-----ดวงใจบรรณาการ----- (ตอนพิเศษ---เนิ่นนานและตลอดไป---)หน้า๔๔ ๒๖.๐๒.๖๐ END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -----ดวงใจบรรณาการ----- (ตอนพิเศษ---เนิ่นนานและตลอดไป---)หน้า๔๔ ๒๖.๐๒.๖๐ END  (อ่าน 343914 ครั้ง)

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


ดวงใจบรรณาการ

PrimPrie

++contact me++

Facebook

#วิรัลลืมเมีย


Intro
ตอนที่๑-รีไรท์
ตอนที่๒-รีไรท์
ตอนที่๓-รีไรท์
ตอนที่๔
ตอนที่๕
ตอนที่๖
ตอนที่๗
ตอนที่๘
ตอนที่๙
ตอนที่๑๐-๔๐%
ตอนที่๑๐-๖๐%
ตอนที่๑๑-๓๐%
ตอนที่๑๑-๗๐%
ตอนที่๑๒
ตอนที่๑๓
ตอนที่๑๔
ตอนที่๑๕-๕๐%
ตอนที่๑๕-๕๐%
ตอนที่๑๖-๖๐%
ตอนที่๑๖-๔๐%
ตอนที่๑๗-๓๐%
ตอนที่๑๗-๗๐%
ตอนที่๑๘
ตอนที่๑๙-๕๐%
ตอนที่๑๙-๕๐%
ตอนที่๒๐
ตอนที่๒๑_๔๐%
ตอนที่๒๑_๖๐%
ตอนที่๒๒
ตอนที่๒๓
ตอนที่๒๔
ตอนที่๒๕_๕๐%
ตอนที่๒๕_๕๐%
ตอนที่๒๖ตอนที่๒๗
ตอนที่๒๘
ตอนที่๒๙
ตอนที่๓๐-๕๐%
ตอนที่๓๐-๑๐๐%END+บทส่งท้าย
ตอนพิเศษ




เธรา
ในฝูงแกะขาวแสนสวยมักมีแกะดำเสมอ  ไม่ใช้ทุกคนที่จะมีความสามารถ วิเศษนั้น  บางคนก็ไม่สามารถใช้ความสามารถวิเศษนั้นได้  แม้ร้อยปีจะปรากฏสักหนึ่งคน แต่ก็มี และ นั่น คือเขา เธรา เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดา ที่ไร้ซึ่งความสามารถพิเศษ ตามเผ่าพันธุ์ของตน


    วิรัล
"เจ้ารู้ใช่ใหม ว่าที่ข้ายอมแต่งงานกับ เจ้า ทั้งที่เจ้าเป็นชาย เพราะเจ้าเป็นชาวมาลันเคีย และข้าต้องการ ความสามารถ พิเศษนั่น"

๒๑/๐๒/๖๐หลังจากนี้พิมจะทยอยรีไรท์แก้คำผิดตั้งแต่ตอนแรก นะคะ
อาจมีการเพิ่มเติมบางส่วนให้สมเหตุสมผลมากขึ้นด้วย ค่ะ






   ***เป็นนิยายวายเรื่องแรกที่เขียนและลงที่นี่นะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่าา
เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีนะคะ  ไม่รู้จะโรแมนติกใหม ยังไงติชมได้นะคะ
ถ้ามีคำผิดหลุดมาท้วงติงได้เลยคะจะรีบแก้ใขค่าาา


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2017 08:19:08 โดย primprie »

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
Re: -----ดวงใจบรรณาการ----- Intro ๙.๘.๕๙
«ตอบ #1 เมื่อ09-08-2016 12:16:55 »

Intro

ดวงใจบรรณาการ #รีไรท์

เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้องไปทั่วผืนป่า ลูกธนูหลายสิบดอกเล็งเป้าไปยังร่างที่กำลังหนีอยู่ข้างหน้า เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวสะท้อนกับแสงแดดอ่อน ๆ จนเป็นประกาย ร่างที่ดูสูงใหญ่ผิดมนุษย์กลับปราดเปรียว ขนาดม้าศึกฝีเท้าดีตามแทบไม่ทัน
   “ตามไปอย่าหยุด! ฝั่งซ้ายอ้อมไปดักตรงแม่น้ำ อย่าให้มันหนีไปได้”
น้ำเสียงทุ้มกังวานตะโกนออกคำสั่ง ร่างสูงใหญ่บนหลังม้าศึกสีดำสนิทเฉกเช่นกับสีผมของเขา ดวงตาเรียวยาวตวัดเฉียงอย่างคนถือดี ริมฝีปากได้รูปนิ่งสนิท ใบหน้าเรียบเฉยไม่มีท่าทีกังวลใด ๆ กับสิ่งมีชีวิตอันตรายที่เขากำลัง ‘ล่า’ อยู่ตรงหน้า 
   “มันไม่ถูกกับเขี้ยวสิงห์ ส่งหอกเขี้ยวสิงห์มา” ชายหนุ่มออกคำสั่งอีกครั้งหลังจากต้อน ‘สิงห์รา’ มาจนถึงแม่น้ำใหญ่ที่มีตลิ่งสูงชันและสายน้ำเชี่ยวกราก มือใหญ่รับหอกมาถือไว้ก่อนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
ร่างตรงหน้าคือสิงห์ราวัยหนุ่มที่ถูกต้อนจนจนมุม ร่างที่สูงใหญ่กว่าคนเกือบสองเท่ามีท่าทีเหนื่อยหอบ ผมสีเงินยาวจรดกลางหลังเปียกลู่ไปด้วยเหงื่อ กรงเล็บขนาดใหญ่กางออกเตรียมพร้อมต่อสู้ ใบหน้าครึ่งคนครึ่งสิงห์แสยะเขี้ยวขู่คำรามเบา ๆ หากแววตาสีเทานั้นบ่งบอกได้อย่างดีถึงความขึ้งโกรธ
   “จะยอมรับใช้ข้า หรือจะให้ข้า ‘จับตาย’” ร่างสูงเด่นบนหลังม้าเอ่ยถาม พลางเดินเข้าไปใกล้ร่างของเหยื่อตรงหน้าอย่างใจเย็น ในมือกระชับหอกมั่น ก่อนทิ้งจังหวะให้เหยื่อได้ตัดสินใจ
หากเหนือความคาดหมาย ร่างของเหยื่อตรงหน้ากลับกระโดดตะปบเข้าที่คอของม้าอย่างแรง  กรงเล็บขนาดใหญ่ฝังลงลึกก่อนกระชากจนคออาชาศึกแทบขาด ส่งผลให้ร่างบนหลังม้าเสียหลักตกลงมาข้างล่าง แล้วเหยื่อก็กลับกลายเป็นผู้ล่าเสียเอง
   “ข้าต่างหากที่จับท่านได้ หึ” กรงเล็บแหลมที่เพิ่งล้มอาชาตัวเขื่องไปหยก ๆ จ่อชิดลำคอของคนที่เคยเหนือกว่า หอกเขี้ยวสิงห์หลุดจากมือตอนตกลงจากหลังม้า ทหารที่ติดตามเริ่มลนลานตื่นตระหนก เมื่อองค์เหนือหัวถูกสิงห์ราจับเป็นตัวประกันเสียเอง
   “ปล่อยเขา แล้วจับข้าไปแทน” ชายผมยาวสีอ่อนที่มัดรวบตึงไว้เอ่ยขึ้น ก่อนขยับม้าออกมาข้างหน้าหากแต่ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ คาเซขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ทั้งที่เตือนแล้วเตือนอีกเรื่องการออกล่าสิงห์ราว่ามันอันตรายเกินไป จริง ๆ แล้วหากองค์ราชามีพระประสงค์ ไม่นานก็จะมีพวกพรานนำตัวมาถวายเอง แต่จนแล้วจนรอดพระองค์ก็ทรงไม่รับฟัง แล้วเขาจะพูดอะไรได้
   หากแต่ยังไม่ทันที่จะใครตัดสินใจทำอะไร  ร่างร่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากริมตลิ่งสูงชันด้วยท่าทีทุลักทุเล ร่างนั้นตะเกียกตะกายขึ้นมาก่อนคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าของสิงห์รา เพื่อใช้เป็นที่โหนตัวขึ้นฝั่ง 
   “เฮ้ย!!” เสียงอุทานของทุกคน พร้อมอาการเสียหลักของสิงห์ราที่โดนดึงข้อเท้า เมื่อได้โอกาสคนที่โดนจับเป็นตัวประกันจึงเบี่ยงตัวออกจากกรงเล็บแหลมคม พร้อมกับทหารนับสิบง้างธนูขึ้นอย่างไม่ลังเล เมื่อเห็นว่าองค์เหนือหัวของตัวเองปลอดภัยแล้ว
   “อย่า ๆ ๆ อย่ายิง ๆ” ไม่ใช่เสียงของสิงห์รา แต่กลับเป็นเสียงของคนที่เพิ่งปีนขึ้นมาได้ คนตรงหน้าตะโกนเสียงดังพร้อมเอาตัวเข้าบังเป้าการยิงของทหาร
   “ทำอะไร?” วิรัลถามออกไปอย่างสงสัย ถึงจะนึกขอบใจกับการปรากฏตัวของคนตรงหน้า แต่การที่เอาตัวเข้าปกป้องศัตรูของเขา ยังไงเขาก็ไม่...พอใจ
   “สิงห์ราตัวนี้เป็นของข้าแล้ว นี่ไง” ชายหนุ่มพูดพร้อมอวดก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ที่มีรอยคราบเลือดสีน้ำเงินเลอะอยู่ สิงห์ราซึ่งอยู่ดี ๆ กลับมีเจ้าของถึงกับขมวดคิ้ว พลางก้มลงดูที่ข้อเท้า มีรอยครูดของหินยาวเกือบคืบ เลือดซึมออกมาจนรู้สึกแสบ
   “ผู้ใดที่สามารถทำโลหิตของสิงห์ราหลั่งได้ จะได้เป็นนายแห่งสิงห์” เขาพูดอีกครั้งพลางชูหินให้สูงขึ้นอีก
   คาเซลงมายืนเคียงข้างองค์เหนือหัวของตน เริ่มขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ผู้ที่ถือสิทธิ์เป็นเจ้าของสิ่งมีชีวิตอันตรายนั้นคุ้นตาอย่างประหลาด ทั้งน้ำเสียง รูปร่าง ท่าทาง มันคุ้นจนทำเอาเขาสะกิดใจ ใบหน้าที่เผยออกมาเพียงดวงตาเพราะมีผ้าปกปิดอยู่นั้นเชิดขึ้นสูงอย่างท้าทาย แต่กลับมีรูปร่างสูงเพียงอกของสิงห์ราเท่านั้น เมื่อพินิจอย่างถี่ถ้วน คาเซก็ถอนหายใจ เขาจำได้แล้วว่าคือใคร แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงทรงอำนาจของเจ้าชีวิตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
   “งั้นเจ้าก็ขายให้ข้า ขายสิงห์ราตนนั้นให้ข้า เจ้าจะเอาเท่าไร”
   “ข้าไม่ขาย หากพระองค์ได้สิงห์ราตนนี้ไปมันคงไม่พ้นโทษประหาร โทษฐานฆ่าม้าศึกตัวโปรด” 
   “ชาวบ้านอย่างเจ้า อย่าอวดดีสู่รู้ ขายสิงห์ราตนนั้นให้ข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าเองจะต้อง...” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ พระองค์ก็รับรู้ถึงแรงจับที่ข้อแขนเป็นเชิงให้หยุด
   “พระองค์ หม่อมฉันเกรงว่าท่านผู้นี้จะไม่ใช่ ‘ชาวบ้าน’ พ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของคาเซทำเอาคนฟังขมวดคิ้ว ก่อนมองไปยังร่างตรงหน้า ใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้านั้นเป็นใคร
   คาเซเดินออกมาตรงหน้าคนที่ยังคงยืนบังสิงห์ราจากธนูของทหาร ก่อนก้มลงทำความเคารพขั้นสูงสุด เสนาบดีหนุ่มจับมือที่เลอะเศษดินจนมอมแมมขึ้นจุมพิต ก่อนเอ่ยคำที่เกินจะคาดเดา
   “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ ‘พระสนม’ ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2017 02:42:00 โดย primprie »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: -----ดวงใจบรรณาการ----- Intro ๙.๘.๕๙
«ตอบ #2 เมื่อ09-08-2016 13:43:25 »

น่าติดตามค่ะ ดูท่าเธราจะน่ารักน่าเอ็นดู
เจอคำผิดประปราย แต่จะยกมาสักที่ละกันค่ะ
จับมือที่เลอะเศษดินจนมอมแมมขึ้นจุ่มพิษ (จุมพิต)

ออฟไลน์ 123ปลาฉลามขึ้นบก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: -----ดวงใจบรรณาการ----- Intro ๙.๘.๕๙
«ตอบ #3 เมื่อ09-08-2016 21:03:19 »

โอ้ เรื่องใหม่ๆ มาเจิมจ้า

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: -----ดวงใจบรรณาการ----- Intro ๙.๘.๕๙
«ตอบ #4 เมื่อ09-08-2016 21:21:01 »

ยังงงๆอยู่ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
ตอนที่๑ #รีไรท์
   ===================================================
       
ที่ประทับชั่วคราวซึ่งถูกสร้างขึ้นกลางป่าเพื่อไว้พักเวลาออกล่าสัตว์นั้นเงียบสนิท มีร่างสามร่างนั่งอยู่คนละมุม คาเซเหลือบมององค์เหนือหัว ก่อนจะหันมาเหล่มองพระสนมเอกที่ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่ได้อยู่ในชุดชาววังเต็มรูปแบบแต่ชุดที่ใส่ก็สะอาดสะอ้านทำให้ดูไม่ขัดตามากนัก ผ้าพันคอที่เคยปิดหน้าปิดตาก็เหลือเพียงเอาคลุมไหล่ไว้หลวม ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอ รูปร่างสูงโปร่งดูมีมัดกล้ามสมส่วนพองามเหมือนคนที่ออกกำลังสม่ำเสมอ
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา จนสุดท้ายคนที่ทนไม่ได้ก่อนกลับเป็นคนกลางอย่างเขา
“พระสนมเสด็จมาทรงทำอะไรที่กลางป่าแบบนี้กระหม่อม” เสนาบดีหนุ่มเลือกถามคนที่นั่งก้มหน้านิ่งก่อน 
“ข้ามาดูพวกชาวบ้าน ได้ข่าวว่ามีโรคระบาดในเด็กเล็ก เลยจะมาดูว่าสมุนไพรที่เคยสอนปลูกเอาไว้เพียงพอไหมแต่พอดีร้อนเลยจะลงไปหาน้ำดื่มเลยตกลงไปน่ะ” คำตอบที่ได้รับทำเอาคนถามแทบจะอุทานออกมา 
“เสด็จมาองค์เดียวหรือกระหม่อม” เขายังคงอดถามต่อไปไม่ได้
“ใช่ มาคนเดียว อาศัยมากับขบวนเกวียนของพ่อค้า มาลงตรงชายป่าและเดินเลาะมาเรื่อย ๆ” อีกครั้งกับคำตอบที่ทำเอาคาเซแทบกุมขมับ
“เจ้า...คือเธรา สนมที่มาจากมาลันเคียงั้นรึ?” คำถามจากคนที่นั่งเงียบฟังมาตลอด ทำเอาคาเซถึงกับหันไปมอง หากเจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยกลับก้มหน้าลงทันที มือเรียวขยับผ้าพันคอขึ้นมาบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง
“นามหม่อมฉันคือเธรากระหม่อม” ชายหนุ่มตอบกลับเบา ๆ ด้วยท่าทีอึดอึด แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ก็เกิดเสียงเอะอะขึ้นนอกที่พัก ก่อนจะมีทหารเข้ามารายงานด้วยท่าทีตระหนก
“สิงห์ราอาละวาดพ่ะย่ะค่ะ ทหารจะจับไม่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แล้วร่างของสิงห์ราที่ถูกพันด้วยโซ่จนแน่นหนาก็ถูกนำมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“ฆ่าข้าเลย ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า” สัตว์ครึ่งคนส่งเสียงขู่ลั่นทั้งที่ถูกพันธนาการไว้
วิรัลไม่ได้สนใจสิงห์ราสักนิด ตอนนี้ความสนใจของเขาอยู่ที่สนมเอกตรงหน้า ที่มีท่าทางกังวลกับเจ้าสิงห์ราตัวนี้อยู่ไม่น้อย มือของฝ่ายนั้นกำเข้าหากันแน่นคิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างกังวล
“เธราเจ้าจะเอายังไงกับสิงห์ราตัวนี้” วิรัลเอ่ยออกไปอย่างใจเย็น ก่อนกระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าออกอาการดีใจ ที่เขายกสิทธิ์ในการตัดสินใจให้ง่าย ๆ
“เจ้าชื่ออะไร” เธราเอ่ยถาม ก่อนถอนหายใจเมื่อคนถูกถามไม่มีท่าทีว่าจะตอบ หากกลับคำรามใส่อย่างโกรธเกรี้ยว ชายหนุ่มหยิบเอาก้อนหินที่เปื้อนเลือดสิงห์ราออกมาจากห่อผ้า แล้วเดินมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าสัตว์ร้ายที่ยังคงขู่คำราม นิ้วเรียวปาดเอาคราบเลือดแห้งกรัง ป้ายลงบนหน้าผากของเจ้าของเลือดด้วยความทุลักทุเล เพราะเจ้าตัวไม่ให้ความร่วมมือต้องใช้ทหารช่วยจับถึงสามคน
“นามข้าคือเธรา เป็นผู้หลั่งโลหิตของสิงห์ราตัวนี้ จากนี้ข้าคือนาย เจ้าจงรับโลหิตของข้าและจงเอ่ยนามของเจ้ามา” มือเรียวย้ายมายังริมฝีปากของสิงห์รา ก่อนกดนิ้วลงบนคมเขี้ยวที่ยาวพ้นริมฝีปากออกมา เลือดสีแดงค่อย ๆ ไหลริน เธราป้ายลงบนหน้าผากของสิงห์ราอีกครั้ง เลือดสองสีผสานกัน ก่อนจะกลายเป็นตัวอักษร ชื่อซึ่งมีเพียงเธราเท่านั้นที่เห็น
“สหัส” สิงห์ราเอ่ยขึ้นเพียงแผ่วเบา ก่อนพยายามลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเนื่องจากพันธนาการ
“ปล่อยเขา” เธราเอ่ยปากสั่งทหารที่มีท่าทางลังเล 
“ทำตามคำสั่งพระสนม สิงห์ราที่มีนายไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือคำสั่งได้” คาเซเอ่ยปากขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของทหาร
ทันทีที่ถูกปลดจากโซ่ ร่างกำยำครึ่งคนครึ่งสัตว์ก็ค่อย ๆ กลายร่างเป็นคนเต็มตัว เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีเข้มจนคล้ายควันไฟ ใบหน้าเรียว ดวงตากลมโตสีเทา รูปร่างโปร่งบาง ริมฝีปากบางเฉียบ และจมูกโด่งเป็นสันไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด
“คำสั่งแรกจากข้า จงฟัง” เธราเอ่ยขึ้นก่อนขยับตัวมายืนตรงหน้าสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นประหนึ่งสัตว์เลี้ยงของตน “กลับบ้านไปซะ” คำสั่งที่เรียกความตกใจได้ทั้งคนถูกสั่งและคนฟัง
“สหัส กลับบ้านไปซะ ต่อจากนี้ก็ระวังตัวอย่าหลงเข้ามาในเขตชายป่าของมนุษย์อีก อย่าทำร้ายคนไม่มีทางสู้ คิดให้ดีก่อนจะฆ่าใครสักคน เจ้าน่าจะอายุยังน้อยลองมีคนรักดู มีครอบครัวมีลูกมีความสุขมาก ๆ และได้โปรดอย่าเกลียดมนุษย์เลย พวกเราอ่อนแอและหวาดกลัวจึงต้องหาวิธีปกป้องตัวเอง แม้จะโหดร้ายและป่าเถื่อนไปบ้างแต่ได้โปรดอย่าเกลียดพวกเราเลย”   
ผ้าพันคอที่ถูกดึงขึ้นไปปิดใบหน้าเลื่อนหลุดออกเพียงเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ของคนออกคำสั่ง มือเรียวลูบผมของสหัส สิงห์ราที่ตนเพิ่งออกปากให้อิสระ เธรารู้ดีพวกสิงห์ รักอิสระและยึดถือศักดิ์ศรี ยิ่งชีพ สิงห์ราตรงหน้าอยู่ในวัยหนุ่มพละกำลังและความว่องไวนั้นย่อมเป็นที่ต้องการของกองทัพ ไม่ว่าเป็นกองทัพของมนุษย์ หรือในหมู่ของพวกอมนุษย์ด้วยกันเอง 
“พระสนม หม่อมฉันคิดว่าเรา...”
“นี่คือคำสั่งของข้า ทำไมคาเซ เจ้าอยากค้านอะไร” เธราเอ่ยขึ้นก่อนหันมามองคาเซตรง ๆ เลิกคิ้วขึ้นอย่างต้องการคำตอบ ท่าทางดื้อดึงที่ทำเอาคาเซจำต้องเงียบ
“ทำไม การที่ข้าบอกให้ใครสักคนกลับบ้านมันแปลกนักรึไงกัน พวกเจ้าไม่อยากกลับบ้านกันหรือ ไม่อยากกลับไปหาลูกเมียพ่อแม่กันงั้นสิ ในเมื่อพวกเจ้าเองก็มีครอบครัว แล้วทำไมถึงคิดพรากครอบครัวคนอื่นล่ะ” คำพูดนั้นเรียกความเงียบเข้ามาครอบคลุมได้ทั่วบริเวณ
“กลับไปได้แล้ว” ชายหนุ่มหันไปบอกสิงห์ราหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่ง 
สิงห์รามองเจ้าของตัวเองอย่างเต็มสายตาเป็นครั้งแรก คนตรงหน้าดูธรรมดาเกินไปเมื่อได้รู้ว่าเป็นสนมเอกของวิรัล กษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามถึงความเก่งกล้าสามารถ ถึงขนาดสามารถปราบพวกกบฏได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และรวบรวมหัวเมืองที่แตกฉานซ่านเซ็นหลังเกิดกบฏได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี ร่างโปร่งสูงไล่เลี่ยกับเขาที่อยู่ในร่างมนุษย์ ใบหน้าเรียบ ๆ นั้นไม่มีความโดดเด่น แถมเจ้าตัวเองก็ชอบเอาผ้าไปปิดเสียแทบมิด สิ่งเดียวที่ตรึงตาเขาได้ก็คือดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ที่ฉายแววความห่วงใยชัดเจนนั้นต่างหาก ที่ทำให้ในห้วงความคิดหนึ่งของสหัสเผลอคิดไปว่า...
 ถ้าเป็นคนคนนี้คงไม่เป็นไร ต่อให้ต้องเป็นสัตว์เลี้ยงก็คงไม่เป็นไร...

เมื่อลับร่างของสหัส สิงห์ราที่เพิ่งปล่อยไป เธราก็หันไปมองคนที่มีอำนาจสูงสุดแต่กลับนิ่งเงียบไม่ออกความคิดเห็นมาสักพักแล้ว มือเรียวขยับผ้าพันคอขึ้นปิดใบหน้าอีกครั้ง ก่อนทำความเคารพคนตรงหน้า อย่างรู้ตัวว่าได้สร้างความไม่พอพระทัยให้กับองค์วิรัลแล้วอย่างแน่นอน
“หม่อมฉันขอประทานอนุญาตกลับวังกระหม่อม”
 วิรัลมองสนมของตัวเองที่สร้างความประหลาดใจให้เขาถึงสองครั้งในเวลาใกล้ ๆ กัน คนตรงหน้าสวมชุดชาวบ้านธรรมดา ใบหน้านั้นไร้ซึ่งความโดนเด่น หากท่าทางเด็ดเดี่ยวมั่นคงที่แสดงออกยามเผลอไผลนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ถึงการถูกอบรมมาจากชนชั้นปกครองจริง ๆ 
“จะกลับยังไง” ชายหนุ่มถามออกไปอย่างอยากรู้ เพราะเท่าที่ได้ฟังวิธีการมาแล้ว ทำให้อยากรู้วิธีการกลับจริง ๆ
“จากที่พักนี้ เดินออกไปทางตะวันออกอีกสองอึดใจจะเจอทางเกวียน ตรงนั้นขบวนเกวียนพ่อค้าชุกชุม น่าจะขออาศัยเข้าเมืองได้กระหม่อม” จบคำตอบทำเอาคาเซกุมขมับก่อนจะถอนหายใจอย่างสุดทน
สุดท้าย... เธราต้องมานั่งเกร็งไปทั้งตัว ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ ถ้าใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้สึก ถ้าหากรู้ว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ เขายอมนั่งไปในเกวียนขนสัตว์เสียยังจะดีกว่า หรือถูกมัดเหมือนหมูป่ายังไม่ลำบากใจเท่านี้
ผู้ชายตัวโต ๆ สองคนขี่ม้าตัวเดียวกัน คงเป็นภาพที่ดูประหลาดตา กระทั่งเหล่าทหารยังแอบก้มหน้ายิ้มอย่างทนไม่ไหว แต่องค์เหนือหัวที่ซ้อนอยู่ด้านหลังกลับมีท่าทีสบาย พระวรกายสูงใหญ่แผ่ไอร้อนผ่าวเสียจนแผ่นหลังของเขาแทบไหม้ ให้ตายเถอะ รู้อย่างนี้แอบหนีไปตอนชุลมุนเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ยิ่งขยับหนีกลับยิ่งต้องใกล้ชิด เมื่อฝ่ามือแข็งแรงนั่นคอยแต่จะมาโอบรัดรั้งเขาไว้แนบอก พร้อมเสียงขู่อย่างไม่จริงจังนัก
“จะขยับหนีไปไหน เดี๋ยวก็ตกม้าคอหักตายหรอก”
เอาเถอะ ให้เขาตกม้าหลังเดาะคอหักยังไม่อับอายเท่านี้
ไม่คาดคิดมาก่อน ว่าพระสวามีในนามที่ขับไล่ไสส่งเขาอย่างรังเกียจ มาวันนี้กลับต้องใกล้ชิดกันจนแทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวอย่างไม่น่าเชื่อว่าเคยเหตุการณ์ร้าย ๆ ในคืนส่งตัวเมื่อสองปีที่ผ่านมา
เมื่อหลายปีก่อนนันทานครเกิดการก่อกบฏ ราชวงศ์ถูกฆ่าไปแทบไม่เหลือ องค์วิรัลพระโอรสไร้อันดับกลับเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถปราบปรามกบฏ และรวบรวมหัวเมืองต่าง ๆ ได้ในระยะเวลาไม่กี่ปี  บรรดาเมืองเล็ก ๆ ที่เคยแข็งข้อก็กลับมาสวามิภักดิ์ เครื่องราชบรรณาการต่าง ๆ ถูกทยอยส่งมาไม่ขาดสาย แต่ข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมและเย็นชาของพระองค์นั้นกลับเป็นที่กล่าวขวัญ จนไม่มีเมืองไหนกล้าส่งโอรสธิดามาอภิเษกด้วย  และองค์วิรัลเองก็ไม่เคยสนใจการอภิเษกเท่าไรนัก
หากแต่ชนเผ่าเล็ก ๆ ที่อยู่กลางหุบเขาอย่างมาลันเคียซึ่งไม่มีเพชรนิลจินดา งาช้าง หรือของมีค่าอะไรพอที่จะส่งมาบรรณาการ พระโอรสองค์ที่เจ็ดอย่างเขาจึงถูกเลือกขึ้นมาพร้อมข้าวเปลือก และพืชผลทางการเกษตรที่ดีที่สุดเท่าที่หาได้ เพื่อใช้เป็นเครื่องบรรณาการ
   และถึงแม้มาลันเคียจะเป็นเพียงชนเผ่าเล็ก ๆ แต่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งญาณ ชาวมาลันเคียมักจะมีญาณบริสุทธิ์ติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด ทั้งที่ไม่ใช่พวกอมนุษย์ที่แปลงร่างได้ หรือพวกนอกรีตอย่างพ่อมดแม่มด แต่กลับสามารถสื่อสารกับต้นไม้ สายน้ำ หรือสัตว์ หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ ดังนั้น คำทำนายถึงภัยธรรมชาติหรือผลแพ้ชนะของการออกศึกจึงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เพราะเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นชนเผ่าวาจาศักดิ์สิทธิ์
แต่ในฝูงแกะขาวมักมีแกะดำปะปนเสมอ  ไม่ใช่ทุกคนจะมีความสามารถพิเศษนั้น  หรือบางคนก็ไม่สามารถใช้มันได้ แม้ร้อยปีจะปรากฏสักหนึ่งคนและคนนั้นก็คือเขา เธราเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่ไร้ซึ่งความสามารถพิเศษตามเผ่าพันธุ์ของตน จึงไม่แปลกที่เขาจะถูกส่งตัวมา พระโอรสองค์ที่เจ็ดจากสนมไร้อันดับ ที่ไม่มีแม้กระทั่งญาณบริสุทธิ์เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมกับการถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ เพราะไม่มีค่าอะไรให้เสียดายหรือต้องเก็บรักษาไว้
เมื่อมาถึงเธราได้รับการต้อนรับอย่างดีตามแบบฉบับเมืองนันทา การอภิเษกจัดขึ้นทันทีหลังจากพิธีถวายเครื่องบรรณาการ การสมรสทางการเมืองไม่ได้มีข้อจำกัดเพียงชายหญิง หากการสมรสนั้นมีประโยชน์ต่อการปกครองและอำนาจแลกเปลี่ยนต่อรองไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงสิ่งนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ  และแน่นอนไม่มีใครรู้ว่าเขาไม่มีญาณบริสุทธิ์ ฉะนั้นราชาแห่งนันทาจึงยินดีกับการมีสนมเป็นชาวมาลันเคีย  เพราะใคร ๆ ก็คาดหวังพลังแห่งวาจาสิทธิ์กันทั้งนั้น 
ตลอดพิธีอภิเษกเธรานั่งนิ่งอยู่หลังม่าน  ตามธรรมเนียมผู้เข้าพิธีจะไม่สามารถเห็นหน้าอีกฝ่ายก่อนพิธีเสร็จได้ ใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยผ้าทอสีอ่อนที่ปักลวดลายดอกไม้อย่างประณีต เครื่องแต่งกายและผมถูกประดับตกแต่งงดงามตามแบบชาวนันทา เวลาเนิ่นนานผ่านไปจนสุดท้ายก็ถึงพิธีเข้าหอ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้าบ่าวของตัวเองหรือองค์วิรัลราชาผู้แข็งแกร่งแห่งนันทานคร เขาดูอายุน้อยกว่าภาพที่คิดไว้แต่ใบหน้าเรียบเฉยนั้น กลับทำเอาเธราเกร็งไปทั้งตัวดวงตาเรียวยาวตวัดเฉียงอย่างคนถือดี จมูกเป็นสันได้รูปรับกับคางตัดทำให้ใบหน้านั้นดูกระด้างกว่าที่ควร ทั้งที่มีผมที่ดูนุ่มสลวย และริมฝีปากอิ่มได้รูปแท้ ๆ
‘รบครั้งหน้า ข้าจะได้ชัยชนะหรือไม่’
เป็นคำถามแรกที่ทำเอาคนถูกถามถึงกับสะดุ้ง เข้าหอคืนแรกก็ถามถึงผลแพ้ชนะของการศึก บ่งบอกได้อย่างดีถึงเหตุผลที่พระองค์ยอมเข้าพิธีอภิเษก เธรากลั้นหายใจ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะบอกความจริงกับองค์วิรัล ไม่ว่าจะโดนตัดสินลงโทษอย่างไรชายหนุ่มจะน้อมรับอย่างไม่ปริปาก ในเมื่อชนเผ่าของเขาเล่นไม่ซื่อ ส่งคนที่ไม่เป็นที่ต้องการแบบเขามาทั้ง ๆ ที่รู้ เธราจะน้อมรับความผิดไว้เอง
‘หม่อมฉัน ไม่มีญาณหยั่งรู้หรอกกระหม่อม’ เธรากลัวจนแทบลืมหายใจเมื่อคนตรงหน้าหันมามองเขาเต็มตา ดวงตาสีดำสนิทฉายแววงุนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนกลายเป็นความโกรธกรุ่นที่ฉายชัด
‘หมายความว่ายังไง’ เสียงทุ้มที่ฟังดูก็รู้ว่ากำลังระงับอารมณ์โกรธ ทำเอาคนฟังเม้มปากแน่น
‘หม่อมฉัน ไม่มีญาณบริสุทธิ์ ไม่มีมาตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถสื่อสารกับป่าหรือหยั่งรู้ล่วงหน้าได้กระหม่อม’
‘พวกเจ้า...หลอกข้าสินะ’ เสียงนั้นกดต่ำอย่างระงับอารมณ์ 
เธราลุกขึ้นก่อนพยายามจะถอดผ้าคลุมหน้าออก เขาอยากอธิบายเรื่องต่าง ๆ อย่างสะดวกแต่คนตรงหน้ากลับห้ามขึ้นมา
‘ไม่ต้องถอดผ้าคลุมหน้า เธรา...คือชื่อของเจ้าสินะ’ องค์วิรัลเอ่ยถามสนมหมาด ๆ ของตัวเอง อารมณ์โกรธที่ถูกหลอกยังคงคุกรุ่นน้ำเสียงจึงกระด้างหูคนฟังไปด้วย
‘เจ้ารู้ใช่ไหมว่าที่ข้ายอมแต่งงานทั้งที่เจ้าเป็นชาย เพราะเจ้าเป็นชาวมาลันเคียและข้าต้องการความสามารถพิเศษนั้น’ เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหนักแน่นก่อนมองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า
 ‘แต่ในเมื่อเจ้าไม่มีก็จงทำตัวเองให้เป็นอากาศธาตุ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้า ไม่ต้องเสนอหน้ามาปรนนิบัติข้า ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าได้ยินเสียงหรือแม้กระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมของเจ้า จงขอบคุณที่ข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่มาลันเคียเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะต้องได้รับการตอบแทน!’ วิรัลหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อเธราออกอาการกังวลอย่างเห็นได้ชัดยามเขาเอ่ยปากถึงบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าตัว
‘ไม่ต้องกลัวไปอาจยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้มาลันเคียยังเป็นแหล่งเสบียงที่ดีของกองทัพ ข้ายังไม่ทำอะไรหรอก แต่ถ้าหากเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจโดยการเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นอีกละก็ ข้าเองก็ไม่รับปากหรอกนะ จำไว้เธราเมื่อเจ้าไม่มีสิ่งที่ข้าต้องการ ค่าของเจ้าก็เท่ากับพวกไส้เดือนในดินเท่านั้น’
เรื่องในอดีตฉายชัดเข้ามาในหัว ตลอดเวลาเกือบสองปีของการเป็นสนมเพียงคนเดียวขององค์วิรัลนั้น เธราแทบไม่เคยเจอเจ้าเหนือหัวเลย ชายหนุ่มทำตัวเป็นอากาศธาตุอย่างที่พระองค์ต้องการ กินนอนอยู่ในที่ของตัวเอง เขาไม่เคยได้รับการเชิดชู ไม่ว่าจะมีแขกบ้านแขกเมืองมากมายทยอยกันมาที่วังไม่ขาด ก็ไม่เคยถูกเรียกไปแนะนำในฐานะสนมเอกคนเดียวแห่งนันทานครหรือแม้กระทั่งช่วยงาน  มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขามากมาย บ้างว่าเขาตายไปแล้ว บ้างว่าเป็นบ้า ไม่มีใครเคยเห็นเธรา มีเพียงคนในวังบางคนเท่านั้นที่เคยเห็นเขา  และทุกคนรู้ว่าไม่สมควรกล่าวถึงเขาถ้าไม่จำเป็น
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เธราได้แต่แอบถอนหายใจ ชายหนุ่มเคยชินแล้วกับการถูกรังเกียจ เพราะแม้กระทั่งที่มาลันเคีย เขาก็ไม่ได้เป็นที่รักสักเท่าไร  แน่นอนสิ ตัวประหลาดอย่างเขาจะเป็นที่รักของใครได้ เพราะฉะนั้นการถูกทำเหมือนไร้ตัวตนสำหรับเขาจึงไม่ใช่ปัญหา ดีเสียอีกได้เที่ยวเล่นตามใจชอบไม่มีใครสนใจสักนิด แม้บางวันเขาจะออกมาเดินเล่นที่ตลาดสดในตอนเช้า หรือออกมาหาขนมหวานกับชาหอม ๆ กินในตอนบ่าย
 แต่ตอนนี้สิ่งที่เธรากังวลคือองค์วิรัลเห็นเขาแล้ว  ทั้งเห็นทั้งพูดด้วย แม้จะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของเขาก็เถอะ ไหนจะการปล่อยสิงห์ราไปอีก เขากลัว กลัวว่าองค์วิรัลจะไม่พอใจ และหันไปลงกับมาลันเคียบ้านของเขา
“เป็นอะไร” กษัตริย์หนุ่มเอ่ยถาม เมื่อสังเกตเห็นอาการอีกฝ่ายขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย เสียงพึมพำเหมือนพูดคนเดียวนั้นทำเอาต้องเอ่ยปากถาม แต่ท่าทางสะดุ้งเกร็งทันทียิ่งสร้างความสงสัยให้เขามากขึ้น แถมยังรีบขยับผ้าพันคอขึ้นปิดหน้าจนแทบมิดอย่างไม่เข้าใจ
เขาสังเกตมาสักพักแล้ว ทำไมต้องปิดหน้าขนาดนั้น ทำเหมือนไม่อยากให้เขาเห็นอย่างนั้นแหละ
“ไม่มีอะไรกระหม่อม” เธราตอบกลับ นั่งตัวเกร็งแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัวมากอีก มือเรียวยกจัดผ้าพันคอขึ้นมาปกปิดใบหน้าอีกนิดอย่างเคยชิน ก่อนเสมองทิวทัศน์ข้างทาง
ทันทีที่ถึงวัง เธราหันไปทำความเคารพองค์วิรัล ก่อนจะปลีกตัวออกไปโดยไม่ทันได้มองเลยว่าคนถูกเคารพกำลังจะพูดอะไรด้วย
วิรัลไม่ใช่คนมีความอดทนสูงเขาเก็บความสงสัยไว้ได้ไม่ถึงครึ่งวัน สุดท้ายก็ต้องเอ่ยถามคาเซที่นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน
“ทำไมต้องหลบหน้าข้าขนาดนั้น?”
คาเซไม่แปลกใจกับคำถามทะลุกลางปล้องนั้น และไม่ได้สงสัยเลยว่าถามถึงใคร ท่าทีหงุดหงิดที่แสดงออกตั้งแต่กลับมาจากล่าสิงห์รานั้นทำไมเขาจะไม่รู้สาเหตุ
“ใครหรือกระหม่อม” เสนาบดีหนุ่มแกล้งถามอย่างนึกสนุก คาเซรู้จักนายเหนือหัวของตัวเองดี น่าจะรู้ดีมากกว่าเจ้าตัวด้วยซ้ำ
“เธรา”
“อ้อ... พระสนมของพระองค์นั่นเอง” คาเซลากเสียงยาวอย่างติดตลกเมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มไม่พอใจ
“คาเซ” วิรัลเรียกชื่อคนสนิทอย่างหงุดหงิดกับท่าทางที่บ่งบอกว่ารู้แต่ไม่ยอมบอก
“หม่อมฉันไม่ทราบหรอกกระหม่อม ทำไมพระองค์ไม่เสด็จไปถามเองล่ะพ่ะย่ะค่ะ” คาเซตอบก่อนเก็บเอกสารราชการลงในลิ้นชัก
“แล้ว...อยู่ที่ไหนล่ะ” วิรัลเอ่ยถามออกมาอย่างจนใจ ถ้ารู้เขาคงไม่มานั่งสงสัยอยู่เฉย ๆ แบบนี้แน่ ในวังกว้างขวางแบ่งออกแยกย่อยเป็นหลายตำหนัก แต่ละตำหนักก็ใหญ่โตเขาไม่รู้ว่าเธราอยู่ที่ไหน จะให้ไปเอ่ยปากถามพวกนางกำนัลก็ดูพิลึก ถ้าจะต้องไปถามหาตำหนักพระสนมตัวเอง
คาเซเลิกคิ้ว ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ ท่าทางองค์วิรัลคงจนปัญญาจริง ๆ ถึงเอ่ยปากถามอะไรแบบนี้ออกมา  เขาไม่แปลกใจเท่าไรเพราะรู้เหตุผลทุกอย่าง ทั้งการกระทำของพระสนมหรือแม้กระทั่งคำพูดในคืนเข้าหอ ที่คนพูดตอนนี้เองอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
คาเซยอมรับว่าตอนแรกที่ได้คุยกับพระสนมหรือองค์เธราพระโอรสแห่งมาลันเคีย เขาเองก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมโอรสของหัวหน้าเผ่าที่แสนศักดิ์สิทธิ์นั้นถึงได้มีท่าทีสบาย ๆ กับคำพูดแสนร้ายกาจของพระสวามีได้ขนาดนี้  ใบหน้าธรรมดาอาบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เอ่ยกับเขาว่าขอไปอยู่ตำหนักท้ายบึงที่แยกตัวออกไปจากราชวัง เหตุผลเพราะองค์วิรัลสั่งให้ทำตัวเป็นอากาศธาตุ เป็นเขาเองซะอีกที่ได้รับคำขอนั้นถึงกับทำตัวไม่ถูก 
“พระสนมประทับอยู่ตำหนักท้ายบึงกระหม่อม” คำตอบนี้ยิ่งเพิ่มรอยขมวดคิ้วให้กับวิรัลมากขึ้นไปอีก
“ทำไมไปอยู่ที่นั่นล่ะ ข้าสั่งเหรอ” พระองค์ถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก เพราะตัวเองก็จำรายละเอียดเกี่ยวกับ สนมของตัวเองแทบไม่ได้ จำได้แค่ว่ามาจากเผ่ามาลันเคียและไม่มีญาณบริสุทธิ์ 
คาเซได้แต่ถอนหายใจ ก่อนทำความเคารพองค์ราชาและออกจากห้องไปโดยไม่ยอมตอบคำถามอะไรต่อ

 :katai4: :katai4: :katai4:


**ตัวละครทุกตัวจะมีที่มาที่ไปและเหตุผลของการกระทำนะคะ เพราะฉะนั้นช่วงสองสามตอนแรกอาจมีการเล่าย้อนไปมาบ้างตามเนื้อเรื่องคะ อ่านแล้วติชมยังไงเม้นบอกกันมั้งนะคะ
**นิยายนี้เป็นนิยายแฟนซี ทุกอย่างเป็นไปได้ค่าาา

ฝากเธรา กับ วิรัล ด้วยค่าาาา


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2017 14:12:22 โดย primprie »

ออฟไลน์ sosad

  • >GuanOyze<
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ติดตามๆ เนื้อเรื่องสนุกมากกกกก
มาต่อเร็วๆๆนะ
 :mew1: :mew1: o13 o13
 :pig2: :pig2: :pig2:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
สนุกดีอ่ะ จะรอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตอนนี้องค์วิรัลดูน่ารัก ฮา

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
สนุกค่ะ แต่จังหวะเว้นวรรคแปลกมาก อ่านแล้วสะดุดๆ
โอรถ->โอรส

ออฟไลน์ lalitalx

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-3
สนุกค่า ตอนแรกนึกว่าสิงห์เป็นพระเอก? ฮาา ลงชื่อติดตามค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รอๆ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
สนุก น่าสนใจ อ่านเพลินเลยค่ะ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
รออ่านต่ออยู่นะคะ เธราต้องมีอะไรพิเศษสิที่ทำให้องค์วิรัลต้องหลงแน่ๆ 555

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: น่าสนุกๆ

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เธราเป็นคนดีที่น่ารักจัง  เราชอบนายเอกแบบนี้ที่สุดเลยค่ะ
องค์วิรัลถ้าได้ทำความรู้จักกับเธรามากกว่านี้ ต้องหลงรักเข้าสักวัน อิอิ
คนอ่านตอนนี้หลงรักเธราไปแล้วค่ะ555

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ  เรื่องสนุกน่าติดตามมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao7:

เธราจะเล่นเกมซ่อนแอบไหมนะ  :hao3:

***

รู้สึกว่าเว้นวรรคถี่มากๆอ่ะค่ะ แบบไม่จำเป็น ถ้าปรับแก้ตรงนี้ได้จะดีมากๆ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2016 18:31:57 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
รอตอนต่อไปค่า น่าติดตามมาก

ออฟไลน์ sosad

  • >GuanOyze<
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Iceshiteru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
 :katai5: ดึ๊๊บๆมาต่อไวๆนะค้าา

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
สนุกอ่ะ มารอตอนต่อไป พระสนมชังซินะ

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
รอติดตามน๊าาาา..

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ภาษาดี น่าติดตามมากก

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
     ตอนที่๒ #รีไรท์
          ตำหนักท้ายบึงที่เรียกกันจนติดปากนั้นจะเรียกว่าตำหนักเต็มปากก็คงยาก เพราะเรือนไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา บุด้วยกระจกใสทั้งหลังยกพื้นสูงราวครึ่งเมตรซึ่งตั้งอยู่ริมบึงบัวใหญ่  มีขนาดกะทัดรัดเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น  จริง ๆ มันถูกสร้างเอาไว้สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศในการบรรทมของพระราชาองค์ก่อน ที่ชอบเสด็จมาชมดอกไม้ซึ่งถูกปลูกไว้รอบ ๆ หรือสารพัดปลาสวยงามและดอกบัวที่อยู่ในบึงเพียงแค่นั้น  หลังจากการปราบกบฏและขึ้นครองราชย์ของวิรัล ตำหนักหลังนี้จึงถูกทิ้งร้าง อีกทั้งตัวตำหนักยังอยู่ส่วนหลังสุดของราชวังติดกำแพงวังฝั่งที่ด้านหลังเป็นหน้าผา จึงไม่ค่อยมีใครผ่านไปมามากนัก
“ลงมาเพคะท่านเธรา เดี๋ยวตกลงมา ว้าย ๆ ๆ ระวังนะเพคะ”
เสียงตะโกนโหวกเหวกของรารี นางกำนัลฝ่ายในที่ส่งเสียงเรียกให้พระสนมลงมายืนบนพื้นแบบปกติ  ไม่ใช่ขึ้นไปโหนเป็นลิงเป็นค่างอยู่บนต้นนุ่นอย่างนั้น  ขณะที่เธรานั่งอยู่บนกิ่งต้นนุ่นใช้ไม้ยาวตีลูกนุ่นแก่ที่อยู่บนกิ่งสูงขึ้นไป นางทั้งวิ่งเก็บลูกนุ่นและคอยตะโกนเตือนเจ้านายด้วยความเป็นห่วง
“พอรึยังล่ะรารี ปีนี้คงหนาวหนักถ้าไม่เตรียมเย็บผ้าห่มผ้านวมเสียแต่เนิ่น ๆ จะลำบากเอา ถ้านุ่นไม่พอจะได้หาเพิ่มทัน” เธราเอ่ยถามนางกำนัลคนสนิทอย่างอารมณ์ดี ปากบางฉีกยิ้มน้อย ๆ เมื่อรารีบ่นอุบถึงอาการดื้อดึงของเขา ที่ยืนยันจะปีนขึ้นมาเก็บนุ่นเองทั้งที่ใช้ทหารก็ได้
“น่าจะพอได้อยู่เพคะ แต่ถ้าไม่พอจริง ๆ เราน่าจะขอแบ่งจากชาวบ้านได้บ้าง” รารีเอ่ยบอกพลางก้มเก็บลูกนุ่น
หญิงสาวทำหน้าที่รับใช้พระสนมมาตั้งแต่วันแรกที่มีการจัดการอภิเษก ตระกูลเธอเป็นนางกำนัลมาตั้งแต่รุ่นยาย  เมื่อมีการแต่งตั้งพระสนม จึงถูกเลือกให้มารับตำแหน่งนางกำนัลประจำตัว รารียังจำได้ถึงเสียงกระแทกประตูดังลั่นขององค์วิรัล ร่างสูงใหญ่ของเจ้าเหนือหัวพรวดพราดออกมาจากห้องหอ ทั้งที่เสด็จเข้าไปเพียงไม่นาน รารีทำใจกล้าเข้าไปดูพระสนมที่ถูกทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่คืนส่งตัว ก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังถอดผ้าคลุมหน้าออก  ใบหน้าแสนธรรมดานั้นหันมายิ้มอ่อน ๆ ให้กับเธอ 
‘ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ’ ประโยคง่าย ๆ ที่รารีไม่คิดว่าจะได้ยินกับท่าทางสบาย ๆ ของคนตรงหน้านั้นช่างแตกต่างกับองค์วิรัลที่เพิ่งออกไปจากห้องลิบลับ
‘ปกติองค์วิรัลจะประทับอยู่ตำหนักไหนเหรอ’
แม้จะไม่เข้าใจกับคำถามที่ไม่เหมาะกับเวลาสักนิด แต่รารีก็ตอบไป ‘องค์วิรัล ประทับที่ตำหนักหยาดหมอกทางทิศเหนือเพคะ’
‘แล้ว... ตำหนักอะไรอยู่ทางทิศใต้บ้าง’

‘ถ้าทางทิศใต้ติดกำแพงวัง ฝั่งนั้นจะเป็นหน้าผาเพคะ ส่วนมากจะเป็นสวนดอกไม้ มีตำหนักท้ายบึงแต่ว่าค่อนข้างทรุดโทรมพอดู เพราะไม่มีใครไปอยู่นานแล้ว ปกติก็ไม่มีเจ้านายพระองค์ไหนประทับเพราะเป็นตำหนักเล็ก ๆ องค์เหนือหัวองค์เก่าจะเสด็จไปประทับเวลาทรงต้องการความเงียบสงบเพคะ’
 เธราพยักหน้ารับรู้เบา ๆ ก่อนยิ้มให้คนตอบคำถาม ‘เขาให้เจ้ามาดูแลข้าใช่ไหม ชื่ออะไรล่ะ’
‘รารีเพคะ’
‘งั้นรารีช่วยเก็บเสื้อผ้ากับข้าวของของข้าให้ที มีไม่เยอะนักหรอก ข้าจะย้ายไปตำหนักท้ายบึง’
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ร่วมเกือบสองปีแล้ว รารียังเคยไม่เห็นพระสนมถวายงานองค์วิรัล หรือแม้กระทั่งเข้าใกล้ตำหนักหยาดหมอกเลยสักครั้ง ที่ตำหนักท้ายบึงนี้จะมีเพียงรารีกับเธราเท่านั้นที่ใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำ มีทหารยามผลัดเปลี่ยนมาดูแลตามหน้าที่บ้าง อาจมีนางกำนัลมาช่วยทำงาน นำอาหารและผลไม้มาให้บ้าง
ตำหนักท้ายบึงที่ตอนแรกมีเพียงตัวตำหนักเก่า ๆ  และบึงบัวร้าง ตอนนี้ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยสมุนไพรที่เธราไปสรรหามาปลูกไว้ ห้องครัวเล็ก ๆ ถูกสร้างขึ้นด้านข้าง สวนดอกไม้เก่าถูกแทนที่ด้วยผักสวนครัว บึงบัวที่เคยเต็มไปด้วยดอกบัวและปลาสวยงาม ตอนนี้กลับมีปลาหลากชนิดที่ใช้ประกอบอาหาร เครื่องทอผ้าตั้งอยู่บนระเบียง ทุกอย่างในที่นี้ล้วนไร้ซึ่งความสวยงามตามแบบวังหลวง หากทุกอณูล้วนมีประโยชน์แก่การดำรงชีวิต
    “เหนื่อยไหม” รารีหลุดจากความคิดของตัวเอง ก่อนหันไปมองคนถามที่กำลังแบกลูกนุ่นมากองรวมกันจนเป็นกองใหญ่ นุ่นแก่จัดบางลูกแตกจนลอยฟุ้งติดหน้าติดตาคนทั้งคู่ 
“เช็ดหน่อย นุ่นติดเต็มหน้าเลย” เธราบอกก่อนเช็ดหน้าให้รารีด้วยชายแขนเสื้อตัวเอง ท่าทางที่เป็นธรรมชาติด้วยความสนิทสนมเพราะทั้งสองไม่มีใครคิดอะไรเกินเลย หากไม่ใช่กับบุคคลอื่นที่แอบยืนมองอยู่เป็นครู่แต่ไม่ยอมแสดงตัว
“ทำอะไรกัน!?” เสียงที่พูดไม่ได้วางอำนาจแต่อย่างใด หากกลับเรียกความประหม่าปนตกใจได้ไม่น้อย รารีรีบก้มลงทำความเคารพแล้วถอยไปยืนหลบด้านหลัง ส่วนเธราตอนนี้ได้แต่ตกใจระคนแปลกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏตรงหน้าคือองค์วิรัล พระสวามีในนามของตัวเอง 
“ทำอะไร?” คำถามเดิมถูกส่งมาอีกครั้ง เรียกสติของคนถูกถามให้กลับมา เธราทำความเคารพองค์วิรัลก่อนตอบคำถามที่ถูกถามย้ำถึงสองครา
“เก็บนุ่นกระหม่อม”
“เอาไปทำอะไร”
“เย็บฟูกกับนวมกระหม่อม”
“ทำไปทำไม”
“จะหน้าหนาวแล้วกระหม่อม”
“นางกำนัลที่รับผิดชอบเครื่องนอนทำไม่ถูกใจเจ้ารึไง”
“หม่อมฉันไม่ได้ทำใช้เองกระหม่อม”
“งั้นทำให้ใคร” การถามตอบที่ทำท่าจะยืดยาวกลับสะดุดลงทันที่เมื่อถึงคำถามสุดท้าย 
วิรัลมองพระสนมของตัวเองเต็มตาครั้งแรก ร่างสูงโปร่งวันนี้ไม่มีผ้าพันคอคลุมหน้าอีกแล้ว ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอดูยุ่งเหยิง เสื้อผ้าที่สวมใส่คงผ่านการใช้งานมาพอสมควร สภาพที่เห็นดูดีกว่าครั้งที่แล้วจะติดก็ตรงเศษนุ่นเต็มตัวเหมือนเด็กซนๆ คนหนึ่ง นี่น่ะหรือพระสนมของเขา ทั้งตัวคนตรงหน้าไม่มีเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว หากไม่บอกก็คงไม่มีใครเชื่อว่านี่คือสนมเอกแห่งนันทานคร หรือแม้แต่บอกไปก็คงทำใจ... เชื่อยาก
“เอ่อ... คือ... หม่อมฉันทำ...ไว้ให้” เสียงที่เอ่ยออกมากระท่อนกระแท่นเหมือนเด็กกลัวโดนดุ ใบหน้าที่เปรอะปุยนุ่นเหลือบมองพระสวามีอย่างชั่งใจ
 เป็นครั้งแรกที่วิรัลเห็นดวงตาสีน้ำตาลนั้นชัด ๆ แม้ตอนนี้จะมีแววกังวลเคลือบคลุมฉายอยู่แต่มันก็สะดุดตาไม่น้อย ชายหนุ่มเลือกที่จะรออย่างใจเย็น รอฟังคนตรงหน้าตอบคำถามที่ดูจะตอบยากเสียเหลือเกิน
“ให้พวกที่อยู่ในคุกใต้ดินกระหม่อม” คำตอบเรียบง่ายหากเรียกความเงียบให้ครอบคลุมทั่วบริเวณ วิรัลเลิกคิ้วและดูเหมือนเธราจะได้ยินเสียง ‘หึ’ เบา ๆ จากคนตรงหน้า
“ข้าคิดว่าเราคงจะต้องคุยกันหลายเรื่องนะเธรา”
นี่เป็นครั้งแรกที่วิรัลเสด็จมายังตำหนักท้ายบึง สายตาคมกวาดมองทั่วบริเวณอย่างแปลกใจ ไม่มีอะไรสักอย่างที่บ่งบอกว่านี่คือตำหนักของพระสนมเอก ผู้มีสิทธิ์รองลงมาจากเขา สมุนไพรมากมายถูกแบ่งแยกหมวดหมู่ตามคุณสมบัติอย่างชัดเจน ทั้งผักสวนครัวที่แตกยอดออกผลเต็มไปหมดบ่งบอกถึงการดูแลอย่างดี
นางกำนัลประจำตำหนักนำน้ำใส่ถาดมาถวาย ก่อนถอยไปนั่งชิดผนังริมระเบียงรอรับใช้เจ้านายยามเรียกหา หากแต่ทิ้งระยะห่างพอให้ความเป็นส่วนตัว เธราเดินตามมานั่งลงตรงข้ามพระสวามี แม้จะยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแต่ดูสะอาดสะอ้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 “มีอะไรจะบอกข้าไหม พระสนมของข้า”
คำพูดที่ฟังดูธรรมดา แต่เธรากลับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของคนตรงหน้า ทำไมเธราถึงรู้สึกว่าองค์วิรัลกำลังกวนอารมณ์เขาอยู่นะ
“หม่อมฉันกำลังจะเย็บฟูกกับนวมให้พวกที่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินกระหม่อม” เธราตอบออกไปอย่างจนใจจะเลี่ยง ถ้าหากองค์วิรัลอยากรู้ยังไงสักวันเขาก็ต้องได้รู้เพราะที่นี่คือนันทานคร
“งั้นถ้าข้าถามว่าทำไปทำไมล่ะ”
“หน้าหนาวที่นี่หนาวหนักมาก คุกใต้ดินทั้งอับชื้นไม่เคยได้รับแสงตะวัน คนในนั้นต้องอาศัยนอนบนเสื่อเก่า ๆ เสื้อผ้าก็มีแค่ติดตัว พวกเขาคงทรมานน่าดู หม่อมฉันเลยคิดว่าถ้าได้ฟูกกับนวมก็คงสบายขึ้นบ้าง”
“เจ้าอาจลืมอะไรไปเธรา” กษัตริย์หนุ่มเอ่ยเสียงเรียบราวผู้ใหญ่กำลังสั่งสอนเด็กน้อย “ที่เจ้ากำลังพูดถึงคือคุก สำหรับกักขังนักโทษ ไม่ใช่วังหรือแม้กระทั่งบ้าน คนที่ติดคุกคือพวกนักโทษหากในนั้นอบอุ่นสะดวกสบาย คนพวกนั้นคงไม่เกรงกลัวการทำผิดเพราะสบายไม่ต่างจากบ้าน” 
“ถ้าอย่างนั้นพระองค์ก็อาจทรงจะลืมไปกระหม่อม” แต่เด็กน้อยตรงหน้าดูจะไม่ได้ฟังคำสอนสักเท่าไร ดวงตาสีน้ำตาลสบสายตากับคนตรงหน้าตรง ๆ ก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบ
“พวกที่ติดคุกใต้ดินไม่ใช่นักโทษ คนพวกนั้นเป็นทหารเป็นแม่ทัพนายกองของต่างบ้านต่างเมืองที่รบเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง เมื่อพระองค์ทรงทำศึกและได้ชัยชนะจึงทรงจับตัวพวกเขามาขังไว้เป็นเชลย และถึงแม้จะเป็นนักโทษจริง ๆ หม่อมฉันก็คิดว่าพวกเขาสมควรได้รับการดูแลในแบบที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรได้รับ การติดคุกคือการลงโทษให้หลาบจำ ไม่ใช่การทรมานให้ตายทั้งเป็นกระหม่อม”
เธราตอบออกไปตามที่ใจคิดแม้ลึก ๆ จะกลัวอยู่บ้าง แต่คราวนี้เขาไม่ได้เสนอหน้าไปให้องค์วิรัลทรงเห็น อยู่ดี ๆ ก็เสด็จมาหาเองแถมทรงถามอะไรเสียเยอะแยะ โดนซักไซ้มาก ๆ เขาเองก็เริ่มโมโห คำตอบเลยไม่ค่อยรื่นหูเท่าไรนัก
หลังจบคำตอบยืดยาวของเธราความเงียบก็ปกคลุมทั่วบริเวณ เงียบจนรารีที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ แทบกลั้นหายใจ หากทำได้นางคงอยากจะแทรกตัวเป็นเนื้อเดียวกับผนังไปแล้ว
คนสองคนที่กำลังเผชิญหน้ากัน ตอนนี้ไม่มีฝ่ายไหนหลบตา วิรัลอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้เขาไม่ได้โกรธที่คนตรงหน้าตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่เหมือนจะต่อว่าเขากลาย ๆ แม้เขาจะไม่ชอบคนต่อล้อต่อเถียง แต่ในใจเขากลับยอมรับว่าสิ่งที่พูดนั้นคือความจริงอีกเสี้ยวที่เขา...มองข้ามไป
สุดท้ายเมื่อหมดคำพูด ผู้มาเยือนจึงเป็นฝ่ายหันไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ แต่รสชาติที่ประหลาดฝาดเฝื่อนจนจับลิ้นก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับสำลักกระอักไอ
“แค่ก ๆ ๆ น้ำอะไร เจ้าเอาน้ำอะไรมาให้ข้ากิน” คิ้วเข้มขมวดอย่างขัดใจ น้ำสีเขียวข้นกระจายเลอะไปทั่วตัว
“รารีเอาน้ำใส่ขันมาที ขอผ้าสะอาดด้วย” เธราออกคำสั่งกับรารี ก่อนขยับตัวมานั่งข้าง ๆ องค์วิรัลอย่างลืมตัวตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ ๆ พระองค์ก็ทรงดื่มน้ำสมุนไพรเข้าไปเสียอึกใหญ่ 
“ขอประทานอภัยกระหม่อม” ชายหนุ่มพูดพลางรับเอาผ้าสะอาดชุบน้ำบิดจนหมาด เช็ดตามเนื้อตัวคนตรงหน้าปากก็พูดขอโทษขอโพยไม่หยุด “หม่อมฉันเห็นพระองค์ทรงตกลงมาจากหลังม้า กลัวว่าจะมีอาการช้ำในเลยคั้นน้ำสมุนไพรมาถวาย ไม่คิดว่าพระองค์จะทรงเสวยเลยกระหม่อม ปกติต้องผสมน้ำผึ้งเสียก่อน”
 วิรัลมองเห็นถ้วยน้ำผึ้งเล็ก ๆ วางอยู่ข้างแก้วน้ำจริง ก่อนเลื่อนสายตามามองคนตรงหน้าที่กำลังวุ่นอยู่กับการเช็ดคราบเลอะตามเนื้อตัวของเขา ผิวเนื้อส่วนใต้ร่มผ้านั้นขาวเนียนตัดกับนอกร่มผ้าชัดเจน พระองค์ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตลอดเวลาสองปีของการปล่อยปละละเลย คนตรงหน้าได้ทำอะไรไปบ้าง และใช้ชีวิตอยู่มาได้ยังไงในบ้านเมืองที่ไม่คุ้นเคย ทรงจำอะไรเกี่ยวกับคนตรงหน้าแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะโกรธมากที่โดนชนเผ่าเล็ก ๆ หลอกลวง แต่แล้วตอนนี้ล่ะไม่โกรธแล้วหรือถึงได้ลงทุนมาหา วิรัลได้แต่ถามตัวเองทั้งที่สายตาไม่ได้ละไปจากภาพตรงหน้าเลย
เธรามัวแต่สาละวนกับการทำความสะอาด จนเผลอขยับเข้าใกล้คนที่หลบหน้ามาเกือบสองปีอย่างลืมตัว มือเรียวหันไปเอาผ้าชุบน้ำและบิดให้หมาดอีกรอบ ก่อนแตะผ้าลงบนใบหน้าของคนตรงอย่างเบามือ ค่อย ๆ เช็ดอย่างตั้งใจสายตาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ จนเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดลงมาบนหน้าผาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณก็ต้องสะดุดกับดวงตาสีดำสนิทที่ทอดมองมาอยู่ก่อนแล้ว
 ‘จงทำตัวเองให้เป็นอากาศธาตุ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้า ไม่ต้องเสนอหน้ามาปรนนิบัติข้า ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าได้ยินเสียง หรือแม้กระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมของเจ้า’ คำพูดในอดีตฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง เธราผละตัวออกอย่างแรงก่อนเสียหลักตกลงไปที่พื้น ส่งผลให้ของที่วางอยู่ใกล้ ๆ ทั้งขันน้ำและแก้วตกกระจายเต็มพื้น
“ว้าย! ระวังเพคะ” รารีร้องอุทาน นางกำนัลรีบคลานเข้ามาช่วยเจ้านายของตน
“ขอทรงอภัย หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ” ชายหนุ่มละล่ำละลักตอบ ก่อนลุกลี้ลุกลนก้มหน้าก้มตาเก็บของจนมือไม้แทบพันกัน
ท่าทางตกใจจนลนลานของคนตรงหน้าทำเอาวิรัลเริ่มไม่พอใจ ท่าทางที่แสดงออกมาของเธราไม่ใช่อาการเขินอายหรือประหม่า ออกจะเป็นแนวหวาดกลัวความผิดเสียมากกว่า วิรัลไม่เข้าใจมากลัวอะไรเขาทั้งที่เมื่อกี้ยังเถียงฉอด ๆ ทำไมพอเข้าใกล้เพียงนิดถึงออกอาการเสียขนาดนั้น
“เป็นอะไร กลัวอะไรนักหนาเธรา” วิรัลลุกขึ้นคว้าแขนช่วยพยุง ร่างของเธราสะดุ้งตกใจหันไปมองคนที่อยู่ดี ๆ ก็มาคว้าหมับโดยไม่ทันตั้งตัว
“หม่อมฉันไม่ได้ อ๊ะ!!” เธราอุทาน ก่อนยกมืออีกข้างขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้าย   
“เป็นอะไร?” วิรัลเอ่ยถามพลางดึงคนตรงหน้ามาใกล้ ๆ ใบหน้าของเธราเหยเกนิด ๆ มือข้างที่กุมหน้าอกด้านซ้ายออกแรงขยุ้มลงไปก่อนจะกำมือและทุบลงไปหนัก ๆ สองสามที
“ทำอะไรเธรา เป็นอะไร” คราวนี้เป็นวิรัลเองที่ยื้อมือข้างที่ทำร้ายตัวเองของเธราไว้
“พระสนมทรงเป็นอะไรเพคะ” รารีเอ่ยถามอย่างร้อนใจในท่าทางแปลก ๆ ของพระสนม
“ไปตามหมอหลวงเร็ว!!” วิรัลออกคำสั่ง
“ไม่ต้องรารี” เธราออกปากห้าม “หม่อมฉันไม่เป็นอะไรกระหม่อม แค่รู้สึกแปลก ๆ” หันไปตอบคนที่ประคองอยู่
 วิรัลมองคนที่บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรทั้งที่คิ้วยังขมวดมุ่น “แปลกยังไง”
“หม่อมฉัน... รู้สึกว่า หัวใจมันเต้นผิดปกติเหมือนกำลังเหนื่อยหรือกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย แล้ว...แล้วหม่อมฉันก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองซ้ำไปมา”
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามอะไรต่อ คาเซกับทหารอีกสามคนก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน เขาทำความเคารพนายเหนือหัวของตัวเองก่อนหันมาทำความเคารพเธรา
“เกิดเรื่องที่ประตูวังพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันตามหาพระองค์ซะทั่ววังไม่คิดว่าจะทรงประทับอยู่ที่นี่”
“เกิดเรื่องอะไร?”
“สิงห์รากระหม่อม สิงห์ราบุกมาที่ประตูวัง ตอนนี้หม่อมฉันให้ทหารรับมือไว้ แต่คิดว่าคงต้านได้อีกไม่นาน นายกองที่มีฝีมือของเราตอนนี้ก็ออกลาดตระเวนหมดเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“สหัสน่ะเหรอ” เธราถามออกไป หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม เสียงเรียกชื่อตัวเองที่ก้องอยู่ในหัวยิ่งกังวานมากขึ้น ทำไมกันเธราเองก็ไม่เข้าใจ
วิรัลเองกลับเป็นฝ่ายที่เข้าใจอะไรเร็วที่สุด ชายหนุ่มคว้าแขนของเธราเดินลิ่วไปยังหน้าประตูวังที่กำลังเกิดเรื่องทันที
เมื่อไปถึงร่างของทหารนับสิบนอนหมดสติอยู่บนพื้น สิงห์ราตัวใหญ่ในร่างครึ่งสัตว์ถูกพันด้วยโซ่เส้นเขื่อง  ทหารสี่ห้าคนกำลังช่วยกันดึงโซ่คนละด้านอย่างทุลักทุเล ร่างที่มีเรี่ยวแรงเกินมนุษย์ออกแรงสะบัดจนทหารที่จับโซ่อยู่กระเด็นไปกองกับพื้น พร้อมเสียงคำรามอย่างขัดใจดังกึกก้อง 
“สหัส” เสียงเรียกอันอ่อนโยนดับอารมณ์คลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราดของสหัสลงได้ฉับพลัน ร่างสูงใหญ่ครึ่งสิงห์หันมามองเจ้าของช้า ๆ เสียงหอบหายใจฟืดฟาดยังดังกังวาน
เธรายกมือห้ามทหารที่เตรียมพร้อมอยู่รอบตัว ก่อนเดินเข้าไปหาสหัสที่ตอนนี้หน้าท้องด้านซ้ายอาบไปด้วยเลือดสีน้ำเงินเพราะมีกริชเล่มใหญ่ปักคาอยู่  ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ช้าๆ จ้องมองร่างตรงหน้าตาไม่กะพริบ น่าแปลกที่เขากลับรับรู้ถึงความเจ็บปวดและกังวลใจของสิงห์ราตรงหน้า อุ้งมือขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยกรงเล็บคมเอื้อมมากุมมือเจ้าของชีวิต ก่อนนำไปจับด้ามกริชที่ฝากคมไว้ในร่าง สิงห์ราพยักหน้าและคำรามเบา ๆ ในลำคอเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง เธรารับรู้ได้ทันที ชายหนุ่มกำด้ามกริชไว้แน่นแล้วออกแรงดึงจนกริชหลุดพ้น เสียงคำรามดังกึกก้องด้วยความเจ็บปวด ร่างครึ่งสัตว์กลับกลายเป็นคนเต็มตัวทันที
“ข้าบอกให้กลับบ้าน ทำไมถึงบาดเจ็บกลับมา”
 ยังไม่ทันได้คำตอบร่างตรงหน้าก็หมดสติลงเสียก่อน เธราขอร้องให้ทหารช่วยนำร่างของคนเจ็บกลับไปยังตำหนักท้ายวัง แพทย์หลวงถูกตามตัวมาทันที เมื่อทำแผลเสร็จเรียบร้อย ความสงบก็กลับมาครอบคลุมตำหนักอีกครั้ง
         ร่างของสหัสนอนหมดสติ สีหน้าซีดเผือดจากการเสียเลือดมาก มีรารีคอยดูแลทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เธรามองกริชในมืออย่างกังวล
          “เพราะพระสนมทำสัญญาเลือดเป็นนายสิงห์ราแล้ว พระองค์เลยทรงรับรู้ความรู้สึกของสิงห์ราได้พ่ะย่ะค่ะ” คาเซไขความกระจ่างให้เธรา เมื่อดูเหมือนเจ้าตัวยังกังวลกับอาการแปลก ๆ ของตัวเอง
        “ข้าพอเข้าใจนะคาเซ แต่ว่า...” เธรามีท่าทีลังเลก่อนส่งกริชให้วิรัลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “หม่อมฉันกังวลเรื่องนี้มากกว่า” 
         วิรัลมองกริชในมือก่อนขมวดคิ้ว “อักษรเวท” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเมื่อเห็นอักขระที่สลักอยู่บนกริช
        “อักษรเวทตอนนี้พวกที่ใช้ก็มีแต่พวกนอกรีต พวกพ่อมดแม่มดนี่กระหม่อม” คาเซบอกก่อนรับกริชจากวิรัลมาดู
       “ก่อนสหัสหมดสติข้ารู้สึกว่าเขาพยายามบอกบางอย่าง เสียงมันดังอยู่ในหัวเหมือนที่ข้าได้ยินชื่อตัวเอง” เธราชั่งใจอยู่เป็นครู่ก่อนเอ่ยออกไปอย่างกังวล “เขาบอกว่า...อันตราย กองทัพเลือดกำลังมา” 
     “กองทัพเลือด? กองทัพในตำนานของพวกจอมเวทแห่งกัชธา เมืองแห่งเวทน่ะรึ” เป็นวิรัลที่เอ่ยออกมา
“แต่เมืองกัชธา ปิดตัวเองอยู่หลังม่านหมอกเวทมาจะร้อยปีแล้วนะกระหม่อมหลังจากเหตุการณ์นั้น” คาเซตอบเหนือหัวของตัวเอง
       “แต่ม่านหมอกเวทเริ่มจางลงเรื่อง ๆ ติดต่อกันมาเกือบปีแล้วนะคาเซ” เธราพูดออกไป เขาออกไปหาชาวบ้านตามหมู่บ้านที่อยู่เขตชายแดนเมืองหลวงบ่อย ๆ ข่าวลือเรื่องการเจือจางของหมอกเวทเริ่มลือสะพัดมาสักพักแล้ว
       “เจ้ารู้ได้ยังไง” วิรัลถามอย่างสงสัย ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้
       “เป็นข่าวลือของพวกชาวบ้านตามชายแดนเมืองหลวงกระหม่อม”
       “เจ้าออกไปตามชายแดนเมืองหลวงรึ”
       “ใช่กระหม่อม เมื่อปีกลายไข้สามราตรีระบาด หมู่บ้านตามชายแดนเมืองหลวงป่วยกันหนัก ยาที่ส่งไปจากเมืองหลวงก็ไม่ค่อยจะถึง พวกทหารแอบเอาไปขายกันซะเยอะ กว่าจะรักษากันจนทุเลาก็เป็นเดือนกระหม่อม”
         “เจ้าจะบอกว่ามีทหารลอบนำของหลวงไปขาย ชาวบ้านเจ็บป่วยกันหนักหนาแต่ข้าไม่เคยรู้เลยสินะ” วิรัลเอ่ยขึ้นมา ส่งผลให้คนที่เพิ่งหลุดปากพูดออกไปตาโตรีบแก้ตัว
        “เอ่อ...หม่อมฉันไม่ได้ว่าพระองค์เอาแต่ทรงออกรบจนละเลยประชาชนนะกระหม่อม” คำแก้ตัวที่เหมือนจะฝังกลบตัวเองลงดินมากขึ้นทำเอาเธราอยากตีปากช่างพูดให้หนักสักที คาเซที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงขั้นหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจคนโดนว่าที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้าง ๆ
         “เธรา...นับตั้งแต่พรุ่งนี้ เจ้าจะต้องขึ้นไปหาข้าที่ตำหนัก และเขียนรายงานให้ข้าวันละหนึ่งเรื่อง ว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาเจ้าทำอะไรไปบ้าง บอกข้าหน่อยพระสนมของข้า ว่านอกจากเรื่องรบที่ข้าถนัดมีอะไรที่ข้ายังไม่รู้”
คำสั่งกะทันหันที่ได้รับทำเอาเธราหน้าเหวอ ชายหนุ่มหันไปหาคาเซอย่างต้องการตัวช่วยแต่ดูเหมือนไม่ได้ผลเมื่อคาเซส่ายหน้าให้อย่างไม่ไยดี
        “แต่ว่ากระหม่อมมีงานต้องทำ”
        “ขึ้นไปหลังเจ้าทำงานเสร็จ หากงานที่เจ้าว่ามันเยอะนักให้นางกำนัลมาช่วย”
       “แต่ว่า...”
           “นี่เป็นคำสั่ง!” วิรัลพูดสั้น ๆ ก่อนเดินจากไปโดยไม่สนใจคำโต้แย้งอีก
          “คาเซ ข้าไม่อยากไป” คนโดนลงโทษหันไปบอกคาเซอย่างจนปัญญา
           “เจอกันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะพระสนม หม่อมฉันจะให้นางกำนัลเตรียมชากุหลาบที่พระองค์ทรงโปรดไว้ถวาย” คาเซทำความเคารพก่อนเดินตามวิรัลไป ไม่ได้สนใจพระสนมเอกที่ทำท่าจะเป็นจะตายเลยสักนิด
 :katai4: :katai4: :katai4:

***
มาต่อแล้วคะ ชอบไม่ชอบยังไงติชมคอมเม้นบอกกันได้เลยค่าา จะปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ
**ขอบคุณที่่รัก เธรากันนะคะ
ฝากเธรากับวิรัลด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นแฟนตาซี อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่าา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 00:22:06 โดย primprie »

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เธราเข้าถึงประชาชนมากจริงๆ องค์วิรัลคงไม่ค่อยถนัดกับการคลุกคลีกับชาวบ้าน สิ่งที่เธราทำต้องเป็นประโยชน์กับแผ่นดินแน่นอน สู้ๆ เอาใจช่วยเธรา อยากจะให้วิรัลคลั่งเพราะเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากเธราจริงๆ 555 ขอเอาคืนบ้าง

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เดินเรื่องสนุก.. รอติดตามนะ!

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เธราน่ารัก~

แต่โดนวิรัลแกล้งซะแล้ว ลำบากใจจริ๊งงงง

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ pimBNY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
หมั่นไส้ไปไล่เค้าเอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด