บทนำ
“สิ้นเดือนนี้กูจะย้ายไปอยู่กับแฟน” เหมือนมีฟ้าผ่าในขณะที่ท้องฟ้ายังแจ่มใส ผมยิ้มยินดีกับเพื่อนร่วมห้อง บอกมันว่าดีใจด้วย จะย้ายวันไหนขอให้บอกจะแลกเวรที่ร้านมาช่วยขนของ แต่ข้างใน หัวใจเท่ากำมือที่ใครเปรียบเทียบเอาไว้เหลือเท่าเม็ดกรวด สมองน้อยๆ ของผมปั่นป่วนเมื่อคิดถึงวันข้างหน้า ค่าห้องราคานี้ผมจะอยู่คนเดียวได้ยังไง
แต่เอาเถอะในเมื่อเพื่อนมีความสุขผมก็ควรยินดี ปัญหาแค่นี้ผมผ่านไปได้อยู่แล้ว มีสองทางให้ผมเลือก คือหนึ่งหาเพื่อนร่วมห้องใหม่กับสองเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ แม้จะยากเย็นแต่ก็พอเป็นไปได้
“ผมไม่ได้กวนตีนลูกค้าเลยนะพี่อรรถ สุภาพกว่านี้ก็พูดกับพระสงฆ์องค์เจ้าแล้ว”
“ผมไม่ขอโทษผมไม่ได้ผิด”ครับ อย่าถามผมว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น เรื่องคงเดาได้ไม่ยาก ผมพยายามนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดบ้าง ก้าวเท้าออกจากห้องด้วยขาข้างไหน ตาขวากระตุกบ้างหรือเปล่า หรือได้ยินเสียงจิ้งจกตุ๊กแกทักบ้างไหม แต่ดูเหมือนบางอย่างสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีสัญญาณเตือนภัย ชีวิตสงบสุขของผมหายไปในพริบตา
เพื่อนร่วมห้องหาย งานพิเศษถูกไล่ออก เสียงถอนใจดังเบาๆ รอยยิ้มของผมลอยไปไกล ได้แต่โบกมืออำลา
แต่ถึงกระนั้นชีวิตก็ยังต้องสู้ ผมตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ร้านกาแฟที่หมายตา คิดในแง่ดีผมอยากมาสมัครงานที่นี่ตั้งแต่เห็นประกาศรับสมัคร เพราะร้านตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยที่ผมเรียน ต่อไปชีวิตน่าจะสบายขึ้นเพราะไม่ต้องเร่งรีบเดินทาง ผมว่าคนเราควรมองโลกในแง่ดีเข้าไว้
สิบเก้านาฬิกาสามสิบนาที ผมก้าวขาออกจากร้านกาแฟ OVER THE MOON ดูเหมือนว่าวันมหาซวยของผมยังดำเนินต่อไป ร้านเพิ่งรับคนเข้าทำงานได้ไม่นาน ไม่มีที่ว่างสำหรับผม
ผมเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน ถัดจากร้านเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ บางทีการเดินเล่นสักนิดอาจทำให้ผมคิดอะไรออก
ผมเดินผ่านลานจอดรถหน้าสวน สายตาปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษา ต่อให้ไม่เคยทักไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ผมจำผู้ชายคนนี้ได้แน่นอน “ตฤน” นักศึกษาชั้นปีที่สองคณะเศรษฐศาสตร์ ชายหนุ่มที่เป็นทั้งเดือนคณะเดือนมหา’ลัย และพ่วงตำแหน่งนายแบบน้องใหม่มาแรง ผู้น่าจับตาของวงการ
ท่าทางหัวเสียของอีกฝ่ายทำให้ผมชะงักฝีเท้า ยอมเสียมารยาทหันกลับไปมอง อยากรู้ว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มมาดเท่อย่างตฤนออกอาการ
ชายหนุ่มยืนจ้องรถคันหรู ยี่ห้อแพงลิบลิ่วที่ก้นของผมไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตด้วยสีหน้าหงุดหงิด ร่างสูงเดินไปเดินมาอยู่ครู่ใหญ่ ผมเดาว่าเจ้าตัวเข้ารถไม่ได้ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตาม
“โธ่เว้ย” เสียงสบถดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเตะประตูรถดังเปรี้ยง ก่อนที่เสียงร้องโอดโอยจะดังตามมา
ผมต้องรีบหลบ กลั้นหัวเราะจนปวดแก้ม เมื่อร่างสูงยกขาขึ้นจับ กระโดดโหยงเหยงเป็นกระต่ายขาเดียว เตะเข้าไปได้ยังไงวะ รถยิ่งแพงเหล็กยิ่งแข็งไม่รู้หรือไง
ชั่วขณะนั้นผมลืมเลือนเรื่องทุกข์ใจไปสิ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ลอดออกมาเบาๆ แสงจันทร์สาดส่องผ่านเมฆลงมา ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เออหนอ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่แย่ เพราะแม้แต่คนที่มีชีวิตดีกว่าผมเป็นสิบเท่าก็ยังมีวันที่แย่ไม่ต่างกัน ใจที่กำลังห่อเหี่ยวรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง ก็แค่ต้องหาวิธีผ่านมันไปให้ได้ก็เท่านั้น จะมามัวทุกข์ใจอยู่ทำไม
ผมสะบัดศีรษะไปมา ร่างกายที่หมดกำลังกลับมาสดชื่นอีกครั้ง ก่อนเดินจากมาผมหันกลับไปมองร่างสูง ภาวนาให้อีกฝ่ายจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้สำเร็จ
แล้วมันก็จะผ่านไป ประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอ ผมได้งานใหม่ในวันต่อมา และยังได้รับการแนะนำห้องเช่าในราคาพอเหมาะพอดีกับกำลังทรัพย์จากเจ้าของร้าน ชีวิตของผมกลับมาดำเนินตามปกติ
“พี่ตฤน แกชั้นอยากได้”
“ซื้อเลยเดี๋ยวหมด”
ผมมองหน้าปกนิตยสารที่วางอยู่บนแผงหนังสือ รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
“แก~ ปกว่าเท่แล้วข้างในเท่กว่าอีก”
เสียงตื่นเต้นลอยมาตามลม ภาพผู้ชายเท่กระโดดโหยงเหยงร้องลั่นผุดขึ้นมาในหัวของผม ป่านนี้คนเท่จะเป็นยังไงบ้าง หวังว่าจะยังสบายดีทั้งรถทั้งคน
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin