ตอนที่ 5 ทั้งที่ในงานเลี้ยงวันเกิดของดร.เคมีของกินมากมายเหลือเฟือ แต่ 2 หนุ่มตัวเล็กก็ยังชวนกันไปหาอะไรกินกันต่อที่โรงบุฟเฟ่ต์ที่เปิด 24 ชั่วโมงกันต่ออีกรอบ
“มึงจะกลับไปซ้อมเพลงหรือจะอ่านหนังสือ” มิคกี้ถามทั้งที่กุ้งเต็มปาก
“ยังไม่ได้ตัดสินใจ” วินวินบอก “พรุ่งนี้กูมีนัดหมอฟัน”
“ไปดึงฟันเหยินอีกเหรอ”
วินวินเอื้อมมือไปตบหัวเพื่อนทันที “จัดฟัน! เรียกให้มันมีสกุลรุนชาติกะเค้าหน่อย”
“เออ จัดฟัน มีสกุลนักนะมึงน่ะ ถ้ามึงต้องไปหาหมอแต่เช้า กูจะได้ซ้อมเพลงอยู่ห้องกูไง” มิคกี้บอกแล้วหันไปหาแก้วนมสดกระดกจนหมดแก้ว
“เออ..” วินวินหันไปยกแก้วนมสดของตัวเอง แต่พอวางแก้วลง มือใหญ่สอดเข้ามาคว้าคางเล็กๆให้หันมาแล้วใช้นิ้วมืออีกข้างเช็ดคราบนมสีขาวที่ริมฝีปากให้
วินวินไม่ได้แค่ตาค้าง แต่ว่าทั้งมิคกี้ และคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆก็มีอาการสมองมึนงงไปพอกัน แต่มือกีตาร์ตัวโต – คนที่เช็ดปากให้เมื่อครู่- กลับนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเล็กในโรงอาหารเหมือนไม่ได้ทำอะไรที่ผิดปกติ
“เมื่อกี้กินที่งานไม่อิ่มหรือไง” กลาสหันมาพูดยิ้มๆ
“เมื่อกี้...อะ อ๋อ..” ในที่สุดสติก็กลับมาหาวินวิน “ได้กินซะที่ไหนล่ะ พอได้รางวัลก็รีบมุดออกมาจากงานเลยเนี่ย”
กลาสพยักหน้า จ้องมองอาหารในถาดที่หมดแล้ว “มิน่าล่ะ ถึงไม่เห็น”
“แล้วไม่ได้กินเหมือนกันเหรอ กินไร”
“ไม่แล้ว พอดีจะกลับหอ ผ่านมาเห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ก็เลยแวะมาดู”
มิคกี้ขยับแว่นตาเตรียมพร้อมทำหน้าที่พ่อสื่อ “เราอิ่มกันแล้วหล่ะ จะกลับแล้ว”
วินวินพยักหน้า แล้วหันไปหยิบชีทเพลง ขณะที่มิคกี้หันไปอุ้มไวโอลินของตัวเองกับชีทเพลง
“มึงไม่ต้องช่วยเก็บงานเหรอ” วินวินถามขณะที่เดินออกมาพร้อมกัน
“พวกรุ่นพี่เค้าให้ไอ้พวกที่เล่นเกมแพ้อยู่เก็บงานน่ะ”
เงียบกันไปจนเดินมาถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กหน้าโรงบุฟเฟต์ ที่ยังมองเห็นหลังคาของกลุ่มหอพักอยู่ไม่ไกล
“วินวิน”
“อือ”
กลาสหยุดนิ่งไปสีหน้าเคร่งเครียดไม่เปลี่ยนแปลง จนวินวินต้องเป็นคนพูดออกมาก่อน “คืนนี้กูคงไม่ได้ซ้อมเพลง เพราะพรุ่งนี้มีนัดจัดฟัน มีไรก็ตามไปคุยกะกูที่ห้องละกัน”
กลาสขับรถตามมอเตอร์ไซค์ 2 คันกลับมาที่หอพัก นิ้วเรียวยาวที่ปลายนิ้วหยาบจากการเล่นดนตรีเครื่องสายเคาะที่พวงมาลัย
มันจะเร็วไปมั้ยที่จะพูดกับคนๆนี้อย่างตรงไปตรงมา
หรือว่ามันช้าเกินไป เพราะท่าทีของรุ่นพี่คนนั้นที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนอยู่ข้างๆ คนที่เขาแอบชอบมานาน แล้วท้าว่าจะเอาหัวใจของวินวินไปให้ได้
ทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้ว่าเขาคือศิษย์เก่าที่นี่ ที่หันไปสานต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัว แต่กลับมารับงานช่วยสอนในมหาวิทยาลัย คุมวงดนตรีทรีโอของพี่นาโอมิและเพื่อนๆ ที่กำลังจะเดินทางไปแข่งขันในฝรั่งเศส
สิ่งที่ทำให้กลาสประหลาดใจก็คือ รุ่นพี่คนนี้ มักจะคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ วินวินอยู่ตลอดเวลา โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกผิดสังเกต
แต่บางอย่างที่เห็น และรับรู้ ก็แสดงว่าวินวินไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจรุ่นพี่คนนั้นเหมือนกัน
....ยิ่งคิดยิ่งมองเห็นเจตนาของรุ่นพี่คนนี้ชัดเจน
....แต่อะไรทำให้เขาต้องทุ่มเทมากมายขนาดนี้
....เรื่องอะไร! กูมองน้องมาตั้งแต่วันสอบเข้าที่นี่ คอยเอาใจอยู่ทุกวันเช้ายันเย็น ไม่ยอมให้ไอ้รุ่นพี่นั่นคว้าไปได้ง่ายๆแน่!....
กลุ่มหอพักของมหาวิทยาลัยดนตรีประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารความสูง 4 ชั้น อาคารแต่ละหลังมีห้องพักเพียง 14 ห้อง ห้องหนึ่งพักเพียงคนเดียว เพราะต้องมีพื้นที่สำหรับเครื่องดนตรีของแต่ละคน
อัตราค่าเรียนของที่นี่จึงไม่ได้ถูกเลยสักนิด
กลาสเอารถไปจอดที่หน้าหอพักของตัวเอง แล้วสะพายกระเป๋ากีตาร์หนังหอบแฟ้มชีทเดินกลับมาที่หอพักของวินวิน
เด็กหนุ่มที่ยืนรออยู่ที่ประตูด้านหน้า แล้วเข้าไปด้านในอาคารพักพร้อมกัน
ห้องพักของวินวินอยู่ชั้น 4 ด้านริมขวามือ
เปียโนวางอยู่กลางห้อง ชิดผนังซ้ายมือคือเตียงนอน กับคู่เสื้อผ้า ส่วนขวามือคือโต๊ะหนังสือ และห้องน้ำเล็กๆเป็นห้องพักที่เรียบง่ายเหมือนกันหมดทุกห้อง
ต่างกันก็คือเครื่องดนตรีที่อยู่ตำแหน่งกลางห้อง
หนุ่มหน้าใสวางหนังสือที่โต๊ะ แล้วหันมามองหน้าเพื่อนตัวโต แต่เมื่อเพื่อนยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้อง วินวินก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับออกมาอีกที กลาสก็เปลี่ยนไปนั่งอยู่ที่พื้นหน้าเตียงนอนแล้ว
วินวินเดินเข้าไปนั่งเผชิญหน้า จับที่เข่าของเพื่อน “พูดได้หรือยัง”
กลาสพยักหน้าช้าๆ “วินวินคบกับรุ่นพี่ลีโออยู่หรือเปล่า”
วินวินกระเถิบตัวถอยหลังทันที “พูดอะไร จะบ้าหรือไง”
ใบหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง เงยขึ้นสบตา “ที่งานวันเกิดด๊อกเตอร์มีคนคุยกันว่าวินวินนั่งตักรุ่นพี่ซ้อมเพลง แล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันหลายครั้งแล้ว”
“อะ...เอ่อ...เรื่องนั้น..” วินวินนึกคำพูดไม่ออกได้แต่หน้าแดง จนทำให้กลาสรู้สึกเหมือนหมดแรง
“วินวินเคยถามผมว่า ทำไมผมถึงใช้คำสุภาพกับวินวินใช่มั้ย”
หนุ่มหน้าใสที่กำลังแก้มแดงเรื่อเม้มปากแน่น ขณะที่พยักหน้า
“นั่นก็เพราะว่า วินวินมีความหมายกับผมมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่ถ้า....วินวินชอบรุ่นพี่ ผมก็จะไม่ดึงดันต่อไป”
กลาสขยับตัวจะลุกขึ้นแต่วินวินกดเข่าไว้ให้นั่งลงกลับไปที่เดิม
“เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้ตอบคำถามของมึง...เอ่อ....” เหมือนวินวินจะนึกอะไรออกอีกอย่าง “....พี่กลาส....”
ดวงตากลมๆ มองมือตัวเองสลับกับใบหน้าของอีกฝ่าย “คือที่จริงผมก็อยากให้...พี่กลาส...กลับไปห้องหรอกนะ แต่หลายวันมานี่ ผมเห็นพี่ดูเครียดๆ ไปก็คิดว่าผมควรจะตอบอะไรสักอย่างใช่มั้ย”
นิ้วมือขาวๆของวินวินยังกดอยู่ที่เข่าของกลาส ขณะที่สมองคิดทบทวนเกี่ยวกับ...กลาส นักศึกษามือกีตาร์ร็อค คนจริงจัง เพื่อนร่วมวิชาพื้นฐาน แต่กลับมีอายุมากกว่าเขาเป็นปี เพราะมัวแต่ไปเดินสายกับวงดนตรีร็อค กว่าที่จะกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
แต่เมื่อคิดถึงไอ้พี่กลาสคนที่อยู่ข้างหน้า ในสมองก็กลับมีภาพของอีกคนผุดขึ้นมาคู่กัน
.....รุ่นพี่ลีโอ คนดังของมหาวิทยาลัย คนที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามานั่งข้างๆ แล้วแสดงท่าทีเหมือนรู้จักกันมานาน
“วินวิน” เสียงใหญ่ๆของกลาสดึงวินวินกลับมาอีกครั้ง “ผมรู้ว่าคำตอบมันไม่ได้จะเกิดขึ้นมาเอง ผมเองก็คิดอยู่นานจนแน่ใจ แล้วตอนนี้ผมก็คิดว่าผมควรจะบอก”
“แต่ถ้าผมไม่พูดอะไรสักอย่างมึง...เอ่อ..พี่ก็จะเครียดอีกใช่มั้ย”
กลาสถอนหายใจยาว นี่เป็นนิสัยถาวรของหนุ่มคนนี้จริงๆ ไอ้นิสัยรอมชอมและหวังดีกับคนไปทั่วที่ลามมาถึงไม่อยากให้เขากับรุ่นพี่ลีโอมีเรื่องกัน
“ก็คงไม่เครียดไปกว่านี้แล้วหล่ะ”
วินวินท่าทางเหมือนเหนื่อยใจ “ผม..รู้อยู่เหมือนกันว่ามันมีอะไรแปลกๆ แต่ก็คิดว่าเพราะผมเด็กกว่าพี่เยอะ พี่เลยเห็นผมเป็นน้องไม่อยากให้ผมเทียบชั้นเป็นเพื่อนพี่ ไม่คิดว่าพี่จะคิดกับผมแบบนี้”
“วินวินไม่คิดว่าแปลกหรือ”
“มีอะไรแปลก พวกร็อคไม่มีเพศนี่นา” หนุ่มตากลมตอบอย่างตรงไปตรงมา นักดนตรีร็อคจูบกันกลางเวทีเป็นเรื่องปกติ
การที่วินวินเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าที่คิดทำให้กลาสเริ่มเบาใจลง “ผมกลัวว่าวินวินจะปฏิเสธ”
“แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ตอบรับอะไรสักอย่างนี่ แค่เข้าใจพื้นฐานของคนดนตรีเท่านั้น”
กลาสกลับมาหนักใจอีกครั้ง “จริงสินะ ผมคิดเข้าข้างตัวเองเร็วไปหน่อย”
“ผมไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะว่า...”
“วินวินรู้สึกดีกับรุ่นพี่ใช่มั้ย”
วินวินเงียบไปแล้วพยักหน้า ทำให้กลาสรู้สึกเจ็บในอกจนจุก
“แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีเวลาที่อยู่ใกล้ๆ ไม่อยากขัดใจ ไม่อยากทำให้โกรธ เหมือนเวลาที่ผมอยู่กับพี่น่ะแหละ”
*--* จบตอนที่ 5 *--*

จิ้มคนข้างล่างรอเลยแล้วกัน