SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 321913 ครั้ง)

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
« เมื่อ16-04-2016 18:54:31 »

SWEET SURRENDER

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************


         นิยายเรื่องนี้เป็นลูกบ้าของคนเขียนเท่านั้น
บุคคล สถานที่หรือสิ่งอื่นใดที่ปรากฏในความเป็นจริงด้วยนั้น
เขียนถึงโดยมุมมองที่ผ่านประสบการณ์ผสานกับจินตนาการของตัวคนเขียนเพียงผู้เดียว ขอพิจารณาด้วยครับ
หากมีความผิดพลาดอื่นใด ขออภัยเน้อ


ขอให้มีความสุขกับการอ่านและได้รับความขอบคุณจาก..
เกรียน(มิใช่)น้อย


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


            เกลียด..รูมเมท
เกลียดรูมเมท กูเกลียดรูมเมท!
นี่คือสิ่งที่ ‘ม่อนแจ่ม’ รู้สึก..
จากที่สบตากันครั้งแรก ณ หน้าห้อง 338 บอกได้เลยว่าสายตาที่มองมายังเขา ทำให้เขารู้สึก..ไม่ชอบรูมเมท
ทว่า ตอนนี้ ม่อนแจ่มเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นคิดผิด ..แค่คำว่าไม่ชอบ ยังน้อยไป!

             “กูจะทนไม่ไหวแล้วนะสัด”

ทุกๆวันจะมีคำพูดแบบนี้..

              “ถ้ากูเคยไปเหยียบหางแม่งตอนไหน ก็พูดมาเลยดีกว่า
ถ้ากูเผอเรอ เคยทำอะไรผิดไปกับมันจริง กูพร้อมจะขอโทษ แต่มาทำเหี้ยๆกับกูแบบนี้ กูเกลียดเว้ย!”

แล้วก็ต่อเนื่องมาด้วยคำบ่นทำนองนี้..
จน ‘ไอดิล’ รูมเมทกิตติมศักดิ์แห่งหอสามชาย ห้อง 338 กลอกตาไปมาวันละหลาย..หลายรอบ

“นี่ ไอ้ม่อน มึงเงียบทีเถอะน่า พชรมันไม่ได้ยินหรอก คนที่ได้ยินน่ะกูนี่ หูจะแฉะอยู่แล้ว”
“กูไม่หยุด! มึงอยากให้กูหยุด มึงก็ไปบอกมันสิ ให้มาคุยกับกู”

ไม่ใช่ไม่บอก กูบอกแล้ว ..กูบอกหลายรอบแล้ว  ไอดิลคิดอย่างเหนื่อยใจ
ทว่า จนแล้วจนรอด รูมเมทปรัชญาก็ยังไม่มีทีท่าจะญาติดีกับรูมเมทเครื่องกล

           “กูบอกมันแล้ว”
จำต้องย้ำอีกรอบ เมื่อรูมเมทเตียงล่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุดบ่น
“แล้วมันบอกมึงว่าไง” ม่อนแจ่มเม้มปากใกล้เป็นเส้นบางเฉียบ
ไอดิลพ่นลมหายใจเบาๆ เอ่ยทวนช้าๆ เป็นรอบที่.. น่าจะห้า
“พชรบอกว่า.. มันไม่เคยมีปัญหากับมึง”
“แล้วทำไมมัน-”
“แต่..” ไอดิลยกมือเบรกเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมคณะ “มันไม่ชอบมึง”
“เหี้ย!” ม่อนแจ่มสบถลั่น
“มันมีสิทธิ์อะไรไม่ชอบกู กูไม่เคยไปทำอะไรมัน แล้วมันมีสิทธิ์อะไรมาทำเหี้ยๆกับกูแบบนี้”
“ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ?” ไอดิลเลิกคิ้ว ไม่ไหวจะทน
“กูไม่เห็นพชรจะทำอะไรเลย มันไม่ชอบมึง มันก็ไม่พูด ไม่สนใจ ไม่อะไรกับมึง ซึ่งกูว่ามันเป็นสิ่งที่คนไม่ชอบกันพึงกระทำโคตรๆเลย ไม่ชอบกันก็ไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องสนใจ ดีกว่าไม่ชอบแล้วกลั่นแกล้งหรือตีรันฟันแทงกันเสียอีก”
เสียงเล็กพยายามโน้มน้าวให้รูมเมทขี้บ่นมีเหตุผล
“กูว่าสถานการณ์ของมึงสองคนโคตรไม่น่ามีปัญหา มันไม่ชอบมึง มึงก็ไม่ชอบมัน ปัญหาอยู่ตรงไหนวะ?”
ไอดิลโคตรงง เอ่ยต่อซื่อๆ
“ถ้ามันไม่ชอบมึง แต่.. มึงชอบมัน แบบนั้นสิ ..ถึงจะมีปัญหา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

PROLOGUE
CH.1 Living In Dorm Sucks!
CH.2 Living In Dorm  Really Sucks!
CH.3 More Than a Stranger
CH.4 Mon Cham of Mechanical Engineering
CH.5 Behind the Wall
CH.6 Sealed With a Kiss
CH.7 Walk And Ride
CH.8 Most Scariest Thing Ever!
CH.9 Lost & Won
CH.10 You’re Welcome
CH.11 As Bright As the Darkness
CH.12 Remember to Never Forget
CH.13 In Loving Memory
CH.14 Words to Keep
CH.15 More Than an Acquaintance
CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak
CH.17 Bound
CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven (Part I)
CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven (Part II)
CH.19 Diamond Cuts Diamond (Part I)
CH.19 Diamond Cuts Diamond (Part II)
CH.20 The Journey of No Turning Back
CH.21 Fall For You
CH.22 Forgotten Words
CH.23 The Arms of Diamond
CH.24 Sweet Surrender
CH.25 Young and Beautiful
CH.26 How Adults Really Are
CH.27 Father and Son
CH.28 Suffering Missing You
CH.29 What Love Is Like
CH.30 Words are Wonderful
CH.31 When You Say Nothing at All
CH.32 Hello
CH.33 Just the Way You Are
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV)
CH.35 And the Story Goes..
EPILOGUE
SWEET SHORT 1-2
SWEET DREAM
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เรื่องอื่นๆ
INDY in love เกรียนนัก..แต่ก็รักละวะ!
Idylle ไม่ไหวจะเกรียน!

Page
writtenbyindypoet

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2017 00:23:51 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
«ตอบ #1 เมื่อ16-04-2016 19:05:10 »

:: PROLOGUE ::

..หอพักชายอาคาร ๓ ห้อง ๓๓๘..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์
พชร เพชรหละปูน


          นิ้วเรียวไล้ปาดโทรศัพท์.. อมยิ้มน้อยๆกับรายนามดังกล่าว
ชื่อตรูอยู่คนแรกเลยเว้ย เออ.. มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นล่ะนะ ในเมื่อตรูน่าจะจองคนแรกเลยแหละ
เหตุผลน่ะหรือ?
หอสาม.. ใกล้คณะ ไม่ได้ใกล้ที่สุด แต่ใกล้ในระยะกำลังน่าเดิน
ชั้นสาม.. ป้าเพ็ญชอบ ป้าเพ็ญบอกว่ามันดี ขึ้นบันไดกำลังดี ไม่ชิว ไม่หอบจนเกินไป ได้ออกกำลังกาย
และอย่าลืมเลือกห้องที่มีเลข 8 นะคะคุณม่อน คือเลขมันดี ป้าเพ็ญชอบ..

          “หอสามชาย ถึงแล้วครับคุณม่อน”
ลุงสมชะลอรถจอด คนเบาะหลังจึงขยับแว่นสายตากรอบแดงเล็กน้อย กวาดตามองไปรอบๆบริเวณ
ลานสักกว้างและร่มรื่นตาหน้าหอพักสีขาว-ม่วงที่สภาพค่อนข้างเก่าโทรมอยู่สักหน่อย
ใต้หอมีร้านถ่ายรูปและร้านถ่ายเอกสาร นักศึกษาใส่ชุดลำลองเดินสวนกันไปมาอยู่ประปราย

“ลุงสมส่งม่อนแค่นี้ก็พอครับ”
“เดี๋ยวผมช่วยเอากระเป๋าขึ้นไปให้ก่อนครับ คุณม่อน”
“โอ้ ไม่ต้องครับ!” คนนั่งหลังรีบยกมือขึ้นเบรก “ม่อนจัดการเองได้ ลุงสมรีบกลับเลยเถอะครับ”

ลุงสมไม่ต้องทำหน้าลำบากใจแบบนั้น รีบขับ Mercedes Benz S65 AMG กลับบ้านไปเถอะครับ ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า!
แขนเรียวรีบคว้าเป้ Jack Spade ลูกที่เก่าที่สุดที่มีขึ้นบ่าและกระชับกระเป๋าหิ้วตราควายเงินที่ขอยืมลุงสมมาใช้ไว้ในมือ
เอาสัมภาระมาแค่นี้ก่อน ขาดเหลืออะไรค่อยไหว้วานลุงสมวันหลัง ขนมาเยอะ เดี๋ยวจะเป็นจุดสนใจมากไป
เขาอยากจะประเมินสถานการณ์เพื่อนร่วมห้องสักนิด ก่อนคิดเอาหมอนข้างหัวหมีพูห์มานอนกอดในหอ
ร่างเล็กก้าวลงจากรถ พร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ณ บัดนี้!

            ‘ม่อนแจ่มเป็นมิตรกับลูกเสืออื่นทั่วโลก’ เขาถือสโลแกนตามนี้
ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นนิจและมนุษย์สัมพันธ์อันดีเลิศ ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามีใครไม่ชอบเขา
และ ณ หอสามชายแห่งนี้ ..ก็ไม่น่าจะเป็นข้อยกเว้น

ขาเรียวก้าวช้าๆเข้ามาภายในตัวอาคาร มีโถงกว้างไว้เป็นห้องนั่งเล่นรวมอเนกประสงค์
มีโรงอาหารซึ่งยังเปิดขายไม่ครบทุกร้าน มีห้องอ่านหนังสือ และ..นี่ไงล่ะ บันได..

เอาละ.. ขึ้นบันได
ชั้นสอง ชั้นสาม..
338 อยู่ไหนหนอ ห้อง 338

อ้าว นั่นอย่างไรล่ะ ไม่ผิดแน่ เลขเหนือบานประตูก็บ่งบอกไว้ ..338..
นอกจากนี้.. ม่อนแจ่มก็คิดว่าตัวเองพบหนึ่งในรูมเมทเข้าแล้วละ

          “เฮ้..” เขาเร่เข้าไปทักทาย
มือแกร่งที่กำลังจับลูกบิดประตูชะงัก ใบหน้าคมสันหันมา เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเขา
ม่อนแจ่มชักคิดแล้วว่าไม่น่ามายืนใกล้ขนาดนี้เลย รู้สึกตัวเองเป็นคนแคระอย่างไรชอบกล เขาน่าจะกลับ*เอเรบอร์ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย.. กระนั้น เสียงเล็กก็ยังทักทายอย่างพยายามผูกมิตร

“เราเป็นรูมเมทกันกัน กูชื่อม่อน ม่อนแจ่ม..”
ม่อนแจ่มยิ้มกว้างๆให้ ทว่า คนที่กำลังฉวยลูกบิดประตูมองโดยไม่คิดจะยิ้มตอบ
คำเอ่ยแนะนำตัว ‘ม่อนแจ่ม’ เหมือนจะทำให้ผู้มาก่อนเม้มปากเล็กน้อยและเลิกคิ้ว สายตามองกวาดเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ดวงตาสีดำสนิทนั้นมองมาอย่างไม่ใคร่ชอบใจ..

“กวีกานต์ หรือ พะ-ชร” ม่อนแจ่มถาม ประสานสายตาตอบกลับ
ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ก่อนที่อึดใจต่อมาจะเอ่ยเรียบๆ
“ไม่ใช่ทั้งคู่..”
ตอบแค่นั้น
แค่นั้น.. แล้วคนผู้นั้นก็เปิดประตูเข้าห้องไป.. ทิ้งให้คนมาทีหลังมองตามด้วยความงุนงง
ไม่ใช่ทั้งคู่ แล้วมึงเข้าไปในห้องนี้ทำไมวะ นี่มันห้องของม่อนแจ่ม กวีกานต์และพชร เว้ย!
นี่มึงผิดใช่ไหม หรือกู?
ม่อนแจ่มหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คอีกครั้งว่าตัวเขามาถูกห้อง ทว่า.. ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง

            “เฮ้.. อยู่ห้องนี้เหรอ”
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น เอี้ยวหันไปมอง
ที่ยืนอยู่พร้อมกะละมังใส่ชุดนักศึกษาเปียกหมาดๆที่น่าจะเพิ่งไปซักมาจากห้องน้ำคือเด็กหนุ่มอีกคน
ผิวขาว รูปร่างเล็ก สูงกว่าเขาเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยล่ะน่า.. ม่อนแจ่มพยายามปลอบใจตัวเองหลังจากเจอยักปักหลั่น
คนนี้ไม่ตัวใหญ่กว่าเขาเท่าไรนักและที่สำคัญแม่งกำลังยิ้ม เฮ้อ.. ค่อยใจชื้นหน่อยเว้ย

“ใช่” ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก “กู ม่อน”
“กู ไอดิล” อีกฝ่ายพยักหน้าให้ พลางช่วยเปิดประตู เดินนำเขาเข้าห้องไป
ไอดิล.. แล้วไอดิลนี่มันกวีกานต์หรือพชรวะ? เออ ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวคงได้รู้เอง..

           
           “สวัสดี กู ไอดิล”
เสียงนั้นดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องและพบคนอีกคน
มันคนนั้นหันมาพยักหน้านิดหนึ่งให้ไอดิล แล้วเมื่อกี้เสือกไม่พยักหน้าให้กูสักนิดนะสัด.. ม่อนแจ่มเบ้หน้าเล็กน้อย
“กูนอนเตียงบนนะ มึงสองคนตกลงกันเองแล้วกัน ใครนอนเตียงไหน” ไอดิลนั่นเอ่ยอย่างเอื้อเฟื้อ
ซึ่งจะว่าไปแล้วม่อนแจ่มก็พอใจ เขาชอบอยู่ใกล้ๆพื้นมากกว่า..
   
“ให้แว่นแดงเลือกก่อนแล้วกัน เหลือเตียงไหน กูนอนนั่น”

แว่น..
แว่นแดง?
กูว่ากูบอกมึงแล้วนะ ว่ากูชื่อม่อน..

“กูชื่อม่-”
ตั้งท่าจะย้ำ แต่ไม่ทันได้พูดจบ อีกฝ่ายก็เดินออกไปข้างนอกเสียแล้ว ทิ้งไว้แค่กระเป๋าสองใบที่วางอยู่กลางห้อง
อะไรของแม่งวะ!?
ม่อนแจ่มเลิกคิ้วให้ไอดิล พ่นลมหายใจงงๆ “ไอดิล ไอดิลนี่กวีกานต์หรือ-”
“กวีกานต์” อีกฝ่ายพยักหน้ากับคำแรก
“โอเค งั้นอีกคนก็พะ-ชร แม่ง แล้วบอกว่าไม่ใช่ทั้งคู่ ฮึ่ย..”
“ห๊ะ?” เป็นไอดิลบ้างที่เลิกคิ้ว เขาเองเห็นรายชื่อที่ติดอยู่ข้างล่างหอแล้ว จึงบอกได้ว่า..
“พ-ช-ร ไม่ได้อ่านว่า พะ-ชร”
อ้าว อ้าวเหรอ..
“อ่านว่า พด-ชะ-ระ”

..
..

เอาแล้วไงสัด ปล่อยไก่แล้วกู
รูมเมทแม่งคงรู้ว่ากูตกภาษาไทยตอนป.สาม ก่อนรู้ชื่อกูอีกนะเนี่ย

“พด.. พด-ชะ-ระ เหรอ?”
“เออ” ไอดิลพยักหน้ายืนยันขำๆ
“แม่ง มิน่าล่ะ มันบอกว่าไม่ใช่ทั้งคู่” ม่อนแจ่มเริ่มจะยิ้มออกด้วยความขำตัวเอง
พชรอาจไม่พอใจที่เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายผิดกระมังนะ ถึงไม่ยิ้มให้เขา
เอ๊ะ.. แต่หมอนั่นมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรตั้งแต่ก่อนเขาจะเรียกชื่ออีกนะ หรือตรูจะคิดมากไปวะ..
ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเขาจะแก้ตัวใหม่.. ต้องเรียกว่า พด-ชะ-ระ!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “เอ่อ.. พด-ชะ-ระ”
ม่อนแจ่มเน้นเสียงเรียกหนักๆ อย่างถูกต้องและชัดถ้อยชัดคำเป็นการแก้ตัว เมื่อเจ้าของชื่อกลับเข้ามาในห้อง

“…”

เงียบ..
ไม่มีเสียงตอบรับ.. ไม่มีเสียงปฏิเสธ..

“กูนอนเตียงล่างนะ มึงนอนเตียงเดี่ยวได้เลย”
เขาแสดงไมตรีจิตตามที่ได้เรียนมาในวิชาลูกเสือสำรองและลูกเสือสามัญ

“...”
เงียบ.. เหมือนเดิม..

“พชร ได้ยินกูพูดไหม!?”
ชักไม่พอใจ จึงต้องถามเสียงแข็งขึ้น มึงมีปัญหาอะไรกับหูมึงหรือเปล่านี่
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าคมเงยขึ้นมาเลิกคิ้วเป็นการตอบคำถามซึ่งม่อนแจ่มแปลเอาว่า
‘ถ้าไม่ได้ยิน กูจะลงมือหยิบผ้าปูขึ้นมาจัดการกับเตียงเดี่ยวทำไม?’
ม่อนแจ่มเม้มปากใส่
เออ กูรู้ รู้ว่ามึงได้ยิน แต่ที่ไม่รู้คือ.. ทำไมมึงไม่พูดเหี้ยอะไรเลยวะ  ในหนึ่งวัน มึงมีลิมิตพูดได้สิบคำหรือไง

   
           ม่อนแจ่มใช้เวลาช่วงบ่ายวันนั้นจัดการกับข้าวของของตัวเอง
ไอดิลขอตัวตั้งแต่เที่ยง เพราะนัดเพื่อนเอาไว้ว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน แถมยังชวนเขาและพชรด้วย
น่าเสียดายจริงๆที่จัดเต็มมาจากบ้านแล้ว ซ้ำเพิ่งมาถึง ก็เลยต้องปฏิเสธไปก่อน
ส่วนพชรก็เอ่ย ‘ขอบใจ’ สั้นๆ แต่ก็บอกว่าทานเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

          เหลือเพียงความเงียบภายในห้อง เมื่อไอดิลผู้เป็นมิตรออกไป
ม่อนแจ่มลอบสังเกตเพื่อนร่วมห้องคนเดียวที่ยังอยู่เป็นระยะๆ
แม้จะอยากหันไปจ้องให้เต็มสองลูกกะตา ทว่า ก็จำต้องเหลือบๆ เสมือนไม่ได้อยากรู้อยากเห็น กลัวพชรหน้านิ่งจะหันมาเขมือบหัวเขาเข้าไป
ภายในห้องมีเตียงสองเตียง เตียงเดี่ยวติดประตู และเตียงสองชั้นอีกฟากหนึ่งติดระเบียง มีตู้เสื้อผ้าสามตู้และโต๊ะเขียนหนังสือตั้งเรียงกันสามตัว..
ม่อนแจ่มเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า และเปิดตู้ซ้ายมือสุด แต่ปรากฏว่ามีเสื้อผ้าซึ่งคงเป็นของใครไม่ได้ นอกจากผู้มาถึงคนแรก นั่นก็คือไอดิล เขาจึงนำเสื้อผ้าตนเองใส่ตู้ถัดไป
มือเรียวผลักประตูตู้ปิดเบาๆ ..กระจกสะท้อนภาพเด็กหนุ่มแว่นแดงร่างเล็ก
ม่อนแจ่มถอนหายใจ พ่อก็ตัวใหญ่ แม่ก็ตัวไม่เล็กนัก ทำไมกรูตัวแค่นี้วะ..
แต่ก็นั่นแหละนะ แม่บอกว่าเขาคลอดก่อนกำหนด ตัวถึงได้เท่าเปี๊ยก เปี๊ยกไม่พอ แถมยังสายตาสั้นอีก
เอาน่ะ.. มือเรียวยกขึ้นขยับแว่นที่เลื่อนไถลเพราะชื้นเหงื่อให้ขึ้นมาตั้งตรงบนสันจมูก    
ไหนๆ ก็สายตาสั้นแล้ว กูขอสั้นแบบมีคุณค่าก็แล้วกัน แว่นแดงนี่แหละจะนำโชคลาภและความเป็นสิริมงคลมาสู่เรา!

         ม่อนแจ่มละจากตู้เสื้อผ้าไปยังเตียงล่างของเขา หยิบผ้าปูที่นอนขนาดสามฟุตครึ่ง ลายหมีพูห์วิ่งเล่นกับทิกเกอร์ พิกเล็ตและอียอร์ออกมา
อืม.. กูปูเป็นนะ ป้าเพ็ญบอกกูแล้ว ว่ามันมียางยืดอยู่สี่มุม สิ่งที่ต้องทำ ก็เพียงแค่จับมันสอดเข้าไปกับฟูกนอน
‘ดูให้เป็นสี่เหลี่ยมนะคะคุณม่อน’ ..ป้าเพ็ญยังย้ำมา
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเหลือบขึ้นไปดูเตียงบนของไอดิลเพื่อความมั่นใจ
ผ้าปูที่นอนของรูมเมทผู้น่าคบคนนี้เป็นลายหมีกริซลีแทะเกาลัด..
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง รู้สึกดีกับไอดิลมาก คิดว่าเราน่าจะเป็นสหายคู่ทุกข์คู่ยากกันได้ในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน!
ข้างหมอนไอดิลมีหนังสืออ่านเล่นสามสี่เล่มวางไว้ด้านหนึ่ง ชื่ออะไร อินดี้ๆ สักอย่าง และอีกด้านหนึ่งวาง ..ขลุ่ย
ว้าว.. รูมเมทคนนี้เป่าขลุ่ยแฮะ
และ.. บนผนังเหนือหัวเตียง มีแผ่นกระดาษเก่าๆ เขียนโคลงกลอนอะไรสักอย่างด้วยลายมือ แปะติดอยู่ด้วยหนึ่งใบ..
   
คือ.. บทกวีแห่งศักดิ์ศรี
คือ.. ดนตรีที่แจ่มชัด
คือ.. ภาพเขียนเจิดจรัส
คือ.. ทิวทัศน์อันงดงาม

           แปลว่าอะไรไม่รู้..
อย่าถามหาความสามารถด้านภาษาไทยจากม่อนแจ่มเลย เอาแค่ทุกวันนี้พูดให้เป็นภาษาคนก่อน เท่านั้นดีกว่า
ม่อนแจ่มละสายตาจากฟากของตัวเองไปยังคนอีกฟากหนึ่งบ้าง..
รูมเมทเตียงเดี่ยวนั้นแตกต่างอย่างมากกับรูมเมทเตียงบน
‘ไอดิล’ มีสมบัติที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็พอจะทำให้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าตัวบ้าง เช่น ชอบอ่านหนังสือ และเป่าขลุ่ย
แต่.. กับพชร ไม่เป็นอย่างนั้น พชรเพียงเอากระเป๋าทั้งสองใบไว้ในตู้ แค่นั้น จบ..
แล้วร่างสูงก็เดินไปยืนที่ระเบียงแล้วเรียบร้อย สายตามองออกไปยังเวิ้งฟ้าภายนอก ไม่ได้สนใจเขาซึ่งอยู่ในห้องแม้แต่นิด
ม่อนแจ่มมองแผ่นหลังกำยำในเสื้อยืดนั้น.. ไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนอย่างไร..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


          ช่วงหัวค่ำของวันรายงานตัวนักศึกษาใหม่แล้ว กว่าที่ม่อนแจ่มจะได้พบหน้าค่าตารูมเมททั้งสองอีกครั้ง
ไอดิลมาจากภาคใต้ แต่มีบ้านย่าอยู่ที่นี่จึงไปนอนค้างบ้านย่า ส่วนพชรนั้น เอ่อ.. เขาไม่รู้อะไรเพิ่มเลยสักอย่าง นอกจากว่าแม่งไม่มีชื่อเล่น ให้เรียกชื่อเต็มคือ พด-ชะ-ระ (ตามที่ไอดิลบอกมา)

            “เรียนอะไรกันบ้างวะ?”
ไอดิลปีนลงจากเตียงบนมาถาม หลังจากนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองแผ่นกระดาษเขียนคำกลอนบนผนังอยู่นานสองนาน
เออว่ะ ทำเอาม่อนแจ่มลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ถามกัน มัวแต่คิดเรื่อง..
เออ ช่างเถอะ ร่างเล็กเบนสายตาที่เหลือบๆมองเตียงเดี่ยวจนเกือบตาเขไปมองไอดิล แล้วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
“วิศวฯ เครื่องกล”
“เฮ้ย คณะเดียวกัน กูวิศวฯ สิ่งแวดล้อม!” ไอดิลยิ้มบ้าง
สัด จริงดิ กูไม่ได้เช็คก่อน.. โคตรดีใจ
วิศวกรรมศาสตร์ เป็นเพียงคณะเล็กๆ ที่มีประชากรปีหนึ่งไม่ถึงพัน นี่กูได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนร่วมคณะเหรอวะเนี่ย
งี้ทุกเช้า มึงเดินไปคณะพร้อมกูเลยแล้วกันไอดิล โอเค ตกลงตามนี้!
ม่อนแจ่มรีบตรงเข้าไปจับมือตกลงกับไอดิลอย่างเป็นทางการ ทั้งที่.. คิดในใจเองคนเดียวล้วนๆ
รูมเมทสิ่งแวดล้อมก็คงขำๆเขาอยู่เหมือนกันจึงจับมือตอบกึ่งๆหัวเราะอยู่อย่างนั้น ก่อนจะละไปคว้าขวดน้ำมากรอกปากดื่ม แล้วเอ่ยถามอีกหนึ่งรูมเมท
“พชร มึงล่ะ?”
ขอบคุณสำหรับคำถาม กูก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน กูแค่ไม่อยากถาม กลัวรับมันไม่หวายยย..
“มนุษยฯ ปรัชญา”
ปรัชญา? มนุษยฯ ปรัชญาอย่างนั้นหรือ เออ.. แม่ง มันก็ควรจะเป็นอะไรแบบ-

พรวด!!
จำต้องเลิกสนใจพชร เพราะไอดิลสำลักน้ำจนไอแค่กๆ
“เฮ้ย เป็นอะไร!?” ม่อนแจ่มตรงเข้าไปลูบหลังลูบไหล่เมทสิ่งแวดล้อม
“เอ่อ เปล่า..ไม่เป็นไร” ไอดิลตอบทั้งที่ตายังมองพชร ผู้ซึ่งเลิกคิ้วมองกลับมา ทว่า ก็ไม่ได้พูดอะไร

         ก็อก ก็อก!
ห๊ะ? เพิ่งเข้าหอในสองวันแรก มันควรจะมีใครมาเคาะประตูเหรอวะ..
สามรูมเมทมองหน้ากันและเป็นพชรที่หมุนลูกบิดเปิดประตูให้

         ใบหน้าที่โผล่เข้ามาในห้องนั้นไม่คุ้นตา บนท่อนแขนมีชุดนักศึกษายับๆพาดอยู่
พชรเลิกคิ้ว ม่อนแจ่มก็เลิกคิ้ว ..ส่วนไอดิลนั้นอ้าปากค้างน้อยๆ แต่แล้วก็เดินไปตรงหน้าผู้มาใหม่

“ดิ้ล เอาเตารีดมาไหม กูลืม..”
อ้อ คงเป็นเพื่อนไอดิลนั่นเอง..
แต่ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ.. เพื่อนกันเขาเอาชุดมารีดให้กันแบบนั้นเหรอวะนั่น
แล้วสายตาที่เด็กหนุ่มหน้าห้องมองรูมเมท ..จะหยาดเยิ้มไปไหน
จากประตูที่เปิดอยู่ ทำให้ม่อนแจ่มเห็นว่าหมอนั่นอยู่ห้อง 336 ซึ่งติดกัน เพราะไม่นานเพื่อนร่วมห้องของเขาก็ออกมาตาม
แถมยังขอให้ไอดิลรีดชุดให้ตัวเองบ้างอีกด้วย ทว่า รูมเมทเตียงบนก็ปฏิเสธไปพร้อมทั้งให้ยืมเตารีดแทน
   
          “เฮ้ย ทำไมเขารีดผ้าให้มึง ไม่รีดให้กูวะ”
           “เพราะเขาเป็นแฟนกูไง”

   
เหี้ย..
เสียงจากหน้าห้องเล่นเอาม่อนแจ่มต้องยืนกอดอกรอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
และแทบช็อคเมื่อได้คำตอบว่า ‘เป็นแฟนจริงและคบกันมาตั้งแต่ม.ห้า’
คุณพระคุณเจ้า เรื่องนั้นกูไม่ได้สนใจเลย กูสนว่าหน้าตามึงธรรมดามาก แต่แฟนมึงหล่อมาก
ไอดิล มึงไปทำอีท่าไหนถึงได้มา บอกหน่อย กูจะได้ทำบ้าง..
ม่อนแจ่มไม่มีแฟนสักที ..จีบสาวไม่เคยติด เพราะเจ้าหล่อนมักจะบอกว่า ‘ม่อนแจ่มน่ารักเกินไป’
อย่างไรก็ตาม รูมเมทสิ่งแวดล้อมดูจะพอใจกับปฏิกิริยาของเขา จากที่ตอนแรกคงคิดว่าเขาจะรังเกียจ
ม่อนแจ่มส่ายหน้าน้อยๆ ไม่เลย ไม่ได้คิดว่าผู้ชายกับผู้ชายคบกันจะผิดอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไอดิลแลดูน่าคบแบบนี้ ไม่เป็นอุปสรรคสักนิดที่จะเป็นเพื่อนกัน
ทว่า ไอดิลคงจะยังกังวลอยู่ จึงเหล่มองไปทางพชร และถามคำถามที่ม่อนแจ่มไม่ได้แปลกใจ

           “พชร มีปัญหาเปล่าวะ?”
ใบหน้าคมเงยขึ้นมอง เลิกคิ้วน้อยๆ “เรื่อง?”
..

“ที่มึงเป็นแฟนกับข้างห้องน่ะนะ?”
เมื่อไอดิลพยักหน้ารับ เสียงเข้มจึงเอ่ยเรียบๆ
“กูเป็นรูมเมท ไม่ใช่พ่อมึง เพราะฉะนั้น แฟนมึงเป็นใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง  มันใช่เรื่องที่กูต้องเสือกหรือ?”
ตอบด้วยคำถามสมกับที่จะเรียนปรัชญา และนี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่กูเคยได้ยินจากปากแม่ง แถมยังเกินสิบคำ
กูควรจะดีใจไหมที่ได้รู้ว่ามึงพูดได้เกินสิบคำต่อวัน แต่ว่า..

“นี่คือ.. มึงไม่ได้เหน็บกูใช่ไหม?”
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วใส่รูมเมทเตียงเดี่ยว ถึงจะเพิ่งเจอหน้ากันเป็นวันที่สอง แต่ถ้ามึงอยากมีเรื่อง กูก็พร้อมเหอะ
ทว่า อีกฝ่ายมีเพียงสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม ไม่แม้แต่จะมองตาเขา
“คิดไปเอง..”

กูว่าไม่มั้ง!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สวัสดีคนอ่านทุกท่าน
สวัสดีพร้อมกับเรื่องใหม่ หวังว่าจะได้รับความบันเทิงใจเน้อ โปรดติดตามตอนต่อไป ขอบคุณครับ


*อาณาจักรคนแคระใน The Lord of the Rings (by J.R.R Tolkien)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 22:32:16 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
«ตอบ #2 เมื่อ16-04-2016 21:08:01 »

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ที่ผ่านมา

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
«ตอบ #3 เมื่อ16-04-2016 21:28:25 »

 :mew1: 

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
«ตอบ #4 เมื่อ16-04-2016 21:59:40 »

รอติดตามนะคะ ม่อนแจ่ม กับ พชร จะรักกัน ยังไง ใครจะเริ่มรักก่อน

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
«ตอบ #5 เมื่อ17-04-2016 11:15:33 »

รอติดตามเรื่องราวของม่อนกับ พด-ชะ-ระ (?) นะจ้ะ   :mew1:
ปล. แน่ใจนะว่าเชื่อดิ้ลได้   :z1:

ออฟไลน์ continued

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
«ตอบ #6 เมื่อ17-04-2016 18:11:25 »

เรื่องใหม่~~

แค่ตอนแรกเราก็ชอบภาษา การบรรยายแล้ว รอติดตามมม   :mew3:

ปล. ไอดิลนี่ไม่ต้องบอกว่าเป็นก็คิดตั้งแต่เอาอินดี้ไปอ่านแล้วล่ะ ฮาาาาา

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #7 เมื่อ17-04-2016 22:02:18 »

CHAPTER 1: Living In Dorm Sucks!


          มันเหี้ยจริงๆเว้ย ชีวิตหอในของกู!
ม่อนแจ่มคิดอย่างหงุดหงิด
มีรูมเมทกับเขาสองคน คนหนึ่งก็มีแฟนหน้าหล่ออยู่ข้างห้อง อี๋อ๋อกันให้กูอิจฉาทั้งปีทั้งชาติ
อีกคนหน้าแม่งก็ไม่แม้แต่จะยอมมองกู เหี้ยเอ๊ย!


           “เอ้า เครป วันนี้บอกเขาใส่ช็อคโกแลตเยอะๆให้ด้วย”
“อื้ออ ขอบคุณ” ไอดิลยิ้มปากแทบฉีก ขณะกัดเครปที่คนรักซื้อมาฝากหลังจากซ้อมฟุตบอล เคี้ยวพลางบอกพลาง
“รีดชุดให้แล้วนะ อยู่ในตู้ง่ะ”
“ทีหลังไม่ต้องหรอก กูทำเองได้” ไอหมอกยิ้ม
ไอดิลเองก็ยิ้ม แล้วส่ายหน้าน้อยๆ “กูเต็มใจทำให้”
แหวะ.. ม่อนแจ่มเบ้หน้า ทำท่าอ้วกล้อเลียนอย่างไม่จริงจังนัก
ฮึ่ย อย่า อย่าให้กูมีบ้าง..
   
           ม่อนแจ่มกระทืบเท้าหงุดหงิด ฉวยตะกร้าลายหัวใจสีฟ้าสดใสที่เลือกมาอย่างตั้งใจจากหลังมอเครื่องครัวและผ้าขนหนู Guy Laroche สีชมพูผืนเก่าที่สุดที่เลือกมาจากบ้าน พร้อมชุดนอนลายหมูพูห์นอนผึ่งแดด เดินไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวม ระหว่างทางก็สวนกับร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษา ..ร่างของคนที่อยู่ห้องเดียวกัน

           “สวัสดี พชร”
หยุดเดินและเอ่ยทักทายอย่างคาดหวังการตอบรับ
แต่ในเมื่อไม่มีการตอบรับในครั้งที่หนึ่ง ทำไมในครั้งที่ยี่สิบมันถึงจะมี..
พชรก้าวเดินไปในทิศทางเดิม  ไม่หยุด  ไม่มอง  ไม่ทักทาย  และไม่มีทีท่าว่าได้ยิน  ทั้งๆที่คงเต็มสองรูหูแม่งแล้วล่ะ คำทักของกูเนี่ย..
ร่างเล็กหันหลังกลับไปถลึงตาใส่แผ่นหลังที่เคลื่อนจากไปเร็วๆนั้น
นึกอยากจะคว้าเอาซันซิลในตะกร้าที่เพิ่งซื้อมาเขวี้ยงใส่สักที อยากรู้นัก แบบนั้นยังจะเมินเฉยอยู่ได้อีกไหม
ทว่า ม่อนแจ่มไม่ทำหรอก เขาไม่ชอบแทงข้างหลัง และไม่ชอบเขวี้ยงข้างหลังด้วย ถ้ามันถึงที่สุดจริงๆ กูจะไปยืนตรงหน้า แล้วท้าต่อยกับแม่งเลย!
   

          ม่อนแจ่มถอดแว่นเกี่ยวไว้กับตะขอประตู ถอดเสื้อผ้าชุดเก่า และหมุนฝักบัวเปิดน้ำอาบ
ค่อยๆแหย่ขาขวาเข้าไปก่อน ตามด้วยขาซ้าย แขนขวา แขนซ้ายและลำตัวตามลำดับ

‘เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นสิ่งไม่จำเป็น..’
ม่อนแจ่มพยายามบอกกับตัวเอง ขณะก้มหัวลงเพื่อล้างศีรษะเตรียมสระผม

‘คนเราไม่จำเป็นต้องมีเครื่องทำน้ำอุ่นก็ได้..’
ม่อนแจ่มนึกอย่างแข็งขันขณะที่ฟันกระทบกันกึกๆ
สะบัดหัวไล่ความคิดที่ว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อถึงหน้าหนาวออกไป
แล้วลงมือละเลงหัวด้วยซันซิลที่เพิ่งเคยใช้มาสองสามครั้ง แต่.. เมื่อหมุนลูกบิดฝักบัวอีกที..

อะไร อะไร มันเกิดอะไรขึ้น?
ม่อนแจ่มปาดคราบแชมพูออกให้พ้นหัวคิ้ว
น้ำ.. น้ำไม่ไหล
ไม่มั้ง.. มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง
มือเรียวบิดปิดฝักบัว แล้วบิดเปิดใหม่ ตะ..แต่.. น้ำก็ไม่ไหลออกมาอยู่ดี..
ไม่นะ อย่า อย่าทำแบบนี้กับคุณหนูม่อน


          “ช่วยด้วย ช่วยที”
ม่อนแจ่มตะโกน “ใครอยู่ข้างนอก ช่วยทีครับ!”

เขาได้ยินเสียงตะกุกตะกัก น่าจะมาจากแถวอ่างล้างมือ ซึ่งที่จริงก็เป็นที่สำหรับซักล้างนั่นแหละ มีก๊อกสี่ห้าตัว แล้วก็มีอ่างกระเบื้องให้มาซักผ้าได้

เสียงฝีเท้าเดินมาหน้าห้อง..
เงียบไปแป๊ปหนึ่ง จนม่อนแจ่มขนลุก คิดว่าสิ่งที่ไม่อยากรู้ว่าอะไรมาหลอก
แบบ.. รีบหลอกเร็วไปไหม? นี่เพิ่งอาทิตย์แรกเองนะครับ
เกือบจะอ้อนวอนขอเวลาทำใจสักสามเดือนแล้วเชียว หูจึงได้ยินคำถามดังตามมา

          “เป็นอะไร”
..เสียงพชร
โอ้ คุณพระ คุณเจ้า คุณพชรช่วย!

         “พชร น้ำอ่ะ น้ำไม่ไหล”
ม่อนแจ่มโวยวาย “น้ำไม่ไหล พชร!”
“รู้แล้ว” เสียงเข้มตอบขรึมๆ แล้วเสียงฝีเท้าก็ห่างออกไป
“พชร อย่าเพิ่งไป”
...
“อะไรอีก”
“กู.. ยาสระผมเข้าตา กูแสบตา ไม่มีน้ำ”
พยายามอธิบาย แต่จะไปหวังอะไร อะไรก็ไม่รู้..
เมื่อเสียงฝีเท้าห่างออกไปอีกครั้ง ม่อนแจ่มจึงได้แต่หลับหูหลับตาคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้า
ทว่า ในไม่กี่อึดใจ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
พชร..
ม่อนแจ่มไม่อยากจะเชื่อ
แต่ว่า..

           “ไอ้ม่อน ไอ้ม่อน!”
..เสียงไอดิล
“กูเอาน้ำมาให้ มึงล้างหน้าก่อน”
มือเรียวคว้าผ้าขนหนูมาพันตัว ก่อนเปิดประตู มองเห็นหัวทุยของไอดิลแบบพร่าเลือนเพราะไม่ได้ใส่แว่น หูได้ยินเสียงจากอีกสองห้องข้างๆที่ก็น่าจะประสบชะตากรรมเดียวกัน
ขวดน้ำสะอาดถูกยื่นมาให้ ม่อนแจ่มรับมาเทล้างหน้า
“ฮื่อ.. ขอบใจ ขอบใจมาก”
ร่างเล็กถอนใจ เพิ่งพบเจอกับประสบการณ์อันล้ำค่า น้ำไม่ไหลครั้งแรกในชีวิต โอ.. ไม่เสียทีที่อยู่หอในจริงๆ
“พชรบอกว่า ปกติน้ำไม่ค่อยไม่ไหลตอนกลางคืนหรอก อีกแป๊ปคงจะมาแล้ว มึงทนหน่อย”
..พชร
ม่อนแจ่มพยักหน้า ซึ่งก็เป็นตามนั้น เพราะไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อลองเปิดดูก็ปรากฏว่าน้ำไหลแล้ว
ม่อนแจ่มถอนใจยิ้มๆ เอาไว้จะเก็บเรื่องนี้ไปเล่าให้ป้าเพ็ญฟัง..

ป้าเพ็ญครับ ในที่สุด ม่อนก็รู้แล้วว่าน้ำไม่ไหลเป็นอย่างไร
ไม่ใช่ไม่ไหลธรรมดานะครับ ไม่ไหลตอนซันซิลยังคาหัวกบาลม่อนอีกด้วย



         อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจึงคว้าแว่นมาสวม
ไม่ลืมที่จะหยิบขวดน้ำพลาสติกบรรจุน้ำดื่มที่รูมเมทสิ่งแวดล้อมอุตส่าห์เอามาให้เขาล้างหน้ากลับไปด้วย

         “ไอดิล กูใช้น้ำมึงหมดแล้ว ไว้กูไปเติมจาก WaterNet มาคืนให้นะ”
“หือ?” เมทเตียงบนที่นั่งมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอยู่บนตักมองลงมาที่เขา
“เอ่อ พอดีน้ำกูหมด ยังไม่ได้เติม เมื่อกี้ เป็นขวดของพชร..”
ไอดิลเหลือบไปมองรูมเมทปรัชญาที่ยืนทำท่าไม่สนใจโลกอยู่นอกระเบียง
“มึงต้อง เอ่อ.. เติมมาคืนให้พชรน่ะ”


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

   
            ม่อนแจ่มคิดว่าการเติมน้ำใส่ขวดมาคืนพชรจะทำให้เจ้าตัวมีปฏิกิริยาที่ดีขึ้นกับเขา
เพราะก็เห็นๆกันอยู่ ว่าพชรไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ไม่งั้นคงไม่บอกไอดิลให้เอาน้ำมาให้เขา
ม่อนแจ่มจึงตั้งใจเติมน้ำอย่างดีที่สุด เป็นน้ำขวดที่กูตั้งใจเติมมากที่สุดจริงๆเลยว่ะ!
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเข้าใจผิด..

           “พชร”
มือเรียวยื่นขวดน้ำขนาดหนึ่งลิตรครึ่งให้ “ขอบใจมาก”
ร่างบนเตียงเดี่ยวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้ายังคงเฉยเมยเหมือนเดิม และไม่ได้มองมายังคนพูดเลย  สายตาซัดไปทางโต๊ะพับที่วางขวดน้ำเพียงแว่บเดียว
“ไปวางตรงโน้น”
บอกแค่นั้น
แค่นั้น.. แล้วก็อ่านหนังสือเล่มหนาต่อไป

ม่อนแจ่มยืนนิ่ง..
มึง.. พชร.. มึงพูดแบบนี้ได้ยังไง?
มึงเมินเฉยใส่กู กูยังไม่ว่า นี่มึงถึงกับเมินเฉยใส่ขวดน้ำที่กูตั้งใจเติมอย่างมากที่สุดในชีวิต
มึงรู้ไหมว่ากูต้องเดินลงบันไดไปกี่ขั้น กูต้องเปิดช่อง แล้วหยอดเหรียญ ซึ่งก่อนหน้านั้นกูต้องไปแลกเหรียญมาจากป้าโรงอาหาร ซึ่งป้าแกเกือบจะกินหัวกู เพราะแกกำลังทะเลาะกับผัวแก แล้วกูต้องเดินกลับมาเปิดฝาขวดน้ำ วางขวดให้ปากขวดจ่อตรงรูที่น้ำจะไหลออกมา แล้วคราวนี้ ตรงพอดี น้ำไม่หกเลยด้วย
หลังจากที่กูทำเป็นครั้งที่แปด.. นี่เป็นครั้งแรกที่กูไม่ทำน้ำหก ..กว่ากูจะประคับประคองน้ำขวดนี้ขึ้นมาให้มึงบนห้องนี้ได้
แล้วมึงบอกแค่ ..ให้กูไปวางตรงนู้น
ไอ้พชร!


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


          “มึงเข้าใจกูใช่ไหม!?”
“ไม่” ไอดิลส่ายหน้าดิก “กูไม่เข้าใจ”
กัดเครปที่หมอกซื้อมาฝากพลางบอกพลาง
“ไม่ตอบอย่างนั้น มึงจะให้พชรตอบว่าไงไอ้ม่อน?”
ไอดิลมองหน้าไอหมอกบ้างอย่างอยากขอความเห็นชอบ
“หรือมึงอยากให้ตอบประมาณว่า โอ้ ม่อนแจ่มน่ารักโคตรๆที่อุตส่าห์ประคองขวดน้ำขึ้นมาให้ ช่วยวางไว้บนหัวกบาลพชรนี่เลย ขอบใจมาก อย่างนี้เหรอวะ?”
“ไอ้ดิ้ล!”
“ครับม่อน!?”
เมื่อสองวิศวฯทำท่าจะตีกัน ร่างสูงของไอหมอกจึงลุกขึ้น ส่ายหน้าน้อยๆอย่างขำๆ
“อย่าเถียงกันน่า เดี๋ยวไปอาบน้ำได้แล้วนะดิ้ล ดึกเกินจะหนาว”
มือใหญ่ยีหัวไอดิลที่พยักหน้ารับหงึกหงักเป็นเชิงบอกลา แล้วหมุนลูกบิดประตู เตรียมกลับห้องตัวเอง
    
          “อ้าว หวัดดีพชร”
ไอหมอกเอ่ยทักทายคนที่เดินสวนผ่านประตูเข้ามา หลังจากเอาขนมมาฝากคนรักและนั่งคุยด้วยเล็กน้อย เช่นที่เป็นเกือบทุกวัน
พชรพยักหน้าน้อยๆให้ “สวัสดี หมอก..”
ซ้ำยังทักทายรูมเมทตัวเองหนึ่งคน “สวัสดีไอดิล”
….
…….
แล้วก็แค่นั้น..
ร่างสูงก้าวยาวๆเข้ามา วางกระเป๋าตัวเองลงบนเก้าอี้โต๊ะเขียนหนังสือ มือถอดเนคไทม่วงพาดไว้กับพนักพิง
ม่อนแจ่มเงี่ยหูฟัง จนแทบจะคว้าคัตตอนบัดมาปั่นๆขี้หูออกให้หมด เผื่อตัวเองจะพลาดการได้ยินอะไรไป
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ยินคำที่อยากได้ยิน..
รอ.. รอ.. รอจนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“สวัสดี พชร”
….
เงียบ..
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่กูเรียก
แม่งคงไม่ใช่แค่ปิดเครื่อง ลักษณะน่าจะย้ายค่าย แต่ไม่ใช้เบอร์เดิมไปแล้ว

ร่างสูงละจากโต๊ะเขียนหนังสือไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูและชุดใส่นอน ซึ่งเป็นเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ไม่ใช่ชุดนอนลายสิงสาราสัตว์เหมือนของม่อนแจ่มออกมา ..ไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ ว่าได้ยินคำทักทายนั้น

            อยู่ห้องเดียวกันทุกวัน.. ห้องในหอในก็แคบเพียงแค่นี้..
ม่อนแจ่มได้แต่คิดอัศจรรย์ใจว่า พชรมีความสามารถมากขนาดไหน ที่จะไม่มองหน้า ไม่พูด ไม่คุยอะไรกับเขาทั้งสิ้น ราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
วันแรกๆ เขายังพอรับได้ว่าคงเป็นความประหม่า เป็นความไม่คุ้นเคย แต่นี่มันหลายวันแล้ว พชรก็ยังไม่พูดเหมือนเดิม
พูดน้อย.. เออ กูเข้าใจ แต่นี่มึงทักทายแฟนเมท ทักทายเมทอีกคน แต่ไม่ทักทายกูเลย มันหมายความว่ายังไง
มึงเห็นกูเป็นอากาศธาตุหรือไงวะ ..นี่มันเกินจะอดทนแล้ว
ร่างเล็กลุกขึ้นยืน เอ่ยย้ำอีกครั้ง “สวัสดี พชร”
เงียบ..

“เอ่อม..”
ไอดิลซึ่งรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุภายในห้องขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย
“อ่าม.. เดี๋ยวกูแวะไปห้องหมอกแป๊ป กำลังคิดว่ารีดแขนเสื้อให้มันไม่เรียบ..”
“อืม.. ไปสิ กูจะไปอาบน้ำพอดี” พชรพยักหน้าให้
ไอดิลจึงหมุนลูกบิดประตู ก้าวสั้นๆออกนอกห้องและค้างเปิดไว้เช่นนั้นให้เมทปรัชญา
ทว่า.. เมทเครื่องกลลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าพร้อมรบ
ยังไม่ทันที่พชรจะเดินผ่านประตูออกไป ร่างเล็กกว่าก็ผลักประตูปิด ยืนขวาง
ประจันหน้ากันขนาดนี้ ไม่อยากมองก็ต้องมองกูวะ!

ในที่สุด.. ดวงตาสีดำสนิทนั้นก็มองมา คิ้วเลิกขึ้นน้อยๆ
ม่อนแจ่มจึงถามตรงๆ จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ดวงตาแทบทะลุเลนส์แว่น
“มึงมีปัญหาอะไรกับกู พชร?”
ใบหน้าคนถูกถามยังคงนิ่งสนิทดุจเดิม ขณะเอ่ยตอบเรียบๆ “ไม่มี”
“ไม่มี แล้วทำไมไม่มองหน้ากู” ม่อนแจ่มว้าก ทว่า อีกฝ่ายเพียงยักไหล่ “อยากให้มอง?”

สัด แม่ง ยอกย้อน
“ไม่ใช่เว้ย แต่มึงไม่มอง ไม่พูด ไม่คุย มันหมายความว่าไง”
“หมายความว่าไม่มีอะไรจะคุย”
มือแกร่งพาดผ้าขนหนูไว้บนบ่า หยิบถุงสายเชือกใส่เครื่องอาบน้ำบนโต๊ะพับข้างประตูขึ้นมาถือไว้
“ถอยไป เครื่องกล”
เครื่อง.. เครื่องกล?
“กูมีชื่อ กูมีชื่อนะเว้ย พชร!” ม่อนแจ่มโวยวาย    
“อย่าเรียกกูว่าแว่นแดงหรือเครื่องกล กูมีชื่อ กูชื่อม่อน!”
อยากจะแหกรูหูมัน แคะขี้หูออกมาให้หมด แล้วตะโกนลงไปให้แม่งรู้สำนึกเสียบ้าง ว่ากูชื่อม่อน

สีหน้าพชรไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ย้ำคำเดิม “ถอยไป”
“ไม่!” ม่อนแจ่มประกาศ “สวัสดี ม่อนแจ่ม”
ถ้อยคำนั้นทำให้ร่างสูงเลิกคิ้ว
“-สวัสดี ม่อนแจ่ม- พูดแค่นี้มันจะตายไหมพชร กูเป็นรูมเมทมึงนะ ทักทายกันบ้างนี่โลกมันจะแตกหรือไงวะ”
“เครื่องกล..”
พชรไม่ตอบคำถาม แต่เอ่ยเรียบๆ “จะถอยไปดีๆ หรือให้กูจับโยนออกไปให้พ้นทาง”
เชี่ย!
“มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ?” ม่อนแจ่มเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาเหมือนกัน
“ตัว-ตัวกับมึงยังได้เลยสัด ถ้ามึงอยากมีเรื่องมากนักก็มาเลย มึงมีปัญหาอะไรกับ- เฮ้ย!”
พูดไม่ทันจบ ตัวก็ลอยขึ้นจากพื้น เมื่อพชรวางถุงผ้าร่มไว้ที่เดิม และย่อตัวลง อุ้มร่างเล็กกว่าพาดบ่า
“พชร ปล่อย ปล่อยกู!” ม่อนแจ่มได้แต่ห้อยหัวโวยวาย ทุบแผ่นหลังกำยำนั้นหนักๆ “ปล่อยเว้ย!”

“อ๊ะ..!”
หลังสัมผัสกับเตียงล่างของตัวเอง แว่นแดงเอียงกะเท่เร่จนเลื่อนไถลหลุดจากใบหน้า ภาพตรงหน้าพร่าเลือนทันที
กูสายตาสั้น ไอ้พชร!
“แว่น..”
ม่อนแจ่มพึมพำ มือเรียวคว้าเปะปะ.. จนมือแข็งแรงกว่าต้องจับเอาไว้ แล้วหยิบแว่นมาค่อยๆใส่ให้..

ใบหน้าคมของอีกฝ่ายคือภาพแรกที่ม่อนแจ่มโฟกัสได้.. ก็เพิ่งจะเคยเห็นใกล้ขนาดนี้..
พชรเป็นผู้ชายหน้าคม จมูกโด่ง คิ้วเข้มดกหนาจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเหนือ เพราะตามที่ไอดิลบอก พชรมาจากลำพูน..
นอกจากนั้นหน้าพชรยังเหมือน.. เหมือนกับเคยเจอ.. แต่ม่อนแจ่มก็นึกไม่ออกเลยว่าที่ไหนหรือเมื่อไร

จ้องมองกันอยู่เพียงชั่วอึดใจ แล้วก็เป็นร่างสูงที่ลุกขึ้น ก้มหัวลงต่ำไม่ให้ชนขอบเตียงบน แล้วหันหลังเดินไปหยิบของ ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องเหมือนตอนแรกที่ตั้งใจ

“พชร!” ม่อนแจ่มพยายามจะโวยวายต่อ แต่เสียงเข้มเอ่ยทั้งหันหลัง “เตียงล่าง เงียบที!”
เตียง.. เตียงล่าง?
“ถ้ามึงลุกขึ้นมาขวางอีกรอบ กูจะโยนออกนอกห้อง ไม่ใช่บนเตียง”
แล้วกูต้องเชื่อไหม? กูจะเชื่อมึงไหมพชร กูไม่..
โอ๊ยยย!
หัว หัวกู..
ม่อนแจ่มประคองศีรษะที่เพิ่งกระแทกกับขอบเตียงบนเพราะทะลึ่งลุกขึ้นมาเร็วเกินไป

“ไอ้พชร..!”  ม่อนแจ่มตะโกนลั่น
ทว่า.. ร่างสูงออกผ่านประตูไปแล้วก่อนที่เขาจะหัวโขกเสียอีก มือเรียวจึงได้แต่ปาหมอนใส่ประตูอย่างหงุดหงิด
หวังให้หมอนเป็นขวดซันซิลและหวังให้ประตูเป็นแผ่นหลังของรูมเมทปรัชญา

มันเหี้ยจริงๆเว้ย ชีวิตหอในของกู!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2016 22:10:52 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #8 เมื่อ17-04-2016 22:47:53 »

 :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #9 เมื่อ18-04-2016 00:16:26 »

พชร ม่อนแจ่ม สองคนเคยเจอกันก่อนหน้านี้แน่ๆ ม่อนแ่จ่มน่ารัก


ขอบคุณนะคะ รอติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
« ตอบ #9 เมื่อ: 18-04-2016 00:16:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #10 เมื่อ18-04-2016 20:26:41 »

5555 น่ารักอ่ะม่อนแจ่ม  :pig4:

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #11 เมื่อ18-04-2016 21:46:33 »

2 คนเขาจะรบกัน...ดิ้ลหนีไปรีดแขนเสื้อให้หมอกซะงั้น  :m20:

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #12 เมื่อ19-04-2016 01:42:34 »

ได้อ่านเรื่องใหม่แล้ว ดีจัง

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #13 เมื่อ19-04-2016 06:51:55 »

ม่อนแจ่มน่ารัก คุณหนูใสๆ มาเลย :mew1:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #14 เมื่อ19-04-2016 07:01:00 »

เย้ เรื่องใหม่มาแล้ว  :mc4: :mc4: :mc4:

ม่อนสู้ๆ  o13

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #15 เมื่อ19-04-2016 07:06:37 »

ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #16 เมื่อ19-04-2016 10:59:39 »

น่ารักทุกคนเล้ย ดีใจได้เจอไอดิลกับไอหมอกอีก แปลกใจเหมือนกันที่ดิลเรียนวิดวะ แต่ก้อยังมีมนุษย์ฯ ปรัชญามาป่วนอยู่ดี อิอิ
มาแค่นี้ก็ขำกลิ้งซะแล้ว รอดูว่าม่อนจะโดนเรียกว่าไรอีก 5555+

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
«ตอบ #17 เมื่อ19-04-2016 13:15:21 »

 :katai2-1:  ดีใจ ได้มาอ่านเรื่องใหม่ของไร้ท
มีไอดิล ไอหมอก ด้วย   :กอด1:
ม่อนแจ่ม ชื่อดอย ชื่อน่ารัก :mew1:
แสดงว่า ม่อน เคยรู้จักกับ พชร มาก่อน
แต่เกิดอะไรที่ทำให้ม่อนจำพชรไม่ได้
นี่หรือเปล่าที่ทำให้พชร ทำตัวเฉยเมยกับม่อน
ชอบ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #18 เมื่อ20-04-2016 22:54:07 »


CHAPTER 2: Living In Dorm  Really Sucks!

             “เอ่อ.. กับกู พชรก็ไม่ค่อยพูดเหมือนกัน”
ไอดิลตบไหล่เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมคณะ ขณะเดินออกจากหอสามชายไปเรียนพร้อมกัน
“มึงอย่าไปคิดมากเลยวะม่อน ไม่มีอะไรหรอก พชรมันเป็นคนเงียบๆ”
“แต่มันทักมึง มึงก็เห็น มันทักมึง มันทักหมอก มันไม่ทักกู!”   
“อะ..” ไอดิลขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ “มันคงจะ เอ่อ.. ลืมล่ะมั้ง”
“เหี้ย!”

โอย สบถอยู่ได้..
‘เหี้ย’ นี่เป็นคำประจำตัวของม่อนแจ่มหรือยังไงนะ ไอดิลแอบคิดในใจ
มันก็เคยเป็นคำประจำตัวของเขาเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่า หมอกไม่ชอบให้พูดหยาบ หลังๆ เขาจึงพยายามลด จนแทบจะไม่มีเหตุผลอะไรให้พูดแล้วเดี๋ยวนี้

            “ลืมทัก ลืมทักเนี่ยนะ!” ม่อนแจ่มยังบ่นไม่หยุด “กูไม่คิดเลยว่าแม่งจะ-”
“โอเคๆ” ไอดิลยกมือเบรก “เอาไว้กูจะถามให้ ว่าพชรมีปัญหาอะไรกับมึงหรือเปล่า แบบนี้ดีไหม?”
ดีนะ ดีเถอะม่อน กูจะไปเรียนแล้ว..
ไอดิลรอลุ้น.. และในที่สุดใบหน้ายู่ยี่ของรูมเมทเครื่องกลก็พยักรับ เฮ่อ..

   ม่อนแจ่มหายใจฮึดฮัด สาวเท้าก้าวสั้นๆตามความยาวของขา เดินเข้าห้องเรียน
ขับไล่รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มออกไปจากหัวสมอง เริ่มต้นวันนี้ด้วยเคมีทั่วไปสำหรับวิศวกร ก่อนจะไปต่อด้วยแคลคูลัสและเขียนแบบวิศวกรรม
ครอบครัวเขาทำธุรกิจส่งออกผลไม้ท้องถิ่นแปรรูป ม่อนแจ่มเลือกมาเรียนวิศวฯเครื่องกล หวังจะช่วยพัฒนาระบบจักรกลในกิจการของบิดา และเหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องการเท่!
ประโยคที่ว่า ‘ม่อนแจ่มน่ารักเกินไป’ นั้นเป็นแผลในใจ เป็นแผลในกายของเขามาตลอด
คราวนี้ละ.. สี่ปีในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลจะช่วยให้เขากลายเป็นม่อนแจ่มผู้ทรงพละกำลัง เป็นเลิศด้วยทักษะและสติปัญญา วะ ฮะ ฮ่า!

   บรรยากาศในห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอนวุ่นวายเหมือนทุกวัน
คาบแรกวันจันทร์เป็นต้องเจอวิชาที่ไม่ถนัดเสียอย่างนั้นสิน่า ม่อนแจ่มตกใจแทบช็อค เมื่อต้องเรียนคมี เป็นวิชาแรกในชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย มือเรียวแล็กเชอร์ Atoms, Molecules, and Ions อย่างหน่ายๆ และภาวนาให้ถึงวิชาฟิสิกส์เสียที..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           
          “มึงถามมันหรือยัง?”

ห๊ะ? ไอดิลถึงกับต้องหันไปมองคนถาม
กูเพิ่งไปคณะฯกับมึงเมื่อเช้า เลิกห้องเชียร์กลับมาถึงหอก็พร้อมกัน กูจะเอาเวลาไหนไปถามวะ?
ทว่า สายตารูมเมทเครื่องกลไม่ได้มองมาที่เขา กลับจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของรูมเมทปรัชญาแทน

“มึงถามมันหรือยังว่ามันมีปัญหาอะไรกับกู ถามมัน ถามเดี๋ยวนี้เลย กูเคยเป็นศิษย์สำนักเดียวกับมัน แล้วหักหลังมันหรือไง หรือกูขโมยแม่แรงศักดิ์สิทธิ์อะไรมาจากมัน แล้วที่มันไม่พูดนี่ ปากอมสากกะเบืออยู่หรือไง ถามมัน ถามมันสิ”
..
อะ.. เอ่อ.. เออ..
ไอดิลปลดเป้ลงจากบ่า
“พชร.. คือ..” หนุ่มสิ่งแวดล้อมกระแอม พยายามเลือกสรรคำพูด
ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ เขาจะต้องเป็นนักแปลเหมือนพ่อ ..แปลเกรียนเป็นไทย!
...
“มึงไม่ถามมันเองวะ?”
จำต้องถามม่อนแจ่มอีกรอบ คือกูจะถามให้นั่นแหละ แต่ไม่ได้คิดว่าจะถามแบบมีมึงมายืนบอกบทอยู่แบบนี้ไง
“ถ้ากูถามมันเองแล้วมันบอก กูจะให้มึงถามไหม เพราะมันไม่บอกกูไง เพราะมัน-”
“โอเคๆ” ไอดิลต้องยกมือเบรกอีกครั้ง
ม่อนแจ่มสามารถพูดอะไรยาวๆ ได้ยาวเฟื้อยแทบไม่หยุดหายใจกันเลยทีเดียว ซึ่งส่วนมากสาระก็มีแค่เล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือเป็นส่วนเสริมล้วนๆ
ไอดิลหันกลับไปหาพชรที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่ม่อนแจ่มแทบจะควันออกหูอยู่แล้ว
“พชร มึง เอ่อ.. เคยมีปัญหาอะไรกับไอ้ม่อนหรือเปล่าวะ” เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ดูดีและดูไม่เสือก
“แบบว่า.. ไหนๆ เราก็อยู่ห้องเดียวกัน คุย.. คุยกันได้นะ”
พชรละสายตาจากชีสปรัชญาที่อ่านอยู่ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ไอดิล..”
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ รอฟังคำอธิบาย เผื่อจะช่วยสงบอารมณ์ของเพื่อนร่วมคณะลงบ้าง
ทว่า สิ่งที่พชรพูดคือ..

“บอกเครื่องกลด้วย ว่าช่วยพูดให้น้อยลงหน่อย รำคาญ”
“ไอ้..” ม่อนแจ่มอ้าปากพะงาบๆ
ไอ้อะไรไม่รู้ เพราะพชรไม่รอฟัง ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วก้าวยาวๆออกจากห้อง
ม่อนแจ่มตั้งท่าจะตาม แต่ไอดิลยึดไหล่เอาไว้แน่น
“เดี๋ยวกูคุยให้  มึงอยู่เฉยๆ  อยู่เฉยๆเลยม่อน!”


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           
          “ไม่ชอบกู..”
ม่อนแจ่มทวนคำ “เท่านี้เหรอวะที่มันบอก ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบายเหี้ยอะไรเสริมเลยเนี่ยนะ”
“อืม..” ไอดิลครางรับในลำคอ
“มึงแน่ใจนะว่ามันบอกเท่านี้” เสียงเล็กถามย้ำอีก “ชัวร์ว่ามันไม่ได้-”
“เออ..” ไอดิลพยักหน้าเป็นรอบที่สาม หลังจากเดินตามพชรออกไปข้างนอกและคุยกันเสร็จเรียบร้อย
ซึ่งมันก็ไม่เรียกว่า ‘คุย’ เท่าไหร่หรอก ในเมื่อเขาถามไปสิบประโยค พชรก็ตอบมาแค่ประโยคเดียว
ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ ยันตัวลุกขึ้น
“แล้วนั่นมึงจะไปไหน” ไอดิลถามไล่หลัง ขณะรูมเมทเครื่องกลก้าวยาวๆไปเปิดประตูห้อง
“กูจะไปต่อยกับแม่ง”
เฮ้ย!


           อยู่ไหน.. พชรอยู่ไหน
ม่อนแจ่มมองหาซ้าย ขวา..
มองไปตามทางเดิน มองไปยังฝาผนัง มองไปบนเพดาน
และที่สุด.. ก็เห็นร่างสูงนั่งอยู่บนม้านั่งยาว

          “พชร!”
เรียกเสียงดังฟังชัด แล้วก็เป็นคนอยู่ก่อนที่ถอนหายใจแรงอย่างหน่ายๆ
“พชร” เรียกอีก เมื่อไม่มีเสียงตอบ คราวนี้ คนถูกเรียกจึงเลิกคิ้วอย่างหงุดหงิด
“อะไรนักหนาเครื่องกล?”
ไอ้..ปรัชญา..
“กูไม่ได้ชื่อเครื่องกล กูชื่อม่อน มึงได้ยินไหมเนี่ย!” ม่อนแจ่มว้าก
“มึงอยากมีเรื่องใช่ไหม มึงมาต่อยกับกูเลยมาพชร เดี๋ยวนี้เลย”
พชรพ่นลมหายใจ ขมวดคิ้วน้อยๆ มองร่างเล็กตัวเท่าเปี๊ยกตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่ต้องมามองกูแบบนั้น” ม่อนแจ่มแว้ดทันที “มึงอย่าประเมินกำลังจากขนาดตัวกู กู.. กูสู้!”
อยากจะขำเสียให้รู้แล้วรู้รอด พชรส่ายหัวน้อยๆ ยังคงนั่งพิงผนังอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ขณะคนที่ยืนอยู่ตั่งท่าจะเข้ามาต่อยอยู่รอมร่อ
“ตกลงจะบอกกูดีๆไหม หรือจะต่อยกัน” ม่อนแจ่มหน้าดุ “ถ้ามึงยังไม่พูด กูจะต่อย- เหี้ยยย!”

อะไร คราวนี้อะไร!?
ม่อนแจ่มสบถ หยุดพูดกะทันหันเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวตกลงสู่ความมืดมิด
เกิด.. เกิดอะไรขึ้นกับกู ไม่.. ไม่เอานะ อย่า อย่าทำคุณหนูม่อนเลย

“พชร พชร!”
ไอ้ที่จะเข้าไปต่อยน่ะ ไม่รู้แล้วว่าอยู่ตรงไหน ได้แต่เดินเปะปะเข้าไปตรงที่ร่างสูงน่าจะนั่งอยู่
“พชร!”
“อะไร”
คำตอบนั้นทำให้อุ่นใจ แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้างแค่ไหนก็ตาม
“พชร! ไฟดับอะ ไฟดับ” มือเรียวยื่นไปหา พยายามหาที่เกาะกุม
“ไฟดับ พชร!”
“รู้แล้ว” เสียงตอบนั้นไม่รู้จะหงุดหงิดหรือจะขำ
“พช- เฮ้ยยย!”

เอาอีกแล้ว..
อะไร นี่อะไร?  เขาเหยียบลงบนอะไร แล้ว.. แล้วตกลงบน.. ตักใคร

“อะ..”
จะตักใครล่ะเนอะ ก็มีอยู่คนเดียว..
คงเป็นเพราะตอนแรกตกใจด้วยสายตาไม่ชินกับความมืด พอเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ม่อนแจ่มจึงตระหนักว่ามันไม่ได้มืดสนิทเสียหน่อย ตอนนี้เขามองเห็นหน้าพชรค่อนข้างชัด เท่าที่จะมองเห็นได้ในความสลัวนั้น
มือข้างหนึ่งเกาะอยู่บนไหล่กว้าง อีกข้างขยุ้มเสื้อยืดเอาไว้เพื่อไม่ให้หล่นลงไปนอนวัดพื้น ซึ่งก็ไม่น่าจะหล่นได้ เพราะแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของอีกฝ่ายก็คว้าเอวเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติก่อนจะหน้าคะมำ

“ฟ..ไฟดับ” ม่อนแจ่มพูดได้แค่นั้น จบประเด็นท้าต่อยชั่วคราว
“รู้แล้ว” พชรพ่นลมหายใจ
“พชร..”
..
“พชร”
“อะไรอีก”
“เรา.. เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”
คิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบ อย่างไรก็ตาม..
“ไม่เคย”
นั่นสิ ไม่เคย
ม่อนแจ่มไม่ใช่คนขี้ลืม ถ้าเคยพบกัน ไม่มีทางที่เขาจะจำไม่ได้ แต่คนที่ไม่ชอบกันทั้งที่ไม่เคยเจอ มันจะมีหรือ..

“ไม่เคยเจอจริงๆเลยใช่ไหม..”
นัยน์ตาสีดำสนิทโดดออกมาจากความสลัวรอบตัวได้เด่นชัดอย่างน่าประหลาด
“กูไม่เคยโกหก”

ไม่เคย..
ม่อนแจ่มไม่เคยคิดว่าจะมีใครในโลกที่ไม่เคยโกหก ทว่า หากจะมีจริงๆ คนตรงหน้าก็คงเป็นหนึ่งในนั้นได้ไม่ยาก
ทั้งที่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวเลย แต่ลักษณะบางอย่างของพชรทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกอย่างนั้น
รู้สึกว่า.. อีกฝ่ายเป็นคนพูดน้อย แต่รับผิดชอบต่อคำพูด และ.. จะไม่พูดโกหก
เมื่อเป็นแบบนั้น..
“แล้วทำไม-”
“เครื่องกล” เสียงเข้มตัดบท “จะลุกไปได้หรือยัง”
“แต่-”
“ลุก-ขึ้น” เสียงดุสั่งเน้นๆ ทำเอาม่อนแจ่มระลึกได้ว่าตัวเองก็นั่งอยู่บนตักของอีกฝ่ายมาหลายนาที
ลุก ลุกแล้ว ไอ้นี่ก็ดุจริงเว้ย..

ร่างเล็กยืดตัวขึ้นมา ค่อยๆหันหลังเดินกลับไปทางห้อง 338
ไม่เป็นไร.. เขาปลอบใจตัวเอง ..ไว้กูค่อยมาท้าต่อยมันใหม่วันหลัง
วันนี้ไฟฟ้าไม่อำนวย กูกลัวต่อยผิดต่อยถูก เกิดต่อยพลาดไปโดนกำแพงก็จะเป็นเวรเป็นกรรมของข้อนิ้วกูอีก
ไว้จะเอาไปเล่าให้ป้าเพ็ญฟัง..

ประสบการณ์ไฟดับครั้งแรกในชีวิตม่อน แถมม่อนยังเกือบล้มหัวคะมำ
แต่ก็ดีที่ตกลงบนตักของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าม่อน ผู้ซึ่งยอมตอบคำถามม่อนในที่สุด
แล้วถามแบบรำคาญๆ ว่าเมื่อไหร่ม่อนจะลุกออกไปจากตักมันเสียที ตามด้วยสั่งเน้นๆอีกรอบ ให้ม่อน 'ลุก-ขึ้น'
แล้วนี่ม่อนควรดีใจไหมครับ?



             “ม่อน ไอ้ม่อน?”
..เสียงไอดิล
“เออ อยู่นี่” ม่อนแจ่มตอบรับรูมเมทสิ่งแวดล้อมที่ถือเทียน ยืนรีๆรอๆอยู่ริมทางเดิน
“เห็นขี้กลัวอยู่ ไฟดับ กูเลยออกมาดู”
ขี้กลัว? กูน่ะเหรอ? มึงจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วไอดิล! แค่ตกใจเว้ย เขาเรียกว่า ‘ตก-ใจ’
สองรูมเมทแห่ง 338 เดินเคียงกันในความสลัว แล้วก็เป็นไอดิลที่ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
“ไอ้ม่อน..”
“ฮื่อ” คนถูกเรียกครางรับอย่างไม่ค่อยมีกะใจนัก
“มึง.. มึงไปทำอะไรบนตักพชรวะ?”
ห๊ะ? เฮ้ย!
คราวนี้ ม่อนแจ่มแทบล้มหัวคะมำจริงๆ กะจิตกะใจกลับมามีทันที
ขอบคุณสำหรับคำถามครับไอดิล คือแบบนี้นะ คือแบบนี้ไง..
ม่อนแจ่มพยายามละล่ำละลักอธิบาย “ไฟ.. ไฟดับ”
แล้วกูกำลังจะเข้าไป “ต่อยมัน..”
แต่กูต่อยไม่โดน เพราะ.. “ไฟดับ”
ทีนี้เนื่องจากมัน “มืด”
กูก็เลยเหยียบเอา.. ”เท้ามัน”
แล้วกูก็.. “คว้าไหล่” ..แม่งไว้
มืออีกข้างก็คว้า.. “เสื้อยืด” ..มัน
ซึ่งกูก็คง.. “ล้ม” ..อยู่ดีนั่นแหละ ถ้ามันไม่ตวัดมือรอบ.. “เอว” ..กูไว้อีกทีหนึ่ง
“ที่กูพูดทั้งหมดเนี่ย มึงเข้าใจใช่ไหม!?”

รูมเมทสิ่งแวดล้อมไม่มีคำตอบให้
ไอ้ม่อน.. มึงคิดว่ากูฉลาดนักหรือไง กูถึงควรจะเข้าใจคำพูดไม่ปะติดปะต่อที่มาพร้อมกับเสียงหายใจหอบๆของมึงได้
ถึงความฉลาดของกูจะมากขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่ความโง่ของกูก็ยังเท่าเดิม ไม่ได้เปลี่ยนสัดส่วนแต่อย่างใดเลย
แล้วมึงคาดหวังความเข้าใจอะไรของกูจากสารที่มึงส่งมาวะ..


          “ไอดิล..”
เสียงเข้มที่คุ้นเคยยืนเรียกอยู่หน้าห้อง 338 พร้อมกับเสียงเคาะประตู
“หมอก กูอยู่นี่”
ไอดิลเลิกสนใจม่อนแจ่มชั่วคราวและไม่ขอพยายามทำความเข้าใจประโยคสัญญาณขาดคลื่นแทรกนั่นด้วย
ร่างเล็กเดินเข้าไปหาคนรัก ใบหน้าไอหมอกยังคงดูอบอุ่นภายใต้แสงเทียนของเขาที่สาดส่องไปต้อง
“กลัวไหม?”
ไอดิลยิ้มกับน้ำเสียงห่วงใยนั้น พลางส่ายหน้าหงึกหงัก
“เอานี่ไว้ อย่าใช้เทียนเลย เผื่อเกิดอุบัติเหตุ” มือแกร่งส่งไฟฉายให้
“แล้วมึงอ่ะ” ไอดิลเป่าเทียนดับ ถามขึ้นเบาๆ
“เดี๋ยวกูค่อยหาใหม่ มึงเอาไว้ นะ..”
“อื้อ..” ไอดิลพยักหน้ารับ
ความรู้สึกเดิม.. ก็ยังเต็มล้นในใจเหมือนเดิม.. เขาจึงเขย่งเท้าขึ้น เผยอปากน้อยๆ
พอรู้.. ว่าร่างสูงไม่ต้องการทำอะไรไม่เหมาะสมให้เกิดคำครหา แต่ว่า.. แต่ว่านี่มันก็มืด แล้ว..

“เข้าห้องได้แล้วไป”
ไอหมอกเอาไฟฉายจิ้มอกคนรัก ดันหน้าเรียวออกห่างจากปลายคาง
“หมอก!” ไอดิลหน้ามุ่ย นี่มึงถึงกับปฏิเสธจูบกูเลยเหรอวะ?
อยู่หอมาสองอาทิตย์แล้ว มากสุดแค่จับมือ ทำไมไม่กอด ไม่หอม ไม่จูบ..
“มึงมีคนใหม่เหรอ..”
เฮ้ย! ไอหมอกส่ายหน้าน้อยๆใส่คนพูด
“หน้าตากูดูเหมือนมีคนใหม่หรือ?”
“กูจะไปรู้ได้ยังไง มันมืด” ไอดิลบอกอย่างดื้อดึง
ไอหมอกหัวเราะน้อยๆ คว้ามือข้างหนึ่งของไอดิลขึ้นมาทาบบนแผ่นอกซ้ายของตัวเอง..

“รู้หรือยัง..”
อะ..
แม่ง..
ไอดิลเขินจัด กระนั้นก็พยักหน้ารับ
“เข้าห้องนะครับ” ไอหมอกย้ำ
“อื้ออ” หน้าขาวพยักรับอีก พลางไขกุญแจ
ไอหมอกยิ้ม.. ไอดิลยิ้ม.. จะเบ้หน้าก็เพียงม่อนแจ่มที่ชิงเดินเข้าห้องไปก่อน
“ไม่ต้องเกรงใจกูนะ พวกมึงจีบกันตามสบายเลย!”

หงุดหงิด..
ไม่รู้ทำไมถึงหงุดหงิด
 รู้แค่..  มันยิ่งกว่าเหี้ยอีกเว้ย ชีวิตหอในของกู!!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #19 เมื่อ21-04-2016 00:55:17 »

ม่อนแจ่มนี่มันตัวฮาเลย
ตกลงเป็นตัวเอกหรือตัวประกอบกันแน่ฮึ
แซวเล่นนะ เราชอบไอหมอกและไอดิลเหมือนเดิมแหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-04-2016 00:55:17 »





ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #20 เมื่อ21-04-2016 02:20:28 »

อ่านมาทั้งตอนก็รู้สึกว่า พชร ที่พูดน้อยมากเท่จริงๆ แต่แค่ไอหมอกออกมาท้ายตอนนิดเดียว เราก็เปลี่ยนทีมทันที

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #21 เมื่อ21-04-2016 05:51:12 »

ไอหมอก รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพ่อหล่อ พ่อน่ารักมั่นคงมากเกินไป
ขนาดทำให้ไอดิลถาม “มึงมีคนใหม่เหรอ..”
ม่อนแจ่ม เลิกสนใจคนทึ่ม ไม่มีมารยาท  :เฮ้อ:
เขาไม่อยากพูดกับเรา เราก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ต้องสนใจตอบ
พชร ก็แปลกๆ ต้องมีอะไรกับม่อนแน่ๆ ถึงพูด ทักทายกับคนอื่น  :m16:
แต่กับม่อนชื่อก็ไม่เรียก เรียกแว่น เครื่องกล ประหลาดคน :katai1:
สนุก ชอบ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #22 เมื่อ21-04-2016 08:46:59 »

เข้ามาให้กำลังใจเกรียนรุ่นลูกนะคะ (เจอไอดิล-หมอกเข้ามหาลัยสักที)
ภาคนี้มาพร้อมกับความเกรียนของม่อนแจ่มเลย (ชอบชื่อตัวละครของคุณINDY-POET ทุกชื่อที่ตั้งมากๆเลยค่ะ)
คู่นี้คนหนึ่งพูดมากดูวุ่นวายไฮเปอร์ลูกคุณหนูกับอีกคนนี่ก็นิ่งสงบเยือกเย็น  รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
:pig4:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #23 เมื่อ21-04-2016 09:17:25 »

ไอดิลกะหมอกแย่งซีนม่อนอะ 55555555 :กอด1:

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
«ตอบ #24 เมื่อ21-04-2016 20:59:21 »

ม่อนน่ารักเนอะ ฮาดี ชอบรุ่นพ่อแล้ว รุ่นลูกก็ชอบ เอาใจช่วยม่อนนะลูก

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 23/4/59 CH.3
«ตอบ #25 เมื่อ23-04-2016 14:34:17 »

CHAPTER 3: More Than a Stranger

             “พชร ไปกินข้าวกัน”
เพราะตั้งแต่อยู่ร่วมห้องกันมายังไม่เคยกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย
ไอดิลจึงถือโอกาสเอาวันเสาร์มื้อสายๆติดๆจะเที่ยงชวนสองหนุ่ม หนึ่งปรัชญาและอีกหนึ่งเครื่องกลลงไปโรงอาหารด้วยกัน

“ฮื่ออ ไปๆ หิววว” ม่อนแจ่มโหยหวน
“เดี๋ยวกูค่อยไป” พชรตอบเรียบๆ ยิ้มให้ไอดิลนิดหนึ่งเป็นเชิงขอโทษ
ไอดิลกลอกตาบนมองเพดาน
“ไปเถอะ พชร กูอยากกินข้าวพร้อมกันสามคน นะ.. ไม่อย่างนั้นมันจะไม่บรรลุเป้าหมายชีวิตหอในของกู”
ร่างเล็กอธิบาย โน้มน้าวและชักจูง พร้อมเสริม “เดี๋ยวกูดูให้ ไม่ให้ไอ้ม่อนระรานมึง”
“ไอ้ดิ้ล!” เมทเครื่องกลถลึงตาใส่เมทสิ่งแวดล้อม จัดการเรียก-ไอ้-ควบชื่อเสียเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ระ..ระรานเหรอ ที่มึงพูด มึงคิดแล้วใช่ไหม มึง มึงคิดว่ากูจะ แล้วมัน-”
“โอเค ไปเถอะ”
ตอบรับแค่นั้น ตัดบทกันซึ่งๆหน้า แล้วพชรก็เปิดลิ้นชักหยิบธนบัตรสองสามใบเดินนำหน้าไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการได้ยินเสียงบ่นยืดยาวที่เมื่อเริ่มแล้ว ไม่จบสิ้นง่ายๆของม่อนแจ่ม..

           ม่อนแจ่มเดินไปร้านอาหารตามสั่งอย่างโมโหๆ จัดการสั่งข้าวกะเพราะหมูกรอบ ส่วนไอดิลเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยวสั่งหมี่เหลืองต้มยำ ขณะที่พชรเร็วกว่าใครเพื่อน จัดข้าวราดแกงมาหนึ่งจาน แล้วยังไปกดน้ำเปล่าให้สำหรับตัวเองและเพื่อนอีกสองคน

“น้ำกูเหรอ..”
ถึงกับต้องถามซ้ำ เมื่อวางจานข้าวกะเพราะหมูกรอบลงบนโต๊ะ เพ่งมองน้ำแก้วน้อยที่เห็นอยู่ว่ามาจากมือของพชร
เหมือนเคย..
ไม่มีการตอบรับ.. ไม่มีการปฏิเสธ..
จนอยากจะหยิบแก้วน้ำแล้วเทราดลงบนหัวแม่ง เผื่อจะพูดได้

“พชร ถ้ามึงไม่ตอบ กูจะไปกดน้ำมาใหม่..”
ม่อนแจ่มเอ่ยนิ่งๆ และอธิบาย เลียนแบบเสียงเรียบๆของพชรได้ค่อนข้างเหมือน เสียแต่พชรไม่เคยพูดอะไรยืดยาวแบบเขาเท่านั้น
“ถ้ากูต้องไปเอาน้ำมาใหม่ คนล้างแก้วก็ต้องเหนื่อยที่จะต้องล้างสี่แก้ว แทนที่จะเป็นสาม น้ำยาล้างจานก็ต้องเปลือง
น้ำสะอาดก็ต้องเปลือง ไอดิลที่เรียนวิศวฯ สิ่งแวดล้อมก็คงต้องเสียใจและเสียดายกับการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ
มันอาจจะเสียใจมากจนพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง และเป็นต้นเหตุความร้าวฉานของความสัมพันธ์ระหว่างมันกับหมอก”

ห๊ะ?
ไอดิลถึงกับตาลีตาเหลือกเมื่อถูกเอาชื่อไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเมทเครื่องกลค้าง
ไอ้ม่อน.. มึงทำ GAT เชื่อมโยงได้เต็มใช่ไหมวะ?
แล้วมึงไม่ได้เกรียนใช่ไหม ช่วยบอก ..บอกให้กูหายกังวลทีเถอะ

“โอเค ในเมื่อพชรไม่ตอบ กูจะไปกดน้ำมาใหม่”
ม่อนแจ่มตั้งท่าจะเดินไป แต่ไอดิลรั้งแขนไว้ “ไอ้ม่อน นั่งลงกินเถอะน่า..”
ร่างเล็กปรามเพื่อนร่วมคณะ ไม่ลืมถ้อยคำที่รับปากรูมเมทปรัชญาว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เจ้าตัวโดน ‘ระราน’
“มากันสามคน พชรถือน้ำมาสามแก้ว อีกแก้วมันก็ต้องของมึงสิวะ มึงสงสัยอะไรมากมาย”
ไอดิลพยายามใช้เหตุผลที่ปกติเขาก็ไม่ค่อยจะมีนัก ทว่า เพื่อนร่วมคณะไม่ยอมตาม
“มันต่างหากล่ะ แค่ตอบว่าเอามาให้กู แค่นี้ มันจะอะไรมากมาย ถ้ามันไม่ตอบ กูจะรู้เหรอ!”
“มันก็วางไว้ตรงที่มึงนั่งแล้วไง” ไอดิลชี้แนะเสียงอ่อน
“กูอาจจะนั่งข้างมันก็ได้ ไม่ใช่ตรงข้าม ทำไมมันไม่แค่-”
“กูเอามาให้มึง แว่นแดง”

ปากอ้าค้างไว้ เมื่อหูได้ยินเสียงเข้มเอ่ย
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่ได้มองมา ไม่ได้สนใจ แต่กระนั้น..
“ทีนี้ก็นั่งลงกินข้าวได้แล้ว กูรำคาญ”
“อะ..” ม่อนแจ่มอึกอัก

นี่ควรจะเรียกว่ามันพูดกับกูไหม
กูควรดีใจไหมที่มันพูดกับกู
กูไม่ควรหงุดหงิดที่มันเรียกกูว่า ‘แว่นแดง’ อีกแล้วใช่ไหม
เออ.. ที่กูทำได้ก็คงเป็นเพียง..

“กู-ชื่อ-ม่อน”
ย้ำ.. ย้ำอย่างไร้ประโยชน์ แล้วก็นั่งลงกินข้าวเงียบๆ
กินข้าว แต่ตาไม่ได้มองจานข้าว กลับมองคนที่นั่งตรงข้ามแทบจะตลอดเวลา
มองตรงๆ จ้องเขม็ง ไม่ละสายตา ไม่ใช่แอบเหลือบๆอย่างวันสองวันแรกที่เจอกัน

              “ไอ้ม่อน..”
ผ่านไปหลายนาที ไอดิลจึงเอี้ยวหน้ามากระซิบ “หน้าพชรมันอร่อยเหรอวะ?”
ม่อนแจ่มไม่ตอบ ยังคงอ้าปากงับข้าวกะเพราะหมูกรอบพร้อมทั้งจ้องหน้าพชรอยู่อย่างนั้น แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจมองเขาแม้แต่น้อย
พชรสามารถมากกว่าที่เขาเคยเข้าใจเสียอีก เพราะไม่ใช่แค่อยู่ห้องเดียวกันแล้วพชรเมินเฉยใส่เขาได้ราวกับไร้ตัวตน แต่นี่กินข้าวโต๊ะเดียวกันและนั่งตรงข้ามกัน มันยังสามารถมองเมิน ไม่สบตากูได้อีก!

            “ไอ้ม่อน มึงเลิกจ้องหน้าพชรสักที” ไอดิลอดรนทนไม่ไหว
“ทำไม” ม่อนแจ่มถามกลับเสียงกระด้าง
“อย่าให้กูลำบากใจน่า” หนุ่มสิ่งแวดล้อมพึมพำ “กูรับปากมันแล้วว่าจะไม่ให้มึงระรานมัน”
“กูระรานตรงไหน กูก็มองเฉยๆ ทำความเดือนร้อนอะไรให้มันเหรอ ก็ไม่นี่” ปากพูดกับไอดิล แต่ตายังจ้องพชร
“ในเมื่อมันไม่มองกูได้ โดยที่คิดว่ากูจะไม่รู้สึกอะไร แค่กูมองมัน กูก็คงทำได้ โดยที่ไม่ต้องคิดว่ามันจะรู้สึกอะไรเหมือนกัน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   

             บ่ายวันเสาร์เป็นช่วงเวลาซักผ้า..
ไอดิลซึ่งเป็นเลิศในเรื่องการทำงานบ้านเอาผ้าไปซักก่อน ตามด้วยพชร ม่อนแจ่มเองก็ทำได้ไม่เลวหรอกในครั้งที่สาม
เขาขยี้สะอาดกว่าเดิม น้ำกระเด็นน้อยกว่าเดิมและเลอะเทอะน้อยกว่าเดิมด้วย แต่กระนั้น..

“มึงไปซักผ้าหรือตกถังซักผ้า เอาให้แน่ๆไอ้ม่อน” ไอดิลตั้งข้อสังเกต
“ฮึ่ย ช่างกูน่า” ม่อนแจ่มไม่ยอมให้ใครมาทำลายความภาคภูมิใจในการซักผ้า
“ถึงยังไง ความจริงก็คือผ้าถูกซักแล้วใช่ไหมล่ะ นั่นแหละ กูพอใจแล้ว”
ไอดิลหัวเราะลั่น
ตั้งแต่เปิดเทอมที่ตัวติดกับม่อนแจ่มแทบจะตลอดเวลา ยกเว้นเวลาเข้าเรียนวิชาเมเจอร์ ทำให้เขารู้ว่ารูมเมทเครื่องกลและเพื่อนร่วมคณะวิศวฯมาจากครอบครัวนักธุรกิจที่มีฐานะและท่าทางคงแทบไม่เคยต้องทำงานบ้านอะไรด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะม่อนแจ่มไม่ใช่คนเกียจคร้าน แต่แม่งตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เท่าที่มันจะทำได้
ชีวิตหอในไม่ได้สะดวกสบายนัก ห้องมีแต่พัดลม ห้องน้ำก็ใช้รวมกัน วันดีคืนดีไฟก็อาจดับ น้ำก็อาจไม่ไหล
แต่นอกจากกลัวและตกใจ ม่อนแจ่มไม่เคยบ่นอะไร
ก็มีเพียงเรื่องเดียวนั่นแหละที่เจ้าตัวบ่นอยู่ซ้ำๆ ..การถูกเมินเฉยจากรูมเมทปรัชญา..
ไอดิลมองรูมเมทเครื่องกลขำๆ “มึงเอาไปตากที่ระเบียงไป กูเหลือที่ไว้ให้”
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว “จะพอเหรอ ทั้งของมึง ของพชรอีก..”
“พชรไม่ได้ตากที่ระเบียง” ไอดิลยักไหล่ “มันเอาไปตากที่ลานข้างบน”

“ทำไม..”
“ก็..” ไอดิลขมวดคิ้ว “ไม่รู้ ถ้ามันตากก็คงไม่มีที่เหลือพอให้มึงมั้ง..”
“ก็มันซักก่อน มันก็มีสิทธิ์ตากก่อน ทำไมมันไม่-”
“ไอ้ม่อน” ไอดิลยกมือเบรก “กูไม่ใช่พชรนะ กูเห็นใจที่มันไม่พูดกับมึง แต่กูคงไม่สามารถตอบทุกคำถามแทนมันได้”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย มือที่ถือกะละมังสั่นน้อยๆด้วยความรู้สึกที่ปนเปกัน
“เหตุผลที่มันไม่ชอบมึงน่ะ กูก็ไม่รู้ แต่มึงทำใจให้สบายเถอะ พชรไม่ใช่คนเลวร้าย มันเป็นคนมีน้ำใจ”

นั่น.. กู.. รู้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


              ช่วงสามสัปดาห์แรก..
ยังไม่มีภาระงานด้านการเรียนมากนัก จึงทำให้ม่อนแจ่มสามารถทำสิ่งที่ชอบทำในเวลาว่างได้  ..วาดภาพ..
วันนี้ก็เช่นกัน มือเรียวกางฉากตั้งที่ไหว้วานลุงสมให้เอามาให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไว้หน้าเตียง สอดกระดาษขนาด A3 เข้าไป
เขารักการวาดภาพมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม ไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคำตอบ แค่เขาทำแล้วพอใจ ไม่มีโทษภัย ไม่เดือนร้อนใคร นั่นก็คงเพียงพอ..

ม่อนแจ่มไม่ใช่คนเครียด เพราะเขาไม่เคยเก็บความเครียดเอาไว้กับตัว
หากเสียใจ ผิดหวัง เขาจะกำจัดความรู้สึกด้านลบนั้นออกไป ความอัดอั้นตันใจทุกอย่าง เขาจะลากมันลงบนแผ่นกระดาษ
ให้มันรับความรู้สึกของเขาเอาไว้ เพื่อเหลือพื้นที่ในหัวใจสำหรับสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ที่จะมีเข้ามา

             บนใบหน้าของรูมเมทสิ่งแวดล้อมประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อเห็นเขาลงเส้นดินสอเบาๆ
ร่างเล็กของไอดิลนั่งขัดสมาธิบนพื้นกลางห้อง มองดูเขา.. แม้ไม่เห็นภาพที่วาด เพราะนั่งอยู่ตรงข้าม
ทว่า ไอดิลดูเหมือนจะไม่สนใจภาพ แค่สนใจเขา สนใจอากัปกิริยา สนใจการเพ่งสมาธิกับแผ่นกระดาษ สนใจการลากเส้นดินสอ..
จนในที่สุด ม่อนแจ่มต้องละมือ เลิกคิ้วน้อยๆให้
“มึงไม่ได้แอบชอบกูใช่ไหมเนี่ย?” เอ่ยเล่นๆขำๆ และนั่นทำให้ไอดิลหัวเราะลั่น
“ไอ้ม่อน ..มึงไม่ได้ใกล้เคียงหมอกเลย”
นั่นกูรู้ กูรู้ไงสัด
ไอ้หมอกมันหน้าหล่อ หุ่นนักกีฬา กูมัน..
เอาเป็นว่ากูดูเหมือนลูกหมาปอมเมื่อเทียบกับมัน แล้วมึงจะมามองกูด้วยสายตาแบบนั้นเพื่อ..

ไอดิลถอนใจน้อยๆ 
ไม่ใช่ด้วยความเคร่งเครียดหรือรู้สึกไม่ดี แต่มันเป็นความรู้สึกอื่นที่เหมือนกึ่งๆระหว่างความปิติกับความห่วงหาอาวรณ์
“พ่อกูก็ชอบวาดภาพ..”
อ่า..
“กูไม่ถนัดหรอก วาดไม่เป็น ทั้งที่ก็อยากวาดให้ได้เหมือนพ่อนะ แต่แค่จับดินสอก็มือแข็งแล้ว”
ไอดิลมองออกไปบนผืนฟ้าภายนอกระเบียง
“กูแค่.. แค่จำท่าทางของพ่อได้ จำรอยยิ้มของพ่อได้ กู.. กูจำลักษณะมือของพ่อได้ แม้กูจะวาดรูปไม่ได้”
ไอ้..ดิ้ล..
ม่อนแจ่มมองรูมเมทสิ่งแวดล้อมนิ่ง ก่อนที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูให้เพื่อนที่แทบจะกลายเป็นคู่ซี๊กันไปแล้ว
“ไอ้ดิ้ล ใครมันจะไปทำได้ทุกอย่างวะ มึงวาดภาพไม่ได้ แต่มึงเป่าขลุ่ยโคตรเทพ”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ..
เพราะหลายครั้งหลายหนแล้วที่เขาได้ยินไอดิลเป่าขลุ่ยดูโอกับกีต้าร์ของคนรักยามค่ำคืน
และเพลงที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ.. ‘แสงจันทร์’

“กูวาดภาพได้ แต่กูเป่าขลุ่ยไม่เป็น หรือแม้แต่เป่ากบก็ไม่เป็นเหมือนกัน”
ไอดิลหัวเราะกับมุกควายของม่อนแจ่ม
“ไปโทรหาพ่อมึงไป๊” รูมเมทเครื่องกลไล่ขำๆ ไอดิลจึงพยักหน้ารับยิ้มๆ

ม่อนแจ่มมองตามหลังเพื่อนร่วมห้อง..
ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วจะมีความผูกพันกับบิดามากถึงขนาดยอมรับออกมาอย่างเป็นธรรมชาติได้แบบนี้
ตัวเขาเองก็รักพ่อ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าแน่นแฟ้นมากถึงขนาดที่จะจดจำอากัปกิริยาหรือลักษณะต่างๆของพ่อได้หมด
อาจเป็นเพราะ.. เขาไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากมายนัก เพราะท่านก็งานยุ่งแทบจะตลอดเวลา
มารดาเองก็ทำงานร่วมกันในบริษัท ความยุ่งก็แทบจะพอๆกัน แต่ม่อนแจ่มไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด เขาเข้าใจดี
แม้ว่าคนที่เขาสนิทที่สุดที่บ้านจะเป็นป้าเพ็ญ ..แม่บ้านของเขาก็ตาม

ม่อนแจ่มถอนใจน้อยๆอย่างสบายอารมณ์ แล้วลงมือวาดต่อ..
พชรกลับเข้ามาในห้อง เห็นจากหางตาว่าร่างสูงๆนั้นชะงักไปเล็กน้อย หยุดมองนิดหนึ่ง
เอ๊ะ หรือกูตาฝาดไป..
ซึ่ง.. ก็คงตาฝาดนั่นแหละนะ
เพราะพอเงยขึ้นมา ร่างสูงก็หยิบกระดาษปากกามาเขียนอะไรก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าเฉยๆ เมินจักรวาลเหมือนอย่างเคย
ม่อนแจ่มถอนหายใจแรงๆ วาด.. วาด.. วาดสลับกับกับพ่นลมหายใจใส่พชร ..ซึ่งไม่ได้สนใจอะไรกูทั้งสิ้นเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


            “พชร กินข้าวเย็นกัน”
เป็นไอดิลอีกเหมือนเคยที่เอ่ยชวน รูมเมทร่างสูงส่ายหน้าน้อยๆ แต่ไอดิลตั้งท่าให้คำมั่น เขาต้องทำให้รูมเมทปรัชญามั่นใจและศรัทธาในศักยภาพการบริหารจัดการของเขา..
“พชร รอบนี้กูรับปากจริงๆ จะไม่ให้ไอ้ม่อนระรานมึงเลย” ไอดิลยืนยัน
“แบบ.. ไม่ให้แม้แต่นิ๊ดดด.. พอดีตอนกลางวันกูประเมินมันต่ำไปหน่อย เลยตั้งรับไม่ทัน”
อะไรบางอย่างทำให้คนขรึมแทบจะหลุดขำ “ไม่เป็นไร บทเครื่องกลจะบ่น ไม่มีใครหยุดมันได้หรอก”
“เฮ้ย พชร!” ไอดิลตาโต “ในที่สุด มึงก็เข้าใจหัวอกกูแล้วสิ”
พชรพยักหน้า “แต่เย็นนี้ไม่ได้จริงๆ มีธุระข้างนอก ขอตัวนะ”
“อ้อ เหรอ” ไอดิลพยักบ้าง “งั้นก็ขี่รถดีๆล่ะ”
พยักหน้าอีกครั้ง ก่อนคว้าเป้พาดบ่าและหันหลังเดินไป
“เอ้อ.. แต่ว่านะพชร..” ไอดิลเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้
“คนที่หยุดไอ้ม่อนได้ก็มี” ร่างเล็กขมวดคิ้วนึก “เพราะเวลามึงพูดทีไร ..กูเห็นไอ้ม่อนหยุดทุกที”


              สุดท้ายสองเมทวิศวฯจึงเดินเคียงไปพร้อมด้วยอีกหนึ่งหนุ่มจากวิทยาฯ เคมี พลางปรึกษากันว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเย็นดี
“เดินไปเที่ยวหลังมอกัน” ไอดิลออกไอเดีย
ไอหมอกหันมายิ้มน้อยๆให้คนรัก “เดินไหวนะ”
“โธ่” ไอดิลเบ้หน้า “สบายมากน่า ตอนพ่อ พ่อยังเดินได้เลย”
ว่าแล้วก็หันไปหารูมเมทเครื่องกล มองร่างเท่าเปี๊ยกของเพื่อนหนุ่มอย่างประเมิน “มึงเดินไหวนะม่อน”
ไอ้..ดิ้ล..
“ให้กูเดินไปตีลังกาไปยังได้เลยสัด!”
แม่ง กูทำไม่ได้หรอก กูหงุดหงิดเฉยๆที่เตี้ยกว่าใครเพื่อน
เมทสิ่งแวดล้อมหัวเราะขำกับท่าทีไม่สบอารมณ์นั้น รู้ดีว่าม่อนแจ่มไม่ได้น้อยใจอะไรจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความหมั่นไส้ เมทเครื่องกลจึงหันไปยุยงร่างสูง
“หมอก มึงรู้ไหม ไอ้ดิ้ลมันกวนตีนขนาดไหน ภาคสิ่งแวดล้อมลือมาถึงเครื่องกลเลยนะ นี่มึงทนมันได้ยังไง ทิ้งมันเหอะ ก่อนจะเสียประวัติว่ามีมันในลิสต์แฟนมึง ขอแนะนำ สาวเครื่องกลเพื่อนกู งามสุดในวิศวฯเลย กำลังหาหนุ่มออกเดท เธออยากได้คณะวิทยาศาสตร์ บอกว่าเป็นคนมีเหตุมีผลดี หมอกนี่แหละใช่เลย ทิ้งไอ้ดิ้ลเถอะ ทิ้งมันเลย!”
ก๊ากกก!
“หมอกไม่มีวันทิ้งกูหรอก”
ไอดิลได้แต่หัวเราะกับการพยายามโน้มน้าว ชักจูง และชี้ชวนนั้น พลางกระแซะถามไหล่หนาข้างๆ “เนอะหมอกเนอะ”
ไอหมอกส่ายหัวน้อยๆ แต่รอยยิ้มระบายบนริมฝีปากด้วยความขำ
“หมอก บอกเร็ว บอกเร็วว่าจะไม่ทิ้งกู” น้ำเสียงเริ่มกระเง้ากระงอด..
“หมอกกก.. บอกเร็วว่าไม่สนใจสาวไหน บอกว่ารักไอดิลคนเดียว บอกไอ้ม่อนเร็วๆเลย”
…..
ที่สุด.. ไอดิลก็หยุดเดิน เมื่อคนรักไม่ยอมพูดอะไรสักที ม่อนแจ่มได้ที แลบลิ้นปริ้นตาใส่อย่างล้อเลียน

“ดิ้ล มาเร็ว ข้าวน่ะ จะกินไหม?” ไอหมอกหันมาเลิกคิ้วใส่
ทว่า.. นั่นไม่ทำให้คนดื้อยอมตาม ร่างสูงจำต้องส่ายหัวแรงกว่าเดิม แล้วเดินกลับไปคว้าแขนเรียวเข้าหาตัว จูงเดินมาด้วยกัน
“รักไอดิลคนเดียว ไม่ทิ้ง ไม่เปลี่ยนใจ ไม่มีใครอื่น พอใจไหม หืม?”
นั่นไง!
“พอใจมากกก รักหมอกคนเดียวเหมือนกัน!”
ไอดิลยิ้มปากแทบฉีก พยักหน้าหงึกหงักและยักคิ้วให้ม่อนแจ่ม ทำเอาเมทเครื่องกลแบะปาก
“โอ๊ยยย เออ รักกันให้ตายเลยแม่ง!”
“ช่าย แฟนกูรักกู ไม่เหมือนใครบางคนว่ะ แม้แต่เมทก็ไม่รัก..”
“ไอ้ดิ้ล!” ม่อนแจ่มแหกปาก
แม่ง เหยียดเรื่องไหนก็เหยียดได้ แต่เรื่องนี้ กูรับไม่ได้จริงๆ 
“มึงไปบอกพชรให้มาต่อยกับกูเลย อยากมีเรื่องกับกู ให้มันมาเลยสัด”
“ฮ่ะๆ” ไอดิลหัวเราะ “มึงก็บอกมันเองอยู่ทุกวันนี่ แต่พชรไม่สนใจ แม้แต่เรื่อง.. พชรมันยังไม่อยากมีกับมึงเลยว่ะ”
“ไอ้ดิ้ล ไอ้สัด!” ม่อนแจ่มว้ากลั่น วิ่งไล่เตะรูมเมทคู่ซี๊ไปตามทางเดินที่ผ่านคณะวิศวกรรมศาสตร์
ไอดิลได้แต่วิ่งหนีพลางหัวเราะพลาง “ฮ่ะๆ เรียกทำไม มีอะไรเหรอ เครื่องกล!”
“เหี้ยเอ๊ยยย!” ม่อนแจ่มสบถหอบๆ หยุดวิ่ง “วันจันทร์ กูจะไปคณะมนุษยฯ”
ห๊ะ?
 ไอดิลเลิกคิ้ว หย่อนฝีเท้าลง วิ่งเหยาะๆกลับมาหาคนพูดด้วยความงง
“มึงจะไปทำไมของมึง”
“กูจะไปภาคปรัชญาและศาสนา”
ห๊า?
“ไปทำบ้าอะไร”
“กูจะไปมองหน้าพชร”
ไอดิลอ้าปากค้าง “เพื่อ?”
“กูอยากรู้.. ว่ามันจะจำกูได้หรือเปล่า”
“ทำไมจะจำไม่ได้วะ..”

ทำไมน่ะหรือ.. ทำไม?
เพราะพชรแทบไม่มองหน้าเขาเลย
วันแรกๆ เขายังไม่แน่ใจ แต่จนถึงวันนี้มันชัดเจน อีกฝ่ายปฏิเสธปฏิสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิง.. ไม่เรียกชื่อ ไม่รับรู้ ไม่พูดคุย
นี่มันยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก.. คนแปลกหน้ายังมีวันทำความรู้จักจนสนิทสนมและคุ้นเคย แต่นี่พชรแปลกแยกต่อเขา ในแบบที่ไม่มีวันจะเรียนรู้กันและกันได้
หากไม่มีห้อง 338 เป็นบริบทแวดล้อม บ่งให้รู้ว่าคือรูมเมท ม่อนแจ่มก็ไม่แปลกใจ ถ้า..พชรจะไม่รู้จักเขา
ถ้า.. เดินสวนกันสักที่ในมหาวิทยาลัย สักที่.. ที่ไม่ใช่ภายในห้อง 338 ม่อนแจ่มก็ไม่แปลกใจ ถ้า..พชรจะจำเขาไม่ได้

           “นี่มึงจริงจังเรื่องพชรขนาดนั้นเลยเหรอวะ..”
ไอดิลมองดวงหน้าขาวของเพื่อนอย่างเคลือบแคลง
“มึงไม่เคยโดนเกลียดแบบไม่มีเหตุผล มึงไม่เข้าใจ” ม่อนแจ่มเม้มปาก
“เออ กูไม่เข้าใจ กูโคตรไม่เข้าใจ” ไอดิลพยักหน้ารับ
“มึงจะไปเครียดทำไมวะ? เมทคนนึงไม่ชอบ ไม่พูดกับมึง แต่มึงก็ยังมีกูเป็นเมทที่แสนดีอีกคน เพื่อนมึงก็เต็มคณะ ครอบครัวมึงก็อบอุ่น แล้วมึงจะแคร์อะไรนักหนา?”
ม่อนแจ่มไม่ตอบ ได้แต่กัดฟันแน่น คิดตามคำพูดเหล่านั้น
“ในเมื่อพชรไม่เปิดรับมึงเข้าสู่โลกของมัน ทำไมมึงถึงไม่แค่.. ตัดมันออกไปจากโลกของมึง”

นั่นสิ.. ทำไมวะ?


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

แต่งแล้วรู้สึกย้อนวัยแฮะ (นี่หมายความว่าตูแก่?)
เอาเป็นว่าอ่านเรื่อยๆ ชิวๆ หวังว่าจะได้รับความบันเทิงใจในยามอากาศร้อน (มาก)
ขอบคุณเช่นเคยครับผม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2016 08:02:45 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 23/4/59 CH.3
«ตอบ #26 เมื่อ23-04-2016 15:02:04 »

ม่อนมันน่ารักวะ. ชักจะคิดว่าตอนเด็กพชรกะม่อนต้องรู้จักกันมาก่อนแล้วพอโตขึ้นม่อนจำพชรไม่ได้แน่ๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4
«ตอบ #27 เมื่อ27-04-2016 21:03:06 »


CHAPTER 4: Mon Cham of Mechanical Engineering

          “ผมม่อนแจ่มครับ ม่อนแจ่ม วิศวฯ เครื่องกล”
แทบทุกสายตาของคนที่อยู่บริเวณหน้าภาควิชาปรัชญาและศาสนาหันมามองผู้มาใหม่ในชุดนักศึกษาปีหนึ่งพร้อมหนีบแฟ้ม Entaneer อย่างงุนงง นี่มันมาหาเสียงหรือไง?

“เอ่อ.. มี มีอะไรให้ช่วยหรือนักศึกษา”
อาจารย์ท่าทางดูดีมีพุงขยับแว่นกรอบดำเล็กน้อยเอ่ยทักทายเขา ม่อนแจ่มเองก็ขยับแว่นกรอบแดง เอ่ยตอบไป
“ผม.. ผมอยากจะ คือ.. ผมอยากจะลงตัวฟรีของภาควิชาปรัชญาน่ะครับ เอ่อม.. สำหรับภาคเรียนถัดไป ผมอยากขอคำปรึกษาจากเด็กปีหนึ่งปรัชญา ว่า..ว่าผมควรจะลงตัวไหน”

เอ่อ..
อาจารย์ชะงักไปประเดี๋ยวหนึ่ง แต่แล้วก็พยักหน้า
“เอ้า เพื่อนปีหนึ่งของพวกเธอจากคณะวิศวฯ อยากจะให้ช่วยแนะนำ..”
“อาจารย์ครับ” ม่อนแจ่มหนีบแฟ้มไว้กับจั๊กแร้ ก่อนเอ่ยอย่างขอโทษขอโพย
“แบบว่า.. ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนนักศึกษาที่น่ารักเท่าไหร่ ขอเป็นคนนั้นมาแนะนำได้ไหมครับ ดูเขาจะว่างอยู่..”

ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะมาเจอ.. ยิ่งในช่วงพักกลางวันแบบนี้
ทว่า แว่นแดงนั้นนำสิริมงคลมาสู่เราเสมอ นักศึกษาปีหนึ่งภาควิชาปรัชญาและศาสนาดูท่าเพิ่งจะเลิกคลาสและมายืนออกันอยู่หน้าห้องภาควิชาเพื่อสอบถามเพิ่มเติม นักศึกษาปีหนึ่งหลายคน รวมไปถึง.. หึหึ..

“เอ้า เธอ พชร!” อาจารย์ส่งเสียงเรียก
“เธอเขียนงานดีมาก เป็นเธอดีแล้ว มา ช่วยมาแนะนำเพื่อนจากคณะวิศวฯหน่อย”
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมา นั่งอยู่ในห้องสาขาวิชา ไกลออกไปจากคนอื่นๆ
ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ พยักหน้าให้อาจารย์ แล้วก้าวยาวๆออกมา พ่นลมหายใจเล็กน้อย เหล่ตาไปทาง ‘เพื่อนจากคณะวิศวฯ’ คนที่ว่า

“อ่า ทำไมอยากลงเรียนปรัชญาล่ะคะ” สาวน้อยปรัชญาทำหน้าฉงนใส่ ม่อนแจ่มจึงตอบไปอย่างมั่นใจ
“เพราะผมอยากเข้าใจคนเรียนปรัชญาครับ!”

..


              “ต้องลงวิชาที่ไม่ติด Pre.  ควรเริ่มต้นด้วย Introduction to Philosophy เป็นตัวพื้นฐาน เข้าใจปรัชญาอย่างกว้างๆ”

เข้าประเด็น ไม่มีอารัมภบท และเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เคยได้ยินเสียงเข้มเอ่ยมา
อัศจรรย์! ม่อนแจ่มคิด ไม่เสียแรงที่ถ่อมาถึงที่นี่ เหี้ย.. พชรมันพูดเกินสิบคำอีกแล้ว เกินสิบไปเยอะเลย
ว่าแต่.. มึงจำกูได้ไหมนี่?

            “ถ้าเรียน Intro แล้วยังอยากลงต่อเพิ่ม ก็แนะนำ Philosophy of Sufficiency Economy ก็แล้วกัน ไม่ติด Pre. และเอามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้”

เหี้ย.. นี่มันโคตรของความมหัศจรรย์ เกินยี่สิบคำแล้วเว้ย!
อะไรของแม่งวะ ปกติแทบไม่พูดกับกู นี่มึงมาแบบเป็นการเป็นงาน เล่นเอากูงง
หรือมึงสลับโหมดได้ ระหว่างโหมดรูมเมทเย็นชาแห่ง 338 กับโหมดหนุ่มผู้ทรงภูมิแห่งภาควิชาปรัชญาและศาสนา?
แต่ก็นั่นแหละ ..อาจเพราะมันไม่รู้ว่ากูเป็นใคร
..


         “รหัสวิชาครับ”
มือแข็งแรงจดรหัสวิชาหวัดๆลงบนแผ่นกระดาษ แล้วส่งให้กับ..เพื่อนจากคณะวิศวฯ
ม่อนแจ่มมองคนตรงหน้าค้าง ความรู้สึกบางอย่างหนักอึ้งอยู่ในหัว มือยื่นไปรับแผ่นกระดาษมา ห้ามตัวเองไม่ทันที่จะเอ่ยเรียกแผ่วๆ
“พชร..”
ร่างสูงที่ตั้งท่าจะหันหลังชะงักนิดหนึ่ง เลิกคิ้วน้อยๆให้
“เอ่อ.. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ”
ดวงหน้าคมสันพยักรับ แล้วหันหลังเดินไป
“พชร..”
เรียกอีก เรียกแผ่วเบาจนเจ้าของชื่อคงไม่ได้ยิน เรียกทั้งที่รู้.. รู้ว่าคง.. จำไม่ได้..
ตัวขาวๆ เตี้ยๆ แบบนี้มีทั่วมหาวิทยาลัย พชรคงแยกเขาจากคนอื่นๆไม่ออกหรอก

แต่ถามว่ายอมแพ้ไหม? NEVER!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

             “ห๊ะ?”
นี่คือเสียงอุทานของไอดิล ภายหลังเดินขึ้นห้องมาในยามค่ำคืน
รูมเมทเครื่องกลยืนวาดภาพ.. ไม่ได้น่าแปลกใจ งานอดิเรกของม่อนแจ่มคือวาดภาพ เขาเรียนรู้แง่มุมนี้ของเพื่อนร่วมห้องแล้ว ทว่า ภาพที่ม่อนแจ่มกำลังวาดอยู่ขณะนี้ มัน..ค่อนข้างประหลาด แถมถ้อยคำที่พึมพำนั้น..

“พชร..”
“พชร เพชรหละปูน”
“พ..ช..ร”

“มึง.. มึงทำอะไรอยู่วะ?” ไอดิลจำต้องถาม เพราะไม่ใคร่แน่ใจ
“ทำ Mind Map” ม่อนแจ่มเอ่ยตอบสั้นๆ พอดีกันกับที่อีกหนึ่งเพื่อนร่วมห้องเดินเข้ามา..
“Mind Map?” ไอดิลเลิกคิ้ว
“กูพยายามใคร่ครวญเป็นรอบที่ยี่สิบเอ็ดว่ากูเคยรู้จักแม่งหรือเปล่า แล้วเคยทำอะไรให้มันไม่พอใจ”
ม่อนแจ่มอธิบาย ไม่สนใจที่จะเบาเสียงลง ขณะลงเส้นโยงไปมาบนแผ่นกระดาษที่แปะติดผนังอยู่กลางห้อง
“กูอยู่เชียงใหม่มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยไปลำพูนด้วยซ้ำ..” เสียงเล็กงึมงำ
“กูไม่เคยแย่งน้ำแข็งใสจากใครที่ชื่อพชร กูไม่ได้ลักลอบเข้าไปขโมยลูกแมวในบ้านที่เจ้าของนามสกุลเพชรหละปูน..”

ไอดิลมองหน้ารูมเมทอย่างไม่อยากจะเชื่อ ลอบหันไปมองพชรที่เพิ่งเข้ามานิดหนึ่ง แล้วเดินไปดู Mind Map ของม่อนแจ่ม

          พชรเวอร์ชั่นหัวโต ตัวเล็กและพ่นไฟได้ยืนอยู่ตรงกลางแผ่นกระดาษ พร้อมด้วยกรอบคำพูด..
‘กูไม่ชอบมึง’
และ.. ม่อนแจ่มเวอร์ชั่นหัวเล็กกว่านิดหน่อย แต่ตัวใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม รวมถึงสูงกว่าพชร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในความจริง ทำท่าตั้งการ์ดรับประจันหน้ากัน พร้อมกรอบคำพูด..
‘มึงจะต่อยกับกูไหม!?’

นอกเหนือจาก  Mind Map ขนาด A4 ที่เจ้าตัวกำลังทำ ยังมีภาพวาดการ์ตูนขนาด A3 แปะติดอยู่บนผนังในส่วนที่คนนอนเตียงเดี่ยวคงเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด
กลางภาพมีเด็กหนุ่มใส่แว่นหัวโต ในชุดนักศึกษาผูกเนคไท ถือแฟ้ม Entaneer แนบลำตัว พร้อมคำบรรยายตัวเท่าเบ้งว่า..

‘กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล’

ไม่ใช่แค่ไอดิลที่อ้าปากค้าง ทว่า พชรเองก็ทนไม่ไหวแล้ว
เรื่องมันควรจะเครียด แต่พชรขอออกไปข้างนอกก่อน เขาขอไปขำสักแป๊ป..

           “ไอ้ม่อน นี่มึง..” ไอดิลเกาหัวอย่างเหนื่อยๆ
“นี่มึงไม่คิดจะยอมแพ้เลยเหรอวะ กูบอกแล้วไง แค่ตัดพชรออกไปจากโลกของมึง!”
“ไม่! กูไม่ยอมแพ้แม่งหรอก” ม่อนแจ่มประกาศลั่น “กูต้องทำให้มันพูดกับกูให้ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นอะไรของมัน”
ไอดิลกลอกตาไปมา “เดี๋ยวพชรรำคาญ มันก็จับมึงโยนออกนอกห้องหรอก”
“ไม่กลัว! นี่ใคร?” นิ้วเรียวจิ้มอกตัวเอง “นี่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกลนะเว้ย กูจะแพ้เด็กปรัชญาเหรอวะ”
..
คนฟังไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ได้แต่เสมองเพดานอย่างไม่อยากจะสบตาคนพูด
“เด็กปรัชญาน่ะเคยทำเด็กวิศวฯพ่ายแพ้มาแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นวี่แววชนะ เรื่องนี้ มึงเชื่อกูเหอะ อย่าประมาทไป..”
ไอดิลพึมพำ จากประสบการณ์ยาวนานกว่าสิบเก้าปี..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล”
ร่างเล็กนั่งขัดสมาธิ ประจำการบนเตียงล่างของตัวเอง 
ไม่เห็นเป็นไรที่คนคนหนึ่งมันจะไม่ยอมเรียกชื่อเรา มันจะทำเหมือนเราไม่มีตัวตน
ช่างแม่งสิวะ.. เพราะยังไงเสีย กูก็คือ..
“ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล”
...
….
“นี่กลัวว่าจะลืมตัวเองหรือไง..”
ไม่อยากบ่น แต่จำต้องบ่น เมื่อรูมเมทเตียงล่างที่นั่งขัดสมาธิบนเตียงตั้งท่าจะย้ำชื่อและบรรดาศักดิ์ของตัวเองเป็นรอบที่สาม

“กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล..”
..

พชรกลอกตาไปมา พยายามเพ่งสมาธิอยู่กับเอกสาร Introduction to Philosophy ในมือ แต่ทำไม่ได้เพราะเสียงย้ำซ้ำไปซ้ำมาอย่างดังและฟังชัดนั้น
“เตียงล่างมันบ๊องหรือไอดิล? จะย้ำซ้ำๆทำไม”

มึงไม่ถามมันล่ะ มาถามกู เฮ่อ..
ไอดิลจำต้องเงยหน้าขึ้นมาจากเตารีด แขวนชุดของคนรักไว้กับราวบันไดเตียงบน แล้วตอบคำถามรูมเมทเตียงเดี่ยว
“คงไม่หรอก มันอาจจะแค่.. อยากให้คนแถวนี้จำมันได้ ก็ได้มั้งงง..”
ก็ไม่รู้จะตอบยังไง ไอดิลจึงอาศัยความน่าจะเป็น แล้วส่ายหน้าน้อยๆ เก็บเตารีด หยิบชุดนักศึกษาไปเคาะห้องคนรัก..
หมอกอยู่.. จึงชวนไปนั่งคุยเล่นที่ม้านั่งริมทางเดินหอ

            “วันนี้ไม่ซ้อมบอลเหรอ”
“หยุดบ้าง เดี๋ยวทำงานส่งไม่ทัน”
ไอหมอกยิ้มน้อยๆ แต่เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดมุ่นของคนรัก จึงถามค่อยๆ “มีอะไรหรือเปล่า”
และนั่นแหละ.. ไอดิลจึงเล่าให้ฟัง

            “เราช่วยเหลือรูมเมทแต่ละคนในแบบที่เราทำได้ เข้าใจไหม”
เสียงเข้มย้ำเตือน “แต่นั่นมันปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา อย่าเครียดมากไป”
“พชรนี่ก็จริงๆเลย มันไม่สนใจไยดีอะไรทั้งสิ้น ทำเหมือนไอ้ม่อนไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง ไอ้ม่อนก็ได้แต่นั่งขัดสมาธิทำหน้ายู่ยี่อยู่บนเตียง แม่งท่านั้นตลอด มันนั่งคิดว่าทำไมพชรถึงไม่ชอบมัน”
ไอดิลถอนใจ เล่าเรื่อยๆ อย่างอยากระบายความอึดอัด “นี่ม่อนมันตั้งใจอ่านใจพชรมากกว่าตั้งใจเรียนวิศวฯอีกนะเนี่ย”
“เหลวไหลน่า” ไอหมอกหัวเราะน้อยๆ
“ไว้กูไปเล่าให้ไอ้ฝันฟังดีกว่า ดูซิมันจะว่าไง”
ไอดิลหมายมั่น ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเขาก็มักจะเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนรักเก่าแก่นามว่า ‘ในฝัน’
“ตามใจ” ไอหมอกยิ้มๆ “แต่ถ้ารู้ว่าเพื่อนเครียด มึงก็อย่าไปล้อมากนักนะ เพราะถ้าไม่แคร์ ม่อนคงไม่มานั่งคิดว่าทำไมพชรไม่ชอบมัน นี่มันคิด ก็แปลว่ามันต้องแคร์”
ไอดิลพยักหน้ารับ แต่แล้วก็พ่นลมหายใจ
“เฮ่อ.. พชรมันเป็นอะไรของมัน คนเราจะไม่ชอบกันมากขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันได้ด้วยเหรอหมอก”
ไอหมอกพ่นลมหายใจเช่นกันในตอนนี้ 
“อย่าให้กูพยายามเข้าใจเด็กปรัชญาเลย ทุกวันนี้ยังสื่อสารกับพ่อน่ารักไม่ค่อยจะรู้เรื่อง”
ไอหมอกเอ่ยถึงพ่อ หนึ่งในสองคนของคนรัก ซึ่งเรียนมนุษยฯ ปรัชญาเช่นเดียวกัน และนั่นทำให้ไอดิลหลุดหัวเราะ
“อยากรู้.. ว่าถ้าพ่อน่ารักมาเจอพชรจะเป็นยังไง ประมาณว่าสองเกรียนปรัชญา คนหนึ่งพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนอีกคนไม่พูดอะไรเลย ไม่รู้จะเข้าใจกันไหม”

แล้วสองเสียงหัวเราะก็ดังประสานเมื่อจินตนาการถึงเรื่องนั้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ไฟในห้อง 338 ดับมืดลงแล้ว.. แต่ม่อนแจ่มยังไม่หลับตา แว่นแดงก็ไม่ถอดออก
ร่างเล็กนอนตะแคงขวา สายตาเพ่งมองนิ่งๆ ไปยังรูมเมทเตียงเดี่ยวที่นอนหันหลัง เดี๋ยวสักพักแม่งก็ต้องหันมาวะ..
แล้วพชรก็พลิกตะแคงหันมาจริงๆ ดวงตาคมก็ยังไม่หลับเช่นกัน จึงได้มองเห็นว่าสายตาภายหลังกรอบแว่นนั้นมองมา
ม่อนแจ่มมอง มอง.. กูจะมองจนมึงจำหน้ากูได้เลย ถึงแม้ในห้องจะมืดก็ตาม..
ร่างเล็กคิดอย่างง่วงงุน ก่อนสติจะค่อยๆหลุดลอย ใบหน้าพชรเริ่มพร่าเลือน ทั้งๆที่ยังใส่แว่นอยู่

           พชรหลับตาลง..
ไม่อยากสนใจสายตาที่มองมา
เห็นใจ.. ไม่ใช่ไม่เห็นใจ แต่จะให้ทำอย่างไร ไม่ชอบ.. ก็คือไม่ชอบ

            เฮ่อ.. ถอนใจเป็นรอบที่สาม
แล้วก็เป็นพชรที่ตัดสินใจว่าต้องลุกขึ้นจากเตียง เมื่อร่างเล็กบนเตียงฝั่งตรงข้ามหลับตานิ่งไปพักใหญ่แล้ว หลังจากเล่นเกมส์จ้องตาไปราวครึ่งชั่วโมง หลับไป.. ทั้งๆที่แว่นแดงยังคาตา
ร่างสูงค่อยๆเดินไปยังเตียงล่าง ย่อเข่าลงบนพื้น ค่อยๆ ถอดแว่นของคนหลับออกจากดวงหน้า อดไม่ได้ที่จะพิจมองเจ้าของลมหายใจสม่ำเสมอนั้น

           นี่หรือ คือ.. 'ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์'
ทายาทคนเดียวของคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์ เจ้าของธุรกิจส่งออกอันดับต้นๆของภาคเหนือ
มันควรจะเป็นคุณชายผู้หยิ่งผยองไม่ใช่หรือ แล้วไหงกลายเป็นเด็กเกรียน ตัวเท่าเปี๊ยก หน้าตามุ้งมิ้ง พร้อมแว่นแดงเป็นอ๊อบชั่นเสริมแบบนี้ได้

            พชรลอบถอนหายใจอีกครั้งในความมืด
ไม่ได้คาดคิดว่าต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน ..ไม่อยากเรียกชื่อ ..ไม่อยากทำความรู้จัก
เพราะหากถึงเวลาที่ต้องทำอะไรที่ใจร้าย จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายมิตรภาพ..
เข้าใจไหม.. ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
«ตอบ #28 เมื่อ27-04-2016 21:30:16 »

นั่นไง มันต้องเหตุผลซิว่าทำไม พชรถึงไม่ชอบม่อน เกือบจะได้รู้ละ  :katai2-1:

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
«ตอบ #29 เมื่อ28-04-2016 00:27:51 »

ขัดผลประโยชน์กันเหรอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด