-4-
ผ่านไปหลายวันกับการเป็นแพทย์ประจำบ้านที่นี่ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เพื่อนร่วมงาน รวมถึงคนไข้ พระพายยังคงใช้ชีวิตเหมือนวันแรกที่เข้ามาในอาณาจักรของโรงพยาบาลวิวรรธน์ ราวน์วอร์ด ตรวจคนไข้และฟังอภิปรายเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆจากอาจารย์หมอศัลยศาสตร์ท่านอื่น
ทุกวันเขาเลือกที่จะอาศัยมอเตอร์ไซค์วินแทนที่จะรอไปพร้อมกับอาจารย์หมอของตัวเอง แค่เรื่องเลี้ยงข้าวต้มในคืนนั้นเขาเองก็เกรงใจแทบแย่ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากถามว่าทำไมถึงไม่ไปพร้อมกัน แต่เขาก็ยังยืนยันว่าไม่อยากจะรบกวน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่เกือบจะอึดอัดบนรถกันสองคน สุดท้ายแล้วก็เลือกวิธีที่ตัวเองจะสบายใจดีกว่า
ทว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์หมอและลูกศิษย์อย่างเขาก็ไม่ได้ดูแย่ แต่ก็ไม่ดีเท่าแพทย์ประจำบ้านคนอื่นที่ดูจะสนิทกับอาจารย์หมอของตนเองมากทีเดียว อาจารย์หมอให้หนังสือเกี่ยวกับการแพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กับเขาเอาไว้ศึกษา ให้คำปรึกษาหากเขามีข้อสงสัย ไม่ได้คุยกันมากกว่าที่เคยหรือพูดจากวนประสาทกันเหมือนอาจารย์หมอและลูกศิษย์ท่านอื่น เพราะเขาเองก็รู้ว่าบุคลิกของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
“เสร็จแล้วเหรอหมอพาย” เสียงใสร้องทักอย่างสนิทสนมเมื่อเขาผลักประตูห้องทำงานเข้ามาหลังจากตรวจคนไข้ที่หอผู้ป่วยในเสร็จ ด้วยระยะเวลาไม่นาน แต่ก็ได้เห็นกันทุกวัน อายุอานามก็ไล่กันมา ทำให้พวกเขาสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวมีฟังบรรยายวิชาการไม่ใช่เหรอ ไม่เตรียมตัวกันล่ะ?” เขามองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา หมอเอิร์ธหนุ่มตี๋นอนหลับเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน ส่วนหมอแพรกำลังก้มหน้าสนใจสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพียงครู่สั้นๆเธอก็วางมันลง ก่อนที่จะเงยหน้ามองเขา
“อีกตั้งครึ่งชั่วโมง ยังพอมีเวลาพัก ครั้งก่อนนะเราเบื่อจะแย่อาจารย์หมอพูดแบบน่าหลับมากกกก” แพรดาวพูดพลางทำหน้าขยาด พระพายคลี่ยิ้มบ้างกับท่าทางของเพื่อนร่วมอาชีพ ก่อนขาเรียวจะพาเจ้าของมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่แพทย์ประจำบ้านอย่างพวกเขาต้องเข้ารับฟังบรรยายวิชาการเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆ ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมเล็กที่ใช้ในการบรรยายอย่างไม่รีบร้อน ด้วยเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง แต่ก็เป็นเวลาไม่นานพวกเขาก็เข้ามาถึงจุดหมาย เอกสารการเข้ารับฟังอยู่ตรงหน้า พร้อมกับจอโปรเทกเตอร์ขนาดกลางที่ฉายหัวข้อที่จะรับฟังวันนี้ ทว่าอาจารย์หมอที่รับหน้าที่บรรยายในครั้งนี้ยังไม่เข้ามา
“การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง” อนุวัฒน์หมอหนุ่มตี๋พูดขึ้น ก่อนจะพ่นลมออกจากปากบางเสียพรูใหญ่ราวกับว่าจะต้องเจอศึกหนักในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเสียอย่างนั้น
“ถ้างั้นก็ต้องเป็นอาจารย์หมอภูตะวันสิ!” หญิงสาวมีสีหน้าตระหนก ได้ยินกิตติศัพท์อาจารย์หมอคนนี้มาหนาหูว่าเขามีบุคลิกที่เคร่งขรึม เย็นชา ยิ้มยาก แถมยังเจ้าระเบียบ ทำให้หลายๆคนกลัวและไม่กล้าที่จะเข้าหา
“... คงงั้นมั้ง” พระพายตอบด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้มีความวิตกกังวลเหมือนกับหมอแพร อาจจะเพราะเขาคิดว่าอาจารย์หมอไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันก็เท่านั้น
จากนั้นไม่นานร่างสูงสมส่วนของอาจารย์หมอวัยสามสิบต้นๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองแพทย์ประจำบ้านทีละคนจนหยุดที่นายแพทย์พระพายเป็นคนสุดท้ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนละสายตาจากลูกศิษย์ ดึงไมค์ตั้งโต๊ะให้หันเข้าหาตัว
“พวกคุณคงรู้จักผมอยู่แล้ว ผมเริ่มบรรยายเลยแล้วกัน... ” เขาพูดเสียงเข้มพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกดเลื่อนสไลด์ที่จอคอมพิวเตอร์ไปยังบทบรรยายในวันนี้
“Surgery for Acquired Heart Disease หรือการผ่าตัดหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง อย่างที่พวกคุณรู้คือโรคหัวใจที่ทำการผ่าตัดรักษาได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง” อาจารย์หมอบรรยายเกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจอย่างชำนาญและเชี่ยวชาญ เป็นไปอย่างไม่รีบร้อน เพราะเขาอยากให้แพทย์ประจำบ้านได้เข้าใจเนื้อหาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความจำเยอะอยู่พอสมควร จนเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร เขาจึงเลือกที่จะตั้งคำถามเพื่อให้แพทย์ประจำบ้านได้มีส่วนร่วมในการเข้ารับฟังการบรรยายครั้งนี้
“ครั้งที่แล้วพวกคุณได้เข้าฟังการบรรยายเรื่อง Pre-operative workup (การเตรียมการก่อนผ่าตัด) กันใช่ไหม ผมขอถามหน่อยว่ามันมีขั้นตอนอะไรบ้าง” ภูตะวันย้ายตัวเองไปนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่หลังจากที่ยืนมาได้สักพัก เขาเอนหลังพิงพนักและวาดขายาวขึ้นไขว่ห้าง พลางไล้นิ้วมือเรียวที่กลีบปากของตนอย่างรอคำตอบ
“History, review of systems and physical exams , Blood count , Chemistry and typing , Urinalysis ครับ” อนุวัฒน์ชิงตอบก่อนและเหลือให้เพื่อนอีกสองคนได้ตอบบ้าง เป็นการไม่อวดรู้และไม่เป็นการหักหน้าเพื่อนร่วมอาชีพ
“CxR , 12 leads EKG , Coronary angiography , Exercise testing” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเป็นฝ่ายตอบบ้าง ก่อนทุกคนจะเบนสายตาไปยังแพทย์ประจำบ้านอีกคนที่ยังเหลืออย่างพระพาย
“Radionuclide myocardial imaging , PFT , ABG , Cardiac rehabilitation , Assessment of risk and benefit , Discussion ครับ” ภูตะวันยิ้มขรึมเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อบรรยายในส่วนที่ยังเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบายพาส ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด การเลือกใช้กราฟสำหรับการผ่าตัดบายพาส การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผลของการผ่าตัด
จนกระทั่งให้แพทย์ประจำบ้านสรุปเนื้อหาการบรรยายทั้งหมดของวันนี้ว่าได้รับความรู้และมีความเข้าใจในเนื้อหามากน้อยเพียงใด และหมอพายที่ดูจะรู้เรื่องและตั้งใจมากที่สุดในสามคน ก็ถูกยัดเยียดให้เป็นคนสรุปทั้งหมด
“การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง มีหลักการรักษาเช่นเดียวกับการรักษาผ่าตัดโรคหัวใจอื่นๆครับ สิ่งสำคัญคือการเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด เข้าใจถึงแนวทางการรักษา ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดและการดูแลรักษาหลังผ่าตัด นอกจากนี้ควรจะประเมินอัตราเสี่ยงของการผ่าตัดโรคหัวใจที่เกิดขึ้น เพื่อทำการผ่าตัดที่ถูกต้องแม่นยำและได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจครับ” เขาพูดด้วยความมั่นใจ สีหน้าจริงจัง เสียงปรบมือเบาๆดังขึ้นจากบุคคลที่นั่งข้างๆพร้อมกับนิ้วโป้งที่ยกขึ้นเป็นรางวัล หมอพายไหวไหล่ก่อนจะยักคิ้วให้เพื่อนทั้งสองของตน ทุกการกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาของภูตะวันทั้งหมด ต้องยอมรับว่าแท้จริงแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความฉลาดของลูกศิษย์คนนี้ มีดีหลายอย่างเกินไปแล้ว
“บ่ายวันนี้ผมและทีมศัลยแพทย์มีผ่าตัดใหญ่ ถ้าพวกคุณว่างก็ควรจะเข้าห้องอัฒจรรย์ อาจารย์หมอของแต่ละคนจะให้ชั่วโมงปฏิบัติงานในภาคปฏิบัติตามชั่วโมงที่ใช้ในการผ่าตัดทั้งหมด” เขาพูดจบก็ก้าวขายาวๆเดินจากไป ทิ้งให้แพทย์ประจำบ้านสามคนได้แต่มองตามกันคอตก พวกเขาต้องทำงานในภาคปฏิบัติอย่างน้อย 28 เดือนรวมราวๆสองปีกว่า อีกทั้งเมื่อหมดปีพวกเขาจะต้องสอบข้อเขียนในภาคทฤษฎีอีกด้วย
“ตกลงต้องไปใช่มั้ยเนี่ยยยย” คุณหมอหน้าตี๋บ่นกระปอดกระแปด ถึงแม้จะรักอาชีพหมอแต่หมอก็ยังคงต้องการเวลาพักแม้สักนิดหน่อยก็ยังดี แพรดาวตวัดสายตามองเพื่อน ก่อนจะพรูลมหายใจออกมา
“พูดขนาดนี้แล้วก็ต้องไปสิ ยังไงเราก็มีแต่ได้กับได้อยู่แล้ว ได้ชั่วโมงปฏิบัติงานแถมยังได้บันทึกลง e-log book อีกต่างหาก คิดจะเรียนต่อก็อย่าขี้เกียจไปหน่อยเลยคุณหมอเอิร์ธ” หมอแพรแกล้งพูดกระแทกให้อีกคนรู้สึกสำนึก หมอเอิร์ธได้แต่เกาหัวแกรกๆเพราะเถียงไม่ออก ทว่าจบลงด้วยประโยคกระเซ้าปิดท้ายจากพระพาย ที่ทำให้เอาเพื่อนสองคนที่เหลือถึงกับมีสีหน้าตกใจสุดขีด
“สองคนนี้เถียงกันบ่อยๆ ระวังเถอะสุดท้ายจะได้กัน” คนพูดคลี่ยิ้ม ทิ้งให้คุณหมอสองคนที่เหลือได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆพลางคิดในใจว่านั่นมันเหมือนรอยยิ้มของปีศาจต่างหาก ก่อนจะตวัดสายตามองกันอย่างขยาดๆ ยังไงเขาสองคนก็ไม่มีทางได้กันอย่างที่หมอพายว่าแน่ๆ
หลังจากบรรยายให้กับแพทย์ประจำบ้านเสร็จได้ไม่นาน ภูตะวันก็ลงมานั่งจิบกาแฟกับหมอบีหรือแพทย์หญิงสโรชา สูตินารีแพทย์คนสวยประจำโรงพยาบาลวิวรรธน์อย่างผ่อนคลาย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์และห่างกันไปหลังเรียนจบ เนื่องจากหมอบีบินไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นารีเวชที่โรงพยาบาลวิวรรธน์ธุรกิจครอบครัวของเพื่อนอย่างภูตะวัน
เขารู้มาตลอดว่าหมอบีรู้สึกยังไงเพราะเธอไม่เคยปิดบัง เธอมักจะบอกว่าชอบและถามเขาอยู่บ่อยๆว่าเมื่อไหร่จะยอมใจอ่อนและมาคบกับเธอสักที ทว่าเขากลับปฏิเสธเธอทุกครั้งและสบายใจที่จะให้เธอและเขาเป็นเพียงเพื่อนกันเหมือนที่เคยเป็นมากกว่า
“ทำงานที่เดียวกันแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะศัลยแพทย์มือหนึ่ง” เธอทักขึ้นมากวนๆ หากแต่หมอซันกลับคิดว่ามันคือประโยคแขวะเขาเสียมากกว่า ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะแขวะเธอกลับเช่นกัน
“ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นารีเวชอย่างแพทย์หญิงสโรชาก็ดูจะไม่ค่อยว่างเหมือนกันนะครับ วันๆคงได้แต่ล้วงๆควักๆคนไข้จนมือเปื่อย”
“ไอ้หมอลามก!” เธอแหวใส่เขาอย่างไม่จริงจังมากนัก ซึ่งคนถูกด่ากลับหัวเราะในลำคอเบาๆพลางจับหลอดในแก้วกาแฟเย็นยี่ห้อดังขึ้นดูดอย่างสบายอารมณ์
“ช่วงนี้มีอบรมเรสสิเดนท์ใช่ไหม เป็นไงบ้าง มีหมอสาวๆมายุ่งกับแกไหมเนี่ย แกก็อย่าไปหลงกลเด็กมันเข้าล่ะ เห็นใจฉันบ้างฉันเฝ้าแกมาตั้งหลายปี” หมอบีรัวคำถามใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งก่อนจะปิดท้ายประโยคตัดพ้อทีเล่นทีจริง กระทั่งหมอหนุ่มแค่นหัวเราะเสียงเบา
“ก็ไปเฝ้าคนอื่นซะสิ เฝ้าฉันก็มีแต่เสียเวลา”
“แกเป็นเกย์ป่ะเนี่ย สวย เก่ง ดูดี มีชาติตระกูลอย่างฉันแกกล้าปฏิเสธเป็นสิบๆครั้งได้ยังไง” หญิงสาวทำหน้าฉงน ถึงแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธมาหลายสิบครั้ง ทว่าเธอก็ยังแน่วแน่และหวังว่าหมอซันคงจะใจอ่อนและยอมรับรักเธอเข้าสักวัน จนกว่าที่นายแพทย์ภูตะวันคนนี้จะมีคนรักเป็นตัวตน วันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง
ภูตะวันฟังแล้วกลอกตาไปมากับความหลงตัวเองของเพื่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เธอกล่าวมาเป็นเรื่องจริง หมอบีเป็นคนสวย ฉลาด เก่ง พื้นฐานครอบครัวดี เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายในการปฏิเสธเธอคนนี้ทุกครั้ง มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือคนบางคนเหมาะจะเป็นแค่เพื่อนมากกว่าคนรักเท่านั้นเอง
“แค่ปฏิเสธก็หาว่าเป็นเกย์ เพ้อเจ้อ” เขาพูดติดตลก คุณหมอคนสวยอมลมจนแก้มป่องอย่างงอนๆที่ถูกกล่าวหา ก่อนจะยกข้อมือขึ้นดูเวลา หน้าปัดนาฬิกาบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมผ่าตัด เขายกแก้วกาแฟพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“มีผ่าตัดใหญ่ ไปละ ไว้เจอกัน” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะปิดท้ายประโยคที่ทำเอาหมอซันถึงกับส่ายหัวระอาพร้อมรอยยิ้มมุมปากให้กับความดื้อรั้นของคุณหมอคนสวย
“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก รู้ไว้ด้วย!” หมอบีตวัดสายตามองค้อนหมอหนุ่มพลางยักคิ้วหลิ่วตาอย่างเหนือกว่าใส่ จนอีกฝ่ายเดินลับตาไป
เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนในหนึ่งวันจะผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน ท้องฟ้าภายนอกมีก้อนเมฆสีดำ
ทะมึน ส่อแววว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมา พระพายชอบมองท้องฟ้าแต่เหมือนวันนี้ท้องฟ้าจะไม่ค่อยอยากให้เขามองมากนัก ลมหายใจอุ่นร้อนถูกปล่อยออกมาที่ปลายจมูก อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะต้องเข้าห้องอัฒจรรย์เพื่อดูการผ่าตัดครั้งใหญ่ของทีมศัลยแพทย์ เขาละสายตาจากท้องฟ้านอกหน้าต่างมายังรูปใบเล็กที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างดี รูปที่มีเขากับบุคคลอันเป็นที่รัก ...
ห้องอัฒจรรย์ขนาดปานกลาง บรรยากาศเย็นเยียบจนน่าขนลุกเพราะเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องมีบุคคลที่เป็นแพทย์ในตำแหน่งใหญ่ๆที่เขาไม่รู้จักอยู่สองสามคน หมอพายพุ่มมือไหว้ทำความเคารพตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงข้างเพื่อนแพทย์ประจำบ้านด้วยกันที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“มาช้า บอกว่าให้มาพร้อมกันก็ไม่มา” หมอแพรเอนตัวกระซิบ
“ก็ยังไม่เริ่มซะหน่อย” พระพายหันไปยิ้มตอบ ดวงตากลมโตทอดมองลงไปยังห้องผ่าตัดเบื้องล่าง ที่พยาบาลผู้ช่วยหลายชีวิตกำลังตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมรอแพทย์ผู้ผ่าตัดเข้ามา
หญิงสาววัยกลางคนเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด นอนไม่ได้สติจากฝีมือหมอดมยา สายเครื่องมือการแพทย์ระโยงระยางรอบตัว เขาเหลือบมองที่จอ LCD ขนาดใหญ่สองตัวด้านบนภายในห้องอัฒจรรย์ ตัวหนึ่งฉายให้เห็นภาพมุมกว้างที่เห็นห้องผ่าตัดทั้งหมด ส่วนอีกตัวเห็นเพียงแค่เพียงช่วงหน้าอกของผู้ป่วยเป็นจุดที่จะต้องผ่าตัด
เพียงไม่นานทีมศัลยแพทย์ที่นำโดยหัวหน้าทีมอย่างภูตะวันก็เดินเข้ามาด้วยชุดปลอดเชื้อ เขาช้อนสายตาขึ้นมองด้านบนที่เป็นห้องอัฒจรรย์และสบตากับเจ้าของดวงตาคู่สวยอย่างพระพายเพียงชั่วครู่ ก่อนแพทย์ประจำบ้านสามคนจะรีบลุกขึ้นยืนพุ่มมือไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างรู้หน้าที่ หลังจากนั้นพยาบาลผู้ช่วยก็กรูกันเข้ามาช่วยใส่เสื้อคลุมสำหรับผ่าตัด สวมถุงมือยาง มัดผ้าปิดปากปิดจมูก รวมถึงผ้าคลุมศีรษะ เรียกได้ว่าทีมศัลยแพทย์ทำแค่ผ่าตัดอย่างเดียวก็ว่าได้
“ผู้ป่วยป่วยด้วยภาวะหัวใจวายหรือภาวะหัวใจล้มเหลวระยะสุดท้าย ก็คือความสามารถในการบีบตัวของหัวใจลดเหลือน้อยกว่า 25% ของภาวะปกติ เราถึงต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ” ภูตะวันเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บอกให้แพทย์ประจำบ้านรู้ถึงเคสที่กำลังจะผ่าตัด
เขารับมีดผ่าตัดจากพยาบาลผู้ช่วย กดมีดลงที่กลางอกของผู้ป่วยช้าๆ ศัลยแพทย์มือสองก็ช่วยจับเนื้อของผู้ป่วยให้แยกออกจากกันจนเห็นอวัยวะภายในที่เป็นช่วงอกทั้งหมด พระพายรวมถึงแพทย์คนอื่นๆมองบนจอที่ฉายภาพการผ่าตัดอย่างชัดเจนสลับกับมองไปด้านล่างบ้างเป็นครั้งคราวอย่างตั้งใจใฝ่รู้
“อาจารย์หมอจะผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจแบบไหนครับ?”
“ตัดหัวใจออก เหลือบางส่วนของหัวใจห้องบนซ้าย” ภูตะวันตอบศัลยแพทย์ในทีมทั้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเริ่มตัดส่วนของหัวใจออกทีละนิดๆ จนเหลือห้องบนซ้ายอยู่บางส่วนที่ต้องการ
“หัวใจที่บริจาคล่ะ พร้อมหรือยัง?” เขาหันไปถามพยาบาลผู้ช่วย ก่อนจะได้รับคำตอบว่ากำลังเดินทางมาพร้อมกับศัลยแพทย์หลอดเลือดและปลูกถ่ายอวัยวะ เมื่อได้รับคำตอบเขาจึงพยักหน้าเข้าใจ
เพียงไม่กี่นาทีห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกพร้อมด้วยร่างของศัลยแพทย์ที่ค่อนข้างมีอายุ ในมือของชายสูงวัยถือกล่องเหล็กที่ในนั้นมีหัวใจของผู้ป่วยที่ก้านสมองตายและญาติยินยอมบริจาคให้กับส่วนกลาง เขาเหลือบตามองขึ้นไปด้านอัฒจรรย์พร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างคนใจดี
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นต่างพากันยกมือไหว้เคารพ ทว่ายังมีแพทย์ประจำบ้านอีกคนที่ยังคงนั่งค้างอยู่แบบนั้น แววตาสั่นระริกจับจ้องที่ศัลยแพทย์สูงวัยก่อนจะกลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าวในเวลาไม่กี่นาที หัวใจเต้นระรัว เลือดในกายวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เขาขยำเสื้อกาวน์ของตัวเองแน่นจนยับคามือ หมอสูงวัยหน้าตาใจดีไม่ได้สนใจอะไรพวกเขานัก เขาย่างกรายเดินเข้าไปยังเตียงผ่าตัดที่หลากหลายชีวิตกำลังรุมล้อม การกระทำของพระพายตกอยู่ในสายตาคู่คมของภูตะวันอย่างนึกสงสัย ก่อนจะละสายตาจากด้านบนมายังศัลยแพทย์สูงวัยที่เขาให้ความเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ว่าไงหมอซัน ฝีมือไม่ตกเลยนะ มือหนึ่งยังไงก็อย่างงั้น” เขาทักพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่อาหมอกลับมาจากอังกฤษเมื่อไหร่” ภูตะวันถามพลางประคองหัวใจของผู้บริจาคไว้อย่างเบามือ นายแพทย์พฤติพงศ์หรือหมอโจ จึงตอบอีกฝ่ายเพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อคืนนี้ หลังจากไปประชุมสัมมนาเพราะตัวแทนของศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะที่ประเทศอังกฤษ
ทั้งที่ในห้องนี้อากาศเย็นเสียจนขนลุกขนชัน ทว่าร่างกายของพระพายกำลังร้อนดั่งถูกไฟเผา แววตาที่เคยสะท้อนประกายสวยกลับเป็นแววตาแข็งกร้าวดุดัน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากหมอซันที่เหลือบมองขึ้นมาเป็นระยะๆอย่างสงสัยว่าลูกศิษย์ของเขาเป็นอะไร ถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกมา
ในขณะที่ภูตะวันกำลังเย็บต่อห้องหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของผู้บริจาคเข้ากับหลอดเลือดของผู้ป่วยอย่างตั้งใจอยู่นั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พระพายรู้สึกหูอื้อและตาลายขึ้นมายามเมื่อนึกถึงอดีต เขาโกรธจนอยากจะวิ่งลงไปห้องผ่าตัดและหยิบมีดผ่าตัดหรือเมโยกระซวกเข้าไปที่ชายโครงของชายแก่ที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนจิตใจดีคนนั้นให้ล้มตายตรงหน้า หากแต่เขากลับทำไม่ได้ อาหารมื้อกลางวันแสนอร่อยกำลังทยอยตีขึ้นมาจนเขาอยากจะอาเจียนมันขึ้นมาเสียดื้อๆ
“อุ๊บ!” มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที สีหน้าของเขาแดงจัดและมีน้ำตาเอ่อคลอที่ขอบตาทั้งสอง ก่อนจะลุกวิ่งออกจากห้องไปในทันที ภูตะวันเงยหน้าขึ้นมาจากจุดผ่าตัดและช้อนสายตาขึ้นมองไปยังคนด้านบน เขาหรี่ตามองตามคนที่วิ่งออกไปอย่างสงสัย แพรดาวและอนุวัฒน์เองก็ตกใจไม่แพ้กันจึงได้พากันวิ่งตามเพื่อนไปด้วยความเป็นห่วง
“แพทย์ประจำบ้านล่ะสิ สงสัยเห็นเลือดนานๆแล้วจะเป็นลม” ชายสูงวัยหัวเราะเสียงก้องไปทั่วห้องผ่าตัดถึงแม้ว่าจะมีผ้าปิดปากอยู่ก็ยังได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ภูตะวันไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตั้งใจผ่าตัดต่อให้เสร็จและให้มันผ่านไปได้ด้วยดี ทว่าเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในหัวของเขาตอนนี้กลับมีเรื่องของลูกศิษย์หัวรั้นที่เพิ่งจะวิ่งออกไปแทนที่จะเป็นผู้ป่วยที่นอนไม่ได้สติให้เขาผ่าตัดอยู่ตรงหน้า ...
พระพายนั่งเก้าอี้ชิงช้าไม้ตัวใหญ่อยู่บริเวณสวนหย่อมชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ชิงช้าถูกแกว่งไกวเบาๆด้วยปลายเท้าทั้งสอง เขาทอดสายตามองไปที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย หยาดฝนโปรยลงมาไม่ขาดสายหากแต่เขากลับไม่ได้สนใจมันสักนิด เพราะเห็นว่าไม่ได้ตกหนักจนทำให้ร่างกายเขาเปียกปอนได้
เขาใช้เวลาหลังจากออกจากห้องอัฒจรรย์นั้นอาเจียนเอาสิ่งที่ตีขึ้นออกมาจนหมด ก่อนจะพาร่างตัวเองขึ้นมาบนชั้นสูงสุดของตึกนี้หวังให้ใจเย็นลงได้บ้าง เพราะหมอแก่คนนั้นที่ทำให้เขานึกถึงอดีต อดีตที่เลวร้ายของครอบครัว อยากจะต่อสายถึงมารดาและร้องบอกว่าเขาได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นแล้ว คนที่ทำให้เขาเลือกที่จะเรียนหมอมาทั้งชีวิต ทว่าเขากลับทำได้แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น หากบอกมารดาของตนไปก็คงจะทำให้หญิงอันเป็นที่รักไม่สบายใจขึ้นมาก็ได้ จึงเลือกที่จะเก็บไว้คนเดียวคงจะดีกว่า
“... ซื้อมาคืน” เสียงทุ้มพร้อมด้วยน้ำเย็นหนึ่งขวดถูกแนบที่แก้มใสเบาๆ แต่เพราะความเย็นและตกใจก็ทำให้เขาสะดุ้งไม่น้อย พระพายช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ในมือชายคนนั้นถือร่มคันสีดำสนิททำให้เขาไม่โดนเม็ดฝนที่โปรยลงมา มือบางรับขวดน้ำเย็นมาถือไว้ ก่อนคนตัวสูงจะนั่งลงข้างๆและยังคงถือร่มไว้แบบนั้น
“ขอบคุณครับ” เสียงนุ่มเอ่ยขอบคุณ พลางเปิดฝาและยกมันขึ้นดื่มให้ฉ่ำปอด ภูตะวันมองลูกศิษย์ของตัวเองดื่มน้ำที่เขาซื้อมาให้
ไปเสียอึกใหญ่และยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่าพระพายเป็นอะไร ไวเท่าความคิดจึงเอ่ยถามในทันที
“เป็นอะไรถึงวิ่งออกจากห้องมาแบบนั้น” พูดจบก็เบนสายตามองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มเบื้องหน้าแทนที่จะมองคนข้างๆ เพียงต้องการเว้นที่ว่างให้อีกฝ่ายได้คิดและไม่ให้รู้สึกเหมือนว่าเขาละลาบละล้วงจนเกินไป
“... โรคเครียดกำเริบน่ะครับ ไม่มีอะไร” พระพายตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เขาเป็นโรคเครียดมาหลายปีตั้งแต่ที่พ่อของเขาจากไป รักษาไม่หายแค่เยียวยาได้ด้วยการกินยาเท่านั้น แต่ถ้าในวันไหนที่มีเรื่องให้เขาต้องคิดหรือรู้สึกมากอย่างเช่นวันนี้ อาการก็จะปรากฏขึ้นมาทันที ภูตะวันหันกลับมามองอีกคนพลางหรี่ตาลงคล้ายยังไม่หมดความสงสัย
“แค่นั้น?”
“... ครับ แค่นั้น” เขารู้ว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้มีแค่นั้นอย่างที่อีกฝ่ายตอบ แต่ก็เลือกที่จะไม่ซักถามหรือเค้นเอาความจนสร้างความกดดันหรือทำให้พระพายรู้สึกไม่ดีกับตัวเขา โดยปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่อยากรู้อะไรเรื่องของคนอื่นมากนัก ทว่าพอเป็นเรื่องของลูกศิษย์อย่างพระพาย เขากลับให้ความสนใจอย่างกับรู้จักกันมานานนม อาจจะเป็นเพราะความเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์หรือไม่ก็อาจจะเพราะแววตาน่าสงสารคู่นั้นที่ทำให้เขาไม่สนใจไม่ได้ ...
“กลับกันเถอะ!” อาจารย์หมอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ถึงอย่างนั้นร่มสีดำคันใหญ่ก็ยังไม่หลุดจากรัศมีที่พระพายนั่งอยู่แม้แต่น้อย เขามองอาจารย์ของตนเองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ อาจารย์หมอที่ใครๆก็มองว่าเย็นชาไร้ความรู้สึก กลับสนใจความรู้สึกลูกศิษย์ตัวเล็กๆอย่างเขา ทั้งที่จะมองข้ามมันไปแล้วทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจก็ยังได้ อาจารย์หมอของเขาไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่คนอื่นพูดจริงๆหรอก เพราะตอนนี้คนเย็นชาที่ใครๆว่ากลับทำให้เขาอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ...
**************************
Talk : ตอนนี้พิมพ์ไป 4 วัน ขอบคุณที่สนใจนิยายเรื่องนี้นะคะ
อยากบอกว่าตั้งใจมากจริงๆ ^^ ในตอนนี้ตัวละครสำคัญเริ่มปรากฏแล้วค่ะ
พร้อมๆกับปมของหมอพายที่ค่อยๆเกริ่นขึ้นมา หวังว่าเรื่องนี้จะถูกใจกันนะคะ
เนื้อเรื่องหลักส่วนใหญ่เกิดที่โรงพยาบาลค่ะ แหงล่ะ เพราะตัวเอกเป็นหมอนี่เนอะ ฮ่าๆๆๆ
ยังไงฝากไว้ด้วยแล้วกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ ขอบคุณค่ะ