ตรงประตู ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูลงตามเดิม ทำเอาพวกผมสองคนได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
"เกือบไปแล้วมั้ยมึง"ไอ้แชมป์ที่มุดออกมาจากใต้เตียงก่อนโพล่งขึ้น
"ทำไมมันไม่ได้ผลวะ"ก่อนที่มันจะหันไปมองโต๊ะไม้สักกับที่ทับกระดาษอีกรอบ
"แล้วอย่างงี้กูจะกลับไปหาป๊ากับม๊ายังไงวะเนี่ย!"มันยังโวยวายไม่เลิก...ผมเดินไปหยิบที่ทับกระดาษขึ้นมาอีกครั้ง...ก่อนจะนึกอะไรได้บางอย่างพลางพลิกด้านล่างของมันขึ้นมาดู...ร่องรอยขีดเขียนที่ผมเห็นเมื่อตอนอยู่บ้านอานิด...มันกลับหายไป...
"แชมป์..."ผมยื่นอีกด้านของที่ทับกระดาษให้แชมป์ดู มันรับไปถือพลางมองหน้าผมสลับกันไปมา
"ชื่อมึงหายไปแล้ว"มันพยายามพลิกไปมาหาร่องรอย
"ไม่ใช่...มันยังไม่ได้เขียนต่างหาก"ผมสรุปให้มันฟัง...ในเมื่อสภาพโต๊ะไม้สักที่ผมเห็นตอนนี้มันเหมือนเพิ่งประกอบเสร็จ แสดงว่ามันเพิ่งถูกทำขึ้นเมื่อไม่นานมานี้...เช่นเดียวกับที่ทับกระดาษ
"มันจะเกี่ยวกับชื่อมึงบนนี้ป่าววะ หรือเราต้องเขียนมันให้เหมือนกัน"ไอ้แชมป์ถามต่อ...นั่นสิ...ถ้าผมสลักชื่อตัวเองลงบนนั้นให้เหมือนกันกับของที่บ้านอานิด...มันจะช่วยผมให้กลับไปยังที่ๆผมมาได้ไหม...แต่แล้วผมก็ต้องหยุดความคิดเมื่อนึกไปถึงภาพครั้งก่อนที่ผมเห็นในความฝัน...มือใหญ่ที่สลักชื่อลงบนที่ทับกระดาษนั้นอย่างปราณีตบรรจง...ใครบางคนที่ตั้งใจสลักชื่อที่เหมือนกันกับชื่อของผมลงไป...
"ไม่ต้องหรอก...เดี๋ยวก็มีคนมาเขียนเอง"คำพูดที่ออกมาจากปากของผมทำเอาไอ้แชมป์หันมามอง
"มึงว่าไรนะ"ว่าพลางเขย่าแขนผมเบาๆ...ผมหันกลับไปมองมันเหมือนถูกใครดึงสติกลับมา
"ห๊ะ?"
"เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ"มันยังคำถามย้ำคำเดิม
"ว่าไรวะ กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย"ผมมองมันด้วยสีหน้าสงสัย...เมื่อกี้ผมพูดอะไรกับมันหรือเปล่านะ
"มึงพูด...อะไรคนเขียนๆ"
"กูเปล่า..."ผมไม่รู้ว่าคำพูดที่โพล่งออกมาเมื่อครู่มันมาจากไหน รู้แต่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจพูดมันออกมาแน่ๆ
"มึงพูด..."มันยังคงเถียงต่อ
"เออช่างมัน...กลับไปนอนก่อน แล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอาไง"ผมตัดบท...ก่อนจะค่อยๆเดินไปเปิดประตูไม้บานเดิมออก...ด้านนอกเงียบสงัดเหมือนเคย...ผมค่อยๆย่องกลับไปทางเดิมอย่างเบาที่สุด...
...ในที่สุดผมก็กลับมาถึงเรือนบ่าวแบบครบ32และไม่โดนจับส่งตำรวจ...นับว่าบุญยังมี แต่ก็เกือบไปแล้วครับไอ้ธีร์...ถ้าโดนไอ้มิ่งจับได้ป่านนี้พวกผมคงไปลงเอยในห้องขังที่สถานีแล้วมั้ง
"ธีร์...กูอยากกลับบ้านว่ะ"ไอ้แชมป์ที่นอนอยู่ข้างๆพลิกตัวมากระซิบกับผมเสียงเบา...ตอนนี้บ่าวทั้งเรือนหลับหมดแล้ว...ผมหันไปมองหน้า เห็นแววตาเป็นกังวลของมันที่ปกติไม่ค่อยจะได้เห็น
"กูรู้...กูก็อยากกลับ"ถึงบ้านนั้นจะไม่ใช่บ้านของผม...แต่ผมก็ยังอยากกลับไป...ผมอยากกลับไปโลกของผม...โลกที่มีอานิด อาต้น มีไอ้โจ๊กกับไอ้ต่อ...โลกที่มีแพม...ป่านนี้แพมคงหัวเสียไม่น้อยที่ผมหายไปเงียบๆเพราะปกติเราต้องคุยกันทุกวัน
"นอนเหอะมึง...คิดมากไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"ผมตบบ่าคนข้างๆเป็นการปลอบใจ...ทั้งตัวมันและตัวผมเอง...
.................................
มาต่อแล้วนะเจ้าคะ

ตอนหน้าเป็นตอนของแชมป์...พลิกโผนิสนึงแต่เพื่ออรรถรสของเนื้อเรื่องนะเจ้าคะ
