ตอนที่1 “มึง กูเสียใจ”
ผมพาร่างกายอันไร้เรี่ยวแรงปีนขึ้นเตียงของซังได้สำเร็จ ห้องของมันเป็นเพียงหอพักแคบๆราคาครึ่งหมื่นต่อเดือนเหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว อันที่จริงรุ่นพี่ที่คณะจะพาผมไปเลี้ยงฉลองที่ประสบความสำเร็จในการประกวดแต่สติผมพังไปแล้วจึงบอกปัดไปและตกอยู่ในภาวะเดินทางกลับบ้านไม่ไหวจึงต้องมาฝากชีวิตไว้กับห้องของเพื่อนหนึ่งคืน
สองมือกอดช่อกุหลาบแน่น เปลวเพลิงแห่งความคับแค้นสุมอก
“มันแกล้งกู”เจ้าช่อดอกไม้นี้มีทั้งหมด 69 ดอก มีเขียนแปะเอาไว้ด้วยความหวังดีจะได้ไม่ต้องนั่งนับซะด้วย
และเพราะไอ้ 69 ดอกนี่แหละคะแนนโหวตของเดือนคณะเภสัชคนนี้เลยขึ้นนำ
ผมได้รางวัลป๊อปปูล่าโหวต สถาปัตถ์ได้ที่สาม ส่วนที่สองเป็นของคณะวิศวะ ที่หนึ่งเกลียดมากไม่ขอเอ่ยถึง
“กูเกลียดมันๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“เพลิน มึงพอเลยกลีบดอกไม้ของสุดที่รักมึงกระจายเต็มเตียงกูแล้วเนี่ย”
“ที่รักเชี่ยไร!?”
“ไม่ใช่เหรอไง เห็นให้ดอกไม้เขากลับด้วยนี่”
“อ๊ากกกกกกก มึงหยุดพูดก่อนที่กูจะเอาตีนยัดปากมึง!!! ไอ้ครอส ไอ้ไม้กางเขน! ไอ้เลวมันแกล้งกู! มันต้องกลัวว่ากูจะชนะเลยใช้แผนสกปรกเอาดอกไม้มาให้กูจะได้รางวัลอื่นไปแน่ๆ! มันร้ายกาจ ฮึ่ยๆๆๆ”ผมส่งดอกไม้ให้เจ้าของห้องแล้วก็ลงไปดิ้นกระแด่วๆบนเตียงอย่างเด็กถูกแย่งอมยิ้ม
“คนที่เห็นเป็นอย่างนั้นก็มีแค่มึงนั่นแหละ”
“แล้วคนอื่นเขาเห็นยังไงกัน”ผมหยุดมือที่กำลังทำร้ายหมอนข้าง เงยหน้ามองเพื่อนตาใสหน้าซื่อ แต่คุณเพื่อนกลับทำหน้าเพลียปัดมือไปมากลางอากาศ
“เอาเถอะ เรื่องนี้พักไว้ก่อน กูง่วงละขออาบน้ำก่อนนะ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องดินี่กูหงุดหงิดจริงจังนะเว้ย พี่นารายณ์ของกูเขาดูไกลกว่าเดิมอีกว่ะ”
“ถึงได้บอกว่าให้พักเรื่องนี้ไว้ก่อนไง พูดไปมึงก็เครียดเปล่าๆ ลองตั้งสติสักคืนแล้วค่อยคิดหาวิธีทำความรู้จักกับพี่เขาทางอื่นก็ได้”
“อืม...ก็ได้ มึงจะช่วยกูใช่ไหม”
“ไม่ช่วยมึงแล้วจะให้ช่วยแมวที่ไหน”
“เย้ ซังน่ารักที่สุด!”
“ไปไกลๆตีนเลยอย่ามากอด กูขนลุก”มันทำท่ารังเกียจผลักหัวผมที่โดดไปซุกพุงมัน”เออ พรุ่งนี้หมอมีประกวดดาวเดือนคณะ มึงจะไปดูมะ เปลี่ยนบรรยากาศ”
“หืม? อ่อ ไปดิๆ เรียนด้วยกันกูก็อยากรู้ว่าคนที่กูเล็งไว้จะได้เป็นเดือนไหม”
คณะสายสุขภาพทั้งหมดปีหนึ่งจะเรียนรวมกันตัดเกรดรวมกันซึ่งคลาสของผมก็เรียนรวมกับคณะแพทย์และทันตะซึ่งมันเป็นหายนะทางการศึกษาของผมมาก
ต้องมาตัดเกรดรวมกับสองคณะนี้พวกเราชาวเภสัชจะเอาอะไรไปสู้?
ความสุขอย่างเดียวก็คือได้ส่องเด็กต่างคณะ อิอิ
“ชักแรดใหญ่แล้วนะเรา มีเล็งหมอไว้ด้วย?”
ผมไม่เถียง แค่สะบัดหน้าเช๊อะ!แล้วหันไปมองทางอื่น ซังกระตุกยิ้มอย่างคนรู้ทันก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ช่วงบ่ายวันถัดมาอันเป็นคาบพร้อมใจกันว่างของเด็กหลายคณะจึงมีนักศึกษาหลายคนมารวมกันอยู่ที่ลานน้ำพุเพื่อดูคณะที่ฉลาดที่สุดในมหาวิทยาลัยเลือกคนที่หน้าตาดีที่สุดกัน
“เพลิน!! ทางนี้จ้า ทางนี้ๆๆๆ”เสียงของหวานตะโกนเรียก เนื่องจากเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่ถึงสองสัปดาห์แถมคณะเภสัชก็ไม่ได้มีรับน้องอะไรกะเขาด้วย คนในคณะเลยต้องทำความรู้จักกันเองและผมกับหวานก็พึ่งรู้จักกันเมื่อคืนวาน
ซังนำผมเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนในคณะกลุ่มใหญ่ มีบางคนที่ผมไม่รู้จักชื่อแต่ทุกคนดูจะรู้จักผมดี เพราะคำแรกที่ไอ้แว่นปากหมายังไม่ทราบนามทักผมก็คือ
“ไงเพลิน ช็อตให้ดอกไม้เมื่อคืนตรึงใจกูจนเอาเก็บไปนอนฝันเลยว่ะ ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
“อย่าพูดถึงมันเลย”ผมได้แต่ตอบกลับเสียงอ่อน ซังแอบหันไปหัวเราะคิกคักชอบใจกับหวานสองคน”โทษทีนะที่ไม่ได้ที่หนึ่ง”
“โอ๊ย คิดอะไรมากมาย แค่นี้ก็เจ๋งแล้ว ถ้าอย่างเพลินยังเอ่ยปากขอโทษคุณดาวคณะเราคงต้องยื่นจดหมายขอขมาโทษฐานที่ตกรอบแรก ฮ่าๆๆๆ”หวานพูดพลางหันไปแซวเพื่อนของตน ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหวานก็คือสาวสวยประจำคณะ แม่แก้วนั่นเอง
“หวานใจร้าย!”แม่แก้วตีแขนเพื่อนตัวเองด้วยท่าทางน่ารัก ผู้ชายในคณะหลายคนมองตามกันตาเยิ้มเชียว
ว่าแต่...คนอะไรชื่อแม่แก้ว? อย่างงี้น้องชายไม่ชื่อพ่อแก้วหรือลูกช้างรึไง
“ไม่ต้องเสียใจไปนะครับแก้ว สำหรับโจ้แล้วแก้วเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ”ดูเหมือนไอ้แว่นนั่นจะชื่อโจ้และหน้าหม้อไหกะละมังมาก
“อย่าเลย ดูแค่ว่าที่หมอทั้งหลายตรงนั้นเราก็สู้ไม่ได้แล้ว”คนสวยปฏิเสธอย่างมีมารยาท เธอเบนความสนใจของพวกเราไปยังกลุ่มผู้เข้าประกวดที่ยืนเรียงคิวกันขึ้นไปแนะนำบนเวทีสั้นๆ ดูเหมือนจะไม่มีการแสดงโชว์อะไรนะ อารมณ์ประมาณทำให้จบๆไปพอเป็นพิธี วิธีโหวตก็ให้เขียนชื่อใส่กระดาษแล้วหย่อนกล่องเอาเหมือนกำลังเลือกตั้งกันมากกว่า
“จริงว่ะ เด็ดๆทั้งนั้น”ซังกล่าว ใครว่าเด็กคณะเภสัชติ๋มนี่ผมขอเถียง มีแต่พวกหื่นเงียบทั้งนั้น
“กูว่าแพรชนะ”โจ้ออกความเห็น
“ไม่นะกูว่ามะนาว”ซังเถียง
และอีกสารพัดชื่อถูกเสนอขึ้นมาในวงสนทนา เพราะพวกเราเรียนรวมกับหมอและทันตะก็เลยรู้จักตัวท็อปของสองคณะนี้พอสมควร
“แล้วมึงล่ะเพลิน คิดว่าใครจะชนะ”
“เหอ...”พอถูกยิงคำถามใส่ผมก็อุทานแบบมึนๆ กลอกตาไปมาเพื่อนึกถึงคนที่เล็งเอาไว้”กูว่า
แวน”
“...”
อ้าว...ไหงเงียบกันหมดเลย
ไอ้ซังเห็นท่าไม่ดีเลยขยับมากระซิบข้างหูผมเบาๆว่า
”เขาถามถึงผู้หญิง มึงเสล่อพูดชื่อตัวผู้มาทำไม!?” อุ่ย...เผลอเผยธาตุแท้
“อ้อออ...หมายถึงแฟนของแวนไง ที่ชื่อ
ซันนี่น่ะ ฮ่ะๆๆๆ”ดีที่ไอ้หล่อของผมมันควงสาวสวยเช้งมานั่งเรียนด้วยทุกวันเลยหาทางแถเนียนได้อีก
“เพลินเปิ่นจัง บ้าเหรอซันนี่เขาเรียนทันตะ เป็นดาวด้วยเพลินไม่เห็นตอนประกวดเหรอ? ไม่ได้เรียนหมอสักหน่อย อ๊ะ แต่วันนี้ก็มานะ นั่นไง”แม่แก้วรีบชี้ไปยังร่างบางซึ่งยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่สวยไม่แพ้กันไม่ไกลจากพวกเราเท่าไหร่นัก
และทันทีที่สายตาของผมจรดกับใบหน้าหวานแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางของเจ้าหล่อน ก็มีไอ้ตัวเกะกะแทรกฝ่าฝูงชนเข้ามาทักทายเธอ
“ซันนี่มาอยู่นี่เอง หาตั้งนานแหนะ”
“ขอโทษนะครอส พอดีเพื่อนซันนี่เขาแวะเข้าห้องน้ำเลยมาช้า”
โลกมันกลมหรือมหาลัยมันแคบ? ทำไมผมต้องมาเจอคนที่เหม็นขี้หน้าที่สุดติดๆกันสองวันด้วย!?
ผมขมวดคิ้วมองร่างสูงที่เพียงก้าวเข้ามาภายในลานน้ำพุก็สามารถดึงความสนใจของผู้คนจากเวทีประกวดมายังตนเองได้แม้เพียงอึดใจแต่ก็น่าหมั่นไส้
ชั่วพริบตานึงครอสเงยหน้าขึ้นมาและสบตากับผม
เชื่อว่าไม่ได้คิดไปเองเพราะผมเห็นประกายในแววตาคู่นั้นไหววูบก่อนจะกลับเป็นปกติและหันไปคุยกับกลุ่มสาวๆต่อ
เห้ยๆๆๆๆๆ นี่คนที่มึงให้ดอกไม้เมื่อวานยืนหัวโด่อยู่นี่นะเว้ย ช่วยแสดงท่าทีว่าเคยเจอกันมาก่อนสักนิดก็ยังดี! กูมีเรื่องจะด่าเยอะเลย
“ซันนี่รู้จักกับคนหล่อขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย”เพื่อนของซันนี่รีบเสนอหน้าเข้ามาแนะนำตัวทันที
เก็บอาการหน่อยแม่คุณ
“ตรงนั้นว่าง ไปนั่งกันมะ”ด้วยความเมื่อยผมเลยชวนเพื่อนไปนั่งกับม้านั่งไม้ตัวยาว และด้วยความสุดแสนจะบังเอิญตำแหน่งนั่งของผมก็เลยโคตรใกล้กับกลุ่มนั้นทำให้ได้ยินบทสนทนาอย่างเสียไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากแอบฟังอะไรหรอกนะ!
“เราเป็นเพื่อนสนิทของไอ้แวน แฟนของซันนี่ตอนม.ปลายน่ะ นี่ก็มาเชียร์มันเนี่ย การประกวดไปถึงไหนแล้ว ไอ้แวนมันน่าอิจฉาชะมัด มีแต่คนสวยๆมาให้กำลังใจ”
“ดูพูดเข้า เราเขินแย่เลย”
“เขินเยอะๆสิครับ เวลาเขินน่ารักดีนะ”
เชี่ยยยยยยยย พูดกับผู้หญิงเสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะมึง หมั่นไส้ว่ะ มีการเล่นหูเล่นตาด้วย ไอ้เหี้ยนี่ต้องเป็นผู้ชายเจ้าชู้แหง
“มาหยอกอะไรเพื่อนแฟนกู คณะตัวเองไม่มีให้จีบรึไง”ฉับพลันเสียงทุ้มก็ดังแทรกเข้ามาในบทสนทนา ผู้มาใหม่คือหนุ่มร่างสูงโปร่ง มีกล้ามพอให้ไม่เก้งก้าง อาจจะหนากว่าผมหน่อย เตี้ยกว่าครอสนิด แต่ออร่าผู้ดีจับมาก หล่อกว่านี้มีแค่พี่นารายณ์คนเดียว
“เชี่ยแวน มึงมาหวงก้างอะไรกู ประกวดเสร็จแล้วรึไง?”
“แนะนำตัวเสร็จแล้ว เหลือแค่นับคะแนน”
“ท่าทางมั่นใจดีนี่”
“ก็คงงั้น เพื่อนกูได้เป็นถึงเดือนมหาลัยแล้วไง แถมยังก่อวีรกรรมไว้ซะเด่นกูจะมาแพ้แค่นี้ได้ไงจริงไหม”
พาดพิงตรูนี่หว่า
“ฮ่ะๆๆ เป็นเดือนไม่ได้อะไรนอกจากความวุ่นวายหรอกมึง เก็บเวลาไว้เรียนวิชาหมอของมึงเถอะเพื่อน”
“จะว่าไปไหงมึงที่เรียนเก่งกว่ากูถึงโดดไปเรียนมนุษย์ได้ว่ะ”แวนของผมขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้าจริงจัง อื้อหือ ผู้ชายอะไรตีหน้าเครียดแล้วยิ่งหล่อ แถมได้มายลโฉมใกล้ๆแบบนี้ทำบุญมาดีจริงๆผม
“ก็หมอมันเรียนหนักนี่หว่าจบไปแม่งต้องทำงานหนักอีก ขัดกับไลฟ์ไสตล์กูสุดๆเลย สู้เอาเวลาไป...”
ไปอะไร?
ครอสจงใจลากท้ายเสียงให้ยาวขึ้นชวนให้อยากรู้ว่าจะพูดอะไรต่อ แต่แทนที่สายตาของมันจะโฟกัสอยู่กับคนที่คุยด้วยนัยน์ตาสี่ดำพราวระยับคู่นั้นกลับปรายมาทาง...ผม?
“สู้เอาเวลาว่างไปตามจีบคนที่ชอบดีกว่าเน๊อะ~” “!!!”
สิ้นคำเหมือนมีคนไปกดสวิตส์สั่งการอะไรเข้า ทั้งเพื่อนของผมและเพื่อนของซันนี่พร้อมใจกันหันพรึ่บ!มายังผมเป็นตาเดียว!
ขอมอบเครื่องหมายอัศเจรีย์แทนความรู้สึกที่มีทั้งใจ
วอท เดอะ ฟร้าคคค!?
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”ท่ามกลางความเงิบของผม ไอ้เพื่อนตัวดีก็แผดเสียงหัวเราะลั่น ผมลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งโมโหทั้งอาย ชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังเบ้าหน้าหล่อๆของอีกฝ่าย
“อ้าว? นั่นเพลินนี่ นั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่จำได้ไหมครอสที่ให้ดอกไม้เมื่อวานไง”
มัน!กำ!ลัง!กวน!ตีน!
“จำไม่ได้ก็ควายแล้ว”ผมย้ำเสียงหนักๆตรงคำว่าควาย อยากจะด่าแต่ติดที่ยังไม่สนิทกันถึงขั้นเล่นหัว เห็นอย่างนี้ผมก็เป็นคน(ไม่สู้คน)มีมารยาทพอตัว
“เมื่อคืนนี้ยินดีด้วยนะ”ครอสผละตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน เดินสองสามก้าวก็มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าผม
“ไม่หรอกๆ มึงเจ๋งกว่าเยอะเลย ยินดีด้วยนะ”เกลียดความไม่สู้คนของตัวเองจริงๆเถอะให้ตาย ทำไมผมต้องมายืนฉีกยิ้มหวานส่งให้ไอ้บ้านี่อย่างนี้ด้วยเนี่ย ด่ามันสิ ต่อยมันให้สาแก่ใจเลย ยัง! ยังไม่หยุดยิ้มอีก มือบ้านี่จะยกขึ้นมาเกาท้ายทอยทำไมวะ แล้วตาอ่ะ เฉมองพื้นเพื่อ? จิกใส่ไอ้บ้าตรงหน้าเอ็งไปเสะ!
เชี่ยซังแม่งขำจนขาดอากาศหายใจตายห่าไปแล้วมั้งป่านนี้
“วี๊ดวิ๊วๆๆๆๆ”เสียงเห่าหอนดังมาจากปากของไอ้แว่นโจ้ มันและกลุ่มผู้ชายเพื่อนมันผิวปากแซวอย่างพร้อมเพรียง
”จะสานต่อเรื่องเมื่อคืนกันเหรอครับหนุ่มๆ”
โมโหเว้ยยย โมโหตัวเองที่ยืนบิดไปบิดมาเหมือนสาวน้อยวัยกระเตาะนี่แหละ!
“อ่า...โดนเข้าใจผิดจริงๆด้วยแฮะ จริงๆแล้วเมื่อคืนนี้กูตั้งใจจะ...ช่างเถอะ...เนี่ย ติดใจเลยตามมาจีบต่อ เนอะเพลินเนอะ”คำแรกฟังดูเหมือนครอสพูดกับตัวเอง แต่ความจริงแล้วแม่งพูดโคตรดังเหมือนอยากให้ได้ยินครบทุกคน หน้ามันกะล่อนแปลกๆ มีแผนอะไรอยู่กันแน่
“เหอๆ”ผมจนด้วยคำพูด
“คณะเภสัชเราเก็บค่าสินสอดแพงนะเว้ย จะมาสู่ขอเมื่อไหร่อย่าลืมเตรียมค่าเลี้ยงดูมาให้พ่อตาอย่างกูด้วยล่ะ”โจ้กล่าวซะเหมือนกับมันสนิทกับผมมานานนม เชี่ยซังเพื่อนรักผมยังไม่เห็นพูดอะไรเลย เอาแต่โก่งตัวคดตัวงอขำลูกเดียว แม่ง...ตลกมากมั้ย กูไม่ใช่โน้ต อุดม
“แบบนี้มีหวังเด็กมนุษย์จนๆได้เป็นม่ายขันหมากกันพอดี”
“ฮ่าๆๆๆ”แล้วจากนั้นก็พร้อมใจกันขำผสานกับเสียงของไอ้ซัง
เชี่ยครอสสนิทกับเพื่อนในคณะผมเร็วกว่าผมซะอีก แค่เวลาสิบกว่านาทีมันก็พูดกับทุกคนจนครบ อัธยาศัยดีเว่อร์ ผมได้แต่ยืนคิ้วกระตุกอยู่เฉยๆเป็นไอ้ใบ้เสียสติ
พิธีกรเริ่มดึงความสนใจจากผู้ชมดูเหมือนจะประกาศรางวัลกันแล้ว ผมหันไปมองทางเวทีทันทีด้วยความที่ไม่รู้จะเอาสายตาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน
ผมปลีกตัว เขยิบออกมาจากกลุ่มเพื่อนที่ชักจะเสียงดังเกินไปหนึ่งช่วงเสา
“ขอเสียงสาวๆหน่อยเร๊ววว คิดว่าใครจะชนะกันเอ่ยยยย” “แวนนนนนนนนน”โอ้โห สายตาของผมไม่มีพลาดจริงๆ ดูท่าเกือบทุกคนที่มาชมงานนี้จะเห็นพ้องต้องกันว่าแวนสมควรได้รับตำแหน่งเดือนคณะแพทย์
“ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบ เดือนคณะเดินออกมาโชว์ตัวหน่อยเร๊ววววว” อิพิธีกร มึงทำซะเป็นเกมส์โชว์เลยนะ
แวนที่ถูกเรียกเดินออกมาด้านหน้าด้วยสีหน้าอึนๆ ดูเหมือนจะตกใจที่ประกาศผลกันแบบไม่มีลูกเล่นลีลาอะไรเลยแบบนี้ ร่างสูงกล่าวขอบคุณด้วยสคริปที่โคตรเป็นงานเป็นการสมกับบุคคลิคเจ้าตัวเผลอๆคนไม่รู้เรื่องเดินผ่านมาคงเข้าใจผิดว่ากำลังเลือกตั้งสโมสรนักศึกษากันอยู่ จากนั้นพิธีกรก็เตรียมเรียกดาวคณะออกมา
แต่ก็นั่นแหละ อย่างที่รู้กันว่าผมไม่สนใจ ฮ่าๆๆๆ
“แวนแม่งเอาจนได้”โดยไม่รู้ตัว ไอ้ครอสมันก็มายืนทำหน้าภูมิอกภูมิใจในตัวเพื่อนตัวเองอยู่ข้างๆ ร่างสูงเอนตัวพิงเสาต้นเดียวกับผมล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง ท่าที่ดูเป็นธรรมชาติและเท่สัดๆ
“อืม”ไม่แน่ใจว่ามันพูดกับใคร แต่ก็ตอบรับสักหน่อยตามมารยาท
“เพลิน”
“หืม?”
“พรุ่งนี้เย็นว่างไหม”
“ไม่”อันที่จริงแล้วโคตรว่างเลย เลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสามละ
“ห้าโมงพวกพี่นารายณ์...เอ่อ กูหมายถึงพวกดาวเดือนที่ได้รางวัลปีก่อนๆเขานัดเลี้ยงน่ะ แต่หาทางติดต่อมึงกันไม่ได้”
“งั้นกูว่างละ”
“หึหึ คนเห็นแก่กิน”
มึงผิดละครอส ที่จริงกูเห็นแก่ผู้ชาย ฮ่าๆๆๆๆๆ
“งั้นรอหน้าคณะนะ เดี๋ยวมารับ”
“ได้ๆ”ผมตบปากรับคำไปโดยอัตโนมัติ คำตอบของผมเรียกรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“งั้นไปก่อนนะ”ครอสเดินไปหาเพื่อนของตัวเองซึ่งเดินเข้ามาหาพอดี ได้ยินแว่วๆว่าคุณเดือนสองคณะจะไปฉลองปิ้งย่างกันที่ไหนต่อก็ไม่รู้
สิ่งเดียวที่สมองของผมรับรู้หลังจากใช้เวลาประมวลผลนานไปหน่อยนั่นก็คือ...
กูตกลงให้มันมารับทำไมวะ!?
“มึง กูเกลียดมัน”
ผมพาร่างกายอันไร้เรี่ยวแรงปีนขึ้นเตียงของซังได้สำเร็จ ห้องของมันที่กลายเป็นที่ซุกหัวนอนของผมอีกหนึ่งคืนยังคงคับแคบเหมือนเดิม สติผมพังอีกแล้วเพราะคนเดิมๆ ภาวะเดินทางกลับบ้านไม่ไหวเลยกำเริบขึ้นอีกรอบ
สองมือกอดหมอนข้างแน่น เปลวไฟแห่งความแค้นสุมอก
รู้สึกเหมือนเดจาวูกับเมื่อวาน
“ถึงบอกกู กูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้”
“อย่างแรกคือช่วยเลิกหัวเราะเวลากูถูกแกล้ง”ผมพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ มีอย่างที่ไหนไม่ช่วยแล้วมาซ้ำเติมกัน
“คงไม่ไหวว่ะ มึงอยากเด๋อด๋าตามไม่ทันเวลาโดนแกล้งทำไมวะ คนเขาก็ยิ่งแกล้งดิ แล้วยิ่งมึงออกอาการดีดดิ้นอยากจะเอาคืนแต่ทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ นั่นแหละ...ก็ยิ่งตลก”
“เชี่ยซังงงงงงงง!!”
“เสล่อไปนั่งมองเขาหยอกผู้หญิงตาขวางขนาดนั้นชาวบ้านเขาก็คิดว่ามึงหึง! หวานกับแม่แก้วนี่นั่งลุ้นกันตัวโก่งเลยว่ามึงจะโดดเข้าไปตบเจ๊กลุ่มนั้นไหม มึงยังไม่รู้สึกตัว”
“จะบ้าเหรอ กูเนี่ยนะหึงมัน!?”
ผมปล่อยไก่แบบไม่รู้ตัวไปกี่ฟาร์มแล้ว?
“ที่สำคัญเสือกแยกกลุ่มไปยืนอยู่คนเดียว แบบนี้มันอ่อยชัดๆ”ไอ้ซังยังคงพรรณนาความเสล่อแป๊ะของผมต่อไป”แล้วพอเขาเข้าไปทักก็เสือกคุยด้วยเสียงอ่อน ชวนไปกินก็ตอบตกลง บอกว่าจะมารับก็โอเค โหยยย เป็นใครก็คิดว่ามึงมีใจ”
“เหอ...”ผมร้องเสียงหลงเมื่อเอะใจว่าเพื่อนเริ่มพูดอะไรแปลกๆ
“มันจีบกูอยู่เหรอ!?” “พึ่งรู้ตัวเหรอครับควายเพลิน” “!!!!”
" " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " "
แฮ่ๆ ตอนนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาเยอะ
แต่ตัวละครหลักๆจะทำตัวหนาไว้นะคะ ที่เหลือนั่นตัวประกอบ 5555
ขอสวัสดีปีใหม่ไว้ล่วงหน้าเลยละกันนะคะ ตอนหน้าเจอกันปีหน้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับทึกความเห็นและทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เรานี่นั่งอ่านคอมเม้นต์ไปยิ้มแก้มปริไป 