ตอนที่ 22 เรื่องบนแพ
หกโมงครึ่งท้องฟ้ายังมืดสนิทมีเพียงแสงจากเสาไฟคอยช่วยให้ความสว่าง ที่ลานจอดรถมหาวิทยาลัยตอนนี้สมาชิกชมรมว่ายน้ำทั้งสิบหกคนมากันครบแล้ว ต่างก็กำลังวุ่นวายกับการเก็บกระเป๋าเก็บเสบียงขึ้นรถมินิบัสขนาดยี่สิบที่นั่ง
ภามคนนอกชมรมเพียงคนเดียวสะพายกระเป๋าเป้ยืนทำตาปริบๆ มองเสบียงของกินที่ขนขึ้นรถเป็นลังราวกับจะไปอยู่ที่กันดารสักเดือน วันนี้เขาไม่ได้ทำของว่างมาเพราะพี่ดีนบอกว่าจะลำบากเปล่าๆ ยังไงต้องแวะปั๊มซื้อข้าวเช้าอยู่แล้วด้วยทำให้เขาพกมาแค่ผลไม้รองท้องเล็กน้อย จนเกือบเจ็ดโมงประธานชมรมถึงได้ไล่ทุกคนขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวเดินทาง
“พี่ดีน” ภามกระตุกเสื้อชายหนุ่มที่เพิ่งคุยกับคนขับรถเสร็จเพราะไม่รู้จะเอาตัวเองไปนั่งตรงไหน พอถามเจ้าทีมหมอนั่นก็เอาแต่ยิ้มบอกว่าให้รอถามประธานแล้วกัน
“ขึ้นรถสิ” ดีนดันให้น้องขึ้นรถแล้วตัวเองก็ขึ้นตามหลัง แต่ทันทีที่ก้าวขึ้นบนรถสมาชิกชมรมก็หยุดเม้ามอยเสียงดังเปลี่ยนเป็นต้อนรับด้วยเสียงโห่พร้อมผิวปากส่งสายตาล้อเลียนจนเด็กหนุ่มหน้าร้อนขึ้นมาทันที
“โหยยยยยยยยยยย อิจฉา”
“ประธานขี้โกง ใช้อำนาจในทางมิชอบ”
“ผมก็อยากพกแฟนไปด้วยอ่ะ”
“เอ้า! คาราโอเกะกันหน่อย” รองประธานตัวดีใช้มือถือแทนไมค์ แกล้งร้องเสียงดังจนคนฟังทำอะไรไม่ถูก
“จับมือฉัน จับกันไว้ ให้เชื่อใจว่าฉันจะเคียงข้างเธอ สุขหรือทุกข์ ที่เราเจอ เธอและฉันมีกันและกันเรื่อยไป เราสองคน บนทางแห่งรัก”
“ฮิ้วววว” ลูกคู่ไม่ยอมแพ้ตั้งท่าจะช่วยกันร้อง “จับมือ แว๊กกกกกกกกกกก”
กระเป๋าเป้ท่านประธานลอยเข้าสู่ฝูงสมาชิกลิงจนวงแตก ทีมที่กำลังช่วยปรบมือหน้าหงายเพราะโดนเข้าไปเต็มๆ
“เฮียแม่ม แค่นี้ทำเป็น...เหยดดดอย่านะมึง” รีบร้องห้ามเพื่อนซี้ที่ตอนนี้หน้าแดงจัดและกำลังจะเหวี่ยงเป้ตามมาอีกคน
“แหม น้องภาม ตั้งแต่คบกับไอ้ดีนนี่เริ่มซาดิสม์ตามมันแล้วเรอะ” วินหัวเราะร่วนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบ้าง เขาส่งต่อกระเป๋าคืนเจ้าของที่ตอนนี้ทำหน้าไม่สบอารมณ์
ภามไม่ตอบแต่กลับไปนั่งข้างพี่ดีนแล้วกอดกระเป๋าแน่น กะแล้วล่ะว่าไม่น่ารอดแต่ไม่คิดว่าจะโดนแซวตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถ เขาถอนใจเฮือกเดาได้เลยว่าต้องโดนล้อยาวตลอดทริปแน่ๆ
“อย่าคิดมาก เจ้าพวกนี้ก็ล้อแค่นี้แหละ” ดีนลูบหัวน้องปลอบใจ จริงๆเป้าหมายการล้อของพวกมันคือเขาต่างหาก ดูเหมือนจะอยากเห็นเขาอายสักครั้งแต่ทำอย่างไรก็ไม่เคยได้ผล
เด็กหนุ่มได้แต่ฉีกยิ้มให้ก่อนจะมองไปรอบๆอย่างสนใจ รถมินิบัสคันนี้แบ่งที่นั่งออกเป็นคู่ยกเว้นแถวหลังสุดที่เป็นเบาะยาวติดกัน5ที่นั่ง แถวหน้าสุดมีเขากับพี่ดีนนั่งอยู่ในขณะที่เก้าอี้คู่ข้างๆเอาไว้วางกล่องโฟมใส่น้ำดื่มและกองขนม ถัดจากนั้นลงไปก็นั่งกันเปะปะ นั่งคนเดียวมั่งย้ายคู่มั่งตามสบาย
“เดี๋ยวอีกชั่วโมงเราจะแวะปั้มจากนั้นยิงยาวไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว พักกินข้าวเที่ยงแล้วเข้ารีสอร์ท” ดีนอธิบายโปรแกรมวันนี้คร่าวๆ พวกเขาไม่ได้ไปเที่ยวอะไรหวือหวากันนักเพราะตั้งใจมาพักผ่อน บางคนเคยมาหลายครั้งแล้วแต่บางคนก็ยังไม่เคยมา เลยทำให้เสียงพูดคุยของสมาชิกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสนั่นรถ ต่างวางแผนว่าเมื่อถึงรีสอร์ทจะลงไปเล่นน้ำกันให้สะใจ
ภามเปิดแท็ปเล็ตดูสถานที่ท่องเที่ยวตามแผนดวงตาเป็นประกายตื่นเต้นเพราะเขาเองไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน หลังจากคุณพ่อเสียคุณแม่ต้องทำงานหนัก ร้านอาหารค่อนข้างวุ่นวายจนตัวเขาเองต้องไปช่วยจนลืมเรื่องเที่ยวไปเสียสนิท เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้ออกมาต่างจังหวัดแบบนี้
“พี่ดีนว่ายน้ำกันทุกวันแล้วมาเที่ยวแม่น้ำอีกไม่เบื่อเหรอครับ” ภามหันไปถามคนข้างๆ เขานั่งริมหน้าต่าง ส่วนพี่ดีนตอนนี้กำลังเปิดมือถือเลือกเพลงที่จะฟังอยู่
ชายหนุ่มเดาะลิ้น มือข้างหนึ่งก็เอาหูฟังข้างนึงใส่ให้น้องไปด้วย “โดยส่วนตัวเจ้าพวกนี้ชอบน้ำอยู่แล้วนะ แต่ถ้าให้เลือกลงสระคลอรีนแล้วซ้อมโหดกับว่ายน้ำเล่นในแม่น้ำหรือทะเล ย่อมต้องเลือกช้อยส์หลังอยู่แล้ว ไม่เบื่อกันหรอก”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ เขาหันหลังไปดูสมาชิกที่กำลังเริงรื่นและดูเหมือนจะจริงอย่างที่พี่ดีนว่า ทุกคนดูตื่นเต้นสนุกสนานกับการไปเที่ยวครั้งนี้ ภามก้มลงหยิบกระเป๋าเป้เพื่อเอากล่องพลาสติกออกมา เมื่อเช้าเขาหั่นแอปเปิ้ลใส่กล่องติดมาด้วยเผื่อรองท้องก่อนแวะปั้มน้ำมัน
“เอาไหมครับ” จิ้มแอปเปิ้ลยื่นส่งให้ด้วยความเคยชิน
ดีนเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มมุมปาก เขาก้มลงงับผลไม้ที่หั่นมาพอดีคำรู้สึกถึงความเค็มของเกลือเล็กน้อยเพราะน้องคงแช่น้ำเกลือไว้เพื่อไม่ให้มันดำ
“เราควรจะบอกพวกเขาไหมว่าอีกสิบกว่าคนริษยา”
“ไม่มีคนมาป้อนอะไรให้บ้างเลย”
“อย่าเสียใจกูป้อนให้ อ่ะ”
“ใช่สิ พี่มันก็แค่รองประธานไร้คนสนใจ”
เสียงแซวกระหน่ำตามมาทันทีจนภามสะดุ้งโหยง ไอ้ที่จะป้อนต่อเป็นอันชะงักไปต่อไม่ถูก ดีนหันขวับหรี่ตามองคาดโทษเจ้าพวกปากเสียแต่คราวนี้ดูไม่มีใครสนใจแถมยังส่งสายตาหยอกล้อท้าทายกลับมาให้กันใหญ่
ภามเม้มปากครุ่นคิดหาวิธีเอาคืน ก่อนจะตัดสินใจลุกพรวดขึ้นเดินไปด้านหลังรถ หยุดยืนอยู่หน้ารองประธานหัวทองที่ส่งยิ้มให้หากสายตาระแวดระวังเหมือนกลัวจะโดนส้อมในมือน้องจิ้มพุง
“เอ่อ มีอะไรครับน้อ—“
สมาชิกชมรมขนมไทยผู้โดดเดี่ยวส่งยิ้มให้พร้อมกับจิ้มแอปเปิ้ลในกล่องแล้วป้อนให้ถึงปาก
“แอปเปิ้ลครับ”
ชาวชมรมว่ายน้ำรีบมองไปยังที่นั่งด้านหน้าแล้วสะท้านเฮือกเพราะตอนนี้ท่านประธานที่เคารพกำลังจ้องตาเขียวปั๊ด
“เอ่อ พี่ว่า..”
“ก็พี่วินบอกว่าไม่มีใครสนใจ ผมเลยเป็นห่วง”
“โอ้ยยย ไม่เป็นไร๊ ไม่ต้องห่-- อุ๊บ!!”
พอวินเอ่ยปากพูดต่อภามก็ยัดแอปเปิ้ลเข้าปาก เด็กหนุ่มยิ้มพอใจก่อนจะหันขวับมาหาเหยื่อรายต่อไปนั่นคือทีม
“มึ๊งงง กูอิ่มมาก อิ่มแล้ววว” ทีมรีบแกะถุงเลย์โชว์ให้ดู สายตาท่านประธานทำเอากลืนน้ำลายเอื้อก
...มีความชิบหายแน่นอน “กินมันฝรั่งมากๆ ไม่ดีนะทีม”ภามจิ้มแอปเปิ้ลในกล่องแล้วยื่นส่งให้ “เอ้า..”
“กูกินเองก็ได้” ทำเสียงละห้อยละเหี่ย
“มือมึงไม่ว่างนี่ ปกติก็ป้อนให้บ่อยจะเกรงใจทำไม” ส่งสายตาให้เพื่อนซี้ที่ทีมเห็นแล้วอยากจะร้องไห้ เขาเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไอ้ภามเนี่ยถ้าไม่ใช่พี่ดีนมันไม่ใจดีด้วย ยิ่งกับเพื่อนยิ่งโหดร้ายเขาเคยล้อมันมากไปอาหารเช้าวันถัดมานี่เผ็ดจนแทบตาย โคตรเจ้าคิดเจ้าแค้นอ่ะบอกเลย!
“ภาม”
เสียงระฆังช่วยชีวิตดังขึ้นพอดี ภามหันตามเสียงเรียกแล้วพบว่าพี่ดีนกำลังกวักมือให้กลับที่ เขาพยักหน้าแต่ก่อนจะกลับก็จัดการยัดแอปเปิ้ลใส่ปากเพื่อนแล้วเปิดแนบหนีเสียงโวยวายของทีมที่ไล่ตามหลังมา
ดีนส่ายหัวขำๆ เมื่อเห็นน้องยิ้มร่า พอเจ้าตัวนั่งที่ก็จัดการขยี้หัวด้วยความหมั่นเขี้ยว
“นิสัยไม่ดีเหมือนกันนะเรา”
คนโดนแซวจิ้มแอปเปิ้ลเข้าปากทำตาใส
“ผมฝึกมาจากพี่ดีน”
“งั้นฝีมือยังห่างไกล พยายามหน่อยล่ะ” คนพี่ที่ไม่เคยยอมน้องในเรื่องนี้เกทับพร้อมเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลในกล่องขึ้นมากินชิลๆ ภามเบ้ปากหมายมาดว่าสักวันต้องเอาคืนพี่ดีนให้ได้
แต่ก่อนอื่นเขาคงต้องเริ่มจากการทำยังไงไม่ให้เสียเปรียบก่อนละมั้ง
หลังจากแวะเติมพลังที่ปั๊มและหลับไปหนึ่งงีบ พวกเขาก็ยิงยาวมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควจังหวัดกาญจนบุรีที่ตอนนี้แดดเปรี้ยงจนตาพร่า
“ร้อนสัด” ทีมบ่นอุบหยิบหมวกสวมหัวก่อนจะโดดลงจากรถ เขาเองก็เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเพราะพื้นฐานเป็นเด็กต่างจังหวัดคนละทิศกับเมืองกาญจน์
“สะพานๆ วู้ว ถ่ายรูปกัน” รองประธานชมรมร่าเริงออกหน้าออกตา เจ้าตัวใส่เสื้อกล้ามเพราะไม่ชอบอากาศร้อน แต่รอยสักที่แขนก็เด่นเสียจนเดินผ่านทางไหนใครๆก็มองกันเหลียวหลัง
ภามมองเพื่อนที่โดนลากฝ่าร้านค้าโผล่ไปถ่ายรูปกลางสะพานแล้วหันไปมองพี่ดีนที่หยีตาฝ่าแดด
“แสบตาเหรอครับ”
“อืม สีตาแบบนี้ไม่ค่อยสู้แดดจัด” เขาหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม
ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีสีดำสกรีนตัวอักษรภาษาอังกฤษดูสบายตัวกับกางเกงยีนส์สีเทาซีด ด้วยผิวสีแทนและจมูกโด่งปกติถ้ามองเผินๆคนก็จะเข้าใจว่าไม่ใช่คนไทยยิ่งใส่แว่นดำแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ จนภามต้องลอบมองด้วยความสนใจ
“มีอะไรหรือเปล่า” ดีนหันมาถามเมื่อเห็นน้องจ้องตาแป๋ว
ภามสะดุ้งโหยงแก้ตัวพัลวัน “ เอ่อ พอดีผมสงสัย พี่ดีนกับพี่วินรู้จักกันมานานแค่ไหนเหรอครับ”
ชายหนุ่มโคลงหัว เขาหยิบหมวกเบสบอลสวมให้น้องแล้วจูงคนรักเดินไปแถวสะพานบ้าง
“อืมตั้งแต่ม.ปลาย แต่ไปเจอกันที่โรงแรม”
“ห๊ะ” ภามทำตาโตโดนดีดเหม่งไปหนึ่งที
“คิดอะไร ตอนนั้นพี่ไปงานเลี้ยงกับคุณย่าแล้วต้องไปพักที่โรงแรมริมทะเล เบื่อๆเลยมาว่ายน้ำเล่นที่สระของโรงแรมแล้วดันเจอไอ้วิน พอเห็นเป็นวัยเดียวกันก็เลยชวนกันแข่งว่ายน้ำ ไปๆมาๆถึงรู้ว่ากำลังไปต่อม.ปลายที่เดียวกัน”
“โห ยังเด็กเลย แล้วพี่วินเขาสักเยอะแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรเลยเหรอครับ” คนขี้สงสัยยังถามต่อ แอบขำสมาชิกชมรมว่ายน้ำที่โพสต์ท่าอย่างฮาตามสะพาน คาดว่าคงเอาไปลงเพจของชมรมแน่ๆ
“เพิ่งมาเริ่มสักตอนม.5 มันไปดูหนังแล้วชอบอยู่ๆก็ชวนพี่ไปสัก”
“เอ๋ พี่ดีนสักด้วย???” เขาว่าตัวเองเห็นพี่ดีนในชุดว่ายน้ำมาแล้วนะ แต่ไม่เห็นรอยสักเลย
“จริงๆพี่ไม่ได้ชอบสัก แต่มันลากไปด้วย พอไปเห็นของจริงเข้าก็สนใจเหมือนกันเลยสักหลบๆ” ชายหนุ่มถอนใจ “แต่ไอ้จะสักชัดเจนแบบมันย่าคงเอาไม้เรียวฟาดแล้วไล่ออกจากบ้าน ทำไมครับ อยากเห็นเหรอ” เขาก้มลงถามน้องที่ตาเป็นประกาย
ภามที่ไม่ได้คิดอะไรเลยพยักหน้าหงึกๆ แต่สักพักก็ฉุกใจแล้วเหลือบมองคนรักที่กำลังขยับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เอ...ไม่..ไม่อยากเห็นก็ได้ครับ” ชักรู้สึกอันตรายชอบกล
“ไม่ต้องเกรงใจ” ดีนดันแว่นกันแดดขึ้นแล้วมองสบดวงตาคนรัก ดวงตาสีเทาอมเขียวแพรวพราวมากเล่ห์ “เดี๋ยวคืนนี้ให้ดู”
“พี่ดีนนนนนนนน” ภามโวยลั่นหน้าแดงก่ำ ขอซื้อได้ไหมนิสัยแบบนี้!!! เด็กน้อยรีบวิ่งหนีหูตูบไปเกาะเพื่อนซี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ทีมที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยก็หัวเราะร่วนชวนเพื่อนเซลฟี่กันสนุกสนาน ปล่อยให้ประธานชมรมว่ายน้ำขยับรอยยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
“แกล้งน้องเก่งจริงนะมึง” ลำแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักเกี่ยวคอเพื่อนขวับ “พอรู้ว่าใช่นี่จัดเต็มไม่เบามือกับน้องเล๊ย”
ดีนยักไหล่ไม่สนใจคำแขวะ แต่ก็ต้องตัวเซเมื่อไอ้เพื่อนแรงเยอะล็อคคอแน่นแล้วจับเขาเข้าเฟรมเซลฟี่
“มาๆ เซอร์วิสสาวๆหน่อย ท่านประธาน”
ท่านประธานกลอกตาเซ็งๆ แต่ก็ยอมถ่ายด้วยไม่ว่าอะไร วันนั้นเพจชมรมว่ายน้ำเลยมีภาพเซลฟี่ผู้ชายตัวโตสองคนกอดคอกัน คนหนึ่งใส่แว่นดำคิ้วขมวดส่วนอีกคนหัวทองเจาะหูแถมสักเพียบยิ้มกว้างให้กล้องพร้อมแฮชแทก #ประธานกับรองประธาน แต่โพสต์ลงเพจไปได้ไม่นานแฮชแทกที่ว่ากลับโดนสาวๆแฟนคลับแก้เป็น
#มาเฟียกับยากูซ่า และกลายเป็นชื่อเล่นเรียกลับหลังสองคนนี้ไปอีกพักหนึ่ง
เมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนตัวเกือบถึงกลางศีรษะ สมาชิกทั้งหลายนอนแผ่หมดแรงกันเกลื่อนกลาดบนรถที่แอร์เย็นฉ่ำภามเองก็เหมือนกัน เด็กหนุ่มถอดหมวกออกแล้วเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง ถึงที่สะพานจะไม่มีอะไรมากแต่พอได้อยู่กับเพื่อนๆกลับทำให้เพลินลืมเวลาถ่ายรูปเล่นเดินดูของกินจุกกินจิก เสียแค่อากาศมันร้อนจัดไปหน่อย
“สนุกไหม”
ดีนมองคนรักที่ตอนนี้แดงไปทั้งหน้าเพราะความร้อน ผมนุ่มๆเปียกชื้นจนไรผมแนบผิวหน้า ส่วนริมฝีปากที่แดงกว่าปกตินั้นไม่ใช่อะไรเลย..ก็ก่อนจะขึ้นรถน้องดันไปเจอไอติมเขย่าที่เป็นถังเหล็กใบโตใส่น้ำหวานเอาไว้เป็นหลอด เจ้าตัววิ่งปรู๊ดพร้อมลากเขาไปด้วยแล้วจัดการสั่งมาให้กินคนละแท่ง ไปๆมาๆ คนอื่นในชมรมก็เฮละโลมากันครบเหมาไอติมหวานเย็นชื่นใจไปทั้งถังเดือดร้อนท่านประธานที่ต้องออกเงินเลี้ยงทุกคน
“สนุกมาก” ยิ้มกว้างให้คนพี่ “เอาไว้ไปเที่ยวที่อื่นกันอีกนะครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ “ยังเพิ่งเริ่มต้นทริปก็พูดถึงทริปใหม่แล้วรึไง” แกล้งล้อเด็กน้อยที่เริ่มใจแตกอยากเที่ยวเสียแล้ว
ภามทำหน้าจ๋อย “ไม่ได้เหรอครับ” แอบเสียดายถ้าไปไม่ได้ จะว่าไปในความทรงจำเลือนราง พี่กรณ์กับอินเองก็แทบไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนเหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่ต้องหลบซ่อน เหงาหงอย แต่เขาไม่อยากเป็นแบบนั้น..
เขาอยากสร้างความทรงจำมากมายกับคนที่เขารักทุกๆวัน
พอเจอสายตาละห้อยคนพี่ถึงกับเป๋ไม่เป็นท่า เขากระแอมเบาๆก่อนจะก้มลงกระซิบให้เด็กน้อยที่นับวันเริ่มจะรู้จุดอ่อนเขามากขึ้นทุกทีฉีกยิ้มกว้างเกือบจะโผเข้าหาแต่เจ้าตัวยั้งไว้ทันเปลี่ยนเป็นจับมือเขาไว้แล้วอมยิ้มระรื่นหน้าบาน
ทริปหน้าเราไปไหว้คุณแม่ของภามที่อเมริกาด้วยกันนะ
มินิบัสเคลื่อนตัวเข้ารีสอร์ทเมื่อเวลาขยับไปเป็นบ่ายสามโมง ดีนกับวินไปเช็คอินที่ฟร้อนท์เพื่อรับกุญแจห้องและอธิบายคร่าวๆว่าทำอะไรได้บ้าง รีสอร์ทแห่งนี้อยู่ติดแม่น้ำ มีแพห้องพักเรียงแถวยาวติดริมน้ำออกไปทางซ้ายและขวาโดยมีล้อบบี้อยู่ตรงกลาง ส่วนฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเป็นป่าเขียวชอุ่มและเนื่องจากเป็นรีสอร์ทขนาดไม่ใหญ่มากเลยมีห้องพักจำนวนจำกัด
“พวกเราพักแพหลังใหญ่อยู่สุดทางซ้ายติดกันสามแพ แต่ละแพมีสามห้องนอน นอนห้องละสองคน” ดีนวางกุญแจไว้ที่โต๊ะ “ไปแบ่งกันว่าใครจะนอนกับใคร ทุกแพมีห้องน้ำมีเปลญวน แพตรงกลางจะมีพื้นที่ชานบ้านค่อนข้างกว้าง ถ้าใครจะเล่นไพ่จะดื่มอะไรให้มาที่แพนี้”
ภามมองกุญแจตาปริบๆ เขาเหลือบมองไปทางทีมแต่ไอ้เพื่อนบ้ากลับหลบตา แก้มใสแดงขึ้นมาอีกครั้งรู้สึกว่าทุกคนจะตกลงเรียบร้อยว่าให้เขาพักกับพี่ดีนสองคน
“ถ้าอยากได้ของกินเพิ่มให้มาที่ล้อบบี้เขามีขายของ แพใหญ่ตรงนั้นคือร้านอาหารเป็นที่ๆพวกเราจะมากินข้าวเช้ากัน เดี๋ยวเข้าห้องแล้วพักผ่อนให้เต็มที่จะเล่นน้ำก็ได้ สักทุ่มนึงค่อยกินข้าวเย็นที่แพกลาง ส่วนพรุ่งนี้เช้าใครตื่นไหวหกโมงเช้ารีสอร์ทมีพาล่องแพไปตามแม่น้ำ เช็คเอ้าท์11โมง”
พอประธานชมรมอธิบายเสร็จแต่ละคนก็โอน้อยออกแบ่งห้องกันสนุกสนาน ยกเว้นภามที่โดนไล่ให้ไปยืนข้างคนหน้าดุ แถมพี่วินก็ส่งกุญแจห้องให้เสร็จสรรพ
“ตามสบายๆ นี่ห้องริมสุดเลย” เขาขยิบตาให้ภามที่หน้าแดงจัด คนโดนล้อเหลือบมองคนรักแต่พี่ดีนทำแค่ยักไหล่พร้อมยิ้มมุมปากภามเลยเลื่อนสายตาไปที่คนอื่น แน่นอนว่าทุกคนทำเป็นเมินเฉยแต่ปากกลับยิ้มระรื่นกันจนน่าหมั่นไส้
อยากจะรู้นักว่าพี่ดีนใต้โต๊ะไปเท่าไหร่กัน!! ตูม!!!
ซ่า!!
สมาชิกชมรมว่ายน้ำมหาวิทยาลัย T มีพลังเหลือเฟือจนน่าตกใจ พอแยกกันเข้าห้องพักได้ไม่นานเท่าไหร่ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาโดดน้ำหน้าแพของตัวเองกันเสียงดังสนั่น เสียงหัวเราะเฮฮาชวนให้สาวๆแพอื่นแอบมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะหนุ่มๆแต่ละคนหุ่นดีกันทั้งนั้น
“รีสอร์ทมีแพยางด้วย” สมาชิกชมรมคนหนึ่งโยนแพยางลงน้ำ จัดการมัดเชือกกับเสาแล้วขึ้นไปนอนเล่น ในมือถือแก้วน้ำผลไม้เก๊กท่าให้เพื่อนถ่ายรูปหัวข้อ ขอเป็นเซเล็บสักวัน
ภามโผล่หัวออกมาจากห้องพักตัวเองแล้วหดกลับไปมองพี่ดีนที่กำลังรื้อกระเป๋าเสื้อผ้า เขาจ้องจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวหันมามอง
“ครับ?”
“ว่ายน้ำได้ไหมครับ” คำถามดูเกรงใจจนดีนเกือบจะหัวเราะออกมา คงเพราะโดนคุณแม่ย้ำเรื่องมาเที่ยวคราวนี้ว่าจะทำอะไรให้ถามเขาก่อน เลยพาลกังวลไปหมด
“ไปสิ แดดร่มแล้วด้วย”
ภามร้องเย้รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โผล่มาอีกทีก็เหลือแต่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นเท่าเข่าเรียบร้อย ชายหนุ่มพยักหน้าให้น้องออกไปเล่นก่อน เจ้าตัวเลยวิ่งปรู้ดออกมาที่หน้าแพ พอเห็นทีมโบกมือให้ก็โดดลงไปร่วมด้วยทันที
“อ่ะมึง เป็ดยาง” ทีมดันเจ้าเป็ดยางสีเหลืออ๋อยแบบที่ภามเคยเห็นในทีวีมาให้ เพียงแต่ด้านหลังของเป็ดจะแบนและกว้างจนขึ้นไปนั่งได้
“ไม่เอาห่วงยางให้เลยล่ะ” ถึงจะบ่นแต่ก็พาดตัวบนหลังเป็ดตัวโต
เด็กหนุ่มหลับตาพริ้ม ส่วนมากพวกแพยางเป็ดยางจะมีเชือกร้อยกับเสาเอาไว้กันมันลอยไปตามแม่น้ำ เขาเลยวางใจได้ว่ามันจะไม่หลุดไปไหนไกล น้ำเย็นทำให้รู้สึกสบายตัวผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในวันนี้ได้เป็นอย่างดี เขาปรือตามองเพื่อนแต่ละคนที่เริ่มเล่นบอลน้ำ แข่งกันไร้สาระจนถึงกับจีบสาวแพข้างๆ เสียงน้ำไหลปะปนกับเสียงกิ่งไม้ที่เสียดสี กลิ่นหอมของป่ารวยรินชวนให้สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เป็นบรรยากาศเรียบง่ายแต่มีความสุขที่เขาไม่เคยเจอ
“พี่กรณ์ผมอยากไปล่องแพจัง” อินทัชเปิดหนังสือท่องเที่ยวชี้ให้คนรักดู แพไม้ไผ่ดูน่าตื่นเต้นว่าจะเป็นยังไง กรณ์ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือ เขาทำได้เพียงคลี่ยิ้มจางๆแทนคำตอบซึ่งอินทัชก็เข้าใจ อย่าว่าแต่ต่างจังหวัด แค่เที่ยวในเมืองกันสองคนโดยหลบหนีคนที่บ้านยังทำแทบไม่ได้ อินเอนตัวเอาหัวซบไหล่คนรัก สอดมือประสานกับมือใหญ่บีบเบาๆ “เอาไว้พวกเราเป็นอิสระเมื่อไหร่..” กรณ์เอ่ยเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับบีบมือกลับ “พี่จะพาอินไปทุกที่ที่อยากไป” “อย่าหลับนะ เดี๋ยวจมน้ำหรอก”
เสียงทุ้มดังขึ้นดุๆ ภามลืมตาโพลงเพราะโดนต้นแขนแข็งแรงโอบรอบเอวเอาไว้
“ยังไม่หลับสักหน่อย..” อ้อมแอ้มตอบแล้วค่อยๆ ไถลตัวลงจากเป็ดเหลือง กลายเป็นว่าตอนนี้ร่างกายของเขาโดนโอบกอดเอาไว้เต็มอ้อมแขน และโชคดีที่คนตัวโตหันหลังให้แพทำให้บังน้องจนมิดจากสายตาคนอื่น
“งั้น...คิดอะไรอยู่” ดีนใช้มืออีกข้างเสยผมที่ปรกปิดหน้าตาน้องขึ้น รอยจางๆริมขมับเห็นชัดเจนคนพี่เผลอลูบราวกับหวังว่ามันจะหายไป
เขาไม่อยากให้น้องมีรอยแบบนี้เลย
“ผมเห็นอิน..” ริมฝีปากบางเริ่มซีดจากความเย็นของน้ำ เด็กน้อยหลับตาลงเมื่อนิ้วเรียวของคนรักเลื่อนมาแตะริมฝีปากแล้วลูบเบาๆ “เขาบอกว่าอยากมาล่องแพจัง” ภามลืมตาขึ้นอีกครั้ง สองมือกอดรัดเอวพี่ดีนเอาไว้
“แล้วพี่ก็พาผมมา...”
ดีนสูดหายใจเข้าลึกหลับตาลงปรับอารมณ์ชั่วครู่พอลืมตาขึ้นก็ก้มลงเอาหน้าผากโขกเหม่งจนน้องร้องโอ้ยหน้าเหยเก
“พี่พามาเพราะอยากพาภามมา” เสียงพูดจริงจัง “ปากซีดหมดแล้วกลับแพเหอะ” เห็นแบบนี้พวกเขาก็ลอยห่างแพกันออกมาพอสมควร
ภามพยักหน้าหงึกตัวสั่นเพราะน้ำเย็นจัด พอจะเริ่มว่ายน้ำกลับก็โดนพี่ดีนรั้งต้นแขนเอาไว้ให้กอดรอบคอ
“เกาะหลังพี่ไว้ เดี๋ยวพี่พากลับแพ”
เด็กน้อยหน้าแดงก่ำ เขากอดรอบคอพี่ดีนเอาไว้พลางซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อยามแหวกว่ายผ่านสายน้ำเย็นเฉียบ ถึงน้ำจะเย็นแต่ใจเขากลับอุ่นเหลือเกิน
“จะมีใครแซวสองคนนั้นไหม” วินที่กำลังลอยคอหันไปถามเจ้าทีมที่เพิ่งว่ายไปเอาเป็ดเหลืองมาเกาะ
“พี่ลองดูดิ”
“อยู่กันสองคนในโลกมากอ่ะ” เพื่อนอีกคนว่ายมาเกาะเป็ดอีกข้างรีบกระซิบกระซาบ
“แม่ง กอดคอกันหนุงหนิงด้วยนะ ท่านประธานเรางี้ละมุนขึ้นมาเลย” สมาชิกชมรมอีกคนเบ้ปาก
“ทำใจเหอะมึง สงสัยจะมีอีกหลายซีน”
สมาชิกชมรมว่ายน้ำแต่ละคนแอบมองคู่รักที่กอดคอพากันขึ้นแพ การดูแลกันและกันชวนให้คนแอบมองต้องลอบอมยิ้มไปด้วย
แค่ได้มองก็มีความสุข
แค่ได้ฟังเสียงก็ลืมความทุกข์
เหลือแต่ความทรงจำดีๆ ที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย เพื่อเติมเต็มความรู้สึกให้กันและกัน
ท้องฟ้าคืนนี้ไร้เมฆและเต็มไปด้วยแสงดาว อากาศค่อนข้างเย็นทำให้ภามต้องหดตัวอยู่ในผ้าคลุมผืนโตที่ได้มาจากสมาชิกชมรมสักคน มื้อเย็นวันนี้ค่อนข้างกินกันสะเปะสะปะเน้นไปทางกับแกล้มมากกว่า เพราะว่าพอประธานชมรมยอมปล่อยผีสักครั้งแอลกอฮอล์ก็ถูกส่งต่อกันรัวๆ ยำวุ้นเส้น ยำหมูยอ ลาบ น้ำตก ข้าวเหนียวมาครบจัดเต็ม ทั้งจากที่ซื้อมาและหลายจานยำโดยสมาชิกชมรมขนมไทยที่พาลจะทำของกินได้เกือบทุกอย่าง
ภามไม่ได้ดื่มอะไรเท่าคนอื่นนอกจากสปายขวดเดียว ส่วนพี่ดีนเขาเห็นกินเบียร์บ้างแต่ก็แค่จิบเหมือนไม่ให้เสียน้ำใจ ในขณะที่พี่วินเองก็แตะพอเป็นพิธีซึ่งเขาเองมารู้ทีหลังว่าสองคนนี้มีหน้าที่ค่อยเก็บซากสมาชิกชมรมและคอยดูแลไม่ให้ตกน้ำตกท่า ส่วนเจ้าทีมงั้นเหรอ โดนรับน้องนั่งตาเยิ้มไปเรียบร้อยแล้ว
เด็กหนุ่มหาวหวอดมองเวลา ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้วแต่ละคนก็ยังสดใส
“ไปนอนไหม” ดีนทักคนข้างๆที่ตาปรือปรอย พอเห็นน้องพยักหน้าเขาก็ช่วยฉุดแขนลุกขึ้นพยุงไว้ไม่ให้เซ
“พาน้องไปนอนก่อนนะ” เขาเอ่ยกับวินที่ยังนั่งจกข้าวเหนียวอยู่ คนหัวทองโบกมือไล่พร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มเลยได้นิ้วกลางจากประธานที่เคารพแทนคำขอบคุณ
พอมาถึงห้องคนน้องก็สะโหลสะเหลไปจัดการตัวเอง ส่วนคนพี่แยกตัวไปอาบน้ำที่แพอีกหลัง น้ำเย็นจัดปลุกคนขี้เซาให้ตื่นเต็มตา พอกลับมาที่ห้องอีกครั้งภามก็ทิ้งตัวลงนอนคว่ำกับฟูกนุ่มที่อยู่บนพื้นยกระดับเขาเหลือบมองหน้าต่างเหนือหัวนอนเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนใสกระจ่าง จากนั้นก็แอบเหล่มองเตียงเดี่ยวข้างๆ ไม่เข้าใจว่ารีสอร์ทจะเอาเตียงเดี่ยวมาชิดกันทำไม คิดไปคิดมาคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากัน
เดี๋ยวนะ..หรือนี่คือห้องคู่
ภามกระเด้งตัวขึ้นนั่งขยี้หัวตัวเองอย่างวุ่นวายใจ วันนี้เดินเข้าเดินออกในห้องมาตั้งหลายทีเพิ่งจะรู้สึกว่ามันแปลกๆ เวลาพี่ดีนมาค้างห้องนี่นอนเบียดกันบนเตียงด้วยซ้ำแล้วจะมาตื่นเต้นอะไรกับสองเตียงที่ขยับมาชิดกันเล่าไอ้บ้าภาม!!
“ทำอะไรน่ะ” ดีนยืนพิงประตูห้องมองร่างบนเตียงนอนที่อยู่ดีๆก็เด้งตัวขึ้นมาทำท่าแปลกๆ
เด็กหนุ่มยิ้มแหยมุดหายไปในผ้าห่มโผล่มาครึ่งหัว พอเห็นร่างสูงใหญ่ปีนขึ้นมานอนข้างๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา
พี่อยากได้รางวัลจากภาม แก้มใสร้อนผ่าวเมื่อจินตนาการกู่ไม่กลับ ภามสบถด่าตัวเองในใจหดหัวหายเข้าไปในผ้าห่มรู้สึกเขินจนไม่กล้าสู้หน้าคนรัก เรื่องแบบนั้นเขาตอบไม่ได้หรอกว่าตัวเองพร้อมไหม แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าตื่นเต้นจัดจนเป็นลมไปจะทำยังไง
“ภาม เดี๋ยวหายใจไม่ออก”
ดีนพยายามดึงผ้าห่มของน้องออกเพราะเห็นมุดหายไปนาน แต่ภามก็เล่นม้วนตัวกลายเป็นก้อนดักแด้ดื้อดึงไม่ยอมคลายตัวออกมา คนพี่แอบอมยิ้มเพราะผิวกายและใบหูที่โผล่พ้นออกมาจากผ้ามันแดงก่ำจนเขาเดาได้ไม่ยากเลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
ชายหนุ่มเดาะลิ้นแล้วกระซิบ
“ห่อตัวแบบนี้พี่จะทวงของรางวัลยังไงครับ”
ได้ผล! เจ้าดักแด้สะดุ้งโหยงตัวแข็งทันที
“ฮื้อออ ทวงอะไรตอนนี้” ภามงึมงำตอบ
“ไม่ตอนนี้แล้วจะตอนไหนละครับ” มือใหญ่แกล้งเขี่ยใบหูแดงก่ำ
เด็กหนุ่มอยากจะแปลงร่างเป็นของเหลวซึมหายไปในที่นอน เขากลิ้งขลุกขลักอยู่สักครู่ก่อนจะค่อยๆโผล่หัวออกมามองสบตาคนรักที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ โดยมีใบหน้าห่างกันเพียงคืบ
“ข้างนอก..คนอยู่เต็มเลย” คนน้องอุบอิบหาข้ออ้าง
“แต่ในห้องมีแค่เราสองคน” คนพี่ตอบกลับแววตาวับวาว
“หน้าต่างก็เปิดอยู่” น้องยังไม่ยอมแพ้
“ภามก็อย่าเสียงดังสิครับ” แต่เจอพี่สวนกลับจนหน้าแดงเถือก
“พี่ดีนนนนนนนน!!!” คนเสียเปรียบรีบโวยใส่พร้อมกลิ้งขลุกๆออกจากผ้า เขารีบลุกขึ้นเอาผ้าห่มคลุมคนขี้แกล้งจะได้ไม่ต้องเห็นสายตาเจ้าเล่ห์นั่น
นิสัยไม่ดี นิสัยไม่ดี พี่ดีนโคตรนิสัยไม่ดี!!
(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)