♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ไหนๆ นิยายใกล้จะจบแล้ว เลยสอบถามความสนใจรวมเล่มค่ะ

สนใจ
ไม่สนใจ
รวมก็ดี ไม่รวมก็ได้

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25  (อ่าน 266751 ครั้ง)

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








คนๆ หนึ่งจะเป็นอะไรให้อีกคนได้มากสักเท่าไหร่กัน?

นับตั้งแต่มีเพื่อนบ้านย้ายมาใหม่อิมพอร์ตตรงจากลอนดอน
ชีวิตของศัลยแพทย์ขี้เหงาวัยสามสิบ(ยังแจ๋ว)ของทิวากานต์ก็เปลี่ยนไปชนิดกู่ไม่กลับ

เจ้าเด็กหน้าตายยิ้มน้อยตัวเท่าไหล่ก้าวเข้ามาทำให้เขากลายเป็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้กับคนๆ หนึ่ง

เป็นทั้งหมอ เพื่อนบ้าน เพื่อน พี่ชาย พ่อ นายหน้าหาห้องซ้อมดนตรี ติวเตอร์ คนขับรถ พ่อครัว
ที่ปรึกษา ศิราณี บอดี้การ์ด สารานุกรมเคลื่อนที่ หมอนหนุน(?) มากมายอีกร้อยแปดอย่างจะเป็น
หรือแม้กระทั่งเป็น...

‘คนรัก’

ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้อลันด์เป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก
คนที่คิดหน้าคิดหลังไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาดจะลงทุนลงแรงขนาดนี้ไปเพื่ออะไร
สำหรับทิวากานต์แล้วนี่เป็นการตัดสินใจที่ได้กำไรคุ้มเกินคุ้ม

แต่ว่า...
คบกับเด็กอายุสิบแปดเนี่ยพ้นข้อหาพรากผู้เยาว์แล้วใช่ไหม(วะ)

-----------------------------------------------

สารบัญ
TRACK 01
TRACK 02
TRACK 03
TRACK 04
TRACK 05
TRACK 06
HIDDEN TRACK 01
TRACK 07
TRACK 08
TRACK 09
TRACK 10
HIDDEN TRACK 02
TRACK 11
TRACK 12
TRACK 13
TRACK 14
TRACK 15
TRACK 16
TRACK 17
TRACK 18
TRACK 19.5
TRACK 19
HIDDEN TRACK 03
TRACK 20
TRACK 21
TRACK 22
TRACK 23
TRACK 24
TRACK 25
SPECIAL TRACK : Weathered
TRACK 26
TRACK 27
TRACK 28
SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้
TRACK 29
TRACK 30
HIDDEN TRACK 04
TRACK 31
TRACK 32
TRACK 33
EPILOGUE
SPECIAL TRACK : รัก
SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย
SPECIAL TRACK : RAINDROPS KEEP FALLING ON MY HEAD
SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต + แจ้งข่าวรวมเล่ม

-----------------------------------------------

เรื่องเก่าแต่งไม่เคยจะจบ แต่เรื่องนี้มั่นใจว่าจบแน่ค่ะ(แต่งจบแล้วเมื่อวาน  :o8: เขินจุง)
ฝากพี่วาและน้องอัลด้วยนะคะ *กราบ*

ปล. ชื่อเรื่องขอเกาะกระแสฟรีแลนซ์หน่อยนะคะ ><



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 19:08:03 โดย NiTRoGeN14 »

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 01 [12.09.15]
«ตอบ #1 เมื่อ12-09-2015 11:23:39 »

อ้างถึง
หมายเหตุ - ตัวละคร สถานที่ เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้นมิได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด



TRACK 01



ชีวิตของ Chief Resident สาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์พอสมควร(ไม่พอสมควรล่ะ หนักมากถึงมากที่สุด ทั้งคุมรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ จัดเวร ตรวจผู้ป่วย เก็บเคสผ่าตัด ทำรายงานสรุป ประชุมทางวิชาการ ทำวิจัย) ยิ่งโดยเฉพาะเด้นท์ที่รับจ๊อบนอกเป็น GP1 ให้กับโรงพยาบาลเอกชนสัปดาห์ละสองวันด้วยแล้ว เวลานอนคือสิ่งล้ำค่าที่สุดเท่าที่หาอะไรเปรียบไม่ได้

นายแพทย์ทิวากานต์แทบจะล้มตัวบนเตียงนอนทันทีที่กลับถึงห้องตอนเที่ยงคืน หากด้วยจิตสำนึกดีที่แม่ปลูกฝังมาแต่เด็กว่าให้อาบน้ำก่อนนอนยังมีพลังอยู่เสมอ เขาจึงยอมเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อผ้าทำความสะอาดตัวเองจนเรียบร้อยถึงค่อยปิดไฟห้องแล้วเอนตัวบนเตียง

โทรศัพท์ที่โยนไว้มั่วๆ บนเตียงส่งเสียงข้อความเข้าเขาก็ทำเพียงใช้เท้าเขี่ยๆ จนมันเข้ามือแล้วกดอ่านทั้งที่ตาใกล้ปิด เด้นท์สองที่อยู่กลุ่มเดียวกันส่งเมสเสจแจ้งรับทราบเวลานัดหมายตรวจเคสพิเศษวันพรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า แค่เห็นเวลาที่เขาเป็นคนนัดเองก็แทบจะปามือถือทิ้ง สัปดาห์นี้นับเวลานอนด้วยนิ้วได้ด้วยสองมือแบบไม่ต้องพึ่งนิ้วเท้า เขาไม่หลับในตอนขับรถกลับคอนโดก็บุญแค่ไหนแล้ว

ชายหนุ่มปิดหน้าจอโทรศัพท์ โยนทิ้งไว้หัวเตียงส่งๆ เหมือนเคย ผ้าห่มถูกดึงขึ้นคลุมมิดศีรษะอย่างทุกวันพร้อมดึงหมอนข้างเข้ามากอด ซุกหน้าสูดกลิ่นเน่าๆ จนพอใจ

ทิวากานต์เป็นผู้ชายตัวสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรโครงกระดูกใหญ่ แต่กลับชอบนอนคลุมโป่งกอดหมอนข้างคู้ตัวเหมือนทารกตัวจ้อยในท้องแม่ มันเป็นสิ่งที่เขาติดมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กน้อยนอนกอดเบียดเสียดกับแม่สองคนบนเตียง พอโตขึ้นได้เวลาแยกห้องนอนแล้วก็ยังติดจนแม่ต้องให้หมอนข้างของแม่มากอดแทน กระทั่งวันนี้ในวัยที่ใกล้เลขสามไปทุกทีเขาก็ยังทิ้งนิสัยแบบนี้ไปไม่ได้

สูดกลิ่นเน่าประจำตัวจากหมอนข้างจนตาเคลิ้มเริ่มจะหลับ สมองที่ใช้งานมาทั้งวันหยุดคิดเตรียมทิ้งดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา เขาจะนอนให้เต็มอิ่มและตื่นมาอย่างสดใส ไม่นานลมหายใจฟืดฟาดจึงค่อยผ่อนลงอย่างคนหลับสนิท...

แต้งๆ
“I drink to remember, I smoke to forget…2

แต้งๆๆๆๆๆ!
“So I kiss goodbye to every little ounce of pain”

แต้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
“I got out, I got out, I'm alive but I'm here to stay!”

“เชี่ยแม่งที่ไหนมาร้องเพลงตอนเที่ยงคืนวะ!” คุณหมอหนุ่มตวัดผ้าห่มดีดตัวลุกนั่งอย่างหัวเสีย เสียงดีดกีต้าร์แต้งๆๆ ยังคงรัวต่อเนื่องแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพร้อมกับเสียงแหบเหมือนเป็ดของผู้ชายที่แหกปากคลอไปเรื่อย ฟังเสียงแล้วคงเป็นเด็กบ้าที่ไหนสักคนแน่

แต่จะว่าไปเขาอยู่ที่นี่สงบสุขมาตั้งสองปี บนชั้น 21 ที่เขาอยู่ก็ไม่มีเพื่อนบ้านท่าทางแบบนั้นสักคน หรือว่าจะเป็นคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน รีเชปชั่นแจ้งเขาอยู่หรอกว่ามีครอบครัวสองแม่ลูกย้ายเข้ามาใหม่ แต่อย่างที่รู้ว่าช่วงนี้ชีวิตเขาโคตรยุ่ง ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างถึงบ้านหลังพระอาทิตย์ตกทุกวัน หน้าเพื่อนบ้านร่วมชั้นไม่เจอมาหลายเดือนแล้ว ยิ่งคนย้ายมาใหม่หน้าเป็นไงก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แม่งโคตรไร้มารยาทชิบหาย!

หมอทิวากานต์ก้าวลงจากเตียง สวมสลิปเปอร์ลวกๆ เดินออกจากห้องหวังไปดูหน้าคนมาใหม่ไร้มารยาทเสียหน่อย พอเปิดประตูก็เจอะเจอเพื่อนบ้านคุ้นหน้าคุ้นตาจากห้องที่ได้รับผลกระทบเหมือนกันยืนอยู่หน้าประตูห้องเจ้าปัญหาแล้ว

“อ้าวหมอวา ไม่เจอหน้ากันนานนะครับ” คนทักชื่อเมษาเป็นหนุ่มธนาคารวัยสามสิบต้นๆ ที่ร่ำรวยจากการเล่นหุ้นอาศัยอยู่ห้องติดกับห้องเจ้าปัญหาเลยได้รับผลเต็มๆ ไม่ต่างจากเขาที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม

“ไม่คิดว่าต้องมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้นะครับคุณเมษ ตอนแรกผมนึกว่าจะมีคนออกมาเยอะกว่านี้ซะอีก”

“เหมือนว่าคนอื่นจะไม่ได้ยินกันนะ แต่ห้องเราสองคนดันอยู่ใกล้เขาเลยซวยไป” เมษายิ้มแห้ง ดูท่าแล้วนายธนาคารหนุ่มคงมายืนอยู่ตรงนี้นานพอสมควรแต่ไม่กล้าเคาะประตูเรียกคู่กรณีออกมาเคลียร์ เพราะงั้นทิวากานต์จึงสูดลมหายใจเรียกลมปราณก่อนตัดสินใจกดออดรัวเรียกคนในนั้นแบบไร้ความเกรงใจบ้าง

เสียงกีตาร์หยุดลงพร้อมกับที่คุณหมอหยุดรัวกริ่งหน้าห้อง หายใจได้สองเฮือกประตูห้องก็เปิดออกให้ทิวากานต์กับเมษาได้เห็นหน้าตัวปัญหาชัดๆ

เด็กฝรั่งที่มองปราดเดียวทิวากานต์พร้อมลงความเห็นให้ว่าหน้าตาดีใช้ได้แต่ตัวสูงแค่ไหล่คุณหมอใส่เสื้อยืดสีดำของเบอเบอร์รี่กับบ็อกเซอร์ลายสก็อต กีตาร์อะคูลสติกต้นตอเสียงดังสะพายอยู่บนไหล่แคบรั้งคอเสื้อร่วงลงจนเห็นไหปลาร้าขาวซีด ผมสีช็อกโกแลตนมทรง mop-topped ยาวระต้นคอยุ่งเหยิง ปากหยักอิ่มเหมือนแมวมีสีแดงจัด ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองผู้มาเยือนยามวิกาลนิ่ง

“มีธุระอะไรครับ” ถึงจะหน้าฝรั่งแต่พูดไทยชัดเป๊ะจนคนฟังทั้งคู่อดอึ้งไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตกใจ เขาต้องสั่งสอนเจ้าเด็กฝรั่งนี้ให้รู้มารยาทเสียหน่อย

“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ”

ตาสีฟ้าซีดจนเกือบขาวกรอกขึ้นเหมือนนึก “เที่ยงคืนแล้วมั้ง ผมไม่แน่ใจ”

“เที่ยงคืนจะตีหนึ่งแล้ว!” ทิวากานต์บอกเวลา “ใช่เวลามาดีดกีตาร์หรือเปล่าครับ นี่มันเวลานอนครับคุณคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่”

“ก็อารมณ์แต่งเพลงมันมาตอนนี้นิ คุณจะนอนก็นอนไปสิ”

ทิวากานต์รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเส้นประสาทขาดอยู่ในหัว ยิ่งเห็นไอ้หน้านิ่งไร้อารมณ์ประหนึ่งคนขาดน้ำตาลของเด็กฝรั่งตรงหน้ายิ่งหงุดหงิดบวกกับอาการอดนอนจนตาโหล เขาก็แทบแปลงร่างเป็นจอมมาร

มือหนาตบขอบประตูดังปึ้กจนเด็กหนุ่มสะดุ้งพอเป็นมารยาทแต่หน้าขาวยังคงเรียบนิ่งไม่แสดงอาการหวาดกลัวใดๆ ออกมา

“พูดไทยชัดขนาดนี้สะกดคำว่ามารยาทเป็นไหมครับ เสียงกีตาร์ดังขนาดนี้ใครที่ไหนจะนอนลง”

“มอ - อา - รอ - ยอ - อา - ทอ มารยาท แล้วถ้าเสียงมันดังทำไมไม่ใช้ที่อุดหูละ”

คุณหมอวัยเฉียดสามสิบเหมือนได้ยินเสียงเส้นประสาทขาดอีกเส้น มือไม้มันสั่นอยากบีบคอเด็ก “โว้ยยยยยย นี่แกตั้งใจกวนโอ๊ยฉันใช่ไหมไอ้เด็กเวร!”

“เปล่านะ ก็คุณถาม”

“ผู้ปกครองอยู่ไหน ฉันต้องการคุยกับผู้ปกครองของแก!!!”

“หมอวาใจเย็นเย้นนน” เมษาแทบตะครุบตัวคุณหมอร่างใหญ่ไม่ให้พุ่งไปคว้าคอเด็กหน้ามึนไม่ทัน นี่ถ้าพ่นไฟออกจากปากใส่เด็กตรงหน้าได้คุณหมอตัวโตคงไม่พลาดทำแน่ๆ

“ไม่เย็นแล้วเว้ย ไหน!? แม่แกอยู่ไหน เรียกออกมาคุยกับฉันซิ ปล่อยให้ลูกทำความเดือดร้อนให้คนอื่นไม่พอยังเลี้ยงลูกให้ไม่มีมารยาทอีก เป็นแม่ประสาอะไรเนี่ย!” ถ้าทิวากานต์ไม่เบลอจนตาฝาดเขารู้สึกเหมือนเห็นไอ้เด็กฝรั่งนั่นขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่แค่แป๊บเดียวเด็กนั่นก็ทำหน้าตายเหมือนเดิม

“ไม่อยู่”

“ไปไหน เอาเบอร์มาก็ได้ ฉันจะโทรให้เขามาอบรมเธอ”

“อยู่บนเครื่องกลับลอนดอนไปแล้ว”

“อะ - ไร - นะ? ลอน - ดอน? กลับ - ไป - แล้ว?”

“ใช่ ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว นี่คุณเป็นหมอจริงเหรอเนี่ย หน้าดุไม่พอตัวก็โตอย่างกับยักษ์ ตะโกนทีแก้วหูแทบแตก อารมณ์ร้อนขี้โวยวายชะมัดคนไข้ที่ไหนอยากรักษากับคุณ หรือว่าเป็นหมอหมากัน สัตว์มันพูดไม่ได้คุณเลยชอบเห่าแข่งกับมันบ่อยๆ ใช่ไหม ให้ตายเถอะ มีเพื่อนบ้านแบบนี้ซวยชะมัด”

เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้บทจะโวยวายก็รัวเสียจนฟังแทบไม่ทัน แต่ก็ทำให้รู้อีกอย่างว่าไอ้เด็กหน้าฝรั่งนี่พูดไทยชัดขนาดเจ้าของภาษาบางคนยังต้องอาย แต่ตอนนี้ทิวากานต์ของดชื่นชมภาษาไทยสุดจะเพอร์เฟ็กต์นั่นแล้วขอเถียงก่อน

“อะ... ไอ้ประโยคหลังนั่นฉันควรต้องเป็นคนพูดต่างหาก เธอรู้ไหมว่าสัปดาห์นี้ฉันได้นอนกี่ชั่วโมง ฉันได้นอนแค่แปดชั่วโมงเองนะ แล้ววันนี้เป็นวันที่ฉันจะได้นอนเยอะที่สุดแต่กลับต้องมาเถียงกับเธอที่หน้าประตูตอนเที่ยงคืนแบบนี้ มันเสียไปกี่นาทีแล้ว พรุ่งนี้ต้องพาเจ้าพวกตัวเปี๊ยกไปตรวจคนไข้แต่เช้า อีกสองเดือนก็มีสอบฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัว รู้ไหมฉันก็ไม่ได้อยากมีเวลาน้อยแบบนี้หรอก แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ ฉันต้องรักษาคนไข้ แล้วก็ต้องหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเองไปด้วย เด็กที่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่คงไม่รู้สึกหรอกสินะ” กว่าจะร่ายจบคุณหมอก็หายใจแทบไม่ทันเกือบหมดลมหน้ามืดไปด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มตัวสูงเท่าไหล่คุณหมอจ้องผู้ชายที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าเพราะด่าเขามากไปตาปริบก่อนยกมือเสมอไหล่เป็นการยอมแพ้ แต่บอกไว้ในใจเลยว่าที่ยอมง่ายๆ เนี่ยเพราะกลัวคนที่บอกว่าเป็นหมอจะเป็นลมไปเสียก่อน “โอเค ผมผิดก็ได้ ขอโทษครับ”

บทจะยอมก็ง่ายดายจนทิวากานต์แทบไม่เชื่อ รู้งี้ร่ายความลำบากในชีวิตให้มันฟังตั้งแต่เปิดประตูแล้ว เขาทำตาโตฉีกยิ้มให้เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งตัวเล็กทำท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่ใจดีทั้งที่ก่อนหน้านี้เกือบจะบีบคออีกฝ่ายไปแล้ว

“ดีมาก งั้นก็ไปนอนซะนะ เป็นเด็กเป็นเล็กเข้านอนไวๆ จะได้ตัวสูง”

.
.
.

“ตาโหลมาเลยนะเอ็ง เมื่อคืนซุ่มอ่านหนังสือไม่ยอมหลับยอมนอนล่ะสิ” ทิวากานต์เหลือบตามองคนพูดก่อนถอนหายใจ ถ้าเขาได้นอนน้อยเพราะอ่านหนังสือคงดีกว่าแทบไม่ได้นอนเพราะถูกไอ้เด็กหน้าฝรั่งนั่นกวนทั้งคืนต่างหาก

เมื่อคืนเหมือนจะจบลงด้วยดีแต่เหมือนเขาพูดอะไรไม่เข้าหูอีกคนไป ไอ้เด็กบ้านั่นเลยดีดกีตาร์แม่งมันทั้งคืน บวกกับเสียงร้องโหยหวนของมันอีกกว่าจะสงบก็ตีสี่ ตอนเช้าเขากับเมษาที่ออกมาพร้อมกันเลยมีสภาพเป็นซอมบี้อย่างกับถ่ายเอกสารมา

“จะว่าไปนี่ก็เด็กชุดสุดท้ายแล้ว เอ็งจะเลี้ยงหรือเปล่า เห็นสนิทกับเด็กๆ หลายคนเชียว ทั้งน้องอุ๊ น้องจ๋า น้องแตงกวา น้องเมย์”

แต่ละชื่อที่แพทย์หญิงเพื่อนร่วมงานร่ายออกมาทำเอาหมอหนุ่มยิ้มแห้ง ใครต่อใครลือกันไปให้ทั่วว่าเขาคบกับเด็กพวกนั้นจนภาพพจน์เขาแทบเสีย ทั้งที่จริงก็เป็นแค่นักศึกษาแพทย์ปีสี่ปีห้าวัยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่มาชอบเขาเท่านั้น แต่ทิวากานต์ก็เข้าใจล่ะนะหมอศัลย์หัวใจหนุ่มรูปหล่อ อนาคตไกล ขับรถสปอร์ต มือถือถ่ายรูปได้ อยู่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองย่อมเป็นที่ต้องการเสมอเลยอดไม่ได้ที่จะบริหารเสน่ห์บ่อยๆ แต่เขาไม่คิดเล่นกับเด็กในสังกัดทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดหรอก อนาคตไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเรื่องเสียหายจะได้สาวไม่ถึงตัว

“ก็คงเลี้ยงละมั้งครับ เห็นพี่รันต์ก็เปรยๆ อยู่ รายนั้นป๋าอยู่แล้วผมคงไปเกาะเขากินเหมือนเดิม แต่คงหลังจากเจ้าพวกนั้นสอบเสร็จล่ะนะ” เขาว่าติดตลกโปรยยิ้มเสน่ห์ให้สาวใจเต้นเล็กน้อยถึงขอตัวไปทำงานต่อ

กว่าคุณหมอหนุ่มจะกลับถึงบ้านที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมบนตึกสูงก็เกือบสี่ทุ่มไปแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา เขาตั้งใจจะอาบน้ำแล้วนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบข้อเขียนแล้วก็สอบ OSCE (Objective Structured Clinical Examination) เพื่อการสอบปากเปล่าสำหรับวุฒิบัตรฯ ศัลยศาสตร์ในการเป็นศัลยแพทย์เต็มตัว

คิดถึงตรงนี้หนุ่มตัวสูงถึงกับถอนหายใจ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเลือกเดินมาทางนี้เหมือนกัน ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียนและสอบ แตกต่างกับแม่ของเขาที่ใช้ชีวิตอิสระเต็มที่กับชีวิตจนวันสุดท้าย หรือเขาควรยกเลิกทุกอย่างแล้วหนีไปขายกล้วยแขกดีนะ

“People like us, we don’t need that much!3

แต่เมื่อเลือกเดินทางนี้แล้วเขาก็ต้องทำมันให้ถึงที่สุดไม่งั้นก็กลายเป็นเพียงไอ้หมาขี้แพ้ธรรมดาๆ ศักยภาพทุกอย่างบอกอยู่แล้วว่าเขาทำมันได้และจะประสบความสำเร็จ ขอเพียงเขาไม่ล้มเลิกมันไปก่อนเท่านั้นแหละ พอได้เป็นหมอศัลย์แล้วค่อยพักทำงานสักปีสองปีระหว่างหาทุนเรียนต่อต่างประเทศคงไม่เลว

“Just someone that starts, starts the spark in our bonfire hearts!!!”

แต่ก่อนอื่นเขาต้องไปจัดการไอ้เด็กฝรั่งนั่นให้หยุดแหกปากก่อนสินะ แม่งแหกปากตอนจะเที่ยงคืนอีกแล้ว!!!

เป็นอีกครั้งที่คุณหมอหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง 2112 ยามค่ำคืน เขากระหน่ำรัวกดกริ่ง ทุกอย่างเหมือนเดิมหมดแม้กระทั่งเมษาที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วย

ไม่นานบานประตูไม้ก็เปิดออกพร้อมหน้ามึนๆ ของไอ้เด็กฝรั่งผมสีช็อกโกแลตนม ตาสีฟ้าซีดจ้องมองเขาแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความระอา

“ไอ้ท่าทางแบบนั้นฉันควรต้องทำมากกว่านะไอ้เด็กเวร เมื่อคืนก็ส่งเสียงดังยันตีสี่ เป็นบ้าอะไรมากป่ะเนี่ย”

“ไม่นะ ก็ปกติดี” หลังกรอกตาไปมาใช้เวลาคิดครู่หนึ่งคำตอบเรียบๆ ก็หลุดออกมาแต่แทนที่จะสร้างความพอใจให้คนประชดกลับยิ่งเหมือนเติมเชื้อเพลิงใส่กองไฟ

คิ้วคุณหมอทิวากานต์กระตุกไปแล้วแต่ยังมีสติกัดฟันพยายามเจรจากับเด็กหนุ่มดีๆ “ไม่มีคนปกติที่ไหนดีดกีตาร์เสียงดังในเวลาพักผ่อนของคนอื่นหรอกเจ้าหนู ความเกรงใจน่ะมีบ้างไหม ถ้าเธอไม่โง่ ฉันว่าเมื่อวานเราน่าจะพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ ฉันควรทำยังไงกับเธอดีเนี่ย”

“...”

ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ นอกจากความเงียบ นัยน์ตาต่างสีสองคู่จ้องมองกันเงียบๆ ราวกับรอให้ใครสักคนหมดความอดทนก่อน ก่อนจะเป็นทิวากานต์ที่ยอมแพ้

“รู้จักห้องซ้อมดนตรีไหม”

“อ่าฮะ แต่ถ้าคิดจะไล่ให้ไปที่ห้องซ้อมล่ะก็มันไม่เปิดตอนดึกขนาดนี้หรอกนะ ผมตระเวนหามาหมดแล้ว”

“ฉันรู้จักที่นึงที่เธอจะแหกปากได้แบบไม่มีใครมาด่า พรุ่งนี้ตอนหนึ่งทุ่มไปหาฉันที่โรงพยาบาล xxx ตึก yyy บอกเจ้าหน้าที่ว่ามาหาหมอทิวากานต์ภาควิชาศัลยกรรม ฉันจะพาเธอไปเอง”

คำพูดของคุณหมอเล่นเอาคนฟังทั้งสองไปไม่ถูก นายธนาคารหนุ่มดึงชายเสื้อยืดทิวากานต์ยิก “นี่หมอวาไม่คิดจะพาเขาไปเชือดใช่ไหม”

“นั่นสิ คนเดี๋ยวนี้เห็นปกติแต่แอบเป็นโรคจิตก็มีเยอะแยะ” เด็กหน้าฝรั่งพยักเพยิดเห็นด้วยกับเมษา จู่ๆ ก็เข้ากันได้ขึ้นมาทันที ตาสีซีดฉายแววกังวลนิดหน่อย แบบนิดหน่อยจริงๆ แต่ทิวากานต์ไม่รอช้าใช้โอกาสนี้รีบขู่สำทับอีกฝ่ายทันทีดั่งสุภาษิตที่ว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน

“ถ้าคืนนี้ยังเสียงดังอยู่ล่ะก็ไม่แน่” เห็นเจ้าพวกกระเปี๊ยกปีสี่ปีห้าชอบนินทาว่าเขาเหมือนปีศาจตอนลงวอร์ดนัก ดึงเอาหน้าตอนนั้นมาใช้หน่อยแล้วกัน “ฉันถนัดใช้มีดด้วยสิ”

“โอเค ผมจะเชื่อคุณก็ได้ พรุ่งนี้ตอนทุ่มนึงผมจะไปหาคุณที่โรงพยาบาล” เจ้าเด็กฝรั่งทำตาโตเงยหน้ารีบพูดตกลงทันที เด็กหนอเด็ก ขู่หน่อยก็หงอเหมือนกันหมด แถมเห็นมันทำหน้าตื่นนอกจากหน้านิ่งๆ ก็ตลกดี

“ดีมาก เพราะงั้นตอนนี้เราสงบศึกกันชั่วคราว”

“ตกลง” เด็กฝรั่งผงกหัว ชูกำปั้นกลวงๆ ขึ้นตรงหน้า คุณหมอหนุ่มเลิกคิ้วมองสงสัย

“อะไร”

“ทำสัญญาแบบลูกผู้ชายไง เอากำปั้นชนกันน่ะ”

“อ๋อ โอเค” กำปั้นกลวงๆ ชกเข้ากับกำปั้นของอีกคนที่เล็กกว่าเกือบเท่าดังปึ้กเป็นอันทำสัญญาสงบศึกชั่วคราว

เด็กฝรั่งชักกำปั้นกลับดูสันมือตรงที่โดนชกเห็นขึ้นสีแดงจางๆ ก็เป่าปู้ด ตวัดสายตามองคนโตกว่าทั้งอายุทั้งตัวแต่ไม่ได้มีความคิดต่างจากเขาเลยสักนิดเคืองๆ ต่อยมาได้เต็มแรง เจ็บชะมัด

ผิดกับอีกคนที่ยิ้มชอบใจที่ได้เอาคืนไอ้ตัวแสบเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะไอ้ตัวแสบ เลิกแหกปากด้วย ไม่งั้นคืนนี้มีดผ่าตัดในห้องฉันอาจมาโผล่อยู่ที่ห้องเธอก็ได้นะ หึหึ”

“รู้แล้วน่า” เขาบ่นงึมงำก่อนปิดประตูใส่หน้าคุณหมอกับนายธนาคารหนุ่มเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทิวากานต์อารมณ์เสียอะไร ออกจะมีความสุขเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำที่ยั่วให้ไอ้เด็กหน้ามึนหงุดหงิดได้ คุณหมอหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ ตอนถอยกลับมาห้องตัวเอง

“นี่หมอวาพูดจริงหรือแกล้งเล่นครับ”

“เรื่องไหนละครับคุณเมษ”

“ห้องซ้อมน่ะครับ ผมรู้หรอกว่าหมอคงไม่เอามีดไปกระซวกไส้น้องเขาจริงๆ”

“จริงสิครับ”

“มันดูไม่เป็นการลงทุนไปหน่อยหรือครับ” เมษาว่าตามประสาคนทำงานเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ บวกลบคูณหารในใจแล้วยังไงว่าที่ศัลยแพทย์ทรวงอกมีแต่ขาดทุนทั้งนั้น ถึงจะเงียบเสียงลงแต่เจ้าเด็กฝรั่งจอมป่วนนั่นก็ยังอยู่ที่นี่อยู่ดีและไม่มีทีท่าจะว่านอนสอนง่ายขึ้น

“สำหรับการสอบของผมแล้วถือว่าคุ้มค่ามากครับ” อาจจะขาดทุนนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็คุ้มแม้ต้องไปขอร้องคนที่ไม่อยากเสวนาด้วยก็เถอะ

ทิวากานต์เอ่ยลากับเพื่อนร่วมชะตากรรมก่อนแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน หลังบานประตูห้องปิดลงคนตัวสูงถึงกับถอนหายใจตอนมองโทรศัพท์ รู้ดีว่าแค่ยอมกลืนน้ำลายตัวเองโทรไปหาอีกคนก่อนขออะไรนิดๆ หน่อยๆ อะไรที่อยากได้จะส่งมาถึงมือเขาทันทีในเช้าวันพรุ่งนี้ ทำใจยากหน่อยที่ต้องโทรไปหาคนที่เป็นพ่อแต่ไม่เคยทำหน้าที่พ่อสักครั้ง หากเพื่ออนาคตอันสดใสโทรก็โทรว่ะ!

.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2015 11:31:18 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 01 [12.09.15]
«ตอบ #2 เมื่อ12-09-2015 11:28:53 »

อลันด์ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อด็อกหน้าดุนั่นจนยอมหิ้วกีตาร์ไปโรงพยาบาลตามที่อีกฝ่ายบอก จะบอกว่ากลัวคงไม่ใช่มั้ง(แม้ตาหมอนั่นจะคมจนแทบกรีดเขาไปทั้งตัวตอนจ้องกันก็ตามเถอะ) คงเพราะอยากรู้มากกว่าว่าอีกฝ่ายจะจัดการเขายังไง ทั้งที่ความจริงด็อกนั่นจะโทรแจ้งตำรวจก็ได้กลับไม่ทำ ดันยื่นข้อเสนอแปลกๆ มาให้แทนซะงั้น ถ้ายังเป็นตอนที่เขาอยู่ลอนดอนคงมีตำรวจมาเคาะประตูตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว

ไว้ตอนด็อกนั่นเล่นสกปรกเขาจะเอามาร์ติน ดี-28 รุ่นในตำนานราคาสองพันกว่าปอนด์ที่แด๊ดซื้อให้ฟาดให้หมดหล่อเลยคอยดู

เด็กหนุ่มออกจากคอนโดก่อนเวลานัดตั้งสองชั่วโมงเพราะรู้ดีว่ากรุงเทพรถโคตรจะติด ฝรั่งที่เพิ่งมีโอกาสได้อาศัยอยู่คนเดียวได้ไม่กี่วันเลยต้องงดพึ่งรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าออกมาโบกแท็กซี่เป็นพาหนะคู่ใจตลอดช่วงนี้ไปโดยปริยาย และเป็นไปตามคาดกว่าเขาจะถ่อจากที่พักย่านอโศกมนตรีมาถึงโรงพยาบาลติดแม่น้ำก็อีกสิบห้านาทีจะทุ่มแล้ว

มือเรียวสวยหยิบขวดน้ำเปล่ากระดกดื่มหลังรถจากลงรถแท็กซี่ ทั้งที่เย็นมากแล้วแต่คนในโรงพยาบาลยังคงเยอะจนน่าเวียนหัว ส่วนใหญ่ที่เห็นก็มีแต่พวกหมอใส่เสื้อกาวน์ยาวเดินไปเดินมาเป็นส่วนมาก เขามองหาที่ๆ พอจะถามได้แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ สุดท้ายก็สะกิดถามหมอกลุ่มหนึ่งที่เดินตรงมาพอดี

“ขอโทษครับ ผมมาหาหมอทิวากานต์ ภาควิชาศัลยกรรม จะไปติดต่อเขาได้ที่ไหนครับ”

แพทย์กลุ่มใหญ่ฉายแววตกตะลึงที่เห็นชาวต่างชาติพูดภาษาไทยได้ชัดไม่ผิดเพี้ยน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะตั้งสติได้ก่อน

“มาหาพี่หมอวาเหรอคะ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ห้องพักนะคะ เดี๋ยวเมย์ไปตามให้เอง” หมอสาวหน้าใสยกมืออาสาก่อนได้เสียงจิ๊จ๊ะจากเพื่อนสาวคนอื่น แต่เธอก็ไม่สนเชิดหน้าประมาณว่าเรื่องแบบนี้ใครเร็วใครได้ใส่ก่อนหันกลับมาฝรั่งพลัดถิ่น “จะให้บอกพี่หมอว่าใครมาหาคะ”

“เอ่อ...” จะว่าไปตั้งแต่เจอหน้ากันมาสองรอบอลันด์ยังไม่ได้แนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จักตามมารยาทที่ดีเลยสักครั้ง ด็อกนั่นก็เหมือนไม่อยากรู้เรียกเขาแต่... “ไอ้ตัวแสบ”

“อะไรนะคะ”

“บอกด็อก เอ๊ย หมอทิวากานต์ว่าไอ้ตัวแสบมาหาก็ได้ครับ”

“ได้ค่ะ งั้นรอแป๊บนึงนะคะ” หมอที่ชื่อเมย์พยักหน้าทั้งที่ไม่ค่อยแน่ใจ เธอรีบเดินกลับไปทางที่เพิ่งจากมาก่อนที่เพื่อนสาวอีกคนจะสิ่งตามไป ทิ้งอลันด์ไว้กับหมอกลุ่มเดิม

อลันด์พ่นลมหายใจแรงก่อนเหลือบตามองไปรอบโรงพยาบาลเป็นการฆ่าเวลาและหลีกเลี่ยงสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยของแพทย์กลุ่มใหญ่ที่มองเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด ก็คนมีสองขาสองแขนเหมือนกันไม่รู้แปลกตรงไหนมองกันอยู่ได้

เกือบห้านาทีคนที่บอกว่าจะพาเขาไปหาห้องซ้อมดนตรีที่เปิดดึกๆ ก็เดินมาพร้อมกับหมอผู้หญิงสองคนที่ไปตาม ดูท่าจะป๊อบปูล่าร์พอควรเพราะตลอดทางทั้งหมอ พยาบาล คนไข้ล้วนแต่จับจ้องที่คนตัวสูงชะลูดนั่นเป็นตาเดียว

“ตรงเวลาดีนิไอ้ตัวแสบ นึกว่าจะเบี้ยวซะแล้ว” ทิวากานต์จงใจเน้นตรงคำว่าไอ้ตัวแสบ แอบอมยิ้มที่เห็นอีกคนหน้าแดงไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือเขิน เออ...ว่าแต่ไอ้เด็กฝรั่งมันจะเขินทำไมวะ

“ลูกผู้ชายสัญญาต้องเป็นสัญญาสิ หรือคุณจะเบี้ยว”

“พอดีฉันเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเสียงจริง ฉันจอดรถไว้ที่ตึกจอดรถเธอเดินตามมาแล้วกัน” ทิวากานต์ยักไหล่ก่อนหันไปลูบหัวสาวน้อยสองคน “ขอบใจเมย์กับแตงกวามากนะที่ไปตามพี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ เมย์เต็มใจ”

“แตงกวาก็เต็มใจค่ะ”

“งั้นพี่ไปก่อนล่ะ พวกเราก็กลับบ้านกันดีๆ นะ อย่าลืมอ่านทบทวนกันด้วยใกล้สอบแล้วนะ”

“ค่า/คร้าบ” นักศึกษาแพทย์กลุ่มใหญ่ขานรับคำชายหนุ่มพร้อมเพรียงจนอลันด์อดเบ้หน้าไม่ได้ ทีพูดกับคนอื่นละพูดดีอ่อนหวานทีกับเขานี่แทบจะกินหัว ไม่รู้เขาผิดอะไร

ทิวากานต์โบกมือลาก่อนเดินนำหน้าไอ้ตัวแสบไปอาคารจอดรถ อลันด์หันมายกมือไหว้ขอบคุณให้เหล่าคุณหมอที่อายุมากกว่าเขาแน่ๆ แล้วรีบก้าวเท้าตามอีกคนไปเร็วๆ

ตั้งแต่เกิดมาสิบแปดฝนอลันด์ไม่เคยนึกน้อยใจความสูงของตัวเองจนวันนี้ เขาสาวเท้าจนแทบเป็นวิ่งกว่าจะเดินตามคุณหมอสวมกาวน์สั้นตัวสูงทัน ไอ้นี่ก็รู้ว่าขายาวกว่าเขาแกล้งเดินจ้ำเอาๆ ใหญ่ นี่เดินตามจนเหนื่อยหอบ ไอ้ตัวแสบคาดโทษอีกคนในใจอย่าให้ถึงทีเขาเอาคืนบ้างแล้วกัน

ทิวากานต์ยืนหยุดที่รถสปอร์ตสองประตูขับเคลื่อนด้วยล้อหลังสัญชาติเยอรมันสีขาว เป็นอีกครั้งที่เด็กหน้าฝรั่งรู้สึกแปลกใจกับด็อกคนนี้ ขี้โวยวาย หน้าดุ พูดจาเสียงดัง แถมยังขับรถสปอร์ต บอกว่าเป็นนักธุรกิจเขี้ยวลากดินยังน่าเชื่อกว่าอีก

“ขึ้นรถสิ ว่าแต่จะวางกีตาร์ได้ไหมนั่น” ตาคมพยักเพยิดไปทางกระเป๋าใส่กีตาร์ที่ด้านหลังฝรั่งตัวเล็ก

อลันด์ยักไหล่ “ไว้ตรงเท้าก็ได้ รถคุณไม่ได้เล็กนี่”

“โอเค งั้นขึ้นมาเลย”

พอยัดตัวเองกับกระเป๋าใส่กีตาร์เข้าไปได้ ปิดประตูเรียบร้อยหมอที่ไม่ค่อยจะเหมือนหมอในความคิดเด็กหน้าฝรั่งก็ถอยเจ้ารถคันสวยออกสู่ถนนด้านนอกผจญรถติดอีกครั้ง กว่าทิวากานต์จะพาเด็กหนุ่มมาถึงห้องซ้อมที่ว่าก็เกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว แถมกระเพาะน้อยๆ ของเขายังโหยหวนส่งเสียงเรียกร้องความสนใจให้ขายขี้หน้ามาตลอดทางด้วย

ห้องซ้อมที่ทิวากานต์พาอลันด์มาเป็นบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในซอยที่มีรถหรูๆ แบบคุณหมอขับผ่านไปมาตลอด เขาบีบแตรเรียกสองทีประตูอัตโนมัติจึงเปิดออกกว้างให้รถสปอร์ตสีขาวขับเข้าไปจอดเทียบด้านใน

เด็กหนุ่มปิดประตูรถไม่เบานักจนเจ้าของหันมาส่งสายตาดุให้ เขาทำเป็นไม่สนใจใช้ตาสีซีดมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า ภายในบ้านมีเสียงจากโทรทัศน์เล็ดลอดออกมา ทิวากานต์เดินนำเจ้าตัวไปที่ประตูแล้วผลักเข้าไปทันที

“ถอดรองเท้าไว้แล้วเอามาวางไว้บนชั้นตรงนั้น” นิ้วเรียวสวยของว่าที่หมอศัลย์ชี้ไปยังชั้นรองเท้ารกๆ ที่อัดไปด้วยรองเท้าหนังกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ อลันด์ถอดอาดิดาสนีโอสีเทาแถบฟ้าเทอร์ควอยส์ของตัวเองยัดๆ รวมไปกับกองรองเท้าผ้าใบ ขณะที่คุณหมอตัวโตกลับวางรองเท้าหนังมันขลับไว้มุมหนึ่งของพื้นห้อง

พอโผล่เข้าไปในส่วนห้องนั่งเล่นเสียงทักทายจากชายหนุ่มต่างวัยสองคนก็ดังขึ้นทันที ทิวากานต์ยกมือไหว้คนแก่กว่าก่อนหันไปรับไหว้คนที่เด็กกว่า อลันด์ยืนเคว้งไปหลายนาทีกว่าจะทักทายกันเสร็จ

“มาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ” อลันด์หน้าเหวอ เขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องสักอย่าง นั่งท้องร้องอยู่ตั้งนานแต่ไอ้หมอเถื่อนดันบอกว่ากินเรียบร้อยแล้วเนี่ยนะ แม่งแกล้งกันชัดๆ

“แล้วนี่คนที่บอกเหรอ” ชายวัยกลางคนที่ทิวากานต์ทักทายเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น เรียกสายตาทุกคู่หันมามองเด็กฝรั่งเป็นตาเดียว ถึงจะชินกับการถูกมองแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกอะไร อลันด์ประหม่าแต่ก็ยกมือไหว้อีกคนตามมารยาทแบบไทยที่คุณยายปลูกฝังมาพร้อมรอยไม้เรียวบนน่อง

“สวัสดีครับ”

“ว้าว พูดไทยได้ด้วย ฉันนึกว่าต้องสปีคอิงลิชซะแล้ว ไอ้เรามันยิ่ง สเน็กๆ ฟิชๆ อยู่” คนที่ดูอายุใกล้เคียงกับเขาว่า เป็นหนุ่มไทยหน้าตาดีจัดตัวสูงกว่าเขาพอควรแต่ไม่ถึงขั้นสูงเหมือนยักษ์แบบทิวากานต์

“เรียนนานาชาติยังสเน็กๆ ฟิชๆ อยู่อีกเหรอ งี้ฉันไม่ควรส่งแกเรียนต่อแล้วสินะ”

“โธ่พ่อ อย่าทำกับผมแบบนี้สิ”

เด็กฝรั่งมองดูสองคนที่น่าจะเป็นพ่อลูกโต้เถียงกัน ถ้าให้เดาก็คงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วย

“ฉันไม่คุยกับแกแล้ว โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงยังทำตัวปัญญาอ่อนอยู่ได้ แล้วนี่หมอวาไปเจอมาจากไหนล่ะนั่น ชื่อเสียงเรียงนามอะไร”

“เพื่อนบ้านเพิ่งย้ายมาใหม่ครับ เห็นหาห้องซ้อมอยู่ ชื่อ...” ทิวากานต์เหลือบหางตามองเด็กฝรั่งข้างตัว เพิ่งสำนึกได้ว่าตั้งแต่เจอหน้ากันมาสามครั้งถ้วนเขายังไม่รู้ชื่อไอ้ตัวแสบเลยนี่หว่า

“อลันด์ โอเนลล์ครับ”

“อยู่ที่นี่มาแต่เกิดเลยเหรอ พูดไทยชัดมาก” คนเป็นลูกแสดงสีหน้าทึ่งไม่ปิดบัง อลันด์ไม่รู้ว่ามันน่าตื่นเต้นตรงไหนที่เขาพูดไทยได้

“เปล่าครับ แต่แม่เป็นคนไทยเลยถูกบังคับให้เรียน”

“ดีแล้ว พูดได้หลายภาษาจะได้มีโอกาสมากกว่าคนอื่นเขา ส่วนเรื่องห้องซ้อมพ่อเราเขาบอกอามาแล้วล่ะ เมื่อเที่ยงเลยให้คนเข้าไปปัดฝุ่นทำความสะอาดไว้” ท้ายประโยคหันมาหาคุณหมอที่ถูกแย่งความสนใจไปชั่วขณะ

“ครับ ขอบคุณมากครับ”

“งั้นเดี๋ยวให้เจ้านภพาไปดูแล้วกัน ส่วนเราอยู่คุยกับอาก่อน พ่อเราฝากของมาให้เยอะเลย”

ทิวากานต์รู้สึกปั้นหน้ายากขึ้นมาทันที แต่เมื่อเป็นคำขอจากผู้ใหญ่จึงปฏิเสธไม่ได้ เขาปล่อยให้ไอ้ตัวแสบหรือที่เขาเพิ่งรู้ว่าชื่ออลันด์ไปกับลูกชายเจ้าของบ้าน ถึงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนี้และเคยเจอหน้ากันผ่านๆ แค่ไม่กี่ครั้งแต่เขาก็คุ้นหน้าตาอีกคนเป็นอย่างดีเพราะเป็นนักร้องหนุ่มดาวร่งพุ่งแรงของวงการในขณะนี้ ไม่ว่าไปที่ไหนต้องยินเพลงของเจ้าตัวเปิดผ่านหูอยู่บ้างแหละ แต่อลันด์มันคงไม่รู้เลยทำหน้ามึนๆ ตามสไตล์เดินตามอีกคนไปต้อยๆ เหมือนแมวเชื่องตัวหนึ่ง

คุณหมอตัวโตลอบถอนหายใจหลังมองส่งเด็กฝรั่งตัวแสบไปจนลับสายตาก่อนหันกลับมาเจอหน้าเพื่อนพ่อที่รอชักฟอกความเป็นอยู่เขาเอาไปรายงานพ่อ เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากยุ่งด้วยน่ะ!



“อยู่ไทยมากี่ปีแล้วล่ะ” เป็นอีกครั้งที่อลันด์นึกน้อยใจในความสูงตัวเองพลางคิดโทษไปถึงมารดาที่มอบดีเอ็นเอส่วนนี้มาให้ เขาต้องเงยหน้าตอนพูดกับอีกคนจนคอแทบตั้ง

“เพิ่งมาอยู่ได้สองสัปดาห์ครับ”

“ว้าว มิน่าล่ะ แล้วมาทำอะไรเหรอหรือย้ายตามครอบครัวมา”

“มาเรียนต่อยูครับ” ตอบทั้งที่ชักรำคาญ ไอ้ด็อกเถื่อนนั่นก็ทิ้งกันเฉยปล่อยให้มากับคนแปลกหน้าซะงั้น เขาเดินตามอีกคนเข้าไปในบ้าน ลึกเข้ามาจนเกือบถึงหลังบ้านก็เจอประตูลงไปห้องใต้ดิน

“งี้ก็เป็นรุ่นน้องฉันน่ะสิ เรียกว่าพี่นภก็ได้นะ แล้วอยู่ยูไหนน่ะเผื่อที่เดียวกัน”

“xxx ยูนิเวอร์ชิตี้ครับ”

“ว้า เสียดายจัง ฉันอยู่ที่ xxx ล่ะ อดเลยเนอะ” นภหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี เดินนำเด็กฝรั่งลงไปยังห้องซ้อมใต้ดินที่พ่อเขาทำไว้ให้ พอเปิดไฟจึงเห็นว่านอกจากจะเป็นห้องซ้อมดนตรีแล้วยังแบ่งส่วนหนึ่งทำเป็นห้องอัดขนาดเล็กไว้ด้วย ครั้งแรกที่อลันด์เห็นถึงกับร้องว้าวด้วยความแปลกใจกระนั้นใบหน้ายังคงเรียบมึนเช่นเคย

นักร้องหนุ่มยักไหล่กับอาการของเพื่อนใหม่ “มาใช้ได้ทุกวันที่ต้องการเลย ความจริงที่นี่ก็สร้างได้ไม่นานหรอกแต่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะมีห้องซ้อมประจำกันอยู่แล้ว เดี๋ยวพ่อฉันคงเอากุญแจไว้ให้”

“ขอบคุณมากครับ”

“กันเองน่า เอากีตาร์มาด้วยใช่ไหม โชว์ให้ฟังสักเพลงหน่อยสิ”

“ได้เลย” เป็นครั้งแรกที่นภได้เห็นเด็กหน้าตายยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มน้อยๆ แค่ยกมุมปากขึ้นก็เถอะ หน้าขาวซีดแบบคนไม่เคยโดนแดดจึงดูน่ามองขึ้นมาอีกหน่อย

อลันด์ถอดกีตาร์ออกจากกระเป๋า จัดการร้อยสายคล้องไหล่สะพายบนบ่าพลางปรับสายกีตาร์ให้เข้าที่ นภเองก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีนั่งบนแอมป์ตัวหนึ่งก่อนตบมือให้เมื่ออีกฝ่ายจะเริ่มทำการแสดง

นักร้องหนุ่มมองนิ้วเรียวยาวจับสายคอร์ดดีดร่ายท่วงทำนองอ่อนหวานออกมาราวเสกมนต์ ทันใดเสียงร้องแหบผิดกับเสียงทุ้มต่ำยามพูดไม่เข้ากับใบหน้าอ่อนเยาว์จึงขับขานสอดประสานเข้ากันกับเสียงกีตาร์ได้อย่างลงตัว ไม่น่าเชื่อว่าเพลงอัลเทอร์เนทีฟอย่าง Radioactive ของ Imagine Dragon จะถูกเรียบเรียงใหม่และใช้เพียงกีตาร์อะคูสติกตัวเดียวเล่นออกมาได้น่าฟังขนาดนี้

“เก่งมาก เก่งจริงๆ” นภลุกขึ้นยืนตบมือให้อีกคนจากใจทันทีที่โน้ตตัวสุดท้ายถูกปล่อยออกมา เขายิ้มให้เด็กผู้ชายที่มีตาสีซีดและได้รอยยิ้มกว้างกลับมา มันยิ่งทำให้เขาชอบในตัวเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก ถ้าได้โปรดิวเซอร์ดีๆ บางทีอลันด์อาจไปได้ไกลเกินกว่าที่เขาจะคิดถึง

“ขอบคุณ”

“ฉันถูกใจนายมาก เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ไม่สิ เรียกฉันว่าพี่ดีกว่า ฉันอยากมีน้องเจ๋งๆ แบบนาย ฉันรู้จักโปรดิวเซอร์เก่งๆ หลายคนเลย ทุกคนต้องชอบนายแน่ ฝึกอีกหน่อยฉันจะพาไปออดิชั่น นายดังชัวร์ ฉันรับประกัน” คนแก่กว่าเดินมาโอบรอบคอน้องชายคนใหม่ที่รวบรัดเอาเอง อลันด์ไม่ได้สะบัดหนี เขาชูกำปั้นหลวมๆ ขึ้นมากลางอากาศ นภมองมันอยู่สามวินาทีก่อนชูกำปั้นขึ้นมาเหมือนกัน

“โอเคพี่” สองกำปั้นต่างไซส์ชกกันเบาๆ เป็นอันว่าสัญญาลูกผู้ชายถูกลงนามเรียบร้อย

“ดี” มือใหญ่กว่าถือโอกาสขยี้เส้นผมสีช็อกโกแลตนมเล่นจนผมหน้าม้าเด็กฝรั่งกระจาย “เออ มีชื่อไทยไหม เรียกอลันด์ไม่เท่เลยอ่ะ เหมือนอรัญเชยสะเด็ด ชื่อเล่นมีไหม”

ตาสีซีดกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด เขากำลังตอบอีกคนไปว่าเรียกอัลเหมือนที่บ้านเขาเรียกก็ได้ แต่จู่ๆ หน้าแดงๆ เพราะความโกรธของคุณหมอขี้โมโหก็ลอยมาในหัว ปากหยักสวยได้รูปยกยิ้มจางเมื่อคิดอะไรได้

“แสบ... ไอ้ตัวแสบ”

“ไอ้ตัวแสบ? ชื่อเจ๋งดีนี่ โอเค นายเล่นอีกสิ ฉันอยากฟังนายเล่นเพลงอื่นอีก เล่นกีตาร์ไฟฟ้าได้ไหม” นภอมยิ้มชอบใจ นึกถูกชะตากับเด็กที่ลูกชายเพื่อนพ่อพามามากขึ้นทุกที ยิ่งตอนมองตาสีซีดกลมๆ วาววับยามพูดถึงกีตาร์แล้วยิ่งรู้สึกเอ็นดูเหมือนแมวบ้านข้างๆ ที่เขาชอบแอบไปเล่นกับมันบ่อยๆ

ไอ้ตัวแสบพยักหน้า หลังจากนั้นพี่น้องฉบับรวบรัดก็พากันซ้อมดนตรีจนลืมคุณหมอหน้าดุที่พามาเลยทีเดียว



TBC

เนื้อเรื่องจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ หน่อยนะคะ
ยังไงรบกวนฝากหมอศัลย์มั่นหน้ากะเด็กฝรั่งหน้าตายไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย
ตอนหน้าเจอกันเร็วๆ นี้ค่ะ อรั๊ย!
 :-[

------------------

1 GP = General Practitioner (แพทย์ทั่วไป)
2 Two Fingers - Jake Bugg
3 Bonfire Heart - James Blunt

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 02 [13.09.15]
«ตอบ #3 เมื่อ13-09-2015 20:37:01 »

TRACK 02



ไอ้ด็อกบ้าทิ้งกันได้!

อลันด์หรือไอ้ตัวแสบที่เจ้าตัวเพิ่งตั้งให้ตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนสาปส่งคนที่พาเขามาบ้านหลังนี้ในหัวยาวเหยียด มีอย่างที่ไหนพามาแต่ดันหนีกลับไปก่อนทั้งที่เขาเข้าไปในนั้นแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ

“หมอวากลับไปแล้วเหรอพ่อ” นภถามพ่อแทนอลันด์เมื่อขึ้นมาจากห้องใต้ดินแล้วไม่เจอคนที่ควรอยู่

“อืม เห็นเขาว่าจะรีบกลับไปอ่านหนังสือต่อ”

“อ้าว แล้วไอ้แสบล่ะ”

“แสบ? ไปตั้งชื่อให้ลูกคนอื่นเขามั่วซั่วอีกแล้วเหรอไอ้นภ”

“เปล่า น้องบอกชื่อแสบจริงๆ เนอะ” คนโตกว่าพยักเพยิดกับเด็กหนุ่ม เด็กฝรั่งหน้าตายก็พยักหน้าสำทับ เจ้าของบ้านเลยโบกมือไม่สนใจเรื่องนี้อีก

“นี่จะกลับแล้วเหรอถึงรีบขึ้นกันมา พ่อนึกว่าจะอยู่กันยันเช้าซะอีก ไหนหมอวาบอกว่าเราชอบซ้อมดนตรีตอนดึกๆ ไง”

“ผมนึกว่าเขาจะรอกลับพร้อมกัน”

“เออ นั่นสิแสบจะกลับยังไง เพิ่งมาอยู่ได้สองสัปดาห์เองไม่ใช่เหรอ คุ้นทางหรือยังล่ะ”

อลันด์ส่ายหัวแทนคำตอบ เขาคงต้องโบกแท็กซี่กลับห้องพักแม้จะไม่รู้ว่าตรงที่ยืนอยู่ตอนนี้อยู่ส่วนไหนของกรุงเทพก็ตาม

“ความจริงตอนนี้น่าจะยังมีรถไฟฟ้าวิ่งอยู่นะ แต่เดี๋ยวพี่ไปส่งเองก็ได้ จะได้ออกไปหาอะไรกินด้วย”

พูดถึงเสือเสือก็มา พอนภพูดถึงเรื่องกินท้องที่ไม่ได้เติมอะไรนอกจากน้ำเปล่าของเด็กฝรั่งก็แผดเสียงประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง สองพ่อลูกมองหน้ากันก่อนปล่อยก๊ากเสียงดังจนแก้มขาวขึ้นสี

“งั้นแวะพาอลันด์กินข้าวก่อนด้วยก็แล้วกัน แล้วค่อยพาเขาไปส่งให้หมอวา อ่อ อลันด์ลุงวานอะไรหน่อยสิ มานี่หน่อย”

ถึงจะไม่เข้าใจว่าพ่อของนภจะให้ให้นภพาเขาไปส่งหมอผ่าตัดนั่นทำไมทั้งที่พวกเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่เด็กฝรั่งหน้ามึนก็ไม่ได้พูดขัด เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของบ้านก้มหน้าให้อีกคนกระซิบคุยให้ได้ยินกันแค่สองคน แม้สิ่งที่พ่อของนภไหว้วานมาจะไม่ยากแต่ไม่รู้จะทำให้ยังไงเหมือนกัน หากเด็กฝรั่งก็พยักหน้ารับไปก่อน เขารับกุญแจห้องซ้อมจากเจ้าของบ้านที่บอกให้เขามาซ้อมที่นี่ได้ตลอดเวลาด้วยความซึ้งใจ พี่นภเองก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับเขาเพื่อที่จะได้ติดต่อกัน

“เดี๋ยวพี่เขียนที่อยู่ให้ด้วย เวลานั่งแท็กซี่มาจะได้มาถูก ความจริงจะนั่งรถไฟฟ้ามาลงหน้าปากซอยแล้วต่อมอไซค์วินก็ได้นะสะดวกกว่าเยอะ รถไม่ติดด้วย”

“ไว้ให้ชินทางกว่านี้ก่อนแล้วกันครับ”

“เออ แล้วคอนโดเราอยู่ไหนบอกพี่เขาด้วยนะ” คนพ่อสำทับ อลันด์ยกมือไหว้ลาเจ้าของบ้านก่อนเดินตามนภออกมาที่โรงจอดรถ

นภขับรถพาเด็กฝรั่งออกจากบ้านมุ่งหน้าถนนสุขุมวิท เขาถามผู้โดยสารว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม คนที่ไม่มีอะไรตกท้องมาตั้งแต่เที่ยงเรียกหาของหนักลงท้องทันที

“สเต็ก!”

“โอเค มีร้านนึงอร่อยมาก รับรองนายจะติดใจ”



ร้านที่นภพาไปอร่อยสมที่เจ้าตัวบอก อลันด์ยัดริบอายเข้าไปจนจุกแทบจะต่อของหวานที่ขึ้นชื่อของร้านต่อไม่ไหว แถมมื้อนี้นภยังเลี้ยงหมดไม่ให้เขาจ่ายสักบาท ประหยัดค่าขนมที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปได้อีกหลาย

เด็กฝรั่งเดินตบพุงออกมาจากลิฟต์ท่าทางอารมณ์ดีสุดขีด ลืมเรื่องที่ถูกหมอหน้าดุทิ้งไปหมด พรุ่งนี้เขาบอกนภไว้แล้วว่าจะเข้าไปซ้อมตอนบ่ายๆ ทั้งที่อยากไปแต่เช้าหากไม่มีภารกิจสำคัญที่เขาต้องไปจัดการก่อนล่ะก็นะ

ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองประตูห้องฝั่งตรงข้าม 2111 เดาเอาว่าน่าจะเป็นของคุณหมอตัวโต คิ้วเข้มยกขึ้นข้างหนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปกดกริ่งเรียกอีกคนรัวๆ ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากในห้อง เด็กหนุ่มนึกขำในใจก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเฉยชาเหมือนเดิมเมื่อบานประตูไม้เปิดออก

“ไอ้ตัวแสบ! นี่แกอีกแล้วเหรอ ฉันหาห้องซ้อมให้แล้วทำไมยังมาจองล้างจองผลาญกันอีก จะปล่อยให้ฉันอ่านหนังสือบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม!”

“คุณ - ทิ้ง - ผม" อลันด์พูดย้ำทีละคำ คิ้วขมวดกันน้อยๆ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจจริงจัง

“หืม? อายุสามขวบหรือไงถึงกลับบ้านเองไม่เป็น”

“ผมเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้แค่สองสัปดาห์ คุณรู้ไหมผมต้องถามทางขี้เมาแถวซอยนั้นจนเกือบถูกจี้กว่าจะกลับมาถึงที่นี่โดยปลอดภัยน่ะ”

“ก็กลับมาได้นิ” ทิวากานต์ว่าไม่รู้สึกรู้สา ปลายจมูกโด่งขยุกขยิกไปมาก่อนริมฝีปากบางจะบิดยิ้มเจ้าเล่ห์ “กลิ่นเนื้อหึ่งเลยนะ ฉันจะเชื่อแล้วกันว่าถูกจี้มา”

“จิ๊”

คุณหมอกลั้นยิ้มจนหน้าตึงเมื่อเห็นอีกคนอารมณ์เสียที่หลอกเขาไม่สำเร็จ เขารู้อยู่หรอกว่าสองพ่อลูกนั่นคงไม่ใจร้ายปล่อยเด็กพลัดถิ่นเดินออกมาจากซอยทองหล่อคนเดียว “เป็นไง พอใจไหมล่ะห้องซ้อมที่ฉันหาให้”

“ก็ดี อย่างน้อยพี่นภก็ใจดีกับฝรั่งพลัดถิ่นแบบผมมากกว่าคุณละนะ”

“ดีนี่ ในเมื่อเธอได้ที่ของเธอแล้วต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่อย่างสงบสุขแล้วกัน โอเคไหม”

“ได้”

“ดี ได้เวลาเด็กดีไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”

“เฮ้ ไหงตัดรอนกันงี้ล่ะ” ฝรั่งพลัดถิ่นร้องเสียงหลงแต่หน้าตายเหมือนเดิม ดูก็รู้ว่าแกล้ง

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง กู๊ดไนท์คิสก่อนนอนกับเด็กผู้ชายหรือไง”

“ขอบคุณ”

“หืม? เธอว่าอะไรนะฉันได้ยินไม่ชัด” ทิวากานต์ได้ยินที่เด็กฝรั่งพูดชัด แต่ขอแกล้งหน่อยเถอะ เห็นไอ้เด็กหน้าตายมันเขินจนหูแดงแล้วตลกจริงๆ

“ขอบคุณไงเล่า!”

“แค่เนี๊ยะ! ค่อยน่ารักหน่อย”

อลันด์เอียงคอเหลือบตาขึ้นฟ้า ด็อกเถื่อนนี่อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเขาตั้งรับไม่ทันจริงๆ ทำเหมือนเขาเป็นเด็กสามขวบงั้นแหละ เขาถอนหายใจเอือมๆ เหล่ตามองอีกคนที่ยังยืนพิงประตูห้องประหนึ่งนายแบบห้องเสื้อทั้งที่สวมชุดนอนลายทางสีส้มเข้ม

“มีอะไรอีกม่ะ”

“ให้เลือกเยอรมันกับอิตาลี”

“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่งงงกับอีกคนที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทิวากานต์เองดันบ้าจี้ตามเอามือจับคางครุ่นคิด “เลือกยากนะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเยอรมัน!”

“เยอรมันเหรอ... งั้นพอร์เช่หรือออดี้”

“ยิ่งยากเข้าไปใหญ่... อืม...” คุณหมอหนุ่มคิดหนักกว่าเดิม คำถามนี้ยากยิ่งกว่าสอบสัมภาษณ์เข้าอบรมเป็นแพทย์ประจำบ้านอีกนะ เขาคิดอยู่เกือบนาทีก่อนตัดสินใจได้ “น้องกบ พอร์เช่!”

“แค่นี้แหละ ราตรีสวัสดิ์”

“หา? แล้วนี่ถามไปทำไมเนี่ย”

“ไม่บอก วู้ว ไปนอนแล้ว” เด็กหน้ามึนเคลงหัวไปมาก่อนเดินกลับไปห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ราตรีสวัสดิ์ไอ้ตัวแสบ” คุณหมอจนปัญญาจะซักไซ้ต่อ แม้จะงงๆ ว่ามาถามยี่ห้อรถกับเขาทำไม หรือไอ้เด็กนั่นมันอยากจะซื้อรถเลยมาลองถามดูก็อาจเป็นไปได้ ทิวากานต์โบกมือให้เด็กฝรั่ง ยืนรอส่งจนอีกคนเข้าห้องไปแล้วถึงกลับเข้ามาในห้องอ่านหนังสือต่อ

.
.
.

วันนี้ทิวากานต์มีตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่เขารับจ๊อบพิเศษอยู่ จะว่าไปชีวิตเขาก็ไม่ได้ลำบากขนาดที่เงินเดือนหมอโรงพยาบาลรัฐไม่พอยาไส้ ออกจะมีเหลือกินเหลือใช้ถ้าหักค่าน้ำค่าไฟค่าข้าวไปแล้ว บ้านที่อยู่ตอนนี้แม่ก็ซื้อขาดไว้ตั้งแต่ย้ายเข้ามา สมบัติเก่าเก็บก็ยังมี เงินบางส่วนก็เอาไปลงทุนไว้รองอกเงยออกดอกออกผลในอนาคตตามคำแนะนำจากนายธนาคารอย่างเมษา แต่เพราะไอ้ค่าดูแลลูกรักสองคันที่จอดอยู่นี่แหละตัวสิ้นเปลืองเลย จะขายทิ้งไปเสียคันนึงก็ไม่กล้าเพราะรักจริงจัง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาหาตังค์มาเลี้ยงดู

วันนี้เขาเลือกสปอร์ตสองประตูคันเดิมไปทำงาน อาจได้สายตาหมั่นไส้จากคนที่โรงพยาบาลสักหน่อยแต่ WHO CARE?

รถบีเอ็มดับบริว ซีโฟร์ สีขาวเงาวับเลี้ยวออกประตูคอนโดตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าดี ตาคมมองนู่นนี่ไปเรื่อยกับอากาศยามเช้าก่อนสะดุดที่ไอ้เด็กฝรั่งห้องตรงข้ามสะพายกีตาร์เดินออกมาพร้อมกันพอดี สบโอกาสยังเช้าจัดไม่มีรถตามหลังเขาจึงชะลอความเร็วเปิดกระจกตะโกนไปถาม

“ไปไหนแต่เช้าน่ะไอ้ตัวแสบ”

ไอ้ตัวแสบสะดุ้งโหยง หันหัวหาต้นตอเสียงจนเจอรถคันที่ได้นั่งเมื่อวานกับคนขับยักคิ้วกวนๆ มาให้ เท่านั้นเสียงที่ดังยิ่งกว่าก็ตะโกนกลับมา “ไปทำงาน”

“หัดหาเงินใช้เองก็ดี” ทิวากานต์ยักคิ้วให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดกระจกรถแล้วขับตรงไปโรงพยาบาล ทิ้งฝรั่งพลัดถิ่นให้ส่ายหัวกับความบ้าของคุณหมอหน้าดุคนเดียว



หน้าที่ของว่าที่ศัลยแพทย์ทรวงอกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่มีอะไรให้รับผิดชอบมากนักนอกจากตรวจคนไข้เล็กๆ น้อยๆ บางครั้งจะมีเคสให้เขาเข้าไปช่วยผ่าตัดเพื่อเป็นการศึกษาเพิ่มเติมและเก็บเคสอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นคนไข้ของนายแพทย์ทิวากานต์ก็เยอะอยู่ดี และเขาคงไม่รู้ว่าจะเยอะแค่เฉพาะวันที่เขามาตรวจเท่านั้น

แหงล่ะ...ความหล่อของหมอหนุ่มขจรกระจายไกลจนสาวน้อยสาวใหญ่ต้องหาเรื่องเจ็บป่วยมาให้คุณหมอเอาหูฟังแนบหน้าอกได้ไม่ขาด

กว่าคนไข้ช่วงเช้าจะหมดก็เกือบบ่ายแล้ว นายแพทย์ท่านหนึ่งที่ชายหนุ่มเคารพชวนไปกินข้าวร้านอร่อยหน้าโรงพยาบาล เขาจึงไม่ปฏิเสธด้วยท้องเริ่มทำการประท้วงส่งน้ำย่อยออกมากัดกระเพาะ

“เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน1


เสียงที่ได้เหมือนได้ยินช่วงสองสามวันผ่านมาดังเข้าหูจนต้องชะงักเท้ายามเดินผ่านล็อบบี้โรงพยาบาล ร่างสูงใหญ่ชะโงกจากชั้นลอยลงมองตรงบริเวณที่มักมีนักดนตรีมาทำการแสดงให้คนไข้ดู ก่อนเห็นหัวสีช็อกโกแลตนมของไอ้ตัวแสบยืนดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่ข้างล่างนั่น

แม่เจ้าเว้ย! ขนาดเขามาทำงานที่โรงพยาบาลมันก็ยังตามมารังควาญกันได้ไม่มีปล่อยเลยเว้ยเฮ้ย

“อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...”


เสียงตบมือจากคนไข้และผู้เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลดังทันทีที่เด็กฝรั่งร้องจบ ขนาดคุณหมอข้างตัวเขาก็ยังแสดงความชื่นชอบด้วย

“หน้าฝรั่งเชียวแต่ร้องเพลงไทยชัดถ้อยชัดคำดีนะ หมอวาว่าไหม”

“ครับ” ทิวากานต์พยักหน้าเห็นด้วย และต้องยอมรับว่าเด็กแสบเก่งจริงแม้จะชอบกวนประสาทเขาก็เถอะ งานที่เจ้าตัวว่าคงเป็นการมาแสดงดนตรีให้ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลฟังสินะ ตอนเดินผ่านหน้าเจ้าตัวแสบเลยอดยักคิ้วให้ไม่ได้ เด็กฝรั่งนั่นถึงกับดีดกีตาร์เพี้ยนไปเลย คงตกใจที่เห็นเขาโผล่โรงพยาบาลนี้

หลังกินมื้อกลางวันกับนายแพทย์รุ่นพี่เสร็จ ทิวากานต์ขอตัวแวะซื้อชาเขียวปั่นที่ร้านกาแฟชั้นล่างของโรงพยาบาลก่อน เขาสั่งเมนูประจำกับพนักงานสาวก่อนเดินไปรอที่ส่วนรับเครื่องดื่ม อดเผลอมองออกไปลานด้านนอกตรงที่อลันด์เล่นดนตรีอยู่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไม่ได้ ตอนนี้ลานว่างบริเวณล็อบบี้ว่างเปล่า เจ้าตัวแสบคงเสร็จงานกลับไปแล้ว

“ดับเบิ้ลช็อกโกแลตครีม ชิพ แฟรบปูชิโน่ เวนตี้ หนึ่งแก้วครับ”

“ค่า ลูกค้าจะรับขนมทานเพิ่มด้วยไหมคะ”

“ไม่ครับ”

“ทั้งหมดร้อยแปดสิบห้าบาทค่ะ”

โอเค ทิวากานต์จะลืมที่คิดว่าไอ้ตัวแสบมันกลับไปแล้วก็แล้วกัน เด็กฝรั่งตัวสูงเท่าไหล่หรือบางทีอาจเตี้ยกว่านั้นเดินมายืนรอเครื่องดื่มข้างเขา คิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งให้ดูยังไงก็จงใจกวนกันชัดๆ

“บังเอิญนะ ไม่ยักรู้ว่าด็อกทำงานที่นี่ด้วย”

“รับจ๊อบพิเศษเถอะ ว่าแต่ด็อกนี่มันอะไร”

“ด็อกเตอร์ที่แปลว่าหมอไง”

“เรียกหมอเถอะขอร้อง เรียกงี้เหมือนหมาเลย” หัวทุยส่ายไปมา เข้าใจว่าเด็กฝรั่งคงติดคำเรียกมาจากบ้านเกิด แต่นี่เมืองไทยช่วยเรียกแบบไทยได้จะเป็นพระคุณมาก

อลันด์ยักไหล่ไม่รับปากอะไร เขามองพนักงานบีบวิปครีมใส่เครื่องดื่มสองแก้วซึ่งคงเป็นของเขากับคุณหมอตัวโตนี่แน่ๆ

ไม่นานพนักงานสาวยื่นแก้วชาเขียวกับช็อกโกแลตปั่นให้ลูกค้าต่างไซส์ทั้งคู่พร้อมหลอดสีเขียวในห่อพลาสติก ทิวากานต์รับแก้วกับหลอดถือมาเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่แยกออกมา แกะห่อหลอดออกทิ้งในถังขยะก่อนปักลงในเครื่องดื่ม มีเด็กฝรั่งหน้าขาวซีดทำตามเป็นสเต็ป

ปากหยักสีสดอ้าออกงับหลอดดูดสูดช็อกโกแลตปั่นเข้าปากได้อึกเดียวสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงเจ้าตัวก็แผดเสียงลั่น อลันด์ใช้มือข้างว่างล้วงหยิบออกมารับสายหลังมองชื่อคนโทรมาแวบเดียว

“สวัสดีครับ เลิกแล้วครับ ใช่... จะมารับเหรอครับ ได้ครับผมจะรอที่ร้านกาแฟแล้วกัน ครับ แล้วเจอกันครับ”

นายแพทย์ทิวากานต์ไม่ได้อยากทำตัวไร้มารยาทแอบฟังคนอื่นคุยธุระกันหรอกนะ แต่เห็นไอ้ตัวแสบมันพูดจาเรียบร้อยกับปลายสายแล้วอดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ พออลันด์วางสายเขาก็รีบดึงสายตาไปทางอื่นทันที แอบเหล่ตามองหน่อยก็เห็นว่าไอ้ตาสีซีดมันจ้องกลับมาอยู่

“แล้วมาทำงานแบบนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไง” คุณหมอวัยเฉียดสามสิบแกล้งถามแก้เก้อ ตาฟ้าซีดเหลือบมองเสี้ยวคางสะอาดไร้ตอหนวดเคราของคุณหมอก่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมตัวหนึ่งติดกระจก ทิวากานต์เลยถือโอกาสพาร่างใหญ่ๆ ของตัวเองไปนั่งด้วย

“ปิดเทอมอยู่”

“เธอบอกว่าเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้สองสัปดาห์นี่ ก่อนหน้านี้อยู่ที่ไหนมาล่ะ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต?”

“เมย์แฟร์ ลอนดอน”

“เห?”

“อะไร” อลันด์ละสายตาจากแก้วเครื่องดื่มตรงหน้ามองผู้ชายตรงหน้าด้วยความรำคาญ ไม่รู้จะตกใจอะไรหนักหนา

“คิดไงมาเรียนต่อที่นี่ ชีวิตที่นั่นไม่ดีอยู่แล้วหรือไง” ถ้าจำไม่ผิดจากประสบการณ์ไปตะลุยร้านน้ำชากับแม่ที่ลอนดอนเมื่อห้าหกปีที่แล้วย่านเมย์แฟร์ถือได้ว่าเป็นย่านไฮโซมากถึงมากที่สุด บ้านแต่ละหลังไม่กล้าตีราคาเป็นเงินไทยให้ช็อกเล่นเลย

“ดี แต่แด๊ดบอกว่าถ้าอยากเป็นนักร้องให้มาเรียน BBA ที่ไทยให้จบก่อน”

“ฉันไม่เข้าใจความคิดพ่อเธอเลย” ทิวากานต์หัวเราะในลำคอ เห็นหน้านิ่งๆ ของไอ้ตัวแสบขมวดคิ้วเข้าหากันหน่อยๆ ก็พอรู้ว่าเจ้าตัวไม่เต็มใจมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน

“ถ้าอยู่ที่นู่นต่อเขากลัวว่าผมจะหนีออกจากบ้าน เลยชิงเตะโด่งให้มาอยู่ต่างประเทศคนเดียวดีกว่า ยังไงผมก็คงไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ ก่อนได้เป็นนักร้องสมใจ”

“แสดงว่าเธอดื้อน่าดูเลยล่ะสิเขาถึงส่งมาดัดสันดานไกลขนาดนี้” คุณหมอยิ้มบาง “แต่ฉันว่าเรียนไว้น่ะดีแล้ว เป็นนักร้องมันไม่แน่นอนหรอก วันนี้เธออยากจะชอบที่ได้ยืนกลางแสงไฟแต่วันหนึ่งอาจจะเกลียดมันแทบบ้าแต่ไม่สามารถหนีออกมาก็ได้นะ”

ตาสีฟ้าจ้องมองคุณหมอในเสื้อสูทขาวตาขวาง “มันคือความฝันของผม ผมไม่เกลียดมันหรอก”

“ตอนนี้เธอยังเด็ก” ทิวากานต์พูดแค่นั้นก่อนเลี่ยงการทะเลาะกับอีกคนด้วยการดูดแก้วชาเขียวปั่นแก้วใหญ่ในมือให้ปากไม่ว่างซะ

พวกเขาจมอยู่กับเครื่องดื่มในมือจนเกือบเหลือแค่ก้นแก้วพลาสติก คนมาใหม่จึงโผล่หน้าเข้ามา นภในมาดแปลกตากว่าเมื่อวานด้วยแว่นกันแดดอันโตบดบังใบหน้าไปเกือบครึ่งแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นคุณหมอทิวากานต์นั่งอยู่กับน้องแสบเพราะเขาได้ยินพ่อบอกมาว่าอีกฝ่ายทำงานอยู่โรงพยาบาลรัฐชื่อดัง แต่พอคิดว่าเมื่อวานก็คนนี้ไม่ใช่หรือที่พาอีกฝ่ายมาให้เขารู้จักจึงไม่เก็บมาสงสัยมากมาย

“สวัสดีครับคุณหมอ”

“สวัสดีครับ” อย่าว่าแต่นภที่แปลกใจ คุณหมอตัวโตก็สงสัยไม่แพ้กันว่าทำไมนักร้องหนุ่มถึงโผล่มาที่นี่ได้ และเขาไม่คิดจะเก็บความคิดไว้เหมือนอีกคนจึงถามออกมาทันที “มาทำอะไรที่นี่ครับ มาหาหมอเหรอ”

“มารับน้องแสบไปห้องซ้อมครับ เห็นว่าเพิ่งย้ายมาคงไม่รู้ทาง นั่งแท็กซี่บ่อยๆ ก็เปลืองแล้วพอดีก่อนหน้านี้ผมมีงานแถวนี้เลยอาสาเสียเลย”

“อ๋อ สนิทกันไวดีนะครับ แป๊บเดียวมีชื่อเล่นเรียกกันแล้ว” คุณหมอหนุ่มคลี่ยิ้มให้ทั้งคู่ สาบานเลยว่าพูดตามที่เห็นไม่ได้ประชด แม่งชื่อแสบตั้งแต่เมื่อไหร่เขายังไม่รู้เลย ชื่อจริงก็เพิ่งจะรู้เมื่อวานตอนเจอหน้ากันได้สามครั้งเนี่ย เบอร์โทรศัพท์ก็ยังไม่มี กับอีกคนเพิ่งเจอหน้ากันเมื่อวานรู้หมดตั้งแต่ชื่อยันขนาดรองเท้าแล้วมั้ง เขานี่มันทางผ่านชั้นดีแท้ๆ

“แบบว่าเราเป็นพวกเดียวกันน่ะครับ เรื่องดนตรีเนี่ยเข้ากันได้ดีเกินคาดเลย”

“ดีจริงนะ”

“ถึงได้ขอบคุณไง” คนอ่อนสุดว่าลอยๆ ไม่ได้เจาะจงว่าพูดกับใคร ช็อกโกแลตปั่นในมือหมดแก้วพอดี หนุ่มลูกครึ่งตัวสูงเท่าไหล่คุณหมอจึงลุกจากเก้าอี้เอาไปทิ้ง พอเจ้าตัวเดินกลับมาที่โต๊ะทิวากานต์ก็ขยับตัวลุกขึ้นเตรียมกลับไปเข้าเวรช่วงบ่ายต่อ

“เดี๋ยวแสบรอพี่แป๊บนึงนะ ขอสั่งกาแฟก่อน” นภหันมาบอก รอจนอีกคนพยักหน้าให้ร่างสูงโปร่งถึงได้รีบก้าวไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม หลายคนในร้านเหลียวมองนักร้องหนุ่มเป็นตาเดียวราวกับไม่แน่ใจว่าใช่ตัวจริงหรือไม่เพราะเห็นหน้าไม่ชัด

“ฉันไปทำงานต่อล่ะ เธอก็อย่าดื้อกับเขามากแล้วกัน”

“เฮ้อ...” เด็กฝรั่งหน้าตายทำเป็นถอนหายใจเนือยๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกขำมากกว่าจะฉุน

“ฉันต้องทำแบบนั้นมากกว่านะ ไปล่ะ”

“อ่าฮะ” เด็กหนุ่มยักไหล่แทนการโบกมือให้อีกคนตามมารยาทที่ดี พอทิวากานต์เปิดประตูออกไปนภก็กลับเข้ามาหาเขาพร้อมกาแฟเย็นในมือเตรียมพร้อมจะไปห้องซ้อมกันต่อ

.
.
.

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 02 [13.09.15]
«ตอบ #4 เมื่อ13-09-2015 20:40:25 »

 ชีวิตของ Senior Resident วัยเกือบสามสิบกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้งได้เกือบสองสัปดาห์ตั้งแต่เขาทำตัวเป็นทางผ่านพาเด็กฝรั่งแต่พูดไทยชัดแจ๋วไปให้รู้จักกับครอบครัวนักดนตรีที่เป็นเพื่อนพ่อเขา ส่วนเจ้าเด็กฝรั่งตัวแสบก็เจอกันแค่ตอนเช้าบางวันที่เขามีเวรกับโรงพยาบาลเอกชนบางทีเลยพาติดรถไปทำงานด้วยกันเสียเลย และทุกคืนหลังกลับมาจากโรงพยาบาล คุณหมอหนุ่มว่าที่ศัลยแพทย์อนาคตไกลมีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบสมใจหวังเพราะต้นตอเสียงรบกวนหนีไปหมกอยู่ห้องซ้อมใต้ดินแถวทองหล่อแล้ว

และตอนนี้เขากำลังมีความสุขที่สุดเพราะนักศึกษาแพทย์ปีสี่ชุดสุดท้ายเพิ่งจะสอบเสร็จไป หลังจากนี้เขาจะมีเวลามากขึ้นสำหรับตัวเองและวางแผนจะใช้มันอย่างคุ้มค่า เริ่มจากคืนนี้เลย...

“พรุ่งนี้คุณไม่มีงานหรือคะ”

“ต่อให้มีงานผมก็ไม่สนใจ ตอนนี้ผมสนคุณแค่คนเดียว”

“คนเป็นหมอพูดแบบนี้จะดีเหรอ”

“ไม่เอาน่า หมอก็เป็นคนธรรมดานะ” ทิวากานต์คลี่ยิ้มหวานจนหล่อนยิ้มเคลิ้ม ใครๆ ก็บอกว่าชายหนุ่มยิ้มสวย ใครมองล้วนต้องตกหลุมรัก และเขามั่นใจว่ามันจริงล้านเปอร์เซ็นต์เพราะจนตอนนี้ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนถูกเขายิ้มใส่แล้วยังทำใจแข็งอยู่ได้เลย

คุณหมอหนุ่มที่ขอเป็นคนธรรมดาหนึ่งคืนถอดเสื้อยืดตัวในออกพ้นศีรษะก่อนโถมตัวใส่หญิงสาวพาให้สองร่างล้มลงบนเตียงกว้าง ริมฝีปากบางแต้มจูบบนใบหน้าสวยของหญิงสาวที่เขากิ๊กกันมาได้สักพัก ก่อนละเลงบทเพลงรักร้อนระอุตลอดค่ำคืนนี้

ทิวากานต์รู้สึกตัวตื่นตอนตีห้าเหมือนเช่นทุกวันแม้ว่าจะเป็นวันหยุด หญิงสาวที่เขาพามาค้างด้วยเมื่อคืนคงตื่นก่อนเขาสักพักแล้วเพราะเธอใช้ห้องน้ำเขาอยู่ ได้ยินเมื่อคืนผ่านๆ ตอนทำกิจกรรมเข้าจังหวะว่าเธอมีงานแต่เช้า ไม่นานเธอก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพหน้าผมเรียบร้อยสวมยูนิฟอร์มชุดใหม่จากกระเป๋าเดินทางยี่ห้อดังสีดำ

“ฉันทำให้ตื่นหรือเปล่าคะ”

“ผมตื่นเวลานี้ปกติอยู่แล้วน่ะ บินกี่โมงให้ผมไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ เห็นช่วงนี้คุณหมอนอนน้อย อุตส่าห์ได้หยุดทั้งทีเก็บไว้นอนเถอะค่ะ”

ทิวากานต์ยิ้มทั้งที่หลับตา เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าเรียกหญิงสาวให้เข้ามาก่อนโน้มคอเธอลงมาจูบ “คุณน่ารักที่สุด งั้นรอผมแป๊บนึงนะ เดี๋ยวลงไปส่งข้างล่าง”

“ค่ะ”

ว่าที่ศัลยแพทย์กระโดดลงจากเตียงเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้พอเรียบร้อย หยิบกางเกงขาสั้นตัวใหม่จากในตู้สวมทับบ็อกเซอร์แล้วค่อยออกไปหากิ๊กสาวคนสวยข้างนอก

เขาช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องจัดการปิดล็อคเรียบร้อย พอดีกับตอนที่ประตูห้อง 2112 ฝั่งตรงข้ามเปิดออก ทิวากานต์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนยิ้มให้ไอ้ตัวแสบที่วันนี้แต่งตัวเนี้ยบผิดปกติ

“ไปไหนแต่เช้า ไม่ได้ไปโรงพยาบาลใช่ไหม”

“อ่าฮะ จะไปสนามบิน”

“จะกลับบ้านแล้วหรือไง”

“เห็นกระเป๋าเดินทางหรือเปล่าล่ะ ถามโง่ๆ”

“เอ่อะ...” หมดคำพูด... เห็นช่วงนี้มันน่ารักขึ้นมาหน่อยนึกว่าปากจะน่ารักตามไปด้วย นี่เล่นหักหน้าเขาต่อหน้ากิ๊ก หมดกันภาพลักษณ์กู แม่ลูกเรือสาวก็แอบหัวเราะเขาอีก ทิวากานต์ชี้หน้าคาดโทษไอ้เด็กแสบก่อนลากกระเป๋าไปหน้าลิฟต์ ยืนรอลิฟต์จนอลันด์มายืนต่อแถวอยู่ข้างหลัง

ทิวากานต์พยายามไม่สนใจอาการสนใจเด็กฝรั่งพูดไทยชัดแจ๋วของกิ๊กสาวทั้งที่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทุกที ระหว่างลิฟต์กำลังไต่ขึ้นมาจากชั้นหนึ่งหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวก็เปิดปากก่อน

“จะไปสนามบินเหรอคะ ทางเดียวกันเลย ไปยังไงเอ่ย?”

“แท็กซี่ครับ พี่สาวไปทำงานเหรอครับ”

“จ๊ะ แล้วเราล่ะไปทำอะไร ไปรับใครหรือเปล่าแต่งตัวเรียบร้อยเชียว” เรียบร้อยที่หล่อนว่าคือเรียบร้อยจริงๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้เด็กฝรั่งสวมสูทสีกรมทับเชิ้ตขาวผูกไทสีเดียวกันกับสูท กางเกงแสลครีดขึ้นกลีบ และรองเท้าหนังขัดมันวับ

“ไปรับคุณแม่ครับ”

‘เว่อร์’ คุณหมอขยับปากไร้เสียงพูดอยู่คนเดียว แค่ไปรับแม่ถึงกับต้องแต่งตัวทางการขนาดนี้ แม่แกเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไง

“ไหนๆ ไปทางเดียวกันนั่งแท็กซี่ไปด้วยกันไหมจ๊ะ” คนตัวโตสะดุ้งโหยง หันมองกิ๊กตัวเองกับไอ้เด็กห้องตรงข้ามขวับจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น

“รบกวนหรือเปล่าครับ”

“ไม่เลยจ๊ะ ไปด้วยกันประหยัดน้ำมันกับค่ารถดีออก”

“งั้นรอผมตรงนี้ก่อนนะ ทั้งคู่เลย”

“หืม? คุณหมอลืมอะไรหรือคะ” หล่อนมองหน้าคู่ควงตาปริบจนเห็นแพขนตาขยับทาบแก้มสีแดงเรื่อเพราะบรัชออน คุณหมอทิวากานต์ไม่ได้ลืมอะไรหรอกแต่เพราะเธอสวยขนาดนี้จะปล่อยให้ไปกับไอ้เด็กแสบนี่สองต่อสองได้ยังไงกันฝากปลาย่างไว้กับแมวชัดๆ เมื่อกี้แม่งเรียกพี่สาวด้วย โคตรไม่น่าไว้ใจ

“เดี๋ยวผมไปส่ง ขอไปหยิบกุญแจรถแป๊บเดียว ห้ามไปไหนนะ”

“อ้าว คุณหมอคะ... หมอวา...” เธอจะเรียกอีกคนไว้ก็ไม่ทันแล้ว หมอตัวโตใช้ขายาวๆ วิ่งกลับห้องไปแล้ว ทิ้งให้เด็กฝรั่งพึมพำอยู่คนเดียวว่าปัญญาอ่อน

ตาสีฟ้าซีดก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ เขาออกจากห้องสายไปหน่อยแถมเจอด็อกนั่นถ่วงเวลาไว้แบบนี้อีกไม่รู้จะไปทันก่อนเครื่องลงไหม

เพียงอึดใจหน้าหล่อๆ ของคุณหมอก็วิ่งกลับมาในสภาพเรียบร้อยกว่าเดิม เสื้อยืดใส่นอนเปลี่ยนเป็นเสื้อโปโลสีขาว กางเกงสามส่วนกลายเป็นแสลคสีดำ และรองเท้าแตะเมื่อกี้ก็แปลงเป็นผ้าใบของโอนิสึกะไทเกอร์ แถมยังฉีดน้ำหอมฟุ้งอีก ลิฟต์ที่มาถึงนานแล้วถูกเปิดออกอีกครั้งให้สามชีวิตได้เข้าไปด้านใน

“แล้วจะนั่งกันไปยังไง รถคุณแค่สองที่นั่งไม่ใช่เหรอ” เด็กฝรั่งตัวสูงเท่าไหล่คุณหมอถามเสียงนิ่ง ไม่ได้ตั้งใจกวนอีกฝ่ายจริงๆ นะ

“พอดีว่าฉันไม่ได้มีรถแค่คันเดียวอ่านะ”

ทิวากานต์หัวเราะเบาๆ เดินนำอีกสองคนออกจากลิฟต์ตรงมายังที่จอดรถประจำของตนเอง ข้างๆ บีเอ็มดับบริว ซีโฟร์สีขาวมีรถจากค่ายเดียวกันสีเดียวกันแต่เป็นรุ่นใหญ่จอดเคียงอยู่ ด้านบนแปะป้ายบอกหมายเลขห้องของเจ้าของที่จอดรถไว้ชัดเจน ‘2111’

เขามองหน้าเจ้าของตาสีฟ้าซีดที่อยากจะงับหัวเขาเต็มที่ด้วยความขบขันหลังจากช่วยยกกระเป๋าของกิ๊กสาวไปไว้หลังรถเรียบร้อย “ทีนี้นั่งได้ยัง”

ไม่มีคำตอบจากอลันด์นอกจากการที่เจ้าตัวเดินไปเปิดประตูเบาะหลังรอ แค่นั้นก็ทำให้ทิวากานต์หัวเราะชอบใจได้แล้ว



เห็นว่าเครื่องบินที่แม่ไอ้เด็กฝรั่งจะมาถึงตอนหกโมงกับห้านาทีกับอาการก้มหน้าดูนาฬิกาบ่อยๆ ของอลันด์ คุณหมอผู้รักความเร็วเป็นจิตใจเลยจัดการเหยียบคันเร่งเสียมิดเพื่อให้เจ้าตัวไปรับแม่ทัน อีกอย่างวันอาทิตย์ตอนเช้าตรู่ยังไม่หกโมงเช้าดีแบบนี้ถนนโล่งจะตาย เหยียบหนักหน่อยแค่สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว

ตลอดทางทิวากานต์ได้ยินแต่เสียงพูดคุยสลับหัวเราะของกิ๊กสาวกับเพื่อนร่วมคอนโด รู้สึกไอ้เด็กหน้าตายนี่จะเข้ากับคนอื่นได้ดีเหลือเกินยกเว้นเขา ไม่ทันไรก็สนิทกันหมด ทิ้งเขาเป็นหมาหัวเน่าให้ขับรถเงียบๆ คนเดียว คิดแล้วมันน่าน้อยใจนัก

“เดี๋ยวคุณหมอส่งนุ่นที่ประตูหนึ่งนะคะ” กว่าหล่อนจะหันมาพูดกับเขาอีกทีก็ตอนที่ซีรีส์ห้าสีขาวปลอดเกือบจะถึงอาคารผู้โดยสารอยู่แล้ว

ชายหนุ่มจอดเลยประตูหนึ่งเล็กน้อยเพราะมีรถคันอื่นจอดขวางทางเข้าอยู่ พอรถนิ่งสนิทก็ลงมาช่วยยกกระเป๋าให้หญิงสาวพร้อมๆ กับอลันด์เปิดประตูเบาะหลังลงมา

“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ นุ่นไปทำงานก่อนล่ะ”

“โชคดีครับ” ไม่ลืมยิ้มหวานให้หญิงสาวเป็นการส่งท้าย เขาโบกมือลาหล่อนจนเธอเดินข้ามสะพานเชื่อมถนนกับอาคารเข้าไปด้านใน ก่อนแขนยาวจะเอื้อมไปถึงคอเสื้อสูทไอ้เด็กฝรั่งไว้ก่อน “แล้วนี่จะรีบไปไหน”

“ไปหามัม”

“ชั้นสองนู่น ขึ้นรถมา อีกตั้งสิบนาทีกว่าจะแลนด์”

“แยกกันตรงนี้ก็ได้”

“ขึ้น - รถ - มา” หมอหนุ่มเน้นทีละคำจนอีกคนได้แต่ทำหน้าง้ำเดินตามมาขึ้นรถด้วยแต่โดยดี ไม่วายได้ยินคนเด็กกว่าบ่นจับใจความได้ว่า ‘จู้จี้ชะมัด ไม่ได้ขอให้มาส่งสักหน่อย’ เป็นของแถม

เกือบหกโมงห้านาทีชายหนุ่มต่างไซส์ถึงเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ทิวากานต์หาวเล็กน้อยด้วยพักผ่อนไม่พอ คำนวณเวลากว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง กว่าจะเดินออกมาคงกินเวลาหลายนาทีอยู่ ชายหนุ่มเลยกะจะไปร้านกาแฟหาคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดเสียหน่อย

“ฉันจะไปร้านกาแฟ เอาอะไรหน่อยไหม”

ตาสีฟ้าซีดจนเกือบฟ้าเหลือบมองเล็กน้อยก่อนล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา “ฮ็อต ซิกเนเจอร์ ช็อกโกแลต”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเลี้ยง” มือหนาดันแบงค์ร้อยสองใบในมือเรียวกลับไปแล้วหันหลังให้อีกคนทันที

เขาขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นสามที่จำได้ว่ามีร้านกาแฟเจ้าประจำอยู่ แม้จะเช้าสางแต่ผู้โดยสารก็เริ่มหนาตา แม้แต่ในร้านกาแฟก็มีคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ เขายืนรอสั่งเครื่องดื่มอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้ของครบคงพอดีกับที่แม่เด็กนั่นออกมาพอดี

แต่จะว่าไป... ทำไมเขาไม่แยกจากมันตั้งแต่ส่งกิ๊กเสร็จวะ คิดแล้วได้แต่งงตัวเอง หาเหตุผลมารองรับการกระทำแปลกๆ ของตัวเองก็ได้ประมาณว่าเพื่อนบ้านกันควรรู้จักกันให้มากกว่านี้ ตอนได้เจอหน้าแม่เด็กนั่นจะได้พูดให้ช่วยอบรมลูกชายบ้าง แล้วก็จะได้กลับคอนโดพร้อมกันไม่เสียค่าน้ำมันฟรีๆ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับนายแพทย์ทิวากานต์แล้วล่ะ



ด็อกเถื่อนของอลันด์หายตัวไปซื้อกาแฟนานจนเด็กหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายคงหนีกลับบ้านไปแล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจ เมื่อครู่แม่เขาเพิ่งโทรมาบอกว่าผ่านด่านตม. มาแล้ว อีกไม่เกินสองนาทีน่าจะมาถึง ไม่ทันไรเงยหน้าจากนาฬิกาขึ้นมาอีกทีรถกอล์ฟที่ใช้รับส่งผู้โดยสารก็แล่นมาจอดตรงใกล้ทางออกผู้โดยสารขาเข้า มาดามโอเนลล์ที่ลูกชายชอบล้อลงจากรถเข้ามากอดเขาแน่นแถมจูบแก้มซ้ายขวารวมถึงปากให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันตั้งสองสัปดาห์!

“เป็นไงบ้างจ๊ะ อยู่คนเดียวจริงๆ สนุกไหมล่ะ”

“ที่สุด” ปากหยักคลี่ยิ้มกว้างก่อนหุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นคนคุ้นหน้าสองคนเดินตามหลังแม่เขามา

“แล้วก็นี่...เซอร์ไพรส์จ้า ทอมกับเจมส์บอกว่าอยากมาเยี่ยมลูกด้วย ดีใจไหมจ๊ะ”

“สุดๆ” อลันด์กรอกตาขึ้นฟ้า ถ้าโธมัสมาคนเดียวเขาจะไม่ว่าอะไรเลย ที่ไม่เข้าใจน่ะคือเจมส์ตั้งใจจะทำอะไรถึงยอมลงทุนจากบ้านเกิดเมืองรักมาหาเขาถึงนี่ทั้งที่ตอนอยู่โรงเรียนเกลียดขี้หน้ากันจะตาย

“ไหงทำหน้างั้นล่ะ ไม่ดีใจที่เห็นฉันเหรอ” โธมัสยิ้มตาหยี เขาสูงหกฟุตกับอีกห้านิ้ว ตาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์และมีผมยาวประบ่าสีบลอนด์สว่างเหมือนพระอาทิตย์ รูปร่างบึกบึนสมชายด้วยเป็นกัปตันชมรมรักบี้ของโรงเรียน ดูเผินๆ แล้วเหมือนเคิร์ท โคเบนเวอร์ชั่นนักกีฬาสุภาพชนจากเกาะอังกฤษ

“ดีใจมากมั้ง” หัวทุยเคลงไปมาก่อนอ้าแขนออกกว้างกอดเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต เด็กหน้าตายของคุณหมอทิวากานต์ฉีกยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนยามเอียงใบหน้าให้ริมฝีปากอิ่มแตะจูบบนแก้มใสเฉียดริมฝีปากและผลัดทำเช่นนั้นคืนให้อีกฝ่ายบ้าง ก่อนใบหน้าน่ารักจะเปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ยอีกครั้งเมื่อต้องเผชิญกับอริจำเป็น

“มีความสุขดีนี่คุณชายตกยาก” แค่คำทักทายก็ทำเอา ‘คุณชายตกยาก’ อยากจะเอาหมัดตั๊นหน้าหล่อๆ นั่นสักที ตาฟ้าซีดเงยขึ้นมองหน้าอริสุดที่รักตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มตาหยี

“การที่ไม่ได้เห็นหน้าแกทุกวันมันทำให้สุขภาพจิตฉันดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเลยเจมส์”

“ปากเก่งไปเถอะ” เจมส์กดคอตัวเองลงเพื่อจ้องตากับคุณชายตกยากตัวสูงแค่คางเขา แต่ปากกล้าจิกกัดเขาได้ทุกคำ

“หนุ่มๆ อย่าเพิ่งตีกันจ้ะ เรามีเวลาอยู่ที่กรุงเทพอีกตั้งสองสัปดาห์ให้เบื่อหน้ากันไปเลย” มาดามโอเนลล์รีบเข้ามาห้ามทัพก่อนลูกชายกับเพื่อนสนิทจะตีกันให้ขายหน้าชาวบ้านเขา โธมัสยิ้มตาหยีไม่แปลกใจเท่าไหร่ ตอนอยู่โรงเรียนสองคนนี้ตีกันประจำเป็นที่ชินตา

“สองสัปดาห์?”

“ใช่ ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเปิดเทอม” เจมส์ตอบย้ำสิ่งที่คนตัวเล็กกว่าคิด ตาสีเขียวมรกตจ้องมองใบหน้าหยิ่งยโสของอลันด์เขม็ง คิดว่าหนีเขาได้แล้วจะหนีพ้นงั้นเหรอ เขาจะมาย้ำให้รู้ว่าต่อให้ไอ้คุณชายตกยากมันดิ้นรนหนีไปขั้วโลกเหนือเขาก็จะตามไปหาให้เจอจนได้

“เอ่อ ขอโทษครับมาดาม มิสเตอร์ ไม่ทราบว่าจะให้ขนสัมภาระไปไว้ที่ไหนครับ” สุดท้ายระฆังห้ามทัพจริงๆ กลับกลายเป็นพนักงานของสายการบินที่มาดูแลผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เขาผายมือไปทางรถไฟฟ้าคันเล็กที่มีสัมภาระวางเต็ม และถ้าอลันด์ตาไม่ฝาดคิดมากไปเอง เขารู้สึกว่าเขาเห็นมิสเตอร์สมิธพ่อบ้านประจำตัวของเจมส์ยืนอยู่ข้างรถกอล์ฟด้วย+

“นั่นสินะ สองหนุ่มพักที่ไหนจ๊ะ น้าไม่ทันได้ถามด้วยมัวแต่ตื่นเต้นที่เจอเราสองคนบนเครื่อง”

“พวกเราจองโรงแรมไว้แล้วครับคุณน้าไม่ต้องเป็นห่วง เอ็ดเวิร์ดเดี๋ยวให้เขาขนกระเป๋าไปไว้ลีมูซีนที่ติดต่อไว้ด้วยนะ” ท้ายประโยคเจมส์หันไปสั่งพ่อบ้านประจำตัวเป็นการตอบคำถามที่อลันด์สงสัยเมื่อครู่ได้อย่างหมดจด กะอีแค่มาเที่ยวสองสัปดาห์มันยังหอบพ่อบ้านมารับใช้ด้วย ไม่รู้จะคุณชายไปถึงไหน

“แล้วคุณน้ากับอัลจะไปยังไงครับ ให้เอ็ดเวิร์ดติดต่อลีมูซีนให้ด้วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรทอมเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เด็กหนุ่มส่ายหัวเป็นการสำทับแม้ไม่แน่ใจว่าทิวากานต์ยังอยู่ที่สนามบินหรือไม่แต่เขาควรให้เพื่อนรักรีบกลับไปพักผ่อน การเดินทางข้ามทวีปนั้นต่อให้นั่งที่โดยสารชั้นหนึ่งก็กินพลังงานมากอยู่ดี กะอีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซ้ำยังเกี่ยวกับแม่ตนเองนั้นเขาจัดการได้

“โอเค งั้นผมแยกตัวก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับคุณน้า” โธมัสค้อมหัวให้มาดามโอเนลล์เล็กน้อยเหมือนกับเจมส์แล้วหันกลับมาหาซี้ปึ้กตัวเปี๊ยกอีกครั้ง “ฉันเช็คอินเสร็จจะโทรหานะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“อืม” อลันด์กอดโธมัสอีกครั้งก่อนปล่อยให้เพื่อนร่วมโรงเรียนเดินทางเข้าที่พักเสียที

“แล้วเราจะไปยังไงกันจ๊ะสุดหล่อ” ลับหลังสองหนุ่มชาวอังกฤษ มาดามโอเนลล์จึงหันมาถามลูกชายเพียงคนเดียวของตน นี่อลันด์คงอยู่ดีกินดีแก้มตอบๆ ตอนมาเมืองไทยวันแรกตอนนี้กลับเริ่มอวบอูบออกมาให้ได้หยิกเล่น

“คือว่าตอนผมมา...”

“ขอโทษที่มาช้าครับ พอดีที่ร้านกาแฟคนเยอะมากเลย” เด็กฝรั่งไม่ทันพูดจบคุณหมอที่หายหัวจนนึกว่าหนีกลับบ้านไปแล้วถึงโผล่หน้าหล่อๆ มา มือใหญ่ข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟกับถุงกระดาษจากร้านไว้ ทิวากานต์ยิ้มหวานเจี๊ยบแบบที่ชอบใช้กับคนไข้สูงวัย ไม่ทันไรหญิงวัยกลางคนตรงหน้าก็เคลิ้มหน้าแดง “นี่คุณแม่ของอลันด์ใช่ไหมครับ ผมทิวากานต์ เรียกวาก็ได้ครับ อยู่ห้องตรงข้ามกับอลันด์”

“สวัสดีจ้ะ นี่พาน้องมาส่งเหรอจ๊ะ”

“ครับ เห็นอลันด์บอกว่าจะมารับคุณแม่ผมเลยอาสามา ไม่อยากให้เขาเดินทางคนเดียวตอนเช้าๆ”

‘ตอแหล’ พอสบโอกาสเด็กฝรั่งตาน้ำข้าวก็ขยับเป็นคำพูดไร้เสียงส่งให้คุณหมอหน้าดุไปหนึ่งดอก มีอย่างที่ไหนคนที่เคยพาเขาไปปล่อยบ้านคนแปลกหน้าแล้วให้กลับบ้านตอนดึกๆ คนเดียวมาพูดว่าเป็นห่วง ห่วงเขาจะจีบผู้หญิงของตัวมากกว่าเลยต้องมาเป็นไม้กันหมาน่ะสิ

“ดูเหมือนว่าแม่คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงกับการปล่อยให้ลูกชายวัยสิบแปดหมาดๆ อยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวแล้วสินะ มีเพื่อนบ้านดีแบบนี้” มาดามโอเนลล์ที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรกับเขาถึงกับปลื้มจนน้ำตาคลอ เพื่อนบ้านลูกชายหล่อมากจนเธอคิดว่าถ้าเธออายุน้อยกว่านี้อีกสักสิบห้าปีคงได้นอกใจสามีแน่ๆ

ทิวากานต์ยิ้มหวานแทนคำพูดอีกครั้ง เขายื่นถุงจากร้านกาแฟให้เด็กหนุ่ม “ช็อกโกแลตของเธอ แล้วก็มีกาแฟของคุณแม่ด้วยนะครับ ผมไม่รู้คุณแม่ชอบอะไรเลยเลือกเป็นลาเต้มาให้”

“อุ๊ย ขอบใจมากจ้ะ ความจริงไม่น่าลำบากเลย”

“แค่นี้เองครับ แล้วนี่กระเป๋าอยู่ไหนครับเดี๋ยวผมช่วยขน”

“อยู่นั่นจ้ะ เดี๋ยวให้เขาไปส่งที่รถให้ก็ได้ จอดไว้ชั้นไหนเอ่ย” มาดามโอเนลล์ชี้ไปยังรถไฟฟ้าอีกคันที่แบกสัมภาระของตน “คุณคะ เดี๋ยวช่วยขนกระเป๋าไปไว้ที่รถน้องเขาด้วยนะจ๊ะ”

“ได้ครับ ไม่ทราบว่าจอดรถไว้ที่ไหนครับ แต่จะสะดวกกว่าถ้าขับรถมารอที่หน้าประตูนะครับ”

“ชะ ชั้นสี่ครับ แต่ว่าเดี๋ยวขับมารอหน้าประตูก็ได้ครับ” ตอนนี้ทิวากานต์ถึงเพิ่งรู้ตัวพอยืนกับสองแม่ลูกคู่นี้แล้วเขาเหมือนคนขับรถชัดๆ คนลูกสูทเต็มยศ คนแม่ก็เดรสผ้าไหมทั้งตัวไหนจะผ้าพันคอแอร์เมสกับเบอร์กิ้นใบเบ้อเร้อนั่นอีก แค่คิดว่ามีเงินซื้อห้องกลางใจเมืองราคาสิบกว่าล้านให้ลูกอยู่คนเดียวเขาไม่ควรแปลกใจสินะ

เห็นปากชวนตี หน้ามึน ท่าทางกวนประสาทแบบนี้ แต่ดูท่าไอ้ตัวแสบของเขามันคุณชายอิมพอร์ทจากเมืองผู้ดีชัดๆ



TBC

------------------

1 Live and Learn - กมลา สุโกศล

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 01 [12.09.15]
«ตอบ #5 เมื่อ13-09-2015 22:08:49 »

 o13

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องน่ารักจัง
 ท่าทางคู่แข่งจะเยอะนะหมอ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 03 [16.09.15]
«ตอบ #9 เมื่อ16-09-2015 15:44:59 »

TRACK 03



ตั้งแต่เกิดมาทิวากานต์คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดผิดอย่างที่สุด เขาควรปล่อยไอ้เด็กหน้ามึนไว้ที่สนามบินตั้งแต่ส่งนุ่นเสร็จแล้วรีบกลับห้องมานอนต่อ แต่เพราะไอ้ความเสือกไม่เข้าท่าทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพชายหนุ่มถูกแม่ของแฟนสาว(?)สัมภาษณ์ละเอียดยิบ

“เป็นคุณหมอหรือคะ ยังดูเด็กอยู่เลยหน้าตาก็ดีดี๊ น้านึกว่าเป็นดารานักร้องเสียอีก”

“แหะๆ” เขาหัวเราะแห้งเป็นรอบที่สิบแปด อยากจะเหยียบคันเร่งให้ถึงคอนโดไวๆ แต่ไอ้ถนนที่โล่งเมื่อขามากลับติดแหง็กเอาตอนขากลับเสียได้ เขาเลยถูกคุณหญิงแม่ของไอ้ตัวแสบชวนคุยมาตลอดทาง พอหันไปมองหน้าอลันด์ เด็กนั่นก็แอบหัวเราะเยาะใส่เขาไม่ช่วยห้ามกันสักนิด ทั้งแม่ทั้งลูกให้มันได้อย่างนี้สิ!

“แล้วนี่อยู่กับใครหรือจ๊ะ แต่งงานหรือยัง”

“อยู่คนเดียวครับ เหงาๆ ยังไม่มีแฟนเลยครับ”

ตาฟ้าซีดๆ ของไอ้เด็กฝรั่งหันมองเขาขวับขยับปากด่าเขาว่าตอแหลอีกรอบ แต่ขอโทษนะไอ้หนูคุณหมอคนหล่อยังไร้แฟนจริงๆ ส่วนที่เห็นนั่นแค่กิ๊ก แบบว่าคนมันหล่อเสน่ห์แรงก็งี้

“จริงหรอจ๊ะเนี่ย หล่อขนาดนี้ไม่มีสาวรู้ใจบ้างหรือไง แต่น้าก็พอเขาใจนะว่าคนสมัยนี้หวงความโสดกันจะตาย”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ความจริงแล้วผมขี้เหงาม้ากมากก็มีคุยเรื่อยๆ ล่ะครับแต่ยังไม่เจอที่ถูกใจ อีกอย่างผมทำงานแบบนี้เวลาว่างไม่ค่อยมีให้ใครเขา คบได้ไม่นานก็เลิก ค่อยให้ชีวิตอยู่ตัวกว่านี้คงเริ่มหาจริงจังดีกว่าครับ”

“ยังไงช่วงนี้ยังว่างอยู่น้าฝากดูอัลด้วยนะจ๊ะ ให้มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวแบบนี้น้าเป็นห่วงเหลือเกินกลัวจะอยู่ไม่ได้ จะห้ามแด๊ดเขาก็ไม่ไหว น้าจะมาอยู่ด้วยก็ติดงานคงบินมาดูได้แค่เดือนละครั้งก็เต็มที่ แต่พอรู้ว่ามีเพื่อนบ้านเป็นหมอท่าทางไว้ใจได้แบบนี้ค่อยวางใจหน่อย”

“ฮ่าๆ ได้เลยครับ” รับปากส่งๆ ไปงั้นแหละ แค่เห็นหน้ามันก็ประสาทเสียแล้ว ไอ้คนถูกฝากก็ไม่ห้ามไม่ค้านอะไรเลย เอาแต่หัวเราะเงียบๆ คงชอบใจสินะที่เห็นเขาถูกไล่ต้อนแบบนี้ คอยดูเถอะแม่แกกลับเมื่อไหร่ฉันจะเอาคืน!



ตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพได้เกือบเดือน วันนี้อลันด์รู้สึกว่ามีความสุขที่สุด ยิ่งตอนเห็นหน้าด็อกเถื่อนห้องตรงข้ามยิ้มประจบแม่เขาตอบคำถามเอาใจทั้งที่ตาจ้องจะเข้ามาบีบคอเขายิ่งสะใจ เสียดายตอนมื้อเช้าด็อกหนีกลับห้องไปเสียก่อน ไม่งั้นคงมีเรื่องสนุกกว่านี้ ก่อนแยกกันไม่วายขู่เขาลับหลังแม่อีกนะ คนตลบตะแลงแบบนี้ไม่รู้มาเป็นหมอได้ไง นิสัยไม่ได้จริงจัง

หลังจบมื้อเช้าและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับแม่เสร็จ เด็กลูกครึ่งตาฟ้าก็ขอตัวเข้าห้อง ถอดเปลี่ยนชุดสูททางการออกผลัดเป็นเสื้อแขนสั้นมีฮู้ดกับกางเกงยีนส์ขายาวแทน มือเล็กคว้ากีตาร์คู่ใจกระโจนลงเตียงนอนดีดเพลงไปเรื่อยเปื่อย ช่วงนี้คงไม่ได้ไปห้องซ้อมบ้านพี่นภบ่อยๆ จนกว่าแม่จะกลับ เขาโทรบอกอีกคนตั้งแต่เมื่อวานแล้วอีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรแถมยังอยากมาเจอคุณแม่เขาอีกต่างหาก เป็นคนดีของแท้แตกต่างจากผู้ชายห้องตรงข้ามเสียจริง

ดีดกีตาร์จบไปหลายเพลงโทรศัพท์บนหัวเตียงก็แผดเสียงจ้า เขามองชื่อคนโทรหาก่อนคลี่ยิ้มกว้าง “ไงทอม”

‘ฉันเช็คอินเรียบร้อยแล้วล่ะ ห้องที่นี่สวยมากจริงๆ อยู่ติดแม่น้ำเลย สนใจมาเที่ยวไหม’

“ไม่ล่ะ ตอนนี้ร้อนชะมัด ขอฉันนอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่า”

‘เพื่อนอุตส่าห์บินข้ามทวีปมาหานายจะตัดรอนกันง่ายๆ แบบนี้เหรอ’

“มันจะดีกว่านี้ถ้านายมาคนเดียว”

ปลายสายหัวเราะเสียงแผ่ว คงพอเดาได้ว่าอลันด์ทำสีหน้ายังไงเมื่อพูดถึงแขกไม่ได้รับเชิญ ‘เจมส์คงคิดถึงคู่แข่งน่ะ จู่ๆ หนีมาแบบนี้คงหัวเสียน่าดู’

“ช่างหัวมันสิ”

‘ฮ่าๆ โอเค งั้นเอางี้ดีกว่าเดี๋ยวฉันไปหานายที่บ้านเอง ส่งแผนที่มาให้หน่อยสิ’

“ได้ แต่มาคนเดียวไม่ต้องเอาตัวแถมมาล่ะ” เพราะได้ยินแต่เสียงอลันด์จึงไม่รู้ว่าเพื่อนซี้ยิ้มตาหยีอยู่ที่โรงแรม เขาก็อยากตามใจอลันด์อยู่หรอก แต่เหมือนว่าเจมส์จ้องจะกัดเพื่อนตัวเล็กไม่ปล่อยเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นตอนที่เจ้าของผมสีช็อกโกแลตนมลงมารับเพื่อนที่ล็อบบี้คอนโดจึงได้เห็นหนุ่มบริติชเจ้าของส่วนสูงหกฟุตสองนิ้วยืนวางมาดอยู่ข้างโธมัสที่ได้แต่ยิ้มขอโทษขอโพย

“ว้าว แขกไม่ได้รับเชิญ กลับไปที่ที่มาเลยเจมส์”

“บางทีแม่นายคงไม่ได้บอกว่าเชิญฉันมา” เจมส์ยิ้มเย็น เขาผายมือเป็นเชิงให้เจ้าของสถานที่นำไปก่อน เด็กลูกครึ่งตัวเล็กจำต้องย่ำเท้าไม่สบอารมณ์นำไป ทันทีที่ถึงห้องพักอลันด์จึงรีบดึงแขกเพื่อนซี้เข้าห้องนอนตัวเอง ทิ้งแขกของแม่ให้อยู่คุยกับเจ้าของบ้านตัวจริงอยู่ข้างนอกนั่นแหละ

“ที่นี่โอเคเลยนะ เสียแต่ว่าไม่มีสีเขียวเลย”

“ตึกสูงก็แบบนี้ ทำไงได้” อลันด์ยักไหล่ คว้ากีตาร์ตัวเดิมขึ้นเตียง “ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศแล้วกัน”

“ถ้านายแฮปปี้ฉันก็โอเค ทำให้ได้แล้วกันที่ฝันไว้น่ะ”

วันนี้คงเป็นอีกวันที่แสนพิเศษของอลันด์ เขาแทบนับไม่ได้ว่ายิ้มไปกี่หน กำปั้นหลวมๆ ถูกชูขึ้นกลางอากาศรอให้เพื่อนซี้ทำเหมือนกัน

“สัญญาแล้วนะ”

“แน่นอน”

.
.
.

ชีวิตสงบสุขของว่าที่หมอศัลย์สุดหล่อต้องสั่นคลอนอีกครั้งเพราะเสียงกดออดประหนึ่งเคาะชามข้าวหมาเรียกไอ้สี่ขามากินยังไงยังงั้น มือหนาหยิบที่คั่นหนังสือแปะหน้าที่ค้างไว้ก่อนปิดฉับแล้วเดินตึงตังออกไปหาไอ้ตัวแสบ

“มีอะไร?” กระชากถามเสียงห้วนก่อนรีบปรับหน้ายักษ์ไม่ทันเมื่อเห็นว่านอกจากไอ้เด็กลูกครึ่งตัวสูงเท่าไหล่เขาแล้วยังมีฝรั่งตัวสูงชะลูดอีกคนยืนอยู่ด้วยกัน ทิวากานต์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอขณะพยายามฉีกยิ้มให้คนแปลกหน้า

“ฉันบอกแล้วว่าหมอนี่โคตรสร้างภาพยิ่งกว่าเจมส์อีก”

“โอ - ไอ - ซี” หนุ่มต่างชาติผมสีอ่อนตาน้ำเงินเข้มฉีกยิ้มกว้าง ยื่นมือมาตรงหน้าคุณหมอคนหล่อ “ซาหวัดดีก๊าบ ผมชื่อโธมัสคับ เปนเพื่อนของอัล ยินดีที่ด้ายลู่จาก”

“ทิวากานต์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” เขาเลือกตอบกลับเป็นภาษาบ้านเกิดอีกฝ่ายแทนจะพูดภาษาไทย เพราะฟังจากที่อีกคนพูดเมื่อกี้แล้วคงท่องจำมาแหงๆ

“แม่ให้มาชวนไปทานมื้อเย็น”

“ตอนนี้?” คุณหมอหันกลับไปดูนาฬิกาในห้องก่อนกลับมาจ้องตาสีซีดของไอ้ตัวแสบ “บ่ายสามเนี่ยนะ”

“เปล่า แต่ให้มาเตรียมตัวไว้ก่อน รบกวนช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย”

ตาคมก้มมองตัวเองตั้งแต่เสื้อจรดเท้า ชุดที่เขาใส่อยู่ค่อนข้างเรียบร้อยกว่าเสื้อผ่าหน้าติดกระดุมมีฮู้ดแขนสั้นสีเทาคาดส้มของอีกคนพอสมควรเหอะ แล้วยังมีหน้ามาบอกให้เขาแต่งตัวเรียบร้อยกะอีแค่ไปกินข้าวเย็นเนี่ยนะ

เหมือนโธมัสจะเข้าใจสิ่งที่คุณหมอคิดอยู่ หนุ่มรักบี้เลยช่วยขยายความให้ “ดินเนอร์กันที่ห้องอาหารฝรั่งเศสของโรงแรม xxx น่ะครับ จองโต๊ะไว้ตอนทุ่มนึง”

“อ๋อ...”

“อย่าแต่งตัวเป็นคนขับรถมาอีกล่ะ”

โอเค ทิวากานต์เชื่อแล้วว่าไอ้เด็กนี่มันจงใจกวนตีนเขา ทั้งๆ ที่เพื่อนมันยืนหัวโด่ให้เขาเก็บอาการรักษามารยาทอยู่ต่อหน้ามันก็เสือกจงใจพูดเป็นภาษาบ้านเกิดหักหน้าให้เขาได้อับอาย หนอย...ไอ้เด็กเปรต รู้จักไอ้วาน้อยไปแล้ว

“หึ คอยดูแล้วกัน ไปได้แล้ว ฉันจะอ่านหนังสือต่อ แล้วเจอกันตอนเย็น”

“หกโมงเย็นเจอกันที่ล็อบบี้ข้างล่าง อย่าเลทล่ะ”

“เออน่ะ สั่งอย่างกับฉันเป็นเด็ก” พูดจบปุ๊บนิ้วเรียวสวยของคุณหมอที่จับแต่หนังสือกับมีดผ่าตัดก็จัดการดีดหน้าผากรกๆ ไปด้วยผมหน้าม้าของเด็กแสบทันที ขอทีเถอะหมั่นไส้มันมานานล่ะ แล้วไม่รอให้อีกคนโวยวายเขารีบชิ่งปิดประตูใส่หน้ามันก่อนเลย ได้ยินเสียงเพื่อนมันหัวเราะด้วย สะใจชะมัด!



หกโมงเป๊ะทิวากานต์ก็มายืนรอสองแม่ลูกที่ล็อบบี้คอนโดแล้ว เอาตามตรงเขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าไอ้แต่งตัวเรียบร้อยของเด็กฝรั่งนั่นหมายถึงเรียบร้อยระดับไหน แต่จากประสบการณ์ที่เคยต้องติดสอยห้อยตามนายแพทย์รุ่นพี่คนสนิทไปกินเลี้ยงด้วยกันบ่อยๆ ทำให้เขาเลือกสูทสองกระดุมสีกรมท่าเข้ารูปแบบใช้ได้ทุกงานกับกางเกงผ้าไหมสีเดียวกัน ผูกไทสีฟ้าอ่อนตัดเชิ้ตขาวข้างใน สวมรองเท้าหนังวัวสีน้ำตาลอ่อน ผมสีดำสนิทซอยยาวระต้นคอที่ชอบปล่อยไว้ก็หวีเสยเปิดหน้าผาก

เห็นวันๆ เอาแต่ทำงานกับเรียนแบบนี้ แต่ทิวากานต์ก็แฟชั่นนิสต้าพอตัวนะ เสื้อผ้าพวกนี้แม่แนะนำให้เขาซื้อหาใส่ทั้งนั้น

“ว้าว คุณหมอหล่อมากเลยค่ะ น้านึกว่าเป็นดาราที่ไหนมายืนอยู่เสียอีก” มาดามโอเนลล์ออกปากชมเปาะ คุณหมอหนุ่มน้อมรับคำชมนั้นอย่างดีก่อนยื่นแขนออกไปให้เธอควง

“ขอบคุณครับ วันนี้จะให้เกียรติผมควงด้วยหนึ่งวันได้หรือเปล่าครับ”

“มีหนุ่มหล่ออาสาขนาดนี้คงปฏิเสธไม่ได้ล่ะจ๊ะ” เธอยิ้มหวาน คล้องแขนเข้ากับทิวากานต์ทันที ชายหนุ่มรู้สึกผยองอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นไอ้เด็กแสบใส่ชุดเดิมกับเมื่อเช้าจ้องมาตาเขียวปัดยิ่งสะใจ ให้มันรู้เสียบ้างว่าคนอย่างนายแพทย์ทิวากานต์ดูถูกกันไม่ได้ง่ายๆ นะจ๊ะ

ตอนแรกทิวากานต์คิดว่าสองแม่ลูกจะไปรถเขาถึงได้เตรียมกุญแจรถมาด้วย หากเดินออกจากประตูล็อบบี้ออกมาก็เจอเมอซิเดสสีดำจอดรออยู่แล้ว ถามไถ่ได้ความมาว่าเป็นรถของที่บ้านคุณตาไอ้เด็กแสบนี่เอง แต่ตอนนี้ทั้งคุณตาคุณยายท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศบ้านหลังใหญ่ย่านชานเมืองจึงไม่มีคนอยู่นอกจากคนรับใช้ จะให้อลันด์ไปอยู่คนเดียวก็กลัวเหงาเลยให้มาอยู่คอนโดกลางเมืองที่คนพลุ่กพล่านดีกว่า

เป็นอย่างที่คุณหมอคาดว่าบ้านเด็กนี่ไม่ธรรมดา มีคุณตาเป็นถึงอดีตเอกอัครราชทูต ส่วนพ่อก็เป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร ไม่รู้ทำไมลูกหลานถึงผ่าเหล่าผ่ากออยากเป็นนักร้อง คงไม่ต่างจากเขาเสียเท่าไหร่ที่พ่อแม่สายศิลป์กันทั้งคู่แต่เขาดันมาเป็นหมอเสียอย่างนั้น หากไม่ทันรู้ตัวทิวากานต์กับอลันด์ก็ได้รู้จักกันมากขึ้นภายในวันเดียวจากการพูดคุยผ่านคนกลางอย่างแม่ของไอ้ตัวแสบ



สถานที่จัดดินเนอร์อยู่ไม่ไกลจากที่พักของทั้งคู่เท่าไหร่ เสียแต่ว่าการจราจรยามเย็นของกรุงเทพติดขัดหนัก กว่าจะคลานจากอโศกมาถึงร่วมฤดีก็กินเวลาเกินครึ่งชั่วโมง

มือหนาขยับสูทเข้าหาตัวเล็กน้อยตอนเดินเข้ามาในอาคารแล้วเจอกับอากาศเย็นจัดผิดกับข้างนอก เห็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่จองโต๊ะไว้อยู่ไม่ไกล เขายังคงบทคู่ควงให้มาดามโอเนลล์ต่อจนถึงหน้าร้านชื่อดังตามราคาอาหารแพงหูฉี่

“มิสเตอร์สเปนเซอร์รออยู่ที่โต๊ะแล้วครับ” บริกรหนุ่มแจ้งแก่พวกเขาเมื่อเดินมาถึงร้านและแจ้งชื่อที่จองโต๊ะออกไป อลันด์เบ้หน้าเล็กน้อยยามได้ยินนามสกุลคู่อริ

บริกรที่รับหน้าที่ดูแลพาทั้งสามเดินขึ้นบันไดเวียนไปชั้นสองของร้าน โต๊ะที่นั่งเกือบสิบโต๊ะล้วนถูกจับจองเต็มทุกที่ ไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นคืนวันหยุด โต๊ะที่บริกรพามาเองก็ถูกหนุ่มต่างชาติสองคนนั่งอยู่แล้ว ทิวากานต์จำโธมัสได้ทันที เพื่อนของไอ้เด็กแสบลุกขึ้นจับมือกับมาดามโอเนลล์ก่อนหันมาหาเขาทักว่าเจอกันอีกแล้ว แล้วเข้าไปกอดอลันด์แน่นเป็นลำดับสุดท้ายประหนึ่งไม่ได้เจอกันนาน ส่วนผู้ชายแปลกหน้าผมสีเข้มตาสีมรกตลุกขึ้นแตะแก้มกับมาดามโอเนลล์และดึงเก้าอี้หัวโต๊ะให้เธอนั่งราวกับเป็นหน้าที่ที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ

“เจมส์จ๊ะ นี่ด็อกเตอร์ทิวากานต์ เพื่อนบ้านที่ช่วยดูแลอัลจ้ะ ด็อกเตอร์คะ นี่เจมส์เพื่อนอัลค่ะ”

“สวัสดีครับ เจมส์ เฮนรี่ เดอะเติร์ด สเปนเซอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก” หนุ่มตาเขียวแนะนำตัวด้วยชื่อจริงเต็มยศจนคนฟังอย่างอลันด์เบ้ปากอีกรอบของวัน เรื่องอวดตัวเว่อร์ๆ ต้องยกให้เจมส์เลย

“สวัสดีครับ เรียกวาก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ทิวากานต์ยื่นมือเข้าไปจับกับเพื่อนไอ้ตัวแสบ ทั้งที่ฝรั่งหัวเข้มอายุน่าจะเท่าๆ กับอลันด์แต่คุณหมอว่าบอกเป็นรุ่นๆ เดียวกับเขาก็เชื่อได้อยู่ เจ้าเฮนรี่ที่สามตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อย ท่าทางเก๊กเสียจนดูสุขุมเกินวัย ผมสีน้ำตาลตัดอันเดอร์คัตถูกหวีเสยเปิดหน้าผากเรียบแปล้ คงมีเพียงหน้าใสๆ ที่ยังทำให้เจ้าตัวดูเด็กอยู่บ้าง ยอมรับว่าถึงไอ้นี่มันจะหล่อแต่มองยังไงก็น่าหมั่นไส้ที่สุด

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลอัลนะครับ”

“เล็กน้อยครับ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มตามมารยาท พูดอย่างกับเป็นพ่อไอ้เด็กแสบ แม่งขี้เก๊กจริงๆ

“ดูแลดีเหลื๊อออ...เกิน” คนกลางกระซิบลอดไรฟันให้ได้ยินกับเพื่อนสนิทแล้วหัวเราะคิกคักกันสองคน จนพ่อเฮนรี่ที่สามปรายตามองมานั่นแหละถึงยอมเงียบแล้วนั่งลงดีๆ

มื้อเย็นนี้มาดามโอเนลล์เป็นคนจัดการเลือกเมนูของทั้งห้าคนด้วยตัวเองเป็นแบบคอร์สละสี่จานและเลือกไวน์มาทั้งหมดห้าขวด หล่อนหยิกแก้มอวบๆ ของลูกชายเสียย้วยเมื่อเจ้าตัวแสบบ่นว่าทำไมร้านอาหารฝรั่งเศสถึงไม่มีเบียร์เสิร์ฟ

“บินมาหาอัลปุ๊บปั๊บกันแบบนี้ได้นี่วางแผนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหรือยังจ๊ะ” หลังเมนคอร์สผ่านไปและรอของหวาน มาดามโอเนลล์ที่เริ่มกรึ่มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จากไวน์ชั้นหนึ่งจึงถามไถ่สองหนุ่มต่างชาติ โธมัสเหลือบมองเพื่อนข้างตัวขอความเห็นก่อนคลี่ยิ้ม

“ยังเลยครับ แค่กะมาหาอัลกับเล่นอะไรนะ วอเตอร์ วอร์น่ะ”

“สงกรานต์” เจ้าเฮนรี่ที่สามออกเสียงภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ มือหนาวางแก้วไวน์ที่เหลือน้ำสีแดงแค่ก้นบนโต๊ะ แก้มแดงเรื่อน้อยๆ

“นั่นแหละ ความจริงผมอยากไปทะเล ได้ยินมาว่าทะเลที่นี่สวยมาก แต่เหมือนว่าช่วงนี้จะเป็นไฮซีซั่นเลยจองโรงแรมไม่ทันสักที่”

“อืม น้าก็อยากให้ได้ไปเที่ยวกันนะ ความจริงคุณตาของอัลเขามีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่กระบี่ ถ้าทอมกับเจมส์สนใจน้าจะให้เขาเตรียมบ้านไว้ให้ ดีไหมจ๊ะ”

“ดีมากครับ งั้นผมจะรีบจองตั๋วเครื่องบินรอไว้เลย อัลไปด้วยกันนะ” หนุ่มตาฟ้ายิ้มแฉ่งหันไปอ้อนเพื่อนตัวเปี๊ยก ทิวากานต์สังเกตเห็นตาสีซีดเหลือบมองคนถามทีไอ้คุณพ่อเฮนรี่ที่สามที ดูท่าแล้วอลันด์คงไม่ถูกกับเด็กหัวเข้มเท่าไหร่ถึงได้ลังเล

“อัลก็ไปด้วยกันกับเพื่อนสิ อยู่กรุงเทพเฉยๆ น่าเบื่อจะตาย”

“ถ้าเจมส์ไม่ไปฉันจะคิดดูอีกทีแล้วกัน”

“เฮ้ ไม่เอาน่า” โธมัสคราง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ฉันอุตส่าห์ข้ามทวีปมาหาแต่นายกลับปฏิเสธฉันเพราะเจมส์งั้นเหรอ”

“ใครใช้ให้นายเอามันมาด้วยล่ะ”

โอเค... ว่าที่คุณหมอศัลย์มั่นใจแล้วล่ะว่าเด็กฝรั่งตัวสูงเท่าไหร่เขากับฝรั่งตาเขียวนี่ไม่ถูกกัน เพราะอลันด์จงใจเรียกอีกฝ่ายว่า ‘it’ เต็มปากเต็มคำ ส่วนคนที่ถูกทำไม่สุภาพด้วยก็จ้องอีกฝ่ายตาเขียวปัด

“อยากถูกฉันหักกระดูกอีกครั้งใช่ไหมอัล” เจมส์กระซิบลอดไรฟันให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ ทิวากานต์รู้สึกชายหนุ่มโง่มากที่ขู่ลูกเขาต่อหน้าแม่แบบนี้ แต่เหมือนว่าการปะทะคารมของสองคนนี้จะเป็นเรื่องปกติจึงไม่มีใครห้ามปรามสักคน

“คิดจะใช้วิธีสกปรกหักกระดูกฉันอีกงั้นเหรอ แน่จริงก็เข้ามาเลยสิสเปนเซอร์ แต่เสียดายนะที่ที่นี่ไม่ม้า นายคงไม่มีปัญญาหักกระดูกแข็งๆ ของฉันด้วยกล้ามที่เหมือนพวกบ้าพลังบนสนามมวยปล้ำหรอกนะ”

“อัล” มาดามโอเนลล์ปรามบุตรชายเสียงเขียว “ลูกก็รู้นี่ว่าเรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ เจมส์เขาก็ขอโทษแล้ว สามปีแล้วนะทำไมยังไม่ยอมพูดคุยกันดีๆ อีก ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้”

“มัมมาลองแขนหักดูบ้างไหมล่ะ” อลันด์หน้าบู้ ขยำผ้าเช็ดปากทิ้งบนโต๊ะก่อนลุกพรวดพราดออกไปไม่ฟังเสียงปรามมารดาสักคำ

“อัล!”

“เดี๋ยวผมไปดูเองครับ เหลือของหวานให้ด้วยนะ” ในสถานการณ์ชวนอึดอัดจนคนนอกอย่างทิวากานต์ยังรู้สึกอึมครึ้มไปด้วยกลับมีโธมัสคนเดียวที่ยังยิ้มออก เหมือนเขาจะชินกับเหตุการณ์แบบนี้ราวกับเป็นเรื่องปกติ หนุ่มรูปงามผมบลอนด์ขยิบตาให้ทิวากานต์เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศมาคุบนโต๊ะ ก่อนลุกเดินอาดๆ ตามเพื่อนซี้ที่ลุกออกไปก่อนหน้า

“ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะที่ทำบรรยากาศกร่อย”

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ วัยรุ่นก็เลือดร้อนกันแบบนี้ สมัยผมอายุเท่าๆ นี้ก็ตีกับเพื่อนบ่อย สุดท้ายก็มาสนิทกับคนที่ทะเลาะด้วยกันบ่อยที่สุดนี่แหละ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้คงดีนะจ๊ะ น้าอยากให้อัลสนิทกับเจมส์จะตาย แต่ลูกเรามันดื้อไม่ชอบเขาเสียอย่างนั้น เจมส์น่ารักออก”

“บางทีคนไม่ชอบกันมันไม่มีสาเหตุหรอกครับ ช่างเถอะผมชินแล้ว” เมื่อโจทก์คนสำคัญไม่ว่าอะไรบรรยากาศบนโต๊ะจึงผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่คุณหมอคิดว่าเขาเข้าใจไอ้ตัวแสบของเขาที่ไม่ชอบเจ้าเฮนรี่ที่สามนี่นะ วางมาดเก๊กขนาดนี้ผู้ชายด้วยกันมองแล้วมีแต่หมั่นไส้เท่านั้นแหละ

ทิวากานต์หัวเราะเบาๆ กับความคิดตัวเองขณะชนแก้วกับเจมส์ เขาก็ไม่ชอบท่าทางเก๊กอีกคนแต่โตพอจะไม่เก็บมาใส่ใจเหมือนเด็ก

นั่งจิบไวน์คุยกันได้สักพักของหวานขึ้นชื่อจึงถูกทยอยมาเสิร์ฟ ทว่าเด็กอีกคนยังไม่กลับมา เจมส์ทำท่าจะอาสาออกไปตามแต่ทิวากานต์ยกมือห้ามไว้ก่อน ขืนให้ออกไปเจอกันตอนนี้คงได้ทะเลาะกันอีกยกแหงๆ เขาเลยเสนอตัวไปตามแทนดีกว่า

แม้จะไม่เคยมาที่นี่แต่ทิวากานต์พอจะเดาได้ว่าจะตามทั้งคู่ได้จากที่ไหน เขาเดินออกมาด้านหน้าตรงที่รถมาจอดส่งพวกเขาเอาไว้ ถ้าความจำเขายังไม่เสื่อมไปเหมือนจะมีสวนกับม้านั่งอยู่ เสียงหัวเราะเบาๆ ของผู้ชายสองคนตอกย้ำว่าเขาคิดไม่ผิด เพียงชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นเด็กฝรั่งต่างไซส์ผลักกันอยู่ ดูเผินๆ นึกว่าทะเลาะกันถ้าไม่เห็นไอ้ตัวแสบฉีกยิ้มกว้างแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนจะเสียงหัวเราะเหมือนเด็กนั่นอีก เด็กจริงๆ ให้ตายเถอะ

“ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่ของหวานมาแล้วนะ”

“อ๊ะ ด็อก ผมกำลังลากหมอนี่กลับเข้าไปพอดี แต่แบบ...ถ้าไม่ได้ออกกำลังจะไม่หายหงุดหงิดน่ะ”

“กินของหวานก็ช่วยให้อารมณ์ดีได้ แต่ฉันเข้าใจนะวัยรุ่นเลือดมันกำลังร้อน อีกอย่างหมอนั่นน่าหมั่นไส้จะตาย” เขาฉีกยิ้มให้อลันด์ เด็กนั่นเกาจมูกนิดหน่อยก่อนยักไหล่

“ด็อกเพิ่งจะพูดอะไรถูกใจก็ครั้งนี้แหละ”



ดินเนอร์จบลงอย่างสวยงามเมื่ออลันด์นั่งเงียบเป็นเป่าสาก ส่วนเจมส์ก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจบลงที่ว่าสุดท้ายแล้วอลันด์จะไปกระบี่กับเพื่อนทั้งสองด้วยแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนักจากการบังคับของแม่ ส่วนมาดามโอเนลล์ขอปล่อยเด็กๆ ไปกันเองเพราะไม่อยากไปขัดความสุขของวัยรุ่น แต่ทิวากานต์เห็นว่าเธอควรไปที่สุดก่อนจะมีการกระซวกไส้กันกลางหาดให้เป็นข่าวหน้าหนึ่ง

พวกเขาแยกย้ายกันกลับที่พัก โธมัสขอไปค้างกับเพื่อนซี้ที่คอนโดแต่ติดที่เขาต้องกลับไปเปลี่ยนชุดสูทนี่ออกเสียก่อนจึงต้องกลับโรงแรมไปพร้อมเจมส์แล้วจะตามไปที่หลัง

สรุปมื้อนี้คุณหมอทิวากานต์ประหยัดเงินไปอีกมื้อ ได้กินอาหารอร่อยๆ จนอิ่มตื้อแถมไวน์ชั้นหนึ่งอีกขวดโดยไม่เสียสักบาทโชคดีอะไรอย่างนี้

พอกลับมาถึงห้องด้วยอารมณ์ดีจัดวันนี้เขาเลยขออาบน้ำนานหน่อย จัดการเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างแช่ตัวจนเท้าแทบเปื่อยถึงยอมขึ้นมาแต่งตัวเตรียมอ่านหนังสือต่อ เปิดอ่านไปได้ไม่กี่หน้าเสียงออดก็ดึงเขาหลุดจากสมาธิ กดครั้งแค่ครั้งเดียวแบบนี้ไม่ใช่ไอ้ตัวแสบแหง คงเป็นเมษาไม่ก็เพื่อนบ้านสักคน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแม่ไอ้เด็กแสบสักนิด

“คุณหมอนอนหรือยังคะ น้ามารบกวนหรือเปล่า”

“เปล่าครับ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มหวานเอาใจเพื่อนบ้านผู้แสนดี แม้ในใจกำลังนึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมา

“น้าอยากจะขอคุยอะไรด้วยสักหน่อยค่ะ”

เพราะประโยคนั้นทิวากานต์ถึงได้ยื่นแก้วโกโก้ให้เธอตอนเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ มาดามโอเนลล์บอกว่ากว่าจะแอบลูกชายออกมาได้ก็ต้องรอไอ้ตัวแสบกับเพื่อนพากันเข้าห้องนอนไปคุยตามประสาหนุ่มๆ แล้ว

“คุณน้ามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ” มาหาเขาดึกๆ แบบนี้คงไม่ได้คิดจะนอกใจสามีหรอกใช่ไหม หรือไม่ก็คงเกี่ยวกับการฝากฝังไอ้ตัวแสบกับเขาแหงๆ

“ก็เรื่องอัลนั่นแหละค่ะ หมอวาคงพอรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาอยู่ที่นี่คนเดียว ความจริงน้าไม่อยากให้เขามาหรอกแต่อย่างที่คุณหมอเห็น อัลดื้อจะตาย พ่อเขาก็หัวแข็ง สุดท้ายเลยถูกส่งมาอยู่ที่นี่คนเดียวทั้งที่เพิ่งอายุสิบแปดมาได้ไม่เท่าไหร่”

“สิบแปดแล้วเหรอครับ ผมนึกว่าสักสิบห้าสิบหกซะอีก แต่ก็นะ...เพื่อนๆ เขาดูเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว”

“ลูกผสมก็แบบนี้แหละค่ะ ยิ่งผสมเอเชียยิ่งดูเด็ก แถมตัวก็เล็ก ฮ่าๆ” เผาลูกชายสร้างเสียงหัวเราะสักหน่อยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้น มาดามโอเนลล์หัวเราะเสียงใส เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังดูดีอยู่มาก ไม่รู้ว่าระหว่างแม่เขากับแม่เด็กนี่ใครอายุมากกว่ากันแน่แต่การยอมให้เธอแทนตัวว่าน้าก็ไม่เสียหาย “นั่นแหละค่ะ ขนาดคนนอกยังเห็นเขาเป็นเด็กอยู่เลยแล้วกับพ่อแม่ล่ะคะ ใจน้าอยากจะย้ายมาอยู่กับลูกที่นี่ด้วยซ้ำแต่ว่างานก็เยอะจะลามาบ่อยๆ ก็ไม่ได้ จะปล่อยให้สามีดูคนเดียวก็ไม่ไหว แม่บ้านเขามาดูแลก็แค่เรื่องอาหารการกินกับช่วยทำความสะอาดเท่านั้นเย็นก็กลับ แต่ถ้ามีเพื่อนบ้านดีๆ คอยช่วยดูคงพอหายห่วงได้บ้าง”

นั่น... กูว่าแล้ว ซื้อหวยทำไมไม่ถูกบ้าง ทิวากานต์ตบเข่าฉาดในใจ หากถึงจะหนักใจแต่อาหารฝรั่งเศสกับไวน์ชั้นหนึ่งที่อยู่ในท้องก็บังคับให้คุณหมอรูปหล่อยิ้มสู้กัดฟันพูดประโยคฆ่าตัวตายออกไป

“คุณน้าไม่ต้องห่วงหรอกครับ อลันด์เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ แล้วยังไงผมจะช่วยดูให้อีกที”

“หมอวาออกปากเองแบบนี้น้าก็วางใจค่ะ งั้นน้าไม่รบกวนล่ะ ขอบคุณมากนะคะ” พอได้สิ่งที่ต้องการมาดามโอเนลล์ก็ชิ่งทันที คนที่ถูกไหว้วานจะทำอะไรได้นอกจากฉีกยิ้มส่ง หากในใจนั้นสาปส่งสองแม่ลูกสุดไฮโซไปแล้ว

ถ้าบอกว่าอลันด์ได้เชื้อแสบมาจากใคร ทิวากานต์ชี้บอกได้เลยว่าจากแม่มันนี่แหละ มาตะล่อมเขาแล้วมัดมือชกแบบเนียนๆ ก่อนชิ่งไปอย่างเร็ว ไม่อยากบอกว่าลูกคุณแม่อ่ะตัวดี แสบสันต์ขนาดนี้ใครจะกล้าทำอะไรมัน ถ้าไม่ติดมารยาทอันดีเขาปฏิเสธไปแล้วหรอก ที่รับปากก็พูดส่งๆ ไปงั้นแหละพอแม่มันกลับค่อยว่ากันอีกที แล้วบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าคนอย่างหมอทิวากานต์ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำปล่อยเด็กเพิ่งหย่านมคลานไปคนเดียวได้หรอกนะเว้ย

เขากัดฟันเดินไปส่งหล่อนที่หน้าประตู ระหว่างนั้นก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้ติดต่อกันได้ ดูสิกับคนแม่เพิ่งเจอได้วันเดียวเขาก็มีเบอร์แล้ว แต่กับเด็กแสบนั่นรู้จักกันมาตั้งสองสัปดาห์เขายังไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์หรือเฟซบุ๊คเลยเถอะ!

.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2015 15:48:16 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 03 [16.09.15]
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2015 15:44:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 03 [16.09.15]
«ตอบ #10 เมื่อ16-09-2015 15:46:02 »

เหมือนได้ยินมาดามโอเนลล์บอกว่าแว่วๆ ว่าเด็กฝรั่งสามคนจะไปกระบี่กันหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนกลับมาเล่นสงกรานต์กันที่กรุงเทพฯ โธมัสดูจะตื่นเต้นที่สุดเพราะแอบไปหาเบอร์เขามาจากไหนไม่รู้โทรมาถามหาสถานที่เล่นน้ำเจ๋งๆ แทบทุกคืน

ส่วนชีวิตคุณหมอใกล้สอบอย่างเขาน่ะเหรอ ปกติทุกสงกรานต์เขาจะขายเวรทิ้งเพื่อใช้เวลาอยู่กับแม่ แต่เมื่อแม่ไม่อยู่กับเขาแล้วเลยไม่รู้จะขายเวรไปทำไม ปีที่แล้วเขายังขอซื้อเวรนายแพทย์คนอื่นฆ่าเวลาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลย แต่ปีนี้น่ะสิ...

“หมอวา พี่ขอซื้อเวรเถอะ”

“พี่ไม่ใช้เวลากับแฟนพี่เหรอ” ทิวากานต์ถามเสียงนิ่ง ตาคมจ้องแพทย์ประจำบ้านร่วมรุ่นหากแก่กว่าไม่กี่ปีเขม็ง ถ้าเหตุผลไม่ดีอย่าคิดว่าเขาจะขายเวรให้เชียว เจ้าลูกรักสองคันที่จอดอยู่ก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกันนะ แถมช่วงอบรมเป็นแพทย์ประจำบ้านเนี่ยเป็นช่วงจนสุดขีดในชีวิตเลยนะจะบอกให้

“อยากใช้นะเว้ย แต่อยากได้เงินมากกว่าว่ะ นี่แม่เขาให้ไปขอลูกสาวเขาแล้วยังเก็บเงินไม่ครบเลยเนี่ย” หมอกวินว่าเสียงอ่อย ทำหน้าตาน่าสงสาร เขาพอรู้มาบ้างว่านายแพทย์รุ่นพี่คบกับแฟนสาวมาหลายปีแล้ว ตอนนี้อายุอานามก็สามสิบต้นๆ สมควรแก่เวลาแต่งการแต่งงานกันเสียที

“มิน่า ช่วงนี้ขยันอยู่เวร”

“เอาน่า ถือว่าช่วยพี่หน่อยนะหมอวา สงกรานต์แบบนี้มีแต่คนอยากหยุดจะตาย จะได้ไปเที่ยวสาดน้ำแปะแป้งสาวไง เนี่ยเห็นว่าแถวอาร์ซีเอมีปาร์ตี้โฟมไม่ใช่เหรอ”

“แหม... ชี้โพรงให้ขนาดนี้ ผมยกเวรให้ก็ได้”

“โอ๊ย คนดีที่สุด ขอให้ยิ่งหล่อยิ่งรวยนะหมอวา” สรรเสริญรุ่นน้องอีกหน่อยพอเป็นพิธีให้พ่อคนดียิ้มหน้าบาน หมอกวินก็รีบวิ่งปรู๊ดออกไปแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องเปลี่ยนเวรทันที

“แล้วเราจะไปไหนดีล่ะ นุ่นติดบิน ข้าวไปเชียงใหม่กับที่บ้าน ปอไปสมุยกับเพื่อน เจเหมือนจะไปญี่ปุ่น” นั่งไล่ชื่อกิ๊กแต่ละคนยิ่งท้อแท้ แต่ละคนมีที่ไปกันหมดแล้วยกเว้นเขาคนเดียว “เหลือริต้านี่นา”

นิ้วเรียวดีดเปาะเมื่อนึกถึงกิ๊กสาวลูกครึ่งคนสุดท้ายได้ ก่อนต้องนั่งหน้างอหงอยกว่าเดิมเพราะสาวเจ้ามีแพลนไปถ่ายแบบที่ปารีสช่วงสงกรานต์

“หรือจะไปเที่ยวคนเดียวดี”

มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นเตรียมเสิร์ชหาตั๋วเครื่องบิน มีวันหยุดตั้งสามวันไปประเทศใกล้ๆ อย่างเกาหลี ญี่ปุ่นได้สบาย หากยังไม่ทันได้กดเช็คราคาดันมีสายเข้าเสียก่อนจากเด็กโธมัสตาฟ้า รู้สึกถึงลางร้ายยังไงไม่รู้ไม่อยากกดรับเลย แต่ปล่อยให้มันแผดเสียงรบกวนคนอื่นคงไม่ไหวสุดท้ายก็ต้องกดรับไป

“ฮัลโหล”

‘ด็อกเตอร์! คืนนี้กินข้าวกันนะ แม่อัลจะทำอาหารเลี้ยงล่ะ’

“อะไรกัน พวกเธอกลับมาแล้วหรือไง”

‘ถูกเผงเลย เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยวว่าจะไปซื้อปืนฉีดน้ำกัน ด็อกเอาด้วยไหม’

‘ประสาทกลับเหรอทอมถึงชวนด็อกเถื่อนนั่นไปเล่นน้ำด้วยน่ะ’ เสียงโวยวายแทรกเข้ามาทิวากานต์จำได้ขึ้นใจ ไอ้ตัวแสบ! หนอย...ไม่อยากให้เขาไปด้วยใช่ไหม คนกำลังเบื่อพอดีไปด้วยแม่งเลย

“เอา ขอกระบอกใหญ่ๆ ให้ฉันอันนึงนะเดี๋ยวมาเก็บตังค์ได้เลย ฉันจะพาพวกนายเล่นน้ำจนตัวเปื่อยเป็นขุยทั้งสามวันจนอยากร้องไห้กลับบ้านแน่”

‘เจ๋ง! งั้นคืนนี้เจอกัน’

“โอเค แค่นี้ก่อนนะเหมือนจะมีงานเข้า” ทิวากานต์กดตัดสายไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวลาเมื่อนางพยาบาลคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามา อีหรอบนี้ดูท่าเย็นนี้เขาคงไม่ได้กินมื้อเย็นฝีมือแม่ไอ้ตัวแสบเสียแล้วสิ



ร่างสูงใหญ่เดินโซเซออกจากรถสปอร์ต ทุกครั้งที่มีผ่าตัดเขาเหมือนถูกอะไรสักอย่างสิงร่างเหนื่อยแทบขาดใจแต่กล้ามเนื้อกลับเกร็งแน่น ยิ่งกับเคสฉุกเฉินผ่าตัดด่วนเนี่ยเกร็งจนขาเป็นเหน็บเลย กระทั่งตอนนี้เขายังรู้สึกว่าประสาททุกส่วนยังแข็งตึงไปหมด ถ้าวันนี้จะถูกด่าแม่เพราะขับรถกวนตีนจะไม่แปลกใจเลย

ปลายนิ้วแกะกระดุมสองเม็ดบนออกเป็นการผ่อนคลาย ทิวากานต์เบี่ยงเท้าจากลิฟต์ตรงหน้าไปอีกทางที่เป็นสวนส่วนกลางของคอนโด ลมร้อนของเดือนเมษาตีหน้าเขาทันทีที่เยี่ยมหน้าออกไป แม้จะชวนหงุดหงิดด้วยเหนียวตัวไม่น้อยแต่ก็ดีกว่าอยู่ร้อนๆ แบบไม่มีอากาศถ่ายเท แต่ดูเหมือนที่ประจำของเขาวันนี้จะมีคนแย่งไปเสียแล้ว

ทิวากานต์ฉีกยิ้มให้ไอ้เด็กแสบที่เพิ่งรู้ว่าตัวแค่นี้ดันริอาจสูบบุหรี่ ส่วนไอ้เด็กนั่นแทนที่จะรีบบี้บุหรี่ทิ้งแบบเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดกลับยักคิ้วกวนๆ คืนให้เขาอีกแน่ะ น่าหมั่นไส้ที่สุด

“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดสูบบุหรี่นะเรา”

“สิบแปดแล้วสูบได้ไม่ผิดกฎหมาย” คุณหมอยิ้มอีกครั้งกับข้อแก้ตัวของคนเด็กกว่าเกือบรอบ เขาตบกระเป๋ากางเกงล้วงเอาซองบุหรี่นอกตัวเล็กกลิ่นอ่อนออกมาหนึ่งตัวคีบเข้าปากก่อนล้วงหาไลท์เตอร์

“อ้าว ลืมไว้ที่รถเหรอเนี่ย” คุณหมอบ่นพึมพำ ใบหน้าเรียวได้รูปเงยมองเด็กฝรั่งเหมือนคิดอะไรได้ “ต่อไฟหน่อย”

“เป็นหมอประสาอะไรสูบบุหรี่”

“พอกันนั่นแหละ” ทิวากานต์หัวเราะในคอพลางก้มหน้าลงไปต่อไฟกับคนที่นั่งอยู่บนม้านั่ง ก้มลงไปใกล้จนเห็นหน้าอีกฝ่ายชัด จะว่าไปไอ้เด็กแสบนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกัน ตาโต ขนตาสีน้ำตาลเข้มยาวเป็นแพ คิ้วเข้มเรียวโก่งได้รูป จมูกโด่ง หน้าใส ปากแดงเป็นกระจับสวยเชียว เสียดายเตี้ยไปหน่อยไม่งั้นคงมีสาวมองตามเป็นแถว

คุณหมอสูดลมพอให้ไฟจากอีกฝั่งเผาปลายมวนนิโคตินของตัวได้ก่อนผละออกไปนั่งข้างๆ เด็กฝรั่ง เขาหอบเอาควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ เส้นประสาทที่แข็งตึงก็ดูจะผ่อนคลายลงเมื่อได้นิโคตินเข้าไปเลี้ยง

“รอแม่หลับแล้วถึงหนีลงมาล่ะสิ” เงียบไปพักใหญ่กว่าทิวากานต์จะเป็นคนทำลายความสงบก่อน แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่มีเสียงตอบจากคนข้างตัว “เฮ้ เงียบนี่หลับไปแล้วหรือไง”

“อะไร” ตาสีน้ำข้าวตวัดมองฉับ ปากอิ่มหยักยังคาบบุหรี่ที่เหลือแค่ครึ่งตัวไว้ ชักเริ่มรำคาญผู้ใหญ่พูดมาก

“ชอบทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเรื่อย” ขอบ่นมันหน่อยเถอะก่อนชวนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน “ไปเซเว่นกันม่ะ”

“ไปทำไม ไม่ไป”

“หาไรกินกัน หิวยังไม่ได้กินไรตั้งแต่บ่าย”

“แม่เก็บสปาเก็ตตี้ไว้กะให้กินตอนกลับมา แต่ไม่คิดว่าจะกลับดึกขนาดนี้เลยเข้านอนไปแล้ว ถ้าจะกินเดี๋ยวขึ้นไปแล้วจะเอาให้”

“แม่นายดีชะมัด ขอบคุณนะเดี๋ยวขึ้นไปกิน แล้วนี่อย่าบอกนะว่าลงมารอฉันอ่ะ ควรดีใจไหม” คนแก่กว่าแกล้งแซวเล่นๆ ตอนนี้จะเที่ยงคืนอยู่แล้วและเขาไม่คิดว่าอีกคนจะมารอหรอกแต่คงหนีแม่มาสูบบุหรี่มากกว่า

“เอาอะไรคิด” อลันด์เบะปากหน้าแหย มองอีกคนตาขวาง คิดได้ไงว่าลงมารอ เขาแค่อยากหาที่สูบบุหรี่ไม่ให้แม่รู้ตามที่ทิวากานต์คิดเท่านั้นแหละ

“ฮ่าๆ ทำหน้าตลกชะมัด”

“...”

เห็นคนเด็กกว่าทำหน้าบึ้ง แทนที่จะหยุดหัวเราะทิวากานต์กลับยิ่งแผดเสียงดังกว่าเก่า เขาขยี้บุหรี่ในมือทิ้งกับที่เขี่ย รู้สึกจะสูบต่อไม่ไหว “แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”

“ประสาท ทำงานจนสมองกลับหรือไง โว้ย เอามือออกไปเลยนะ” อลันด์โวยวายปากเบะตาจ้องอีกคนเขียวปัดเมื่อมือคุณหมออยู่ไม่สุขยกมาขยี้หัวเขาเล่นจนยุ่งไปหมด

“ตาเป็นสีน้ำตาลแล้ว เมื่อกี้ยังเป็นสีฟ้าอยู่เลย” คุณหมอว่าตามที่สังเกตเห็น เด็กนี่ตาโตเบ้าชัดสวยกำลังดีเปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อมได้อีกต่างหาก คงเพราะตาสีอ่อนมากเวลาโดนแสงเข้าไปเลยเห็นเป็นสีอื่น อย่างตอนนี้ที่สวนข้างสระน้ำของคอนโดมีแต่ไฟสีเหลืองนวล “แปลกดี มีฟันกระต่ายด้วย”

“ไม่ใช่สักหน่อย” อลันด์โวยวาย ถึงฟันหน้าเขาจะใหญ่กว่าซี่อื่นไปหน่อยแต่มันก็ไม่ได้โตขนาดเป็นฟันกระต่าย
 
“เอาแต่วิจารณ์คนอื่น ตาคุณก็ไม่ใช่สีดำเถอะ”

“สังเกตด้วยเหรอ”

“สีน้ำผึ้ง”

“ไปกันเถอะ หิวแล้ว” ทิวากานต์เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน เขาลุกขึ้นยืนบิดตัวคลายกล้ามเนื้อเล็กน้อย อาการตึงๆ หลังผ่าตัดหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้ว่าเพราะได้บุหรี่ดีหรือได้กวนตีนไอ้เด็กแสบ ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองเด็กหนุ่มเมื่อไม่เห็นอีกคนลุกตามมาสักที เจ้าอลันด์ตาสีซีดยังนั่งพ่นควันปุ๋ยอยู่ที่เดิม “เฮ้ ขึ้นห้องกัน”

“ก็ไปสิ”

“ไปด้วยกัน”

“ทำไม”

“หิว”

“เดี๋ยวไปเคาะชามเรียก ขอดูดบุหรี่ก่อน”

หนอย...ไอ้เด็กบ้าเห็นเขาเป็นหมาเหรอมาเคาะชามเรียกเนี่ย ไวเท่าความคิดมือหนาจัดการตบหัวไอ้เด็กแสบหน้าทิ่มตัวแทบร่วงจากม้านั่ง

“อู๊ย ไอ้หมอบ้า เจ็บนะเว้ย”

“เล่นให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้างนะ”

“ผู้ใหญ่ตายแหละ โหย...เจ็บ” นิ้วเรียวปล่อยบุหรี่ทิ้งกับพื้นเอามือมากุมหัวตัวเองตรงที่โดนตบ หมอนี่ก็ไม่มียั้งแรงเลยตบเข้ามาเต็มๆ เจ็บจนน้ำตาเล็ด

“แค่นี้ทำร้อง ไกลหัวใจตั้งเยอะ”

“ถ้าสมองเสื่อมขึ้นมาล่ะ เป็นหมอต้องช่วยคนสิไม่ใช่มาทำร้ายคน”

“ปากมอมๆ แบบนี้น่าช่วยตายล่ะ” ทิวากานต์กอดอกฉับเถียงกลับฉอดๆ จากมุมที่เขายืนอยู่ตรงนี้เห็นไอ้เด็กแสบนั่งคู้ตัวเหมือนลูกฟุตบอลพอดีน่าเตะให้กลิ้งอีกสักป้าบ จะหาว่าเขาใจร้ายกับเด็กก็ตามสบาย แต่ไอ้เนี่ยมันน่าตีตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว วันนี้ได้โอกาสทั้งทีขอเอาคืนสักหน่อยเหอะ

“ชิ”

“อะไร มองอะไร จะเอาคืนหรือไง” หัวทุยเอียงไปข้างหนึ่ง ตาคมยังคงมองเด็กฝรั่งนั่งเอามือกุมหัวตัวเองนิ่งๆ หยุดโวยวายจนชักใจแป้วว่าทำรุนแรงเกินไป ยิ่งคิดว่าเขาตัวใหญ่กว่าอีกฝ่ายตั้งเยอะตบไปแรงขนาดนั้นจะมีหัวปูดบ้างยิ่งเริ่มรู้สึกผิด

เฮ้อ... แล้วทำไมสุดท้ายเขาต้องมารู้สึกผิดเพราะไอ้เด็กนี่ด้วยวะเนี่ย เอาน่ะ ง้อสักหน่อยไม่เสียหน้าเท่าไหร่หรอก

“ไป บุหรี่ตกพื้นไปแล้วก็ขึ้นห้อง”

“...”

“ไอ้แสบ ฉันหิวข้าว จะนั่งให้ยุงหามหรือไง”

“...”

“อย่าเงียบดิวะ ลุกเร็ว ไม่เจ็บแล้ว”

“เจ็บ” บทจะอ้าปากพูดก็เบาเสียงจนต้องเงี่ยหูฟัง ทิวากานต์รู้สึกได้ยินไม่ชัด ต้องแคะหูแล้วก้มหน้าลงไปฟังใกล้ๆ อีกที

“ว่าไงนะ”

“เจ็บเว้ยยยย!”

“เหวอออออ!”

ตู้ม!!!

เสียงโวยวายขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยถ้าจะมีคนออกมาด่า ไอ้ตัวแสบมันอาศัยช่วงเขาสำนึกผิดผลักเขาหงายหลัง แล้วไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่ข้างหลังเป็นสระบัวลึกแค่เข่า เหมือนจะแย่แต่สะใจกว่าที่เขาลากไอ้ตัวแสบตกลงมาด้วยกันได้ ตอนนี้เลยกลายสภาพเป็นหมาตกน้ำกันทั้งคู่

“หนอย... อยากเล่นน้ำตอนกลางคืนก็ไม่บอกนะ” ว่าที่หมอศัลย์แซว เอามือกวักน้ำในบ่อที่มั่นใจว่าสะอาดระดับหนึ่งใส่หน้าไอ้เด็กฝรั่งที่นั่งทับช่วงเอวเขา

“Shit! ใครใช้ให้ลากลงมาด้วยเนี่ย”

“ไปคิดแผนเอาคืนมาใหม่นะ แล้วคิดดีๆ หน่อย แบบว่าฉันฉลาดทันคนน่ะ”

“ไม่ต้องมาลอยหน้าลอยตาใส่เลย” อลันด์แหวเสียงสูง มือเรียวสวยปัดมือใหญ่กว่าที่คอยแต่จะเอาน้ำสาดใส่หน้าเขาให้กลับลงไปแช่ในน้ำ “เปียกหมดแล้ว”

“หึหึ ก็เปียกกันทั้งคู่นั่นแหละ งั้นยกนี้เสมอกันนะ” รู้สึกทั้งสงสารทั้งขำตัวเอง ทิวากานต์ยิ้มหวานจนตาหยี ยิ้มที่ออกมาจากความรู้สึกไม่ต้องคอยยิ้มรับหน้าใครหรือเอาใจใครให้รู้สึกดี

“สักวันจะเอาคืน” เด็กฝรั่งแยกเขี้ยวขู่ฟ่อเหมือนแมว หากแทนที่จะเห็นเขี้ยวกลับเห็นแต่ฟันหน้าใหญ่ๆ สองซี่

“รออยู่นะ แต่ตอนนี้ลุกสักทีเถอะ เห็นตัวเล็กๆ หนักใช่เล่นนะ”

“ไม่เล็กเฟ้ย”

ต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยอีก คุณหมอแค่คิดในใจไม่พูดออกไปเพราะเหนื่อยเกินจะรบกับเด็กแสบอีกยกสำหรับคืนนี้ เขาจับเอวเด็กฝรั่งออกแรงยกขึ้นให้ลุกออกจากตัวเขาพอดีกับยามประจำตึกวิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณหมอ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก้มๆ เงยๆ มองดูผู้พักอาศัยทั้งสองตาฉงน เขาเห็นเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดคิดว่ามีเรื่องทะเลาะกันจนตกน้ำตกท่าเลยรีบวิ่งมาดู แต่เหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะถึงหนุ่มน้อยชาวต่างชาติจะหน้าบึ้งแต่คุณหมอหนุ่มยังยิ้มได้ แถมยังยิ้มหวานชวนละลายเสียด้วย

“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” ทิวากานต์หัวเราะแผ่วในลำคอ มือบิดน้ำตรงชายเสื้อออก ท่อนล่างเปียกหมดซึมไปถึงชั้นใน ถ้าเป็นตอนปกติคงหงุดหงิดน่าดูหากตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลายังคงยิ้มพราว มือใหญ่ลูบผมสีช็อกโกแลตนมของคนเด็กกว่าก่อนผลักไปข้างหน้าเบาๆ ให้ตาสีซีดหันกลับมามองค้อนอีกที เหมือนยิ่งแกล้งให้อลันด์หงุดหงิดได้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น โรคจิตสุดๆ

“อ๋อครับ”

“แต่ขึ้นไปเปียกๆ แบบนี้แม่บ้านคงบ่นน่าดู”

ชายหนุ่มก้มมองสภาพตัวเองก่อนมองอีกคนที่สภาพไม่ต่างกัน มือใหญ่วิสาสะช่วยลูบน้ำบนหน้าขาวซีดให้แกล้งดึงแก้มย้วยเล่นอีกทีให้คนถูกรังแกหงุดหงิดก่อนชวนกันขึ้นไปทำความสะอาดบนห้อง แม้ในใจอยากจับแก้มอลันด์เล่นอีกสักทีสองทีก็เหอะแต่กลัวจะตีกันให้ยามเขาจับแยกเสียก่อน

“ที่รถมีผ้าขนหนูอยู่คงพอซับได้หน่อย ไปกันเถอะไอ้แสบ ไปก่อนนะครับ” ท้ายประโยคบอกพนักงานรักษาความปลอดภัยก่อนลากแขนคนเด็กกว่าให้เดินตามไปที่รถ ไม่ลืมหันไปโบกมือลาให้คุณยามพร้อมรอยยิ้มสวยเห็นรอยบุ๋มบนแก้มที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นอันต้องหลงรัก

แต่ขอยกเว้นเด็กฝรั่งหน้ามึนไว้สักคน เพราะถ้าตอนนี้ทิวากานต์ยังลอยหน้าลอยตายิ้มระรื่นใส่เขาอีกครั้ง สาบานได้เลยว่าด็อกเถื่อนรูปหล่อจะถูกหัวเหม่งๆ โขกปากให้ฟันร่วงแน่นอน!



TBC

นึกว่าจะไม่มีคนอ่านซะแล้ว  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2015 15:53:35 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกมากเลยคะ ตีกันอย่างนี้จะไปรักกันตอนไหนเนี่ย

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สนุกดีอ่ะ เด็กมันกวน คุณหมอวาก็ใช่ย่อย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แอ๊ะ ๆๆ ยังไงกันคุณหมอ ได้แกล้งเด็กสนุกใหญ่เลย

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3

ออฟไลน์ meeyeon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักอะ รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
TRACK 04



วันที่สิบสาม เมษายน เวลาบ่ายสองโมงตรง ณ คอนโดระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งแถวอโศก ทิวากานต์กวาดสายตามองเด็กฝรั่งสามคนไล่จากคนตัวเล็กสุดไปหาคนตัวโตสุดก่อนส่ายหัว

“แสบกับเจมส์ไปเปลี่ยนชุดซะ”

เฮนรี่ เดอะ เติร์ดก้มมองตัวเองก่อนเงยหน้าใช้ตาสีเขียวมรกตเข้มจ้องคุณหมอหนุ่มแทนคำถาม เขาก็แต่งตัวตามปกติ เสื้อโปโลแขนสั้นกับกางเกงแสลคขายาวมันผิดตรงไหน อลันด์ก็เหมือนกัน

“ดูทอมเป็นตัวอย่างนะ เราจะไปเล่นน้ำกันไม่ใช่ไปเดินชิลที่ห้าง นี่มันคือสงคราม!” คุณหมอหนุ่มประกาศกร้าว วันนี้เขาสลัดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวออกเหลือเพียงเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงสามส่วนผ้าหนาและรองเท้าแตะเท่านั้น โธมัสในชุดเสื้อกล้ามสีขาวบางหัวเราะคิกเอาไหล่ใหญ่ๆ กระทุ้งเพื่อนตัวเล็กกระเด็นออกมาข้างหน้า

“เรื่องมากชะมัด ไม่เห็นอยากจะไปเล่นเลย”

“ไม่เอาน่าอัล น่าสนุกดีออก จำที่พีทเล่าให้ฟังไม่ได้เหรอว่าเราสามารถจับแก้มพวกผู้หญิงได้โดยไม่มีใครว่าน่ะ แบบนี้มันสวรรค์ชัดๆ”

“พวกไม่เคยเจอผู้หญิงก็งี้” อลันด์พึมพำ พวกเขาเรียนโรงเรียนประจำชายล้วนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล มันก็เลยมีพวกกระหายผู้หญิงจนเหมือนโรคจิตแบบโธมัสอยู่สองสามคนในชั้น

“แสบไปเปลี่ยนชุดไป ไอ้ชุดนอนเราน่ะโอเคเลย”

“ชุดนอน!”

“อืม ก็ไอ้เสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้นไง”

“ให้ตายเถอะ”

“ไปเปลี่ยนเถอะน่า ฉันอยากไปเล่นน้ำใจจะขาดแล้ว” โธมัสรีบรุ่นหลังเพื่อนกลับเข้าไปในห้องพัก ส่วนเจมส์ยังคงมองคุณหมอตาขวาง

“ส่วนนาย...”

“เสื้อผ้าฉันอยู่ที่โรงแรม เดี๋ยวจะสั่งพ่อบ้านให้เอาชุดมาที่นี่แล้วกัน” เจมส์ว่าเสียงเรียบ ดูเหมือนเขามีอะไรอยากจะพูดกับทิวากานต์มากกว่านั้นแต่ไม่พูดออกมา ยังคงรักษามาดผู้ดีอังกฤษได้ครบทุกระเบียบนิ้วจนคุณหมอชักกลัวว่างานจะกร่อย ว่าแต่นี่มันพกพ่อบ้านมาเที่ยวด้วยเรอะ!

“ถ้าไม่รังเกียจ ฉันคิดว่านายใส่เสื้อผ้าฉันได้นะ” เขายิ้มสู้ ลองเสนอทางออกให้ ถึงเจมส์จะดูมีกล้ามเนื้อมากกว่า แต่ทิวากานต์ก็มีเสื้อยืดตัวใหญ่ไซส์ XL อยู่พอสมควร

“คงต้องรบกวนคุณหมอแล้ว” เสียงกับหน้าแข็งเป็นไม้บรรทัดผิดกับคำพูดนอบน้อมจนคนฟังคิ้วกระตุก ไอ้เฮนรี่ที่สามนี่อยากฟาดปากกับเขาแทนอลันด์แล้วใช่ไหม

“งั้นรอตรงนี้แป๊บนึงเดี๋ยวไปเอามาให้” ชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบข่มอารมณ์ตัวเองก่อนหายเข้าไปในห้องแป๊บเดียวก็กลับมาพร้อมเสื้อยืดสีน้ำเงินสว่างกับกางเกงขาสั้นแบบเดียวกับที่เขาใส่อยู่แต่คนละสีกันยื่นให้อีกคนเข้าไปเปลี่ยนในห้องของแม่ลูกโอเนลล์ พอดีกับอลันด์ที่ออกมาพร้อมกับแม่และโธมัส

“ค่อยเข้าท่าหน่อย” เขายิ้มชอบใจเมื่อเห็นเสื้อยืดสีขาวไหล่ตกกับกางเกงฟุตบอลสีน้ำเงินทีมดังจากลอนดอน เห็นไอ้ท่าทางขัดๆ ประหม่าของอีกคนก็เข้าใจว่าเจ้าตัวคงไม่ได้แต่งตัวแบบนี้ออกที่สาธารณะเท่าไหร่นัก ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

“จะไปกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ น้าฝากเด็กๆ ด้วยนะจ๊ะ”

“ครับ”

เมื่อพร้อมออกรบทิวากานต์ก็พาเด็กฝรั่งทั้งสามคนโบกแท็กซี่ไปถนนข้าวสารสถานที่ยอดฮิตชาวต่างชาติทุกคนต้องรู้จักเป็นสถานที่แรก แล้วพรุ่งนี้ค่อยพาไปสีลม ส่วนวันสุดท้ายอาจพาไปปาร์ตี้โฟมที่อาร์ซีเอ (อันหลังนี่ความอยากตัวเองล้วนๆ ไม่มีใครขอร้องสักคน)

ข้าวสารตอนบ่ายสองเกือบบ่ายสามยังคงร้อนจัด ผู้คนเริ่มหลั่งไหลจนแทบมองไม่เห็นพื้นดิน ทั้งหัวดำหัวแดงเดินสวนกันไปมาจนน่าอึดอัด ครั้งสุดท้ายที่คุณหมอมาเหยียบที่นี่ก็เมื่อตอนปีสองตอนนั้นคนยังไม่เยอะเท่านี้เลย อย่าถามว่ากี่ปีมาแล้วเขาก็ขี้เกียจจะนับ ก็แค่ใช้สองมือนับไม่พอ

 “ทำหน้าให้มันมันส์ๆ หน่อย” โธมัสฉีดน้ำใส่หน้าเพื่อนตัวเล็ก กัปตันชมรมรักบี้ดูจะชอบอกชอบใจมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน เด็กหนุ่มสะพายปืนฉีดน้ำอันใหญ่เตรียมยิงใส่ทุกคนที่เดินผ่าน เจมส์กับทิวากานต์มีปืนฉีดน้ำอันพอดีมือคนละอัน ส่วนอลันด์มีแค่ปืนฉีดน้ำอันเล็กกว่าฝ่ามือของแถมจากไอศครีมยี่ห้อหนึ่งเท่านั้น ใบหน้าที่ปกติติดจะมึนเฉยชาจนดูเหมือนอารมณ์เสียและหยิ่งตลอดเวลายิ่งดูน่ากลัวกว่าเก่าตอนเจอฝูงคนเบียดเสียด

ไม่ทันได้เข้าไปส่วนของตรอกข้าวสารทั้งกลุ่มก็โดนต้อนรับด้วยน้ำเย็นเฉียบพาสะดุ้งกันทั้งแถบ คนตัวเล็กสุดได้ของแถมเป็นแป้งขาวรูปรอยนิ้วมือบนแก้มแดงจากสาวน้อยใจกล้านางหนึ่งด้วย

ขบวนหนึ่งผู้ใหญ่กับสามเด็กต่างชาติเดินเป็นกลุ่มเข้าไปในตรอกข้าวสารอันเลื่องชื่อ มีคนตัวเล็กอยู่ตรงกลางไปโดยปริยายจากการใช้แขนข้างเดียวเจมส์กระชากอลันด์มายืนตรงที่ๆ เขาต้องการอย่างง่ายดาย แม้ตาสีซีดจะจ้องกลับไม่ชอบใจแต่เด็กหนุ่มก็เพียงใช้สายตาดุกว่าจ้องกลับให้อีกคนยอมจำนนเท่านั้น

ตรอกข้าวสารเป็นถนนกว้างพอให้รถสวนได้ ปกติสองข้างทางเป็นร้านค้ารถเข็น บาร์กินดื่มสำหรับข้าวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ หากพอถึงหน้าเทศกาลร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดไม่ก็กลายสภาพเป็นร้านขายอุปกรณ์เล่นน้ำ บาร์บางแห่งยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวขี้เมา มีเวทีแสดงดนตรีให้นักร้องนักแสดงมีชื่อเสียงออกมาให้ความบันเทิงอยู่หน้าทางเข้าจากบริษัทน้ำอัดลมชื่อดัง การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดีเพราะมีการตรวจตราจากทางเข้าออกทั้งสองฝั่ง ส่วนการเล่นแป้งถูกงดขาด แต่ถ้าอยากเล่นก็แค่ออกจากตรอกไปเล่นด้านนอกได้

ไหลตามฝูงคนพ้นด่านตรวจมาได้ไม่กี่เมตรก็เห็นเวทีสีแดงสดตั้งอยู่ซ้ายมือ ทิวากานต์หัวเราะก๊ากเมื่อหันไปเห็นหน้าตกใจของไอ้ตัวแสบ นิ้วยาวสวยของอลันด์ชี้ไปบนเวทีเมื่อเห็นพี่นภของตัวเองร้องเพลงอยู่บนนั้น นี่มันไม่รู้จริงๆ สินะว่านภเป็นนักร้องอาชีพ

“ด็อก ทำไมพี่นภอยู่บนนั้นอ่ะ”

“ก็เขาเป็นนักร้อง”

“โอ้ว - มาย - ก็อด! เขาไม่เคยบอกผม”

“เขาคงนึกว่าเธอรู้อยู่แล้ว เขาเป็นซูเปอร์สตาร์นะ คนทั้งประเทศรู้จักเขากันเกือบหมด ขนาดฉันไม่ชอบเปิดทีวียังรู้จักเขาเลย ไม่เคยสังเกตป้ายบิลบอร์ดข้างทางบ้างหรือไง”

เด็กลูกครึ่งส่ายหัวพรืด ก่อนใช้ตาสีซีดจับจ้องนภบนเวที แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวดูจะชื่นชอบพี่นภของตัวเองมากขึ้นไปอีก มือสวยกระตุกชายเสื้อโธมัสไม่ให้เจ้าตัวเดินพ้นรัศมีเวทีก่อนชี้ชวนให้ดู ริมฝีปากอิ่มเป็นกระจับแย้มรอยยิ้มขณะเล่าให้เพื่อนฟังด้วยความภูมิใจ “นั่น... ผู้ชายที่อยู่บนเวทีนั่น ฉันไปซ้อมดนตรีกับเขาแทบทุกวันเลย”

“เจ๋งเลยนี่ คนนี้ใช่ไหมที่นายบอกว่าด็อกพาไปเจอน่ะ”

“อืม” อลันด์โบกมือให้คนบนเวทีแม้ไม่แน่ใจว่านภจะเห็นตัวเองหรือไม่ ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด อยากจะร้องเพลงบนเวทีแบบนั้นบ้าง อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงของตัวเอง

“ก็งั้นๆ แหละ” คนดูเหมือนผู้ใหญ่สุดว่า เจมส์ยืนกอดอกใช้ตาสีเขียวเข้มจ้องมองคนบนเวทีไม่ชอบใจ แม้จะหมดสภาพคุณชายไปกว่าครึ่งเพราะน้ำและเศษแป้งประปรายแต่มาดผู้ดียังคงเกาะติดตัวไม่ไปไหน

“ด็อกรู้จักคนดังแบบนี้แสดงว่าด็อกก็ดังด้วยใช่ไหม”

หนุ่มรักบี้หันมาถามคุณหมอที่ยืนฟังดนตรีสดเพลินๆ ทิวากานต์เคลงหัวแทนคำตอบไม่พูดขยายความอะไร โธมัสจึงเลิกให้ความสนใจหันกลับไปดูหนุ่มไทยหน้าดีบนเวทีแทน สักพักคนบนนั้นก็โบกมือมาทางที่กลุ่มพวกเขายืนอยู่ อลันด์เลยโบกมือกลับไปให้ทั้งรอยยิ้มกว้าง

ให้ตายเถอะ...เวลายิ้มก็น่ารักดีนี่นา ทำไมชอบตีหน้ามึนเหมือนคนนอนไม่พอใส่เขาตลอด คุณหมอกระตุกยิ้มใส่เด็กหน้าตายก่อนละเลงมือบนกลุ่มผมสีนมช็อกโกแลตเต็มแรง พอถูกมองค้อนกลับก็เพียงให้คำตอบสั้นๆ “หมั่น - ไส้”

“อิจฉาพี่นภล่ะสิ”

“ตลก” คุณหมอแค่นยิ้ม ไอ้เด็กนี่คิดได้ไงว่าเขาอิจฉานภ “ถ้าเธอรู้จักฉันจริงๆ แล้วคงกลับพูดแทบไม่ทันแน่ๆ”

“ตอนนี้ยังไม่รู้จักงั้นก็คิดว่าอิจฉาได้สินะ” อลันด์หัวเราะ เขาดูมีความสุขผิดกับเมื่อครู่แบบพลิกฝ่ามือ ที่คิดว่ามันน่ารักเมื่อกี้ขอถอนคำพูดทันไหม

เมื่อเพลงบนเวทีจบลงเสียงปรบมือโห่ฮาก็ดังลั่น นภกระโดดไปมาเหมือนคนปัญญาอ่อนบนเวทีเอ่ยทักทายผู้คนที่มาเล่นน้ำในตรอกข้าวสาร ตลอดเวลาอลันด์จะคอยแปลสิ่งที่นักร้องดังพูดเป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนทั้งคู่เข้าใจ

“ก่อนจะที่เราจะสนุกกันต่อ ผมอยากแนะนำน้องชายคนใหม่ของผมให้ทุกคนรู้จัก” นภฉีกยิ้มสดใสก่อนกวักมือเรียกเด็กฝรั่งหน้ามึนให้เข้าไปหา “ไอ้แสบขึ้นมานี่หน่อย”

เด็กแสบชี้นิ้วหาตัวเองหน้าเหรอหรา พออีกคนพยักหน้ายืนยันก็รีบเดินไปหน้าเวที ไปๆ มาๆ ด้วยการช่วยกันฉุดกระชากของคนบนเวทีเด็กฝรั่งตัวสูงต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยก็ไปยืนเคียงข้างนักร้องดังบนเวทีเสียแล้ว โธมัสตบมือหัวเราะชอบใจ ผิวปากแซวเสียงดัง ผิดกับเพื่อนอีกคนที่หน้าชักบูดเข้าไปทุกที

“ขอแนะนำทุกคนให้รู้จัก แสบ น้องชายคนใหม่ของผม เพื่อให้ทุกคนรู้จักเขามากกว่านี้เราจะร้องกันสักเพลงก่อนที่พี่จะปล่อยเราไปเล่นน้ำกับเพื่อนต่อนะ เอาเพลงที่เราซ้อมกันล่าสุดเลย” ท้ายประโยคนักร้องหนุ่มก้มลงกระซิบกับอลันด์ เขาวิ่งไปเอากีตาร์ไฟฟ้าของนักดนตรีมาให้เด็กหนุ่มสะพายไหล่ ชูมือทำสัญญาณกับนักดนตรีพอเสียงกลองเคาะให้จังหวะทิวากานต์ที่ไม่เคยได้ชมการแสดงของเด็กหนุ่มเต็มๆ มาก่อนก็เพิ่งได้ประจักษ์ความสามารถในตอนนี้

“…All the other kids with the pumped up kicks
You'd better run, better run, outrun my gun
All the other kids with the pumped up kicks
You'd better run, better run, faster than my bullet…1


.
.
.

ปลายนิ้วเนียนนุ่มกว่าหญิงสาวกดบนกริ่งเพียงครั้งเดียวหายใจไม่ถึงสองเฮือกบานประตูไม้หนักก็เปิดออกพร้อมใบหน้าสดใสของนักรักบี้หนุ่ม โธมัสฉีกยิ้มกว้างต้อนรับคุณหมอเข้าไปในห้อง

“ด็อกอาบน้ำช้าจัง ผมกับอัลอาบน้ำเสร็จตั้งนานล่ะ”

“พอดีแช่น้ำอุ่นเพลินไปหน่อย”

“ช่างมันเถอะ ด็อกเข้ามารอก่อน เจมส์ยังอาบน้ำอยู่เลย อีกอย่างมัมมี้ของอัลก็ยังทำมื้อเย็นไม่เสร็จ”

ว่าที่คุณหมอศัลย์เดินเข้าไปในบ้านตามคำเชิญ เขาถอดรองเท้าแตะออกเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ผ้า ห้องของสองแม่ลูกโอเนลล์เป็นห้องชุดแบบ Duplex สองห้องนอนสามห้องน้ำเหมือนของเขาเพียงแค่กลับฝั่งกัน การตกแต่งหรูหราและยังคงเค้าเดิมที่ทางบริษัทเจ้าของโครงการทำไว้ เพียงแต่ตกแต่งเพิ่มส่วนพื้นที่เปลี่ยนเป็นพรมหมด

ตาเรียวคมเห็นเด็กเจ้าของบ้านยืนจังก้าอยู่หน้าโซฟา ผมเผ้าฟูกระจายไม่เป็นทรง เสื้อผ้าชุดใหม่ยับยู่ยี่ ดูยังไงก็ไม่ใช่สภาพคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จแน่ๆ แต่เหมือนไปฟัดกับหมามามากกว่า ยืนสงสัยได้ไม่นานหมาที่ว่าก็พุ่งจากข้างหลังเขาเข้าชาร์จไอ้เด็กแสบพากันกลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นพรม อลันด์ดูท่าจะเสียเปรียบเพราะถูกกดติดกับพื้นท่าทางล่อแหลม ขาขาวจัดตวัดรวบเอวหนา ท่อนแขนอวบฟาดป้าบๆ เข้าที่หลังเพื่อนนักกีฬาตัวใหญ่ด้านบน ถ้าไม่มีเสียงหัวเราะลั่นตามมาเขาคงคิดอยู่ว่าทะเลาะกัน แต่...ไม่ ไอ้เด็กสองตัวนี้มันเล่นกันอยู่

เป็นการละเล่นที่รุนแรงดีเหลือเกิน ขนาดพาไปเล่นน้ำตากแดดข้างนอกตั้งสามชั่วโมงมันยังมีแรงเหลือเฟือให้มาฟัดกันต่ออีก หรือเพราะเขาเริ่มแก่แล้ววะถึงรู้สึกเพลียไปหมด

ทิวากานต์เดินเลี่ยงเข้าห้องครัวไม่ขออยู่เกะกะการต่อสู้ของสองเพื่อนซี้ หนีไปช่วยเจ้าของบ้านตัวจริงทำมื้อเย็นดีกว่า

“คุณหมอมาเร็วจังค่ะ น้ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยไม่คิดว่าจะกลับมากันเร็วเลยไม่ได้เตรียมของไว้ ออกไปรอข้างนอกกับพวกเด็กๆ ก่อนเถอะจ้ะ”

“คงไม่ไหวล่ะครับ เล่นกันรุนแรงเหลือเกินกลัวกระดูกจะหักเอา ผมมันผู้ชายอ่อนแอไม่นิยมใช้กำลัง ให้ผมช่วยงานเบาๆ ในครัวดีกว่าครับ” คุณหมอยิ้มตาหยี ตัวโตเป็นยักษ์วัดแจ้งแบบนี้ให้อลันด์วิ่งชนเหมือนจะยังไม่ล้มเลยด้วยซ้ำ

“สองคนนั้นก็แบบนี้ตลอดล่ะค่ะ นี่ถ้าอัลไม่เคยแขนหักคงถูกทอมลากเข้าชมรมรักบี้ด้วยแน่ๆ แต่ดีแล้วที่พลาดไปน้าคงทำใจไม่ไหวตอนเห็นเจ้าอัลถูกเพื่อนอัดในสนามโคลน ที่เห็นเล่นกันแรงๆ นี่ทอมเขาก็ออมให้”

ทิวากานต์หัวเราะในคอยามนึกภาพเด็กฝรั่งตัวเล็กเจ้าเนื้อหน่อยๆ วิ่งไล่ลูกรักบี้ก่อนโดนโธมัสแอคแทคจนลอยคว้างกลางอากาศ “มาครับ ตอนนี้มีอะไรให้ผมทำบ้าง เรื่องในครัวไว้ใจผมได้เลย ทำได้ทุกอย่าง”

“งั้นรบกวนคุณหมอช่วยแกะกุ้งในชามให้หน่อยค่ะ”

“สบายมากครับ ให้ผ่าหลังด้วยไหมครับ”

“ด้วยค่ะ”

“รับทราบครับ เรื่องผ่าๆ เนี่ยไว้ใจผมเถอะ”



คุณหมอวัยเฉียดสามสิบถูกไล่จากห้องครัวให้ไปนั่งรอกินเฉยๆ หลังช่วยเจ้าของบ้านทำมื้อเย็นทั้งหมดเกือบเสร็จ ส่วนมาดามโอเนลล์ก็ไปเข้าห้องน้ำระหว่างรอข้าวสุกกับน้ำซุปที่เคี่ยวไว้จะได้ที่ ไม่อยากจะโม้หรอกนะแต่มาดามโอเนลล์ถึงกับออกปากว่าใครได้เขาไปเป็นสามีจะต้องน่าอิจฉามากที่ได้สามีทำอาหารเก่งขนาดนี้ ก็นอกจากเรื่องเรียนแล้วเรื่องอาหารเขาก็มั่นใจไม่แพ้กันหรอก มีแม่เป็นนักชิมนักทดลองขนาดเขียนคอลัมภ์ลงนิตยสารมาแล้วนะ

ห้องนั่งเล่นเงียบสงบไปแล้ว พอเห็นหนึ่งในตัวการก่อเสียงดังสลบเหมือดถึงเข้าใจ เจ้าเด็กแสบนอนขดตัวบนโซฟาหลับตาพริ้มดูไร้พิษสง เห็นแบบนี้มันน่าแกล้งชะมัด

เท้าไวเท่าความคิด ชายหนุ่มก้าวฉับตรงไปโซฟาตัวใหญ่กลางห้องก่อนถูกแรงลึกลับกระชากพรวดเดียวตัวของคุณหมอก็ลอยวืดกลับหลังมาซ่อนอยู่ตรงแถวหน้าประตูทางเข้าห้อง เสียงโวยวายหายไปในลำคอเพราะมือใหญ่ที่ปิดปากตัวเองอยู่

“ชู่ว” เจ้าของแรงลึกลับยกนิ้วแตะปากทำท่าให้คุณหมอเงียบเสียง ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองผู้ร้ายกระทำการอุกอาจอย่างโธมัสตาเขียว ไอ้เด็กบ้าเล่นพิเรนทร์จนน่าจับมากระทืบ ถ้าเขาหัวใจวายตายขึ้นมาจะว่ายังไงกันฟร่ะ!

เจ้าของร่างสูงโปร่งดิ้นขลุกขลักสองสามทีโธมัสก็ยอมปล่อยให้คุณหมอหนุ่มเป็นอิสระก่อนชี้นิ้วไปข้างหน้า ไม่ลืมสำทับให้คุณหมอหลบอยู่ตรงมุมและเงียบเสียงไว้ ทิวากานต์มองไอ้เด็กตัวสูงกว่าเขาหน่อยนึงแต่กล้ามบึ้กกว่าเยอะคาดโทษ ถ้าที่มันชวนดูมันไร้สาระเขาจะไล่เตะรอบห้องเลย

ที่โธมัสชี้ให้ดูก็เห็นเพียงแต่อลันด์ยังนอนหลับสนิทบนโซฟากำมะหยี่สีเทา ส่วนฮู้ดของเสื้อปรกทับคางได้รูป เอิ่ม...จะให้เข้าดูคนหลับเนี่ยนะ

“wait” เจ้าของตาสีฟ้าขยับปากเป็นคำสั้นๆ เมื่อคุณหมอหันไปมองตาขวาง ก่อนจะใช้สองมือจับหน้าคุณหมอหันไปทางเก่าไม่ยั้งแรงจนคอแทบหัก

จะหันไปด่าก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้าก่อน ทิวากานต์อ้าปากค้าง ที่จู่ๆ ก็เห็นไอ้เด็กเจมส์เดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้าอลันด์ ไอ้หน้าติดจะหยิ่งตลอดเวลาตอนนี้เหลือเพียงสายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มอ่อนหวานเท่านั้น หากไอ้ที่ช็อกซีนีม่าสุดจนได้แต่ขยับปากพะงาบๆ คือไอ้เฮนรี่ที่สามมันก้มหน้าลงไปจูบปากเด็กแสบเหมือนฟิลิปจุมพิตออโรร่าต่างหาก

อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย... พวกมึงไม่ได้เกลียดกันอยู่เหรอ

“อึ้งอ่ะดิด็อก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” โธมัสหัวเราะลั่นหลังจากที่คุณหมอลากอีกฝ่ายออกมานอกห้องทันทีที่เห็นภาพชวนช็อก หน้าขาวๆ ของคุณหมอที่ว่าขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่คงตกใจน่าดู แต่ก็ตลกดีนะ

“สองคนนั้นไม่ได้เกลียดกันอยู่เหรอ” กว่าที่คุณหมอคว้านหาลิ้นตัวเองเจอเขาก็ปล่อยให้โธมัสหัวเราะกับหน้าตาตลกๆ ของตัวเองไปหลายนาที “ฉันนึกว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตอะไรกันซะอีก เห็นเจมส์จ้องจะฆ่าไอ้ตัวแสบด้วยสายตาตลอด”

“ด็อกไม่เคยได้ยินที่เขาบอกเหรอว่าเด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งอ่ะ เจมส์มันแอบชอบอัลมานานแล้วแต่อัลมันชอบทำหน้าหยิ่งๆ เจมส์มันเลยต้องเรียกร้องความสนใจไง เหมือนเดรโก มัลฟอยกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เป๊ะ”

“ตรงไหนวะ” แต่ตอนนี้ทิวากานต์ชักสงสัยว่าโธมัสเป็นหนุ่มวายมากกว่าความสัมพันธ์ของไอ้เด็กฝรั่งสองคนนั้นแล้วสิ

“เหมือนจะตาย แต่ทีนี้เจมส์มันก็คงมึนๆ สับสนกับตัวเองไงไม่รู้จะทำไงดี แกล้งไปแกล้งมาเผลอทำอัลตกหลังม้าแขนหัก ทีนี้อัลเกลียดขี้หน้าจริงๆ โคตรน่าสงสารอ่ะ เลยต้องมาคอยตอดเล็กตอดน้อยเอาตอนอัลไม่รู้ตัวตลอด แล้วยิ่งอัลหนีมาเรียนต่อที่นี่นะเจมส์แทบบ้า ถึงขั้นมาเคาะประตูบ้านชวนผมมาตามอัลกลับลอนดอนเลยอ่ะ”

ปากกว่าน่าสงสารแต่หน้าตาและการกระทำไม่ไปด้วยกันสักนิด กัปตันรักบี้ยังคงยิ้มร่าประหนึ่งเจอเรื่องสนุก นี่เอ็งอยากให้เพื่อนขุดทองกันจริงๆ ใช่ไหม

“ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ คือ...ฉันก็ไม่ได้แอนตี้อะไรพวกนี้หรอกนะออกจะเข้าใจด้วยซ้ำ” แหงล่ะ... เขามีแม่เป็นสาววายแถมบรรดาเพื่อนแม่ที่ช่วยกันเลี้ยงเขามาก็เป็นสาววายกันทั้งแก๊ง เคยจิ้นเขากับเพื่อนออกจะบ่อย รูมเมทสมัยเรียนหมอก็คบกันเอง เขาเองก็เคยเกือบเผลอไปเป็นเด็กเสี่ย อุ๊ปส์ แต่แบบนี้มัน... “ไอ้ตัวแสบนั่นมีอะไรให้รักวะ”

“แสบ ด็อกเรียกอัลแบบนี้อีกแล้ว นักร้องคนนั้นก็เรียกอัลแบบนี้ ภาษาไทยใช่ไหม มันหมายความว่าไงเหรอ”

“ก็แบบ... พวกตัวป่วนน่ะ troublemaker ประมาณนี้”

“โอ - ไอ - ซี” โธมัสดีดนิ้วเป๊าะ “เมื่อกี้ด็อกถามใช่ไหมว่าอัลมีอะไรให้รัก”

“เออ ฉันสงสัยมาก หน้าตายออกแบบนั้น ชอบทำมึน กวนประสาท มันน่ารักตรงไหน”

“เดี๋ยวด็อกใช้เวลาอยู่กับอัลนานๆ ก็รู้เอง อัลน่ะน่ารักจะตาย ยิ่งเวลาถูกแกล้งให้โกรธจนหน้าบูดหน้าแดงแล้วร้องไห้น้ำตาไหลพรากนะยิ่งโคตรน่ารัก”

“นี่นายเป็นพวกเอสหรือไง” คุณหมอเหล่ตามองเด็กหนุ่มสายตาไม่ไว้ใจ

“เอาน่า เดี๋ยวด็อกก็รู้เอง”

“ถ้าฉันเป็นพ่อแม่อลันด์ฉันจะให้เขาเลิกคบกับเพื่อนแบบเธอเป็นอย่างแรกเลย ขายเพื่อนกันชัดๆ”

แทนที่จะสลดโธมัสกลับยิ่งฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันสามสิบสองซี่ก่อนดันคุณหมอกลับเข้าไปในห้อง แต่ทิวากานต์ก็หูดีพอได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ของไอ้เด็กขายเพื่อน “ก็มันสนุกดีนี่นา”

โลกนี้ไม่เคยไว้ใจอะไรได้ง่ายๆ เลยสินะ...



มื้อเย็นเริ่มตอนหกโมงครึ่งพอดี อลันด์งัวเงียๆ ลุกจากโซฟาเดินตาแดงเหมือนกระต่ายมานั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อนโดนมาดามโอเนลล์ไล่ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อน

“ปวดหัว”

“ใครเขาใช้ให้นอนตอนนี้กันเล่า”

“ก็มันเหนื่อยนี่” ปากเป็นกระจับได้รูปขยับเถียงแม่ เขาเล่นกับโธมัสจนหมดแรงเผลอหลับไปตอนไหนยังไม่รู้เลย แถมใครก็ไม่รู้เอาผ้ามาห่มให้อีก ทีนี้เลยยาวนอนจนแม่ปลุกมากินข้าวนี่แหละ

“ไปเล่นกันเองช่วยไม่ได้จ๊ะ เอ้าเช็ดหน้าเสียหน่อยค่อยกินข้าว”

มือเรียวสวยรับกระดาษทิชชูจากมาดามโอเนลล์มาซับๆ ก่อนวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ตาสีซีดมองอาหารบนโต๊ะแล้วส่ายหัว มีแต่อาหารไทย เขาชอบเนื้อมากกว่าอาหารที่มีแต่ผักแบบนี้แต่เหมือนแม่จะไม่เข้าใจเด็กวัยกำลังโตเอาเสียเลย

“น้าทำอาหารไทยแต่ไม่เผ็ดมากให้ กินกันได้นะจ๊ะ”

“ได้หมดครับ ฝีมือคุณน้าทำอะไรก็อร่อย ผมชอบหมดทุกอย่างแหละ” โธมัสยิ้มประจบคนแก่กว่าให้ยิ้มหน้าบาน หมอวาไม่อยากฟ้องเลยว่าไอ้นี่มันกำลังขายลูกชายน้าให้ผู้ชายอีกคนอยู่นะ อย่าไปหลงคารมมัน

ส่วนไอ้เฮนรี่ที่สามที่แม่งแอบรักเพื่อนตัวเองก็สวมบทคุณชายตีหน้านิ่งเหมือนเดิมเด๊ะจนน่าจับไปรับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แม่งคนอะไรจะตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้หลังจากแอบจูบลูกชายเขาถึงในบ้าน เด็กสมัยนี้น่ากลัวกันจริงๆ ทิวากานต์ขอยืนยัน!

.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2015 21:25:46 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
สำหรับอลันด์แล้วโธมัสคือคนที่เซ้าซี้จนเข้าขั้นน่ารำคาญ บ้าพลัง พูดไม่รู้เรื่องเหมือนสุนัขพันธุ์ใหญ่ขนทองที่เจ้าตัวเลี้ยงไว้เต็มบ้าน ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนที่สนิทที่สุดและรักมากที่สุด

พวกเขารู้จักกันตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล เรียนประถมที่เดียวกัน ขึ้นมัธยมก็ยังมาอยู่โรงเรียนประจำที่เดียวกัน ซ้ำยังได้อยู่บ้านหลังเดียวกันและเป็นรูมเมทจนขึ้นชั้น sixth form ที่นักเรียนแต่ละคนจะได้ห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง

ตอนที่เขาเดินไปบอกโธมัสว่าจะมาเรียนต่อที่ไทยตามเงื่อนไขที่แด๊ดวางไว้เพื่อเป็นนักร้องในอนาคต หนุ่มผมทองนัยน์ตาฟ้าเข้มทำเพียงฉีกยิ้มกว้างและชูนิ้วโป้งให้เขา อวยพรให้เขาประสบความสำเร็จได้เป็นนักร้องสมใจ ที่สนามบินฮีทโธรว์เจ้าตัวก็มาส่งเขาและจากกันด้วยรอยยิ้ม บอกแค่ให้เขาบินกลับมาลอนดอนบ่อยๆ เท่านั้น แล้วเขาก็ขึ้นเครื่องจากบ้านเกิดมา

อลันด์เป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆ เลยติดเพื่อนอย่างโธมัสมาก จนบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนพี่น้องก็พูดได้เต็มปากและบางทีก็สนิทกันมากเกินไป

แต่ตอนนี้...เขาชักอยากถีบเพื่อนรักกล้ามบึ้กสักที

“จะนอนยังไง ที่นี่มีเตียงไม่พอหรอกนะ ขนาดวันนั้นนายยังต้องนอนพื้นเลย” อลันด์โวยวายลั่นห้อง ตาสีฟ้าซีดตวัดมองโธมัสทีเจมส์ทีก่อนกอดอกฉับ

“ฉันนอนพื้นได้” เจมส์ว่าเสียงเรียบ ทำให้โธมัสชอบใจจนต้องตบมือยกใหญ่

“เจมส์บอกว่านอนพื้นได้แน่ะ” หนุ่มตาฟ้ายิ้มพราว ที่เถียงกันจนถูกอัลมองตาเขียวก็เพราะโธมัสเป็นตัวตั้งตัวตีไม่ยอมกลับโรงแรมหลังมื้อเย็นจบและชวนเจมส์นอนที่คอนโดนี่แทน

“ห้องนอนฉันเล็กเท่าแมวดิ้นตาย แต่ถ้าพวกนายนอนอัดกันเป็นกระป๋องได้ก็โอเคนะ”

“นั่นสินะ ฉันไม่อยากนอนกอดกับหนุ่มโปโลด้วยสิ”

“กลับโรงแรมไปซะ”

“แต่พวกเราจะกลับลอนดอนพรุ่งนี้แล้วนี่นา ฉันอยากใช้เวลากับนายให้มากที่สุดนะอัล” โธมัสยิ้มอ้อน ใช้ท่อนแขนล่ำโอบรอบคอเพื่อนตัวเล็กให้เข้ามาซุกตรงอก พออลันด์ดิ้นหนีเขาก็ออกแรงอีกนิดอีกฝ่ายก็หมดปัญญาหนีพ้น “ไม่สิ ต้องเป็นฉันและเจมส์ถึงจะถูก”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงที่นี่ก็ไม่มีที่ให้พวกนายสองคนนอนโดยเฉพาะเจมส์!”

“อัล เจมส์เขาอุตส่าห์มาหาลูกถึงนี่นะ อย่าใจร้ายกับเจมส์สิ” มาดามโอเนลล์เอ็ดลูกชายตอนเดินผ่านมาได้ยินพวกเด็กๆ เถียงกันพอดี จัดการหยิกแก้มย้วยลูกชายไปที “ถ้าห้องนอนมันแคบนักก็ออกมานอนกันข้างนอกให้หมดนี่แหละจ้ะ เอาฟูกมาปูตรงโซฟาก็ได้ หรือจะใต้บันไดดี ตรงนั้นยังว่างนะ”

“เยี่ยมไปเลยครับ” หนุ่มตาฟ้าชูนิ้วโป้งให้คนมีอำนาจสูงสุดในบ้าน “งั้นเราไปเอาฟูกมาปูกันเถอะ เฮ้ อัลนายเอากีตาร์มาเล่นด้วยสิ จะได้เหมือนมาตั้งแคมป์กันไง”

“ไปตายซะทอม!”

“อัล อย่าพูดหยาบคายในบ้านนะ!”

สุดท้ายเมื่อสู้มารดาบังเกิดเกล้าไม่ได้อลันด์ก็ต้องมาช่วยเพื่อนตัวใหญ่ทั้งคู่ปูฟูกตรงที่ว่างใต้บันไดแทน เขากะไว้ว่าพอแด๊ดซื้อกลองชุดให้เขาจะเอามันมาไว้ตรงนี้ แต่ตอนนี้คงต้องกลายเป็นที่นอนชั่วคราวไปก่อน

มาดามโอเนลล์ช่วยขนหมอนกับผ้าห่มมาให้ แต่เพราะไม่เคยคิดจะใช้ที่นี่ต้อนรับแขกผ้าห่มที่มีอยู่แค่สองผืนจึงต้องแบ่งกันสามคน หลังจัดเตรียมที่นอนเรียบร้อยเธอก็ขอตัวไปพักผ่อน ไม่ลืมเตือนให้เด็กๆ เสียงเบาและรีบเข้านอนเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวกลับลอนดอนกัน

ผ้าม่านถูกรวบเก็บให้แสงไฟจากด้านนอกเข้ามา เปิดไฟในห้องเพียงแสงสลัวสีเหลืองนวลๆ ให้เห็นหน้าค่าตากันได้ชัดเจน

“อยากชวนด็อกมานั่งเล่นด้วยจัง” คนเจ้าความคิดเสนอก่อนถูกอลันด์จับล็อคคอ โธมัสแกล้งร้องโหยหวนเหมือนเจ็บเต็มทีทั้งๆ ที่เพื่อนซี้ตัวเล็กแทบไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ

“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”

“ทำไมเล่า ด็อกเขาออกจะเป็นคนสนุก”

“ปล่อยเขาไปสักวันเถอะ นายชักจะตัวติดกับหมอนั่นมากไปแล้วนะ”

“หวงเหรอ หวงฉันหรือหวงด็อกล่ะ” ตีหน้าทะเล้นก่อนถูกแขนอวบรัดคออีกที คราวนี้ลงแรงจริงหนุ่มรักบี้สำลักค่อกแค่กทีเดียว

“เขาบอกว่าจะไปปาร์ตี้ไม่ใช่หรือไง นายอย่าไปรบกวนด็อกเตอร์เขาเลยน่าทอม ยังไงพรุ่งนี้เราก็ได้เจอเขาที่สนามบินอยู่ดี” เจมส์ที่นั่งฟังสองเพื่อนซี้ทะเลาะกันอยู่นานว่า อลันด์ทำปากขมุบขมิบบ่นถึงนายแพทย์ที่ทำตัวไม่สมกับเป็นแพทย์ไปหนึ่งยก

“จะว่าไปด็อกเป็นหมอที่จะว่ายังไงดีล่ะ... เขาไม่มีลักษณะของคนเป็นหมอเลยแต่ว่าเวลาเขาพูดหรือทำอะไรมันน่าดูน่าเชื่อให้ทำตามมาก มีเสน่ห์มากๆ เลยล่ะ หน้าตาเขาก็ดีจะมองว่าหล่อก็ได้จะสวยก็ได้ ตัวก็สูง”

“ตรงไหนกันทอม นายเมาหรือเปล่า” อลันด์ขมวดคิ้ว เขาเห็นทิวากานต์เป็นแค่ผู้ใหญ่ตัวโตขี้โวยวายคนหนึ่งเท่านั้นเอง

“ฉันไม่ใช่พวกไร้เดียงสาแบบนายนี่อัล นายไม่สังเกตทั้งสองวันที่เราไปเล่นน้ำกันเหรอ มีแต่คนมองด็อกเตอร์วา”

“เขาก็แค่พวกเจ้าชู้เล่นหูเล่นตาไปเรื่อย ไม่ว่ากับใครฉันเห็นเขาก็ยิ้มใจดีให้ด้วยทั้งนั้น” คนตัวเล็กสุดให้ความเห็น “ทอม นายชมด็อกแบบนั้นนายคงไม่ได้ชอบหมอนั่นหรอกนะ”

“จะบ้าเหรอ ฉันยังชอบสาวอกตู้มอยู่เว้ย ฉันแค่อยากเป็นแบบด็อกเท่านั้นแหละ ดีออกมีแต่คนมองด้วยสายตาชื่นชม”

“นายควรเลิกเล่นรักบี้ได้แล้วนะ ฉันว่าสมองนายคงได้รับการกระทบกระเทือนมากไป” อลันด์พูดพลางหัวเราะคิก โน้มตัวหลบการโจมตีจากเพื่อนซี้พัลวัน ก่อนหยุดลงเมื่อเจมส์กระแอมเสียงดัง เขาพับหนังสือในมือลงวางข้างหมอนใบเขื่องก่อนเงยหน้าขึ้นใช้ดวงตาสีเขียวเข้มมองหน้าอลันด์

“ฉันอยากฟังนายร้องเพลง ไปหยิบกีตาร์มาสิอัล”

“เล่นน้ำมากไปจนสมองกลับเหรอเจมส์ นายเนี่ยนะอยากฟังฉันร้องเพลง ไม่บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระอีกล่ะ” ตาสีซีดเหลือบมองศัตรูคู่แค้น เขายังจำที่เจมส์เคยดูถูกเขาได้ว่าเพลงแบบเขามันห่วย

“ฉันแค่อยากฟัง แต่ถ้านายไม่อยากเล่นก็นอน” พูดจบร่างสูงหกฟุตนิดๆ ก็ทำท่าเอนตัวลงกับฟูก เท่านั้นอลันด์รีบกระโดดจากหลังโธมัสไปหยิบกีตาร์โปร่งตัวโปรดมาถือทันที เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆ เจมส์กลืนน้ำลายตัวเองขอร้องให้เขาเล่นดนตรีทั้งที

“อยากฟังใช่ไหมเจมส์ คืนนี้ฉันจะให้นายฟังทั้งคืนไม่ต้องเลย”

เจมส์คลี่ยิ้มบางพอใจที่ยั่วให้คนตัวเล็กกว่ายอมเล่นดนตรีได้ “เอาเลยสิ ฉันรอฟังอยู่”

“แล้วอย่ามาขอให้ฉันหยุดล่ะ”

“งั้นอัลร้องเพลงที่ร้องเมื่อวันก่อนบนเวทีให้ฟังอีกสิ ฉันชอบ” หนุ่มรักบี้ได้ทีไถหัวกับไหล่เล็กอ้อนเพื่อนซี้เหมือนหมาตัวโต

อลันด์ยิ้มชอบใจ นิ้วเรียวจัดการปรับสายกีตาร์ก่อนเริ่มสัมผัสสายทั้งห้าเป็นเสียงดนตรีเบาๆ ในขณะที่ริมฝีปากหยักสีสดขยับเปล่งน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบห้าวเป็นเอกลักษณ์ลอยคลอ เปลือกตาบางหลับพริ้มให้ขนตาสีอ่อนทาบแก้มใส แสงไฟเหลืองนวลกระทบใบหน้าให้ชวนฝัน

สองหนุ่มตัวใหญ่นัยน์ตาต่างสีลอบมอง young minstrel โดยไม่ได้นัดกัน เหมือนพวกเขาตกลงไปในท้วงทำนองที่ปลายนิ้วสวยทั้งสิบรังสรรค์ขึ้น พาให้จิตวิญญาณล่องลอยสูงขึ้นฟ้า

“อัล...” เจมส์เรียกชื่อคนตัวเล็กกว่าเสียงอ่อน นัยน์ตาชวนฝันสีเข้มจับจ้องใบหน้าเฉยชาของนักดนตรีหนุ่มก่อนเอ่ยขออะไรบางอย่างเป็นคำขอสุดท้ายสำหรับคืนนี้ “ช่วยร้องเพลงที่นายร้องเป็นเพลงสุดท้ายก่อนมาที่นี่อีกครั้งได้ไหม” เพลงที่เหมือนกับคำขอในใจฉันก่อนที่จะต้องจากนายอีกครั้ง...

“I hope someday you'll be mine;
I hope someday you'll be by my side,
I wanna hold you and kiss you goodnight
But, oh baby, I'll be on the next flight

A thousand miles away from here
Don't you go and don't you disappear
I wanna feel your skin against mine
And hold you in my arms dear, all on through the night
But you know I love you, love me the way you do
Love me the way you do2


ท่ามกลางแสงสลัวจาไฟติดผนังตรงชานพักบันได ตาสีเขียวเข้มยังคงเปิดเพื่อจับจ้องเสี้ยวหน้าของอลันด์ ตอนแรกเจมส์คิดว่าจะไม่ได้นอนมองหน้าอีกคนแบบนี้เสียแล้วเพราะเจ้าตัวเล่นตะแคงข้างหันหลังให้ตั้งแต่กิจกรรมสันทนาการจบลง แต่พอหลับไปได้ไม่เท่าไหร่เจ้าของส่วนสูงห้าฟุตหกนิ้วก็พลิกกลับมาทางเขา

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเอาแต่คอยมองอลันด์ เด็กลูกครึ่งตัวเล็กตาสีซีดที่ชอบทำหน้าตายตลอดเวลา ไหนจะสายตาที่ชอบมองเหมือนคนอื่นอยู่ใต้เท้าตัวเองนั่นอีกล่ะ แรกๆ ก็ไม่ชอบหน้าอยู่หรอก แต่พอได้เห็นอีกฝ่ายทำหน้าแบบต่างๆ เวลาที่มีเรื่องกระทบกัน สายตาเขาก็เผลอแต่มองอีกคนแล้ว มันเลยกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียที่ต้องคอยแกล้งอีกคนให้ตีหน้าบูดบ้าง โกรธบ้าง เขินบ้าง และถ้าเกิดเขาไม่พลาดทำอลันด์แขนหักจนเกลียดขึ้นมาจริงๆ มันคงดีกว่านี้ เขาคงได้เข้าใกล้อีกฝ่ายเหมือนที่โธมัสได้เข้าใกล้ ได้จับมือ ได้กอด โดยที่อลันด์ไม่ต้องฝืนใจ

ปลายนิ้วหยาบจากการเล่นกีฬาแตะบนข้างแก้มใสเบาๆ ลากผ่านจนถึงมุมปากกดลึก ไม่รู้ว่าฝันอะไรอยู่ถึงได้อมยิ้มน่ารักเสียจนเขาอยากขโมยจูบ

ตอนนี้ให้รักอลันด์ข้างเดียวก่อนก็ได้ ส่วนอีกคนก็แค่คิดกับเขาอย่างที่ใจต้องการก็พอ แล้วสักวันหนึ่งเขาจะทำให้เจ้าตัวรักให้ได้ในแบบของอลันด์เอง แม้มันจะเป็นทั้งรักทั้งเกลียดก็ตามเถอะ เจมส์ยอมทั้งนั้นแหละ

.
.
.

มัน - เอา - อีก - แล้ว

ทิวากานต์โงหัวขึ้นจากเตียงสภาพหัวฟูหน้าตาหงุดหงิดเต็มทน ผู้หญิงข้างตัวเขายังคงหลับสนิทแม้เสียงกริ่งจะดังลั่นห้อง ให้ตายเถอะเมื่อคืนเขาได้นอนตอนตีสี่ แต่ต้องมาแหกขี้ตาเพราะไอ้เด็กลูกครึ่งตัวแสบตอนหกโมงครึ่งแบบนี้ไม่ตลกนะเว้ยเฮ้ย

ร่างสูงลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงวอร์มขายาวมาสวมก่อนเดินไปเปิดประตูหาตัวสร้างปัญหา เขาตีหน้าดุใช้ตาคมๆ ที่ไว้ขู่พวกนักศึกษาแพทย์กับคนไข้เรื่องมากมองเด็กฝรั่งสองคนอย่างไม่สงสัย

“มี - อะ - ไร - ห๊ะ! ไหนว่านัดจะไปสนามบินกันตอนสิบโมงไง”

“มัมให้ชวนไปกินข้าว” อลันด์ยังคงคอนเซ็ปต์หน้าตายเช่นเดิม หากวันนี้ตาสีซีดกลับไม่กล้าสบสายตากับทิวากานต์ตรงๆ

“ตอนนี้?” คิ้วเข้มขมวดฉับ ทำเป็นไม่สนใจสายตาซุกซนของโธมัสที่มองร่างกายเปลือยท่อนบนของเขา

“เจ็ดโมงครึ่ง แค่มาบอกให้เตรียมตัวก่อน”

“ให้ตายเถอะไอ้แสบ ฉันเพิ่งได้นอนไปแค่สองชั่วโมง จะกินค่อยมาเรียกก็ได้” คุณหมอตีหน้าดุก่อนปรายตามองคนตัวสูงเท่าไหล่ที่ยังคงมองไปทางอื่น ใบหูขาวใต้ผมยุ่งๆ ขึ้นสีแดง

“จะให้บอกมัมว่าคุณไม่พร้อมก็ได้นะ”

“ไม่ ฉันจะไป กลับไปได้ล่ะ เดี๋ยวถึงเวลาฉันไปกดกริ่งเรียกเอง แล้วนี่เป็นอะไรทำไมหน้าแดง”

“เปล่า” อลันด์ส่ายหัวจนผมกระจาย ร่างเล็กค่อนไปทางเจ้าเนื้อถอยเท้าไปด้านหลังก่อนวิ่งปรู๊ดกลับห้องตัวเองไปทิ้งความสงสัยไว้ให้สองหนุ่มต่างวัยขบคิดเล่น

“เป็นอะไรของเขา ปวดขี้หรือไง รีบวิ่งเชียว”

“สงสัยเขินด็อกมั้งเล่นเซ็กซี่ขนาดนี้ เมื่อคืนด็อกเจอศึกหนักสินะรอยเต็มตัวเลย ด็อกมีเคล็ดลับอะไรพอจะแบ่งปันได้บ้างไหมอ่ะ” คนถามตาเป็นประกายยามมองรอยเล็บแดงๆ บนร่างกายของทิวากานต์ เลยถูกคุณหมอกระแอมเตือนไปหนึ่งที

“ไม่ใช่เรื่องของเด็กโดยเฉพาะพวกเวอร์จิ้น”

“โหย! ด็อก! โคตรดูถูกกันเลย รู้ได้ไงว่าเวอร์จิ้น”

“จี้ใจดำล่ะสิ หึ พวกหนุ่มเวอร์จิ้นก็งี้แหละ”

“ว่าแต่ด็อกใช้น้ำหอมอะไรอ่ะ กลิ่นโคตรยั่วเลย แนะนำบ้างดิ”

ทิวากานต์ก้มหน้าทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นตัวเอง ถ้าจำไม่ผิดเขาฉีดน้ำหอมตอนสามทุ่มก่อนออกไปร่อน ไม่น่าเชื่อว่าจนตอนนี้กลิ่นมันจะยังติดตัวอยู่ “กลิ่นมันขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มาก” โธมัสยืนยันคำพูดด้วยการพยักหน้าแรงๆ “เซ็กซี่สุดๆ”

“ดี งั้นจะได้ซื้อมาใช้ต่อ” ริมฝีปากบางกดยิ้มลึกจนเห็นลักยิ้มสองข้าง ใครจะไปคิดว่าน้ำหอมที่นุ่นซื้อมาฝากจะได้ผลดีขนาดนี้ เมื่อกี้ไอ้เด็กแสบมันต้องรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงที่ผับเมื่อคืนแน่ถึงได้หน้าแดงขนาดนั้น

“ด็อกบอกหน่อยสิว่าน้ำหอมอะไร จะไปซื้อมาใช้บ้าง”

“หึหึ ไม่เหมาะกับเด็กน้อยแบบนายหรอกทอม กลับไปใช้ Gucci pour Homme เหมือนเดิมเถอะ”

“โอ๊ะ ด็อกรู้ได้ไง”

“ฉันรู้แล้วกันน่า ไปๆ ฉันจะไปนอนต่อแล้ว แล้วเจอกันตอนมื้อเช้า” คุณหมอวัยเฉียดสามสิบโบกมือให้หนุ่มน้อยนักกีฬาก่อนปิดประตูลง ทิ้งเพียงโธมัสยืนทำหน้าบูดไว้ข้างนอกคนเดียว



คุณหมอขับซีรีส์ไฟว์คันเดิมมาส่งมาดามโอเนลล์ที่สนามบินตอนสิบโมงครึ่งพอดี เหมือนว่ากลับไปรอบนี้กว่าเธอจะมาหาอลันด์อีกก็คงสักสองสามเดือน ส่วนคนลูกถึงจะหน้านิ่งเหมือนเคยหากตาสีซีดกลับหม่นจนจับสังเกตได้

สองหนุ่มจากเกาะอังกฤษก็มาถึงสนามบินแล้ว ทั้งคู่สวมสูทเต็มยศต่างกันเพียงเสื้อตัวในที่เจมส์เป็นสีขาวและโธมัสเป็นสีดำตัดกับผมสีบลอนด์ชวนให้สาวๆ แถวนั้นจ้องตามัน

“แม่ฝากเราไว้กับคุณหมอเขาแล้วลูกก็อย่าดื้อกับพี่เขาล่ะรู้ไหม”

“ไม่เห็นต้องฝากเลย ผมอยู่คนเดียวได้น่า” มาดามโอเนลล์ส่ายหัวกับอาการดื้อของลูกชาย เธอเดินไปคุยกับทิวากานต์ฝากฝังอีกครั้งให้ช่วยดูแลลูกชายสุดที่รักของเธอให้หน่อยในช่วงที่เธอไม่อยู่ โธมัสกับเจมส์จึงอาศัยช่วงนี้เข้ามาลาเพื่อนตัวเล็ก

กัปตันรักบี้กางแขนออกกว้างเพื่อรวบเด็กหน้ามึนเข้ามาในอ้อมแขน ทั้งที่ตีสีหน้าเหมือนไม่พอใจแต่กลับไม่ขัดขืนแถมสองแขนยังโอบกอดตอบคนตัวใหญ่กว่าด้วย

“คราวนี้คงไม่ได้เจอกันอีกนานจริงๆ ล่ะ รู้สึกใจหายยังไงไม่รู้สิ” โธมัสบ่นงุ้งงิ้งพลางกดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมดกหนา “ไม่อยากจากกันเลย”

คนตัวเล็กกว่าไม่ได้พูดอะไรนอกจากเกยคางบนไหล่หนาและกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ขอบคุณโธมัสที่ยอมย่อตัวย่นระยะห่างเกือบยี่สิบเซ็นให้เหลือแค่ห้าเซ็นไม่งั้นคงไม่ได้เห็นภาพแบบนี้

“พูดอะไรหน่อยสิอัล”

“อะไร”

“ฉันไม่ควรคาดหวังโมเม้นต์ซึ้งๆ จากนายสินะ” เขาถอนหายใจ ดันตัวอลันด์ออกพลางส่ายหัว ให้ตายเถอะเขาเป็นเพื่อนรักมันไม่ใช่เหรอ ช่วยอาลัยอาวรณ์หน่อยได้ไหม แบบนี้มันน่าน้อยใจชะมัด

ดูเหมือนอลันด์จะชอบใจที่ทำให้เพื่อนหัวเสียได้ ริมฝีปากสวยหยักยิ้มบางๆ ก่อนโถมตัวกระโดดกอดคอโธมัสจนเกือบหงายหลังไปด้วยกัน “จะให้ซึ้งอะไรล่ะ นายเล่นเฟซบุ๊คมาทุกวัน ฉันไม่รู้สึกเหมือนขาดนายเลยนะทอม”

หนุ่มผมทองกลั้นยิ้มแก้มแทบปริ สีเลือดกระจายทั่วใบหน้าและหูสองข้าง พวกเพื่อนที่โรงเรียนชอบบอกว่าอลันด์โลกส่วนตัวสูง หยิ่ง เย็นชาเพราะพวกนั้นไม่เคยสัมผัสตัวตนของอลันด์จริงๆ เลยสักครั้งต่างหาก เพื่อนตัวเล็กของเขาออกจะน่ารักขนาดนี้จะไม่ให้ชอบได้ยังไง น่ารักเสียจนโธมัสอดใจไม่ให้ฟัดแก้มอิ่มตรงหน้าไม่ได้

“แหวะ น้ำลาย” อลันด์ใช้มือหลังมือถูแก้มเช็ดคราบน้ำลายจากหมาโธมัสตัวโตพลางทำหน้าอี๋ ก่อนเตะใส่หน้าแข้งเพื่อนรักไปหนึ่งที “เป็นหมาหรือไง”

“อย่าทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนเลยอัล ฉันรู้ว่านายชอบจูบจากฉันน่า”

“ให้จูบกับมาร์ตินยังดีกว่าจูบกับนาย ทอม”

“ใจร้ายชะมัด” โธมัสทำหน้ากระเง้ากระงอด ก็อลันด์เล่นบอกว่าจูบกับหมาที่เขาเลี้ยงยังดีกว่าเจ้าของรูปหล่อแบบเขาอ่ะ “ฉันไปรอข้างในดีกว่า รู้สึกหิวอีกรอบแล้วด้วยสิ”

“จะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันเบื่อหน้านายเต็มทนแล้วทอม”

“เออ แล้วอย่ามาบอกว่าคิดถึงทีหลังล่ะอลันด์” เพราะรู้ว่าโธมัสแกล้งงอนเรียกร้องความสนใจไปงั้นอลันด์เลยไม่คิดจะเถียงอะไร คนตัวเล็กกว่าคืบยักไหล่กวนๆ พอให้กัปตันรักบี้เซ็งจนเบะปากหันหลังเดินหนีเข้าไปด้านในทันที

ตาสีซีดมองส่งตามแผ่นหลังกว้างจนหายลับไปก่อนหันกลับกะไปหาแม่ หากภาพแผ่นอกกว้างใต้เชิ้ตราคาแพงสีขาวจ่ออยู่ตรงหน้าให้ชะงักเท้าตามสัญชาตญาณจนเกือบล้มถ้าไม่มีมือใหญ่จับเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก็ล้มหรอก” เจมส์เอ็ดไม่จริงจังนัก เขาปล่อยมือออกทันทีที่อลันด์สะบัดตัวออก ตาสีมรกตลอบมองเจ้าของกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมเงียบๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่เดินหนีไปไหน เจ้าตัวคงกระดากเกินกว่าจะเอ่ยลากับเขาแม้กระทั่งพูดตามมารยาทก็เถอะ สุดท้ายเป็นเขาที่ยอมแพ้ทำลายความเงียบก่อน “ฉันคงคิดถึงนายแย่”

“ถ้าพูดตามมารยาทก็ขอบคุณ ตอนนี้นายคงดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะสิที่คุณชายตกยากอย่างฉันจะไม่อยู่ให้เกะกะสายตาแล้วน่ะ”

เจ้าของส่วนสูงหกฟุตกับอีกสองนิ้วแค่นยิ้มอ่อน ก้มหน้ามองปลายเท้าตนเองด้วยความประหม่าหลังถูกอีกคนพูดตัดรอนกันต่อหน้า ไม่รู้จะแก้ไขความคิดอลันด์ยังไงเหมือนกันเพราะทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เขาทำตัวเองทั้งนั้น

“อัล ฉัน...”

“อะไ...”

พยางค์สุดท้ายหายไปในลำคอเมื่อเด็กหนุ่มถูกรวบจนจมเข้าไปในอ้อมกอดกว้าง ท่อนแขนแข็งแรงประคองอลันด์ไว้เบามือที่สุดเท่าที่ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งจะทำได้

“พะ เพี้ยนไปแล้วหรือไง” เด็กลูกครึ่งโวยวายตะกุกตะกัก กลิ่นหวานสะอาดชวนฟัดของน้ำหอม The One for Men by Dolce & Gabbana อวลอยู่ในโพรงจมูกจนหน้าขึ้นสีแดง

“ฉัน...” ไม่อยากปล่อยมือเลย

เจมส์เลือกเก็บประโยคสุดท้ายไว้ในใจอย่างที่เคยทำมาตลอดเวลาหลายปี เขายอมปล่อยอลันด์ให้หลุดจากอ้อมกอดตัวเองเพื่อมองเด็กลูกครึ่งนั่นวิ่งหนีไปหาแม่ นี่นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายเกลียดขี้หน้าแล้วเขายังเพิ่มความกลัวลงไปอีกสินะ ทำไมจีบผู้ชายสักคนมันถึงได้ยากขนาดนี้ ทีกับพวกผู้หญิงแค่เดินผ่านก็เหลียวมองเขาตาเชื่อมแล้ว

“อะไรของเราน่ะ จู่ๆ ก็วิ่งมากอด เห็นไหมว่าแม่กำลังคุยกับคุณหมออยู่ เสียมารยาทจริงๆ” มาดามโอเนลล์หยิกแก้มอิ่มลูกชายเบาๆ เป็นการทำโทษ หากลูกชายที่มักเถียงคำตอบคำกลับเบี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่ยอมพูดจาซะงั้น “แน่ะ เป็นอะไรอีกล่ะหือ”

“สงสัยคงไม่อยากให้คุณน้าไปล่ะมั้งครับ” ทิวากานต์แซวเจ้าเด็กแสบสักที ความจริงเห็นอยู่หรอกว่าเมื่อกี้ไอ้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมันจะจัดการรวบหัวรวบหางเด็กนี่แล้วแต่หนีมาหาแม่ทันก่อน ไม่งั้นมาดามโอเนลล์ได้ลูกเขยกลับลอนดอนด้วยก็งานนี้

“ถ้าคิดถึงแม่ก็กลับลอนดอนกับแม่”

“NO WAY!”

“งั้นก็เลิกอ้อนจ้ะ เดี๋ยวแม่จะบินมาหาบ่อยๆ ให้เราเบื่อหน้าไปเลย โอเคไหม”

“ตามใจมาดามเถอะ” พอพ้นรัศมีอันตรายความกวนประสาทก็กลับมาเหมือนเดิม มาดามโอเนลล์เลยหยิกแก้มลูกชายอีกครั้งเป็นการส่งท้าย

“แม่ไปล่ะจ๊ะ นี่สงสัยทอมคงจะหิวรีบเข้าไปก่อนเลย ยังไงแม่ฝากน้องด้วยนะคะคุณหมอ ถ้ามีอะไรโทรสายตรงมาได้เลย”

“ครับ เดินทางดีๆ นะครับคุณน้า”

“ส่วนเราก็อย่าดื้อกับพี่เขาให้มากนักนะรู้ไหม คุณหมอเขาอุตส่าห์ช่วยหาห้องซ้อมดีๆ ให้แล้วก็ตั้งใจซ้อมดนตรีด้วยล่ะ แล้วอย่าลืมเรื่องเรียน ถ้ามัวแต่เล่นคะแนนออกมาไม่ดีกลับลอนดอนทันที เข้าใจนะ”

“คร้าบๆ เข้าใจแล้วคร้าบ”

“จ้า รักลูกนะ”

มาดามโอเนลล์จูบปากลูกชายหนึ่งทีก่อนเดินไปหาเจมส์ที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้า หนุ่มผมน้ำตาลเข้มนัยน์ตาดุชวนหลงมองเพื่อนวัยเดียวกันหงอยๆ จนเจ้าของความสูงเท่าคางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าถึงได้มีสีหน้าดีขึ้นมานิด

“ฝากดูแลมัมด้วยล่ะ”

“อืม”

“แล้วก็...ขอบคุณนะ เดินทางดีๆ”

เจมส์ยิ้มออกได้อีกครั้งเมื่อคนตัวเล็กกว่าโบกมือให้ แค่น้ำใจเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นการลาจากที่ดี
.
.
.

บีเอ็มดับบริวซีรีส์ไฟว์สีขาวปลอดทั้งคันแล่นรักษาความเร็วที่แปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงตั้งแต่ออกจากสนามบินผ่านทางหลวงพิเศษหมายเลขเจ็ดมุ่งหน้าถนนพระรามเก้าเพื่อกลับที่พัก ผู้โดยสารด้านข้างนั่งเงียบตั้งแต่ก้นแตะเบาะไม่หือไม่อือไม่กวนประสาทเหมือนเคย

ทิวากานต์พอเข้าใจอาการแบบนี้ เขาเองก็เคยเป็นตอนที่ต้องจากกับแม่ แต่อลันด์โชคดีกว่าเขาที่แม่ยังอยู่ให้เจอได้อีก ส่วนเขาต่อให้คิดถึงแทบขาดใจแค่ไหนก็ไม่โอกาสนั้นอีกแล้ว

“สิบเอ็ดโมงแล้วนิ หิวข้าวหรือยัง”

ตาสีซีดเหลือบมองคนถามแวบเดียวก่อนส่ายหัว “ยัง”

“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ วันหยุดยาวก็ใกล้หมดแล้วรีบไปเที่ยวห้างก่อนคนจะกลับมาเยอะดีกว่า”

เด็กลูกครึ่งหมดคำพูดกับการมัดมือชก อลันด์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนปล่อยให้คุณหมอจอมเผด็จการขับรถพาไปหาข้าวกินที่ห้าง นี่เขาต้องอยู่เมืองไทยไปอีกเกือบห้าปีโดยมีเพื่อนบ้านแบบนี้เหรอเนี่ย แย่ชะมัด...แต่อย่าเอ็ดไปล่ะว่าเวลาแกล้งด็อกเถื่อนน่ะสนุกจะตาย :^)



TBC

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
เราก็พูดไม่ค่อยเก่งไม่รู้จะเม้าท์อะไรดี
เอาเป็นว่าฝากพี่วากะน้องอัลอีกหนึ่งตอนด้วยค่ะ
สปอยล์นิดนึงว่าคู่นี้เขาทะเลาะและกวนตีนกันแบบนี้ตั้งแต่ยังไม่รักกันจนตอนสวีทเลยล่ะค่ะ หุหุ
เจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้นะคะ

 :mew1:

------------------

1 Pumped up Kicks - Foster the People
2 Love Me the Way You Do - Jake Bugg

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่หมอวาทะเลาะกับเด็กมากระวังจะลงรักเด็ก

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
เอารูปอิมเมจพี่หมอวา น้องอลันด์ และเพื่อนซี้โธมัสมาให้ดูค่ะ
อันนี้จริงจังนะคะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ

พี่วาเป็น White German Shepherd ค่ะ
สง่างาม ดุดัน โหดเขี้ยวลากดิน ><


ส่วนน้องอัลกะเพื่อนซี้ขนทองนั้น...
แมวขี้รำคาญกับโกลเด้น รีทีฟเวอร์วุ่นวายค่ะ
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแบบในรูปนี่แหละ หุหุ


ทางด้านหนุ่มเจมส์ยังคิดไม่ออก
ใครคิดว่าพ่อเฮนรี่ที่สามของเราเหมาะกะสัตว์ตัวไหนแนะนำกันมาได้นะคะ

แล้วเจอกัตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า

 :hao7:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
พระเอกคือหมอวาใช่มั้ย ทำไมฉันถึงเทใจไปทางเจมส์
ว้ากกก อาการหลงรักพระรองมาอีกแล้วว
รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
สนุกมากๆเลยค่ะ เลยตอนต่อไปอยู่นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด