In Abroad || รักแกไง... ไอ้ฝรั่ง [18/4/2013 - Season 2 ตอนที่ 1]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: In Abroad || รักแกไง... ไอ้ฝรั่ง [18/4/2013 - Season 2 ตอนที่ 1]  (อ่าน 135385 ครั้ง)

ikora

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่งแต่งครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัว และฝากใจไว้ในอ้อมอกมิตรรักแฟนเพลง (หือ?) ด้วยนะคร้าบบบบบ

Note: นิยายเรื่องนี้อาจมีสถานที่หรือเหตุการณ์บางอย่างที่นำมาจากเรื่องจริง แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างเพื่อความบันเทิง และหลีกเลี่ยงการพาดพิงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือสถานที่นั้นๆ






สารบัญ


Season 1
Chapter 1: Pilot (Part 1) (Part 2)
Chapter 2: สวัสดีเพื่อนบ้าน
Chapter 3: The Lost Key
Chapter 4: ม้า!!
Chapter 5: Where can I go then !!?
Chapter 6: ไปเที่ยวกันมั้ย - มั้ย - มั้ย - มั้ย - มั้ย
Chapter 7: New Friends
Chapter 8: ไม่รู้จักโต
Chapter 9: Cover
Chapter 10: ฤดูที่ฉันเหงา
Chapter 11: Pass Out
Chapter 12: อยู่ในปาร์ตี้ร้อนยังกับไฟเออร์
Chapter 13: Sing!
Chapter 14: Plaisir Coupable
Chapter 15: โด๊ เร มี โด๊ เร มี ซ่อล หล่า
Chapter 16: One Step Closer
Chapter 17: ฉาวโฉ่
Chapter 18: Suddenly I See
Chapter 19: แอนนี่ (Season 1 Finale)





Season 2
Chapter 20: Waking Up In Vegas
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2013 23:14:54 โดย ikora »

ikora

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 1: Pilot

(Part 1)

   “Excuse me, where can I get a taxi?” ผมถามเจ้าหน้าที่ของสนามบิน ซึ่งเจ้าตัวก็บอกชี้ทางเป็นภาษาอังกฤษให้กับผมอย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นผมก็เดินไปเรื่อยๆตามที่เค้าบอก

   ผมไม่ได้มาประเทศนี้มานานแล้วเหมือนกัน ถ้าพูดให้ถูกต้องเรียกว่ากลับมามากกว่า เพราะผมเคยอยู่ที่นี่จนถึงตอนหกขวบ แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์ค ซึ่งสมัยนั้นสนามบินสุวรรณภูมิที่ผมกำลังเดินลากกระเป๋าอยู่นี่ก็ยังไม่ได้สร้างเลยด้วยซ้ำ ภาษาไทยที่เมื่อก่อนผมเคยพูดเหรอ... ลืมเกือบหมดแล้วล่ะ ผมพอจะอ่าน เขียน และฟังได้บ้าง แต่ผมพูดไทยแทบจะไม่ได้เลยล่ะ... แล้วผมสื่อสารกับพวกคุณคนอ่านยังไงน่ะเหรอ แหม่ ก็คนเขียนเค้าไม่ลงทุนนั่งพิมผมบรรยายตัวเองเป็นภาษาอังกฤษหมดหรอกจริงมั้ยครับ

   Don’t cry for me Argentina
        The truth is I never left you…


เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมกดรับโทรศัพท์หลังจากรู้ว่าใครโทรมา

“What ‘up mom?”

“Oh! So, you’ve arrived now”

“Yep! Just get outta the plane. It’s so hot lately.” โอเค คือ พอดีแม่ผมเป็นฝรั่ง เราเลยไม่พูดไทยกันเลยน่ะ เอาเป็นว่า เพื่อไม่ให้คุณผู้อ่านงุนงงกันมากกว่านี้ ผมจะขอให้คนเขียนช่วยแปลที่ผมพูดกับแม่เป็นภาษาไทยก็แล้วกันนะ

“แม่บอกแกแล้วแอนนี่ ว่าประเทศไทนร้อนจะตายก็ไม่เชื่อ แพ็กแต่ละชุดนี่หนาเตอะเชียว” แม่ผมเริ่มบ่น

“น่า แม่ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมคงชินเองแหละ, ว่าแต่ ธุระที่นู่นเสร็จรึยังล่ะ”

“ยังเลย แม่ยังทำเรื่องอยู่ที่วอร์ชิงตัน อยู่เนี่ยะ”

“แล้วอย่างงี้จะมาที่นี่เมื่อไหร่เนี่ยะ”

“อีกซักสัปดาห์นึงกว่าพาสปอร์ตแม่จะได้น่ะ ก็คงไปราวๆนั้นแหละ”

“สัปดาห์นึง???? นี่แม่เพิ่งไปทำพาสปอร์ตรึไง ทำไมมันนานจังง่ะ”

“แม่ก็ยุ่งๆหลายเรื่องนะแอนนี่ ไหนจะทำพาสปอร์ต เอกสารย้าย ไหนจะเรื่องที่พักให้แกที่นู่นอีก, เอ้อ แล้วนี่ไปคนเดียวได้แน่นะ”

“ได้อยู่แล้วน่า บอกแท็กซี่เค้าก็น่าจะรู้จักนะ... จะกลัวก็แต่เค้าฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องอ่ะดิ่”

“แท็กซี่ที่สนามบินน่าจะรู้เรื่องอยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นแกก็พูดภาษาไทยสิ เผื่อเค้าจะรู้เรื่อง”

“หนักกว่าเดิมอะสิแม่ คราวที่แล้วที่พูดให้ป้าจูดี้ฟังแกยังฮาท้องแข็ง แล้วนี่เจ้าของภาษาเค้าฟังเอง เค้าไม่ยิ่งฮาชักดิ้นเลยเหรอ”

“แอนนี่ แกอย่าลืมสิลูก ว่าแกก็มีเชื้อไทยอยู่ครึ่งนึง ภาษาไทยมันก็เหมือนภาษาแกเองเหมือนกันนะ”

“เอาเหอะแม่ ผมเอาตัวรอดได้น่ะ ไม่ต้องห่วง”

“จ่ะๆ งั้นแค่นี้แหละ แม่แค่จะโทรมาเช็คว่าแกถึงไทยปลอดภัยมั้ย”

“ปลอดภัย ไร้กังวล แค่นี้นะแม่ อีกอาทิตย์เจอกัน”

“จ่ะ”

หลังจากที่ผมกดวางสายลงไป อยู่ดีๆก็มีร่างๆหนึ่งชนเข้ากับผมอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกว่ามือถือขอผมหายวับไปพร้อมกับชายร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนาสีดำ

“Hey!! Hey!!! Stop!!!” ผมตะโกนแล้วทิ้งสัมภาระ วิ่งไล่ตามไอ้หัวขโมยนั่นไป

มันวิ่งเร็วซะจนผมคิดว่า มันต้องเป็นสตั้นจากฮอลลีวู้ดเก่าแน่ๆ ซักพักนึง เสียงนกหวีดจาก รปภ. ก็มาช่วยสมทบผม

“It’s okay, mister. We’ll take care of this” พนักงานคนนึงกล่าว และห้ามผมวิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ไอ้โจรนั่นวิ่งหายไปไหนไม่รู้

“But it’s my phone!!” ผมยังคงดื้อดึง

“It’s alright, sir. We will find him”

ผมเดินอย่างหัวเสียกลับไปที่สัมภาระ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็วอหาตัวไอ้หัวขโมยนั่น แต่ในขณะที่ผมเดินกลับอยู่นั่นเอง ผมก็สะดุดเข้ากับชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ในกลุ่มคนที่เพิ่งลากกระเป๋าออกมา หมอนั่นใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับไอ้โจรนั่นนี่หว่า มึงไม่รอดแน่ไอ้ขโมย

“Give me back” ผมเดินไปสะกิดไอ้หมอนั่น

“ห๊ะ” หนุ่มตี๋ร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงง เช่นเดียวกับคนอีกสี่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

“Don’t play with me, you idiot! Give – my – phone back!!”

“เห้ย อะไรของไอ้ฝรั่งนี่เนี่ยะ ไม่รู้เรื่องเว้ย” แน่ะไอ้นี่ ถึงกูพูดไทยไม่ได้ แต่กูฟังออก อย่ามาตอแหลนะมึง

“Huh” ผมหัวเราะในลำคอ “You think you can fool me, right? I just saw the donkey wears these pieces of shit took my phone away”

“Hey! Hey! Calm down! Calm down!” ผู้ชายที่ดูสูงอายุกว่าไอ้หน้าตี๋นี่เข้ามาปรามอย่างงงๆ

“Oh! I see. So you guys work as a gang??” ผมมองคนเหล่านั้นแบบเหยียดๆ ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ๆ

“Mister Officer!!! I found that thief!!!”

“เห้ยๆ ติ๊บเติ๊บเหี้ยไรมึง กูไม่ใช่โจร!!” ไอ้หน้าตี๋นั่นเริ่มโวยวาย

“ผมคงต้องขอตัวคุณไปให้ปากคำก่อนครับ เพราะรูปร่างและชุดที่คุณใส่เหมือนชุดของขโมย ที่ขโมยมือถือของมิสเตอร์คนนี้” เจ้าพนักงานพูดหลังจากเดินมาถึง

“แต่ผมก็ไม่ได้ไปไหนเลยนะพี่ ผมอยู่กับครอบครัวผมเนี่ยะ” มันยังโวยวาย

“ยังไงทางเราคงต้องขอตัวคุณไปค้นร่างกายก่อนนะครับ รบกวนด้วย”

“เอาน่าลูก แปบเดียว ช่วยๆคุณฝรั่งคนนี้เค้าก่อน ถ้าเราบริสุทธิ์จริงยังไงก็ไม่มีปัญหา” เสียงผู้หญิงกล่าวกับไอ้ตี๋นั่น ท่าทางคงเป็นพ่อแม่มัน

“ชิ ก็ได้ เดี๋ยวมานะ” มันจำใจอย่างหน้าเสียก่อนจะหันมามองกินเลือดกินเนื้อให้ผม ที่ยิ้มเยาะให้กับไอ้ขี้ขโมยอย่างมัน


   “พี่ ผมไม่ได้ทำนะ ผมจะทำไปทำไม” ไอ้ตี๋ใหญ่ ยังโวยวายอยู่ในห้องสอบสวนเล็กๆในสนามบิน

   “พี่ก็ไม่ได้ว่าน้องทำซะทีเดียว แต่น้องดันใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน แถมแต่งตัวเหมือนกันอีก แล้วเราก็ไม่ให้ตรวจร่างกายอย่างนี้ พี่ก็ปล่อยออกไปไม่ได้หรอก”

   “พี่ ฟังนะ ผมเพิ่งกำลังจะเข้ามหา’ลัยปีนี้เอง ผมจะทำแบบนี้ให้เสียอนาคตทำไม”

   ผมหัวเราะในลำคอนิดๆ ขณะเปรยตามองมัน

   “ขำไรมึง!”
   
“You always lie like this, isn’t it?”

“ลายไรนักหนามึงง่ะ ฟังกูรู้เรื่องรึงะ กูยังฟังมึงไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” เออ กูฟังรู้เรื่อง แต่กูไม่บอกมึงหรอก แม่งยังทำหน้ายักษ์ใส่ผมอีก ทั้งคำพูด ทั้งท่าทางแม่งกวนส้น ผมเลยยักไหล่เยาะเย้ยมันกลับ

“พี่ ผมไม่ได้ทำผมบอกแล้วจริงๆ ไอ้เหี้ยฝรั่งนี่แม่งมั่ว” แม่งมาด่ากุเหี้ยอีก

“Excuse me? Are you trying to insult me, thief?”

   “ติ๊บเหี้ยไรเมิ้งงงงงงง กุไม่ได้ขโม้ยยยยย” มึงยังปากแข็ง ทั้งชุดทั้งรูปร่าง ทั้งทรงผมสั้นๆตั้งๆนั่นอีก มึง – ชัด – ชัด
   
“อินซ้อนอะไร กูไม่รู้เรื่อง แต่มึงง่ะมั่ว!! กูอยู่ของกูดีๆ ไอ้ฝรั่งขี้นก!” แม่งชี้หน้าด่ากุใหญ่
   
“Don’t push me, you skank!!”
   
“เอ้าๆๆๆๆ!! ใจเย็นๆก่อน Calm down, Calm down” เจ้าหน้าที่ปรามผมกับมันไว้ ก่อนจะมีเรื่องตะลุมบอนกัน ก่อนจะหันไปหาไอ้หัวขโมยนั่น “น้อง ยังไงพี่ก็ต้องตรวจค้นตัวน้องก่อนนะ แล้วถึงค่อยปล่อยเราไป”
   
“พี่มันไม่รุกล้ำผมเกินไปหน่อยรึไง” มันยังโวยวาย
   
“นะน้อง พี่ขอความร่วมมือ ไม่งั้นเราก็ไปไหนไม่ได้” เจ้าหน้าที่ทำหน้าจริงจัง จนไอ้นั่นเงียบกริบ อะฮ่าๆๆๆๆ ไงล่ะมึง จ๋อยอ่ะดิ่ จะชวดมือถือกุซธแล้ว



   
“ขออนุญาตครับ” เจ้าพนักงานอีกคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
   
“เชิญ”
   
“เราจับคนร้ายที่ขโมยมือถือของมิสเตอร์คนนี้ได้แล้วครับ” หือ??? อ่าว??? เอ๊ะ??? จับได้แล้ว??? แล้วไอ้เชี่ยตี๋ใหญ่นี่มันอะไรยังไงวะ เห้ย! จับถูกคนรึเปล่า...
   
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดไอ้ที่คิดไว้ออกมา เจ้าหน้าที่ก็วางมือถือ iPhone 4 ของผมมาให้ผมตรวจสอบ ผมเปิดดูข้อมูลเพื่อยืนยันว่ามันใช่ของผมรึเปล่า ซึ่งปรากฏว่ามัน..... เออ ใช่ ของกุเอง.... อ้าว ชิบหายแล้วแอนนี่ หน้าแหกแน่มึง งานนี้

   “Mr. Anthony, is that yours?” เจ้าหน้าที่ถามผมอีกที
   
“e-errrr… y-yeah” ผมตอบเสียงเบา หน้าก้มแทบจะมุดดินหนีแล้วตอนนี้
   
“ห๊ะ? มึงพูดอะไรนะ ไอ แค้น เหี้ย ยู” สัด ได้ที ไอ้เหี้ยนี่กัดกูใหญ่ ทำท่าเงี่ยหูเข้ามากวนกูอีก
   
“It’s mine!! Okay? I’m sorry!!” ผมแขวะตอบไปอย่างอายสุดฤทธิ์ หน้าร้อนผ่าวไปหมด
   
“งั้นก็โอเคตามนี้นะครับ เรื่องก็จบแล้ว” เจ้าหน้าที่พูดขำๆ ทำผมอายหนักกว่าเดิม ก่อนจะหันไปหาไอ้โจร เอ้ย! ไอ้ตี๋ใหญ่นั่น

“น้อง ยังไงพี่ขอโทษด้วยนะ ไปได้แล้วล่ะ”
   
“ยังไม่จบหรอกครับ ไอ้ฝรั่งนี่มันกล่าวหาผมอย่างงี้ ผมน่าจะเรียกร้องค่าเสียหายมันนะ” อ้าว สัด กุขอโทษมึงไปแล้วนะ
   
“อ – เอ่ออออ” เจ้าพนักงานตะกุกตะกัก ก่อนจะหันมาแปลที่แม่งพูดให้ผมฟัง “He said that –“

   “I know what he said” ผมเดือดปุดๆ อย่างรำคาญกับมาดกวนตีนของมัน แล้วจึงหันไปพ่นคำด่าภาษาอังกฤษให้มันหน้าหงายเล่น “Listen carefully and closely, you big hippopotamus but tiny ant’s poop brain skank, I misunderstood that you are a thief because you wears like that idiot and I already apologized for that but, now, I come to think of it, you are worse than that guy. Your selfishness and your idiotic attitude smell like your armpit and you act like someone punched you in your face with a pair of sandals that was picked up from a trash can. So, why don’t you keep your mouth shut, stop thinking about any of my money, and take your time buying good eyeliner and draw a great shape to make your eyes bigger.”

   งงอะดิ่มึง กุพูดอะไร นั่งอึ้งเลย ผมเห็นมันพึมพำประมาณว่า “พูดเหี้ยอะไรวะ” ขณะที่ผมยิ้มลุกขึ้นและหันไปขอบคุณเจ้าพนักงานทั้งหมด ก่อนจะเดินออกมา โชคดีที่เหมือนครอบครัวไอ้ตี๋นี่จะไม่ได้รออยู่แถวนั้น ไม่งั้นผมคงอายยิ่งกว่าเดิม มันน่าอับอายจริงๆกับเรื่องนี้ ผมรีบเดินดุ่ยๆ ไปขึ้นแท็กซี่ ก่อนจะบอกเป้าหมายสู่คอนโดย่านใจกลางกรุงเทพแห่งหนึ่ง ซึ่งแม่ผมทำการติดต่อเช่าไว้ให้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

   เฮ้อออออ เรื่องนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ยังไงก็ขอให้ผมอย่าเจอคนประเภทนี้อีกเลย ทั้งไอ้ขโมยนั่น ทั้งไอ้ตี๋กวนบาทานั่น... ยิ่งไอ้ตัวหลังนี่ ยิ่งบอกว่ามันอยู่มหา’ลัย ผมยิ่งเสียวๆว่ามันจะอยู่มหา’ลัยเดียวกับที่ผมกำลังจะเข้าอยู่รึเปล่านะ... -*-


อัพสั้นๆ รอ Part 2 เดี๋ยวมาต่อนะฮะ เร็วๆนี้แหละคับพ้ม ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเด้อ!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2011 11:03:39 โดย ikora »

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
น่าสนใจครับ จะตามต่อไป ^^

ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :mc4: :mc4: :mc4: โอ้เรื่องใหม่ๆ
เริ่มมาก็มีเรื่องกันซะแล้ววุ้ย แล้วงี้ไปเจอกันในมหาลัยคงกัดกันตาย  :m20:
แอนนี่ดูด่าแบบไฟแลบขนาดนี้ ถ้าพระเอกปากไม่จัดเท่าจะไปเถียงทันมั๊ยเนี่ย แถมไม่ได้ด่าเป็นภาษาไทยอีก = =

รอติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Listen carefully and closely, you big hippopotamus but tiny ant’s poop brain skank, I misunderstood that you are a thief because you wears like that idiot and I already apologized for that but, now, I come to think of it, you are worse than that guy. Your selfishness and your idiotic attitude smell like your armpit and you act like someone punched you in your face with a pair of sandals that was picked up from a trash can. So, why don’t you keep your mouth shut, stop thinking about any of my money, and take your time buying good eyeliner and draw a great shape to make your eyes bigger.”

เน่ เมิงฟังกูพูดนะ ชัดๆ เน้นๆ นะ ไอ้ยักษ์ แต่สมองเท่าขี้มด กูแค่พลาดไปหน่อยเว้ย เพราะเมิงใส่เสื้อผ้าเหมือนไอ้โจรที่ขโมยมือถือกูนั่นไง แล้วกูก็ขอโทษมึงแล้วด้วย มึงมันอุบาท เห็นแก่ตัว แถมยังทำหน้าเหม็นเหมือนใครเอารองเท้าเน่าๆ ไปปาหัวอีก กูว่ามึงหุบปากไปซะ อย่าคิดเรียกร้องค่าเสียหายจากกู เอาเวลาไปซื้ออายไลน์เนอร์ แล้ววาดตาตัวเองให้มันใหญ่กว่านี้เหอะ ไอ้เจ๊กเอ้ย

อ้ากกกก มาเป็นชุดเลยอ่ะ ช่วยแปลให้นะ - - ไม่รู้ถูกใจป่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2011 00:03:02 โดย Vesi »

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
ภาษาปะกิดยาวเป็นพรืดนั่น ให้ตายยังไงก็ไม่อ่าน ฮาาาา
ว่าแต่ใครรุกใครรับน้า

ikora

  • บุคคลทั่วไป
Listen carefully and closely, you big hippopotamus but tiny ant’s poop brain skank, I misunderstood that you are a thief because you wears like that idiot and I already apologized for that but, now, I come to think of it, you are worse than that guy. Your selfishness and your idiotic attitude smell like your armpit and you act like someone punched you in your face with a pair of sandals that was picked up from a trash can. So, why don’t you keep your mouth shut, stop thinking about any of my money, and take your time buying good eyeliner and draw a great shape to make your eyes bigger.”

เน่ เมิงฟังกูพูดนะ ชัดๆ เน้นๆ นะ ไอ้ยักษ์ แต่สมองเท่าขี้มด กูแค่พลาดไปหน่อยเว้ย เพราะเมิงใส่เสื้อผ้าเหมือนไอ้โจรที่ขโมยมือถือกูนั่นไง แล้วกูก็ขอโทษมึงแล้วด้วย มึงมันอุบาท เห็นแก่ตัว แถมยังทำหน้าเหม็นเหมือนใครเอารองเท้าเน่าๆ ไปปาหัวอีก กูว่ามึงหุบปากไปซะ อย่าคิดเรียกร้องค่าเสียหายจากกู เอาเวลาไปซื้ออายไลน์เนอร์ แล้ววาดตาตัวเองให้มันใหญ่กว่านี้เหอะ เผื่อจะมองเห็นโลกได้ดีขึ้น ไอ้สาดดดดด

อ้ากกกก มาเป็นชุดเลยอ่ะ ช่วยแปลให้นะ - - ไม่รู้ถูกใจป่ะ

เป๊ะเลยฮะ แปลฮาซะคนเขียนขำพรืดเลย 5555555+ ชอบๆ  :m20: :m20: :m20:

ภาษาปะกิดยาวเป็นพรืดนั่น ให้ตายยังไงก็ไม่อ่าน ฮาาาา
ว่าแต่ใครรุกใครรับน้า

แปลตามคุณ Vesi เลยคับพ้ม ส่วนเรื่องรุกรับนี่ ดูกันต่อไปเด้อคับเด้อ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เจอกันครั้งแรกก็ไม่ประทับใจกันซะแล้ว

 :L2: :L2:

ikora

  • บุคคลทั่วไป
Part 2 มาแล้วคับพ้มมม

ชีวิตประจำวันของผมหลังจากมาอยู่กรุงเทพก็ไม่ค่อยมีอะไรมากครับ ของใหญ่ๆอะไรที่ต้องใช้ก็ขนมาก่อนอยู่แล้ว ก็มีแค่ผมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากมาด้วยก็อยู่ได้สบาย คอนโดที่ผมกับแม่ (ซึ่งยังหลั่นล้าอยู่วอชิงตัน)มาเช่าก็โอเคครับ สิ่งอำนวนความสะดวกครบดี ทั้งฟิตเนส ซาวน่า สตรีมมิ่ง สระว่ายน้ำ สวนหย่อม บรรยากาศก็โอเคครับ อยู่ใกล้ๆรถไฟฟ้า ส่วนเรื่องของกินนี่ผมทำเองได้ อยู่เองได้ เพราะแม่ผมก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่อเมริกา แม่ผมก็ง่วนอยู่แต่งานที่สถาบันภาษาสากล ที่แม่มาเมืองไทยก็เพราะอย่างงี้แหละครับ เพราะแม่เลือกมาทำงานเป็นผู้จัดการสาขาของสถาบันภาษาสถาบันนี้ในไทย นอกจากนี้ แม่ก็มีความหลังกับประเทศนี้ เพราะแม่เจอพ่อผมที่ประเทศนี้แหละ อ้อ พ่อผมเสียไปนานแล้วครับ ตั้งแต่ตอนหกขวบนั่นแหละ ผมถึงย้ายไปอยู่กับแม่ที่อเมริกา

เอาล่ะๆ พักเรื่องอดีตของผมไว้ก่อนดีกว่า เพราะผมอยากสาธยายความประทับใจของการมาอยู่ที่ประเทศไทยมากๆ เพราะความ civilize ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้ ผู้คนก็ยิ้มแย้มน่ารักดี (ยกเว้นไอ้บ้าสองตัวเมื่อหลายวันก่อน) แถมย่านที่ผมอยู่นี่ก็ ชาวต่างชาติเยอะครับ เพราะงั้นเลยรู้สึกไม่เหงาเท่าไหร่

วันนี้ผมเองก็ไม่มีอะไรทำมากนัก เบื่อจากการนั่งเล่นคอม รอเวลา มหา’ลัยที่นี่เปิดก็มาเข้าฟิตเนสหน่อยละครับ ฟิตเนสที่นี่ก็กว้างขวางอยู่นะ แถมสงบดี ไม่ค่อยมีคนมาใช้หรอกครับ เช่นเดียวกับตอนนี้ ห้องโล่ง วู้วววว ห้องนี้เป็นของกู นี่แหละความเป็นส่วนตัว

ผมเริ่มกิจกรรมโดยการปั่นจักรยาน วิ่ง ตามด้วยวิดพื้น และยกเวท ซึ่งในขณะที่ยกเวทอยู่นั่น ใครคนนึงก็เข้ามาในฟิตเนส Damn It! กูอุตส่านึกว่าจะอยู่เงียบๆ มีใครมาวะเนี่ยะ แล้วผมก็ได้คำตอบตอบหลังจากหันไปป๊ะหน้าเข้ากับมันครับ.... มันครับ.... ผมหมายถึง มันนั่นแหละครับ



 ไอ้เหี้ยตี๋ใหญ่นั่นอีกแล้ว




“Oh Shit” ผมสบถเบาๆ แต่มือนี่ผลอยทำเวทร่วงไปแล้ว

“โอ้ย เหี้ย” แม่งสบถตามซะอีกแน่ะ

“What are you doing here?”

“ฟิตเนส” แม่งตอบทำหน้ากวนตีน แอ๊คเซ้นมึงกากได้โล่มาก “ไอ โก ทู ฟิตเนส ดู ยู ติ้ง ไอโก เหี้ย ทู อีตติ้ง เหรอวะ”
ภาษาอังกฤษไรมึงเนี่ยะ มี เหรอวะ ด้วย –“- แถมตอบกวนตีนกูอีก กูละรำคาญ

“Do you live here?”

“ไม่มั้ง กูถึงเข้าฟิคเนสได้เนี่ยะ” อิเวร ผมสบถกับตัวเองในใจ สบถเพราะเรื่องที่มันอยู่ที่นี่ แถมยังพูดกวยประสาทอยู่นั่นแหละ

“Can’t you just.. talk like everyone else talk?”

“ห๊ะ? พูดเหี้ยไรมึง กูฟังไม่รู้เรื่อง” กูละเอือม ถ้ากูพูดไทยได้รู้เรื่อง กูด่ามึงไปแล้วโว้ย

“Uhhh, never mind. I’m tired of you, man” ผมโบกปัดมือแล้วหันไปสนใจเวทต่อโดยพยายามไม่ยุ่ง

“เฮ้ยๆๆ ไรมึงเนี่ยะ ทำเมินกู แล้วทำกูงงสองรอบและ ที่สนามบินนั่นอีก” แม่งไม่เลิกรา ตามมาดึงผมหันไปพูดอีก น่ารำคาญจริง
“What do you want from me?”
“แอโฟโลใจ”
“What?” แอ๊คเซ้นอย่างงั้นใครจะรู้เรื่อง

“ซอรี่ ยูโน้- มี” อะไรวะ ชี้ไปที่ตัวเองอีก... อ่ออออ มันคงจะขอโทษผม เอ้อ ก็รู้สำนึกดีนี่

“Okay. I understand now that you feel sorry” ผมเริ่มยิ้มให้มันอย่างเป็นมิตรมากขึ้นพลางเอามือตบไหล่มัน

“เห้ย กูบอกให้มึง ซอรี่ กู” อ่าว เหี้ย อะไรวะเนี่ยะ กูต้องซอรี่อะไรมึงอีกล่ะ กูขอโทษไปแล้วนะ ชักโมโหและเห้ย

“Sorry for fucking what?! I already said it!!”

“อ่าว เหี้ยนี่ พูดดีๆดิ่ ไมต้องฟักก้งฟักกิ้งไรวะ” แล้วที่เมิงพูดล่ะ ดีโคตร

“You should have shame for yourself!! You shouldn’t be in Thailand!”

“อ่าวเหี้ย! มึงด่าประเทศกูไมเนี่ยะ!!” กูด่าเมิงง่ะแหละ!! กูบอกว่ามึงมันความอัปยศของประเทศนี้ ประเทศนี้ดีจะตาย แต่เมิงน่ะมันตัวชิบหาย

“It has nothing to do with your country!! This country is great but you are shit!!”

“สัดนี่ ด่าประเทศกูอยู่นั่นแหละ ทนไม่ไหวแล้วนะเว่ย!!!” ไอ้ควายมันโวยวายแล้วพุ่งหมัดกะจะต่อยหน้าผม

แต่ผมหลบมันทันครับ ผมเคยเล่นรักบี้ตอนอยู่นิวยอร์ก เรื่องความไวผมเป็นต่ออยู่แล้ว แต่เห้ย!! มันขยับขามาจังหวะที่ขาผมหยับไปพอดี ผมเสียหลักล้มทันที มือผมก็กวัดไกวไปจับตัวมันหวังจะเป็นที่ยึด แต่แม่งเจือกเสียหลักมาพร้อมกัน แล้ว.........



............................
........................
...............
.........
...
..


T_____________________T

มึงเอาปากมาประกบกูทำม้ายยย ฮือออออ แถมแม่งยังมองกูตาค้างอีก มือมาโอบกุด้วย ออกป๊ายยยยยยยย

“Shit! Shit! Shit! Shit! Shit! Let me go!!” ผมตะเกียกตะกายดิ้นหลุดจากตัวมัน หน้าตอนนี้ทั้งผมทั้งมันแข่งกันแดง

“แม่ง ติดเสนียดหมด จูบกะผู้ชาย แม่งเอ๊ย” ยังกะกูอยากจูบมึงตาย!

ผมกับมันยืนมองกันอึ้งๆซักพัก แล้วในที่สุด ผมก็หมดความอดทน แล้วรีบเดินออกมาก

“เห้ย ยังเคลียร์ไม่จบเว่ย!! เห้ย!!”

ผมไม่ตอบครับ รีบเดินดุ่ยๆหนีขึ้นห้องไปเลย ใครจะกล้าอยู่ล่ะวะครับ อายก็อาย โมโหก็โมโห มันขนลุกไปหมด ยี้ๆๆๆๆๆๆ คืนนี้จะเอาเดคคอลกลั้วปากซักสามรอบ เย้ย!!


“อยู่ที่นี่สัปดาห์นึงคนเดียวเป็นไงมั่งล่ะ” แม่ผมถามหลังจากแม่มาถึงคอนโด (เข้าสู่หมด English to Thai translation กันอีกรอบนะฮ้าฟฟฟ)

“ก็ดีอ่ะแม่ ตอนแรกเจอเรื่องนิดหน่อย แต่ช่างเถอะ” ครับ เรื่องของไอ้บ้านั่นน่ะแหละ แต่หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอมันอีกเลย... ซึ่งก็ดีแล้ว ไม่งั้นคงน่ารำคาญแย่

“ตายและ นี่มาไม่กี่วัน แกไปมีเรื่องแล้วเหรอ”

“นิดหน่อยแม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” ผมตอบพลางไขประตูห้อง

“แล้วนี่แม่ซื้ออะไรมาเนี่ยะ จากแอร์พอร์ตเหรอ”

“อื้ม พอดีแม่ผ่านร้านเค้กตรงนั้น เลยซื้อเค้กมาด้วยน่ะ”

“โหหห น่ากินจังเลยแม่ เค้กสตรอเบอรี่นี่นา” ผมร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเจอของโปรดของตัวเอง

“ของโปรดแกไม่ใช่เหรอแอนนี่”

“ช่ายยยยย ขอบคุณมากนะแม่นะ” ผมตอบพลางเลื้อยกลิ้งไปกอดแม่อย่างดี๊ด๊า โอ้ววว เค้กสตรอเบอรี่นี่แหละ สวรรค์ของผมเลย ผมมัวแต่เพ้อจนเพิ่งมาสักเกตว่าแม่กำลังจะหั่นเค้กแล้วแบ่งใส่จานหลายๆจาน

“อ่าวแม่ ทำไรเนี่ยะ”

“ก็กะจะแบ่งเค้กส่วนนึงไปให้ข้างๆห้องบ้างน่ะ”

“เฮ้ยยยย แม่ ไม่ต้องหรอก เราเอามากินเองนี่แหละ” แหงสิ แม่ จะเอาไปให้คนแปลกหน้าทำไมตั้งหลายชิ้น

“อะไรกันแอนนี่ แกกะมาอยู่นี่นี่จะไม่รู้จักพึ่งพาอาศัยอะไรใครรึไง” แม่ผมบ่น แล้วลงมือแบ่งเค้กลงจานสามจานแล้วส่งให้ผม

“อ่ะนี่”

ผมรับมาอย่างงุนงง

“แกเอาไปให้ห้องซ้ายมือเรา ห้องขวามือเรา แล้วก็ห้องตรงข้ามกะเรานะ โอเคมั้ย แล้วก็พูดดีๆล่ะ ถ้าเค้างงก็พูดไทยไป จะได้ฝึกด้วยปะ”

“โห่ ไรอ่ะแม่ ไม่เอาอ่ะ”

“แอนนี่ แกโตจนเข้ามหา’ลัยแล้วนะ นี่ดีนะที่แม่ไม่ให้แกไปเรียนที่ เนวาด้า ไม่งั้นแกอยู่หอคงไม่ยุ่งกะใครสิ” ก็จริงครับ

“เฮ้อออออ ไปก็ไป” ผมจำใจลุก “งั้นเดี๋ยวมานะแม่ อย่าแย่งผมกินหมดล่ะ”

“จ้าๆๆ”

ผมตัดสินใจกล้าๆกลัวๆในการเคาะแต่ละห้องอยู่นานครับ คนมันอายนี่หว่า เกิดในห้องเค้างงผมขึ้นมา หรือเค้ารำคาญล่ะ ยิ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่... แต่ปรากฏว่าผลออกมาก็ดีกว่าที่คาดครับ ห้องซ้ายมือผมเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ต้อนรับเราเป็นอย่างดี แถมคุยฝรั่งปร๋อจนเราสนิทกันได้ในไม่ช้า ส่วนห้องขวามือก็เป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก และคุณยายอีกหนึ่งคนที่น่ารักไม่แพ้กัน อัธยาศัยดี แบบนี้แหละครับความน่ารักของคนไทย ที่ผมว่าเป็นสเน่ห์ของ Land of Smile

แล้วทีนี้ก็เหลือห้องตรงข้ามผมนี่แหละครับที่ยังไม่ได้เคาะประตู... เป็นอีกครั้งครับที่ผมกล้าๆกลัวๆหลังจากที่ผ่านมาสองห้องแล้ว แต่ครั้งนี้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว เพราะสองห้องที่ผ่านมาน่ารักขนาดนั้น ห้องนี้ก็คงเช่นกัน... โอเค แอนนี่ ยิ้มกว้างๆ ทำเสียงสดชื่นไว้ ร่าเริงๆ แล้ว...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เงียบ... ผ่านไปซักพักนึงแล้วก็ไม่มีการเปิดประตูแหะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เงียบ... มันยังเงียบอีก เอาวะ ถ้าครั้งสุดท้ายยังเคาะแล้วไม่เปิดก็เข้าห้องละนะ คงจะไม่อยู่แล้วล่ะถ้าอย่างงั้น

ก๊อก ก๊อก....

กึกๆๆๆ

เสียงปลดล็อกประตูดังมาจากข้างใน โอเค เค้าเปิดและ อย่าลืมแอนนี่ เมิงแค่ยิ้ม แล้วพูดน่ารักๆเหมือนสองห้องที่ผ่านมา คุณเพื่อนบ้านห้องนี้จะเป็นยังไงนะ

ประตูเปิดแล้ว...

“Excuse me. I bring you some c…”





คำว่า Cake หายไปทันทีที่เห็นไอ้เพื่อนบ้านครับ



หน้าผมตอนนี้โคตรจะเหยเก เสียอารมณ์สุดๆเช่นเดียวกับหน้าไอ้เวรเพื่อนบ้าน ที่จะเป็นใครไปไม่ได้ล่ะครับ นอกจากไอ้ห่ารากตี๋ใหญ่นั่น ใบหน้าไม่รับบุญระคนอึ้งทึ่ง (แต่ไม่เสียว) เกิดขึ้นพร้อมกัน และผมก็เผลอสบถขึ้นมาเบาๆ

“What the …”

“Fuck” มันช่วยเติมคำสุดท้ายให้ ขณะที่เรายังยืนอึ้งกันอยู่ตรงนั้น






To be continued

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เนื้อคู่ประตูตรงข้าม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ฮามากๆๆ  555

ชอบๆๆๆ  ฝึกภาษาดีด้วยแฮะ  อิอิ

+1  ให้เลยยย

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
ฮามาก :laugh: สงสัยแอนนี่เจอเนี้อคู่ละ

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ชอบผู้ชายตี๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :z13:

qwank8

  • บุคคลทั่วไป
ฝรั่งเคะหรือเมะ สัญชาตญาณบอกว่าเคะ -..-

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
ชอบๆๆๆๆๆ

ชอบอ่านคำพูดภาษาอังกฤษ เอาเยอะๆเลยนะะคร้าบบบบบบ

รอๆๆๆ :กอด1:

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
5555555 มีการช่วยเติมคำสุดท้ายให้
ฮาดีอ่ะ ชอบบบบบบบ 
ตรงคำด่าตอนบทที่หนึ่งนี่แจ่มมาก  o13 ยาวพรึด อ่านคำด่าจุใจเลย -.-
อ่านเเล้วมันส์ ได้อารมณ์อยากด่าคนตาม   :laugh: (เอ๊ะ หมายความว่าไง??)
ชอบอ่านภาษาอังกฤษด้วย 
รอตอนต่อไปๆ  :z2:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :laugh:   ท่าจะหนีกันไม่พ้นแล้วละม้างสองคนนี้

ikora

  • บุคคลทั่วไป
ฝรั่งเคะหรือเมะ สัญชาตญาณบอกว่าเคะ -..-

 o13  :z2: :z2: :z2: :z2:

5555555 มีการช่วยเติมคำสุดท้ายให้
ฮาดีอ่ะ ชอบบบบบบบ 
ตรงคำด่าตอนบทที่หนึ่งนี่แจ่มมาก  o13 ยาวพรึด อ่านคำด่าจุใจเลย -.-
อ่านเเล้วมันส์ ได้อารมณ์อยากด่าคนตาม   :laugh: (เอ๊ะ หมายความว่าไง??)
ชอบอ่านภาษาอังกฤษด้วย 
รอตอนต่อไปๆ  :z2:

อนุมัติให้เอาไปด่าได้ฮะ คนฟังคงเอ๋อเหรอเหมือนไอ้ตี๋แหละ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

และจากหลายๆความเห็น เรื่องภาษาอังกฤษจะพยายามเอาให้เยอะพอประมาณนะฮะ เพราะเยอะเกินไปเดี๋ยวจะมึนงงสับสนวุ่นวาย และคนแต่งอาจเขียนไม่รู้เรื่องเอง (เอ๊ะ?)  :o8:

CrazierM

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ชอบแอนโทนี่เลยแฮะ หมั่นไส้ๆๆ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เนื้อคู่....ประตูตรงข้าม ๕ ๕๕๕๕

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: In Abroad || รักมึงไง... ไอ้ฝรั่ง [Chapter 1 Part 2]
« ตอบ #19 เมื่อ: 04-12-2011 19:21:05 »





dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
ถือได้ว่าเป็นการฝึกภาษาไปในตัวนะ ชอบอ่านค่ะ  :bye2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :mc4:

ออฟไลน์ loveyous

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
    • Aphrodite Shop
555 ตลกมากกกกก

ikora

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณทุกกำลังใจ และคำติชมนะฮว๊าฟฟฟฟฟ

ตอนสองตอนนี้ปั่นอยู่ได้เกินครึ่งแล้ว

แต่ตอนนี้คนเขียนอยากแวะมาบอกว่า สุขสันต์วันพ่อ วันนี้ทุกคนอย่าลืมบอกรักพ่อด้วยนะฮะ (จริงๆบอกทุกวันจะดีที่สุดเน้)






แล้วก็






ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ฮาอ่ะ  ตลกจัง :laugh:

ikora

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่สองมาแล้วฮะทุกท่าน ม๊วฟๆ (แล้วเมื่อกี้ ตรูจะมาเม้นก่อนเพื่อ?? 555555+)










ตั้บๆๆๆๆๆๆ

อื๊อออ อะ อ๊า อิ อิไต๊

เสียงเนื้อกระทบกันดังเป็นจังหวะประกอบกับเสียงนางเอกหนังเอวีดังประสานกันช่วยเสริมความเสียวซ่านของผมได้เป็นอย่างดี โอห์... ซี้ดดดดด... หนังเรื่องนี้แม่งเจ๋งจริงๆ

ผมเร่งมือที่กำลังรูดขึ้นรูดลงอยู่ที่แท้งปรมณูขนาดมหึมาของผม (คิคิ ภูมิใจ) ร่างของผมที่เปล่าเปลือยเต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่กำลังดูหนังโป๊ และเร่งให้เจ้ามังกรแผลงฤทธิ์

“โอออออออห์ ซี้ดดดด โอยย อาห์” ผมจะไม่ไหวแล้วครับตอนนี้ ใกล้เต็มทีแล้ว

“อะ อาห์”

อิหย๊า อื๊อออ

“โอ้วววว ซี้ดดดด”

อ๊า อ๊า อื๊ออออออออ

“อึก อะ อ๊า”




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เวรเอ๊ย ใครมาเคาะประตูตอนนี้วะ หมดอารมณ์กันหมด

“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจหลังจากหมดความรู้สึกเสียวไปแล้ว ก่อนจะรีบแต่งตัวและกด pause ไปที่หนังที่ดูค้างอยู่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

โอยยยย รู้แล้วๆ เคาะอยู่ได้กำลังเดินไปแล้วน่า

ก๊อก ก๊อก...

ผมรีบปลดล็อกประตูของผมก่อนที่มันจะเคาะไปมากกว่านี้ น่ารำคาญจริงๆครับ เคาะอะไรอยู่ได้ แถมเคาะก็ใช่ว่าเคาะแบบเบามือนะ

“Excuse me. I bring you some c…”

……………
……..

..
?????????????????????????????????????????????????????

เห้ย ไอ้ฝรั่งขี้นกนี่มายืนหน้าห้องผมได้ไงเนี่ยะ เวรกรรมจริงๆ  นอกจากมังกรจะไม่ได้พ่นไฟแล้ว ยังมาเจอไอ้นี่อีกแล้วเหรอเนี่ยะ แน่ะๆๆๆ มึงยังมาทำหน้าบู้เป็นตูดหมาตามกูอีก นึกว่ามึงเซ็งคนเดียวรึไง

“What the …”

“Fuck” อะกูเติมคำให้ ไหนๆ มึงก็จะอุทานคำเดียวกับกูอยู่และนี่














Chapter 2: สวัสดีเพื่อนบ้าน








“ม – มึงมาทำอะไรหน้าห้องกูเนี่ยะ” ผมถามหน้าตายังมู่ตู้อยู่

“I live in this room” มันตอบหน้าเซ็งๆ พลางชี้ไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามผม... เอ้อออ มึงฟังภาษาไทยออกนี่หว่า ตอบกูได้เนี่ยะ... เดี๋ยวนะเห้ย เมื่อกี้บอกว่าอยู่ห้องไหนนะ

“เฮ้ย ม – มึงอยู่ห้องนี้เนี่ยนะ”ผมถามอีกอีก ซึ่งมันก็พยักหน้าตอบ “เห้ย!! อะไรวะเนี่ยะ ทำไมกูต้องมาเจอมึงบ่อยขนาดนี้เนี่ยะ”

“Like I what to! I don’t wanna be near you in 60 miles if my mom didn’t ask me to!!” เอ่ออออออ ฟังไม่รู้เรื่อง มันพูดอะไรวะ รู้แต่มีคำว่า มัม

“อะไรมึง พูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”

“Huhhh. You’re such a pain in the ass” อ่าว อยู่ดีๆมาด่ากุอะไรแอ๊สๆ หาเรื่องกูอีก

“เห้ย อยู่ดีๆมาด่ากันงี้ได้ไงวะ อะไรแอ๊สมึง”

“Argggggh!!!! You are an idiot! I just bring this cake to you ‘cuz my mom ask me to, okay?” โอเค ฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่มันยื่นเค้กมา... อะไรเนี่ยะ เอามาให้ผมรึไง

“โอ๋ นึกว่าอะไร นี่มึงจะมาง้อกูใช้ม้ายเนี่ยะ” ผมยิ้มให้ แสดงออกว่า กูเหนือกว่า “โอเค้ มึงมาขอโทษกูก็ดี กูล่ะเบื่อจริงๆพวกฝรั่งอีโก้สูงเนี่ยะ”

“Huhhhh” มันถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะทำหน้าแบบเหลืออดกับผม พร้อมยกจานเค้กขึ้นมา

แพร่ด!!

เต็มๆครับ ผมได้เค้กมันเต็มๆ... เต็มหน้าผมนี่แหละ มันเอาเต้กที่จะให้มาโป๊ะหน้าผม สตอเบอรี่หอมหวนเต็มหน้า คงจะช่วยรักษาสิวผมได้เป็นอย่างดี เห้ย!! จะบ้าเรอะ ผมหมายถึง ไอ้ฝรั่งนี่แม่งวอนตีนใหญ่แล้ว

“ไอ้สัด!! มึงหาเรื่องกูนี่หว่า!!!” ผมยกกำปั้นเตรียมหาเรื่องมันเต็มที่

แต่ประตูจากห้องของมันก็เปิดออกก่อน จนผมต้องชะงักมือกลับ

“Annie, why are you taking a long time?? Oh!!” หญิงฝรั่งคนหนึ่งออกมาแล้วก็ต้องอ้าปากค้างกับความหล่อของผม.... ซะเมื่อไหร่ละครับ เค้าตกใจกับภาพตรงหน้านี่แหละก่อนจะรี่เข้ามาหาไอ้ฝรั่งนั่น “Wh – What’s going on here??!!”

“Mom, I just slipped and this guy is helping me” แม่? อ่อ ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ไอ้ฝรั่งขี้นกนี่อ่ะนะ... แต่เห้ย เดี๋ยวก่อน กูฟังที่มันตอแหออกนะเว่ย ไอ้นี่นิ่

“Gosh! How come you’re so clumsy!!” หญิงคนนั้นพูดอะไรเหมือนปรามๆลูกเค้าสักอย่างก่อนจะหันมาหาผม “เอ่อ ขอโทษแทนลูกชั้นด้วยนาคะที่แกซุ่มซ่ามไปหน่อยน่ะค่ะ”

“อ – เอ่อออ ม – ไม่เป็นไรครับ” เห้ย!! แหม่มพูดไทยได้????? แถมพูดชัดกว่าผมอีก อะไรเนี่ยะ เมพขิงๆ “จริงๆก็ช่วยๆกันไปน่ะครับ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ ยังไงเพื่อเป็นการขอโทษ เชิญคุณมาทานเค้กกับเราก่อนก็ได้นะคะ”

“เอ่ออออ ไม่เป็นไรดีกว่าฮะ รบกวนเปล่าๆ” แหงล่ะครับ ใครจะอยากไปเข้าห้องไอ้ฝรั่งขี้นกนี่... ถึงแม่มันจะดูใจดีก็เหอะ

“It’s alright. ไม่ได้รบกวนอะไรเลยค่ะ มาเถอะ” คุณแหม่มพูดจบก็เข้ามาลากมือผมไปที่ห้องเค้าโดยมีหน้าไอ้ฝรั่งขี้นกมองอย่างค้านๆ เช่นเดียวกับหน้าผมที่เอ๋อรับประทานไปเช่นกัน




หลังจากผมล้างหน้าล้างตาในห้องของไอ้ฝรั่งเรียบร้อย แม่ของมันก็ให้ผมกินเค้กเพิ่ม ซึ่งดูเหมือนไอ้ฝรั่งมันจะไม่ชอบใจมากนัก คาดว่าคงจะไปแย่งของมัน ผมจึงหันไปยิ้มเยาะมันอย่างมีชัย คิคิ สะใจว่ะ

“เอ่อออ ดิชั้นชื่อ นาตาชาค่ะ นาตาช่า แมคอาดัมส์” คุณแม่ฝรั่งผมน้ำตาลบอก ก่อนจะผายมือไปที่ไอ้ฝรั่ง “ส่วนนี่ แอนนี่ค่ะ แอนนี่ แม็คอาดัมส์”

พรืด… อะแฮ่มๆๆ

“ขอโทษครับ พอดีเสลดติดคอนิดหน่อย” ผมพูดเสียงอ่อยๆหลังจากพยายามเปลี่ยนจากการหัวเราะ มาเป็นกระแอม ผู้ชายบ้าอะไรชื่อแอนนี่ แต๋วชะมัด... เหมือนมันจะรู้ครับว่าผมขำ หันมาค้อนใหญ่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจครับ ยักไหล่ยิ้มๆ (วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ) “ผมชื่อ พริก ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

พรืด… อะแฮ่มๆๆ  :beat:

ไอ้ฝรั่งชื่อแต๋วหัวเราะพรืดชัดเจนกว่าผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระแอมเช่นกัน ทั้งผมทั้งคุณนาตาชาหันไปมองมันสายตากินเลือดกินเนื้อ มันจะขำอะไรชื่อผมวะครับ?? มันโบกไม้โบกมือเชิงขอโทษ แต่หน้ามันยังคงยิ้มอยู่ ตอนนี้ผมก็แอบเห็นคุณนาตาชายิ้มเล็กๆแล้วครับ


“Sorry, I just… think of something… Prick”

พรืด… อะแฮ่มๆๆ

เห้ย อะไรเนี่ยะ คราวนี้เป็นคุณนาตาชาแอบขำแทน  o22

“Ah! Sorry. รู้สึกเจ็บคอเหมือนกันนะค่ะ Anyway, คุณ – พริก ต้องขอโทษอีกทีเรื่องเมื่อกี๊นะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่แอนนี่แกพูดไทยไม่ค่อยได้น่ะค่ะ” อย่าเปลี่ยนเรื่องสิโว้ยยยยย ชื่อกูมันฮาตรงหนายยยยยย - -****  :sad4: มันได้แต่คิดอย่างงั้น แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ มันคงน่าเกลียดกับผู้หลักผู้ใหญ่

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ว่าคุณนาตาชานี่พูดไทยคล่องจังเลยนะครับ”

“อ่อ พอดีเมื่อก่อนดิชั้นเคยมาอยู่เมืองไทยนี่แหละค่ะ อยู่มาห้าปีก็เจอกับพ่อแอนนี่เค้า แล้วเราก็ย้ายกลับไปอเมริกาหลังจากชั้นมาอยู่ได้สิบเอ็ดปี”

“อย่างงี้ก็แสดงว่า แอนนี่เป็น...”

“Yep, I’m half-caste”  :try2: :undecided:???? อะไรแคทๆของมันนะ แมวเหรอ?? ซึ่งเหมือนคุณนาตาชาแกจะเห็นผมทำหน้างงๆน่ะครับ

“แอนนี่หมายถึงว่า แกเป็นลูกครึ่งน่ะค่ะ” อ๋ออออออ อย่างงี้นี่เอง ไอ้แค้ทๆไรนี่แปลว่าลูกครึ่งสินะ แต่จะว่าไป ไอ้หมอนี่ดูไปดูมาก็หน้าโซนเอเชียได้เหมือนกันนะ บางมุมก็ฝรั่ง บางมุมก็เอเชีย เอ้ออออ ก็หล่อแบบสองภูมิภาคดีแหะ.... แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเค้านะคุณ อย่าคิดไปไกลฮะ

“แล้วงี้ - ไมพูดไทยไม่ได้ล่ะ ….แอนนี่” ผมหันไปถามมันด้วยสีหน้าฝืนพูดสุดๆ แกล้งพูดสุภาพกะมันนี่มันกระดากปากจริงๆ แต่ทำไงได้ แม่มันอยู่ ด่าไม่ได้  :try2: ซึ่งเหมือนมันเองก็ทำหน้าฝืนรับฟังผมพูดไปนะ

“I can but….. ซำเนี๊ยงมันออกหมาร์แปลกค์หมายเล่อะห์ (สำเนียงมันออกมาแปลกมั้ยล่ะ)” ........พรืดดดดดดดดดดดดดดด วะฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอยยยยยยยยย  :laugh3: :haun5: :m20: :laugh: :jul3: ไม่เคยได้ยินฝรั่งคนไหนพูดออกมาแล้วฮาขนาดนี้ ไม่สิ ไอ้นี่มันลูกครึ่งด้วยซ้ำ

“อะ อะแฮ่ม ขอโทษครับ” ผมรีบกลั้นหัวเราะทันที ลืมไป แม่มันอยู่

“ไม่เป็นไรหรอกค่า” คุณนาตาชาพูดกลั้วหัวเราะ “ดิชั้นเองยังขำเลย คนอื่นได้ฟังก็หัวเราะกันทั้งนั้น อ้อเดี๋ยวขอตัวไปล้างจานก่อนนะคะ”

เธอว่าพลางเก็บจานทั้งหมดแล้วหายไปในห้องครัว ทิ้งผมไว้ให้อยู่กับไอ้แอนนี่

หลังจากเธอไปได้ไม่นาน ผมก็อดไม่ได้ครับ ขอกัดมันซะหน่อย

“นี่ แอนนี่” ผมลากเสียงพลางขยับตัวไปใกล้ๆมัน พยายามทำท่าสะดี้ดสะดิ้งกวนโอ๊ยที่สุด  :m3: มันมองมาหน้าตาเหลอหลา

“……What?”

“เป็นตุ๊ดรึเปล่าเนี่ยะเทอร์ ชื่อแอนนี่เนี่ยะ น่ารักเชียวนะยะ” กัดไปได้หนึ่งดอกครับ เล่นซะไอ้ฝรั่งหน้าเสียเลย

“It’s Anthony. Annie is just my nickname”

“แล้วทำไมมึงไม่ชื่อเล่นชื่อ โทนี่ล่ะวะ แหมมมมมม เมิงอยากชื่อแอนนี่เองก็บอกมาเห๊อะ”

“Noooo! Everyone calls me Annie. I don’t know why and that’s it.” วะฮ่ะๆๆๆๆ แม่งเถียงไม่ออกครับ หน้าตาเอ๋อยิ่งกว่าเดิมอีก

“Oh – By the way, why is your name Prick?” เวรกรรม สวนคำถามมาอีก เอ๊ะ ว่าแต่ชื่อผมมันเอาไปแซวอะไรได้วะเนี่ยะ

“อะไรมึง ก็พริกไง กินแล้วเผ็ดๆ” ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าผมแสดงความงงงวยแค่ไหน

“Really? You really don’t mean anything else?” มันถาม หรี่ตาทำหน้ามีชัย

“ม – มันมีความหมายอื่นด้วยเหรอวะ” ก็ผมไม่แน่ใจนี่ครับ

“Awwww. How naïve you are”

“ล – แล้วมันแปลว่าไรล่ะเห้ย ไม่บอกกุ”

มันหัวเราะเยาะเย้ยผมอีกรอบครับ (อายชิบเลยตรู) แล้วมันก็ชี้มาที่หว่างขาผม

“เห้ยๆๆๆๆ! ทำเหี้ยไรมึง อยู่ดีๆมาชี้เป้ากู” ผมโวยวายแล้วรีบเอามือปิดทันที

“Calm down, you idiot! I didn’t even want to point at yours” มันทำหน้าขึงขังก่อนอธิบายต่อช้าๆ “It’s a slang word means…”

“Penis” มันพูดชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะยิ้มกว้าง หน้าผมเริ่มแดงแล้วครับ  :o8: อายชะมัดเลยเห้ย!! ชื่อกูทำไมมันกลายเป็นแปลว่า โอโบ๊ะจามะ ไปได้ว้า อ๊ากกกกกก!!!

“เห้ย! เมิงอย่ามามั่วซั่วนะ!! ชื่อกุเนี่ยนะจะแปลว่า ค-ย!! เมิงจะหลอกด่ากูก็บอกมาเหอะ!!”

“I’m serious” เมิงบอกเมิงซีเรียส แต่หัวเราะไปด้วยเนี่ยนะ “You can ask my mom if you want to”


T____________________T

มีหลักฐานยืนยันอีก ฮือออออ ตอนแรกจะแกล้งมัน กลายเป็นมันแกล้งกลับเลยงานนี้ โชคดีนะเนี่ยะ คุณนาตาชากลับมาพอดี

“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ ดูสนิทกันเร็วดีจังเลย” เข้าใจผิดแล้วครับ

“เอ่ออออ ป – เปล่าครับ พอดีทำความรู้จักแอนนี่นิดหน่อยน่ะฮะ ฮ่ะๆๆๆๆ”

“Mom, he just wondering t-“ ผมรีบกระโจนไปปิดปากมัน ทำให้คุณนาตาชาทำหน้างงๆ

“อ่อๆๆๆ ผมแค่สงสัยว่า คุณนาตาชาทำงานอะไรน่ะครับ ฮ่ะๆๆๆๆๆ” เฮ้ออออออ เกือบแถไปไม่ถูก

“เอ๊ด อี โอออออ (Let me go)” มันโวยวาย ผมเลยปล่อยมือออกจากปากมันครับ มันก็หันมาค้อนใส่ผมอีก เอ๊า ไอ้นี่! กุผิด??

“ดิชั้นทำงานให้สถาบันภาษา International Language Institute ในประเทศไทยน่าค่ะ”

“อย่างงี้คุณนาตาชาก็เป็นครูสอนภาษาเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ”

“ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลยสิครับ พอดีผมอยากจะหาที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่พอดี ถ้ายังไงช่วยสอนให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”

“อ่อ ได้สิคะคุณ – พริก” -_-“”

“แต่ดิชั้นว่า...” หือ อะไรครับคุณนาตาชา มีแต่ดิชั้นว่าด้วยเนี่ยะ “ดิชั้นว่า ให้แอนนี่สอนให้ดีกว่ามั้ยคะ”

........................
.....................
...............
..........
.....
..

เห๊ะ?? ผมหูฝาดรึเปล่า

“อะฮ่ะๆๆๆๆ ไม่เป็นไรมั้งครับ เกรงใจแอนนี่เค้า”

“Yep, couldn’t agree more” ไอ้ฝรั่งช่วยเสริมจริงจัง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดีซะอีกนี่คะ ยังไงดิชั้นก็กะอยากจะฝากแอนนี่ให้เรียนภาษาไทยกับคุณพริกอยู่แล้ว ถ้าลูกคนนี้เกิดเข้ามหา’ลัยแล้วใช้ภาษาไทยไม่ได้ คงสื่อสารกับเค้าลำบากน่าดูเลยค่ะ” กลายเป็นงั้นไป! จะให้ผมสอนไอ้เด็กฝรั่งนี่ด้วยเนี่ยนะ “คุณพริกจะได้เรียนภาษาแบบไม่ต้องเสียเงินเลย ถ้าเรียนกับดีชั้นนี่ต้องเสียเงินนะคะ”

เอออออ ก็จริงนะได้เรียนฟรี เห้ย!! มันใช่ประเด็นซะที่ไหนล่ะครับคุณนาตาชา

“อ – เอ่อออ คุณนาตาชาครับ ผมว่า –“

Oh my pretty pretty boy I love you
Like I …


โทรศัพท์คุณนาตาชาดังขึ้น ไอ้โทรศัพท์บ้า!!

“เอ่ออ งั้นตกลงตามนี้นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะคุณพริก” เธอก้มหัวเล็กน้อยขอบคุณผม โดยมีผมกับไอ้ฝรั่งนั่งหน้าเอ๋ออยู่ “ดิชั้นขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”

แล้วเธอก็เดินออกไปพร้อมความงุนงงของผมและไอ้ฝรั่ง ไอ้ครั้นผมจะปฏิเสธคุณนาตาชาอีกก็กระไรอยู่ ก็นางเล่นคิดซะว่าผมรับปากไว้แล้วซะด้วย แต่จะว่าไป ทนๆกับไอ้ฝรั่งนี้อีกหน่อยละกัน ถ้ามันทำตัวน่ารำคาญก็ค่อยเตะโด่งมันก็ได้ เฮ้อออออ

“ฟังนะ พรุ่งนี้มึงมาที่ห้องกู แล้วเดี๋ยวกูจะเตรียมเรื่องที่จะให้มึงสอน แล้วกูจะสอนมึงด้วย เข้าใจมั้ย” ผมทำหน้าเซ็งหันไปบอกกับมัน “กูก็ไม่ได้อยากจะสอนไรมึงนักหรอก ถ้าไม่ติดว่าแม่มึงขออ่ะนะ”

“Like I want to” แม่งตอบหน้ากวนตีนมาอีกครับ - -*

“เออ!” ผมตอบเซ็งๆก่อนจะเดินไปลาคุณนาตาชา แล้วเดินกลับมาที่ห้องผม

เฮ้อออออ ความซวยของผม ทำไมมันไม่หมดซะทีวะครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากสอนกันมาสามวัน ซึ่งสุดท้ายก็มาลงที่อิหรอบเดิม... ด่ากันทุกที ด่ากันไปด่ากันมา จนผมรำคาญมากแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมพยายามจะใช้ความอดทนกับมันจนสอนมันได้เกินครึ่งชั่วโมงเป็นครั้งแรก (เช้ดดดดดดดดดดด)

“ผม – อา – ยุ – สิบ – แปด – ปี อ่ะ ไหนมึงลองพูดดิ๊” ผมค่อยๆชี้สะกดคำทีละตัวที่เขียนในกระดาษให้ไอ้ฝรั่งดู

“พอมอายูสี่แป๊ทผี” -*-

“โอยยยย ไม่ใช่ๆๆ ผม – อา – ยุ – สิบ – แปด – ปี”

“พ้มพะยูนซี่แพทปี้”  :undecided:

“ปี้เหี้ยไรมึงล่ะ ปีๆ กูบอกว่าปี ก็ปีดิ่”

“I’m trying!! Okay??”

“เฮ้อออออ เออๆๆ มึงไปท่องคำนี้มาด้วยแล้วกัน” ผมตอบอย่างรำคาญ ก่อนจะเปลี่ยนมาชี้ประโยคภาษาอังกฤษที่ไอ้ฝรั่งเขียนโน้ตมาให้ผมบ้าง “มึงมาสอนคำนี้กูมั่ง”

“Okay, this sentence is used in the situations like when you apply for a job and –“

“มึงไม่ต้องอธิบายยาวหรอก สอนกูมาเหอะ” ฝรั่งขี้นก หันมาทำตาเขียวใส่ผมทันที ตากูไม่แคร์หรอก ยักไหล่ ไม่ใส่ใจ อะฮุฮุฮุ

“Huhhhh. Well, repeat after me” มันบอกก่อนจะชี้ไปที่แต่ละตัวอักษร “I would like to apply for a job and this is my resume”

“ไอวู้ดไลค์ทูแอพพายฟอร์อะจ้อบแอน... แอนอะไรนะ”

“And this is my resume”

“แอนดิ้ดอิ๊ดมายเรซูมี่”

“No, No, No, No, No. ‘Re-su-me’ (เรซูเม่) not ‘Re-su-myyyyy’ (เรซูมี่) and ‘This is’ not ‘did id’, alright. Try again… And let’s not see the note” แล้วมันก็ดึงโน้ตคำที่มันเขียนออกไป

“ไอวู้ดลายทูแอพพลีฟอร์โบลจ๊อบ...”

“Stop! Stop!... What the fuck is that blow job about??!” มันโวยวาย

“เอ๊า กูจำไม่ได้นี่หว่า จำได้ว่า จ๊อบๆ กูก็นึกออกแต่ โบลจ๊อบ นี้แหละ”

“You are such a perv!!”

“เพิ้บไรวะ เพอเฟ็ค??”

“I mean pervert เว่ย!!” แน่ะ ที่คำด่าละมึงชัดถ้อยชัดคำไทยเลยนะเห้ย!!

“เอ๊า!! ไอ้นี่ ก็คนมันจำไม่ได้จะให้กูทำไงล่ะวะ!!”

“Man!! Why don’t you try to focus on the lesson!!!”

“กูไม่ได้ใช้โฟกัสโว้ยย!! กูใช้ทรอซ!!”

“What??”

“อะไรวะ! โฟกัสไงมึง ยี่ห้อโรลออนไง เอ๊อ ไอ้นี่จวยว่ะ”

“Not that deodorant, you stupid! I mean try to listen to what I say, okay? If you don’t listen to me and speak properly I think you might speak some simple sentences like ‘I love cats’ or ‘I want to eat McDonald’ when you are 60!!!! Damn, Focus!!”

“แล้วมึงพูดมาอย่างงี้กูจะฟังรู้เรื่องม้ายย!!!”

“I already speak slowly!!! You dumb!”

“กูดำตรงไหน!! กูผิวคล้ำเฉยๆเฟ่ย!!”  :o211:

“Gosh!! Why can’t you try to understand what I said?”

“พูดให้กูรู้เรื่องหน่อยสิวะ!! อย่างงี้กูจะสอนเมิงได้ม้าย!!”

“I tried every single damn method to make you understand clearly but you don’t!!”

“เมิงพูดอะไรของเมิ้งงงงงงงงงงงงง กุฟังไม่รู้เรื้องงงงงงงงงง”

“Ah, forget it. I’m tired” มันโบกมือโบกไม้หลังจากเบื่อหน่ายกับผม ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกัน คุยกันได้ไม่กี่คำก็ไม่รู้เรื่องแล้ว “I’m gonna leave now”

“เออ ไปเหอะมึงง่ะ ใครเค้าอยากให้มึงอยู่”

มันถอนหายใจ ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“Bitch, be glad I walked in”

“อ่าว ไอ้เชี่ยนี่ด่ากุนี่ไอสัด” ผมรีบวิ่งจะไปกระโดดถีบนอดหน้ามัน แต่มันวิ่งเร็วกว่า ฝรั่งอะไรวะ วิ่งเร็วยังกะลิงลม ตลกจริงๆ 555555+ เอ่อออ.... แต่ก็น่ารำคาญชิบโป้งน่ะนะ

โอยยยยย แล้วอย่างงี้บทเรียนภาษาอังกฤษของผมจะไปรอดมั้ยเนี่ยะ... แล้วบทเรียนภาษาไทยของมันจะไหวมั้ย... คือผมไม่ได้ห่วงมันนะคุณ แค่คิดว่ามันจะไหวมั้ย แค่นิดนึง = =”




To be continued

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
อุ๊ย เสียงเรียกเข้ามือถือของนาตาช่าเพลงเดียวกะเค้าเลย

แล้วคลาสสอนภาษาคลาสนี้จะไปรอดไหมเนี่ย

ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :m20: :m20: เอ๊อะ จะไปรอดกันยังไง อีท่าไหนวะคู่นี้เนี่ยยยย
เห็นทีจะมีแต่ด่ากันตลอดศก ขำคุณ ... พริก จริงๆนะ แหม่ เถียงแต่ละอย่าง ฟังแอนนี่ไม่ออกก็เลยไม่รู้จะเถียงยังไง  :laugh:


JangBouyoung

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: หัวเราะค้างงง แล้วจะไปกันรอดป่ะเนี้ยะะะ ต่างคนต่างพูดไม่รู้เรื่อง กร้ากกกกก :m20:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Goshhhhhhhhhh ฮาวคัม ฮาวคัม ฮาวค๊ามมมมมมมม  :m20: :m20:

พริก turns to Prick     :laugh:

เข้ามา หัวเราะ อ่านแล้วฮาก๊าก

ชอบค่ะ !!

อ่านแล้วได้ขุดภาษาในกรุออกมาลับๆขัดๆ ถูๆ ไปในตัว

สารภาพว่าความจริงอ่านตั้งแต่ตอนแรกที่เอามาลงแล้ว

แต่ไม่มีจังหวะได้เม้น ( เม้นในมือถือมันช่างลำบากลำบน ฮ่วย !)

วันนี้ฤกษ์ดี เอาเป็นว่า เม้น กะ บวก +1 ให้จ้ะ   :mc4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด