ราคาฝัน # 02
แก้วกาแฟทรงสูงถูกวางลงท่ามกลางกองกระดาษร่างนับร้อยแผ่นที่สุมกันอยู่บนโต๊ะของพ่อคนช่างสรรค์สร้าง ของเหลวสีเข้มภายในส่งกลิ่นหอมฟุ้งสร้างบรรยากาศน่าทำงานให้กับออฟฟิศในเช้าวันใหม่ได้เป็นอย่างดี
“วันนี้คอฟฟีเมตหมด มึงแดกกาแฟดำไปก็แล้วกันนะ”
จินดาเงยหน้าขึ้นจากงานที่ติดพันก่อนส่งยิ้มอวดแผงฟันให้คนปากร้ายแต่ใจดีไปเสียหนึ่งที “ขอบคุณมากพี่ ขาดพี่ไปสักคน เช้าๆผมคงไม่มีกาแฟดื่ม ยังไงก็ห้ามลาออกก่อนผมนะ”
“ไม่ต้องมาทำปากหวาน จะหลอกใช้กูไปเรื่อยๆก็บอกมาเหอะ” โกวิทกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบห้าวอันเป็นเอกลักษณ์แล้วจึงยกแก้วอีกใบในมือขึ้นจรดริมฝีปากตัวเอง
...เป็นหน้าที่ของนายโก๋มานานแล้ว...
...หากเช้าวันใดไม่ได้ชงกาแฟคราวละสองแก้วเช่นนี้ เห็นทีว่าวันนั้นทั้งวันเขาคงมีอาการไม่ต่างไปจากคนท้องผูก...
“คอนเซ็ปต์มึงไปถึงไหนแล้ววะ? ขอดูบ้างสิ” ชายหนุ่มเอ่ยถามก่อนจะโน้มตัวลงไปพินิจภาพสเก็ทช์ในกระดาษร่างตรงหน้ารุ่นน้องตัวดี
ลายเส้นสีดำสนิทจากปลายปากกาลามี่คู่ใจโยงใยทับไขว้กันไปมาจนเกิดเป็นภาพอาคารแบบหยาบๆ
“โห...โหดสัตว์” โก๋อุทานออกมาเช่นนั้นพลางเบิกตาขึ้นน้อยๆ “มันมีที่มายังไง? อธิบายให้กูฟังหน่อย”
คำถามทำนองนี้เป็นคำถามประเภทที่จินดาโปรดปรานนักแล สถาปนิกหนุ่มไฟแรงไม่รอช้าที่จะสาธยายแนวความคิดของตนให้รุ่นพี่คนสนิทฟังด้วยท่าทางแสนกระตือรือร้น
...หากแต่ยังไม่ทันจะได้ปิดความอย่างครบถ้วน ประโยคของจินดาก็ถูกใครอีกคนแทรกเสียงเข้ามาเบรกไว้เสียก่อน...
“เอาอีกแล้ว!” บุรุษผู้เป็นเจ้าของสตูดิโอก้าวสวบๆเข้ามาหาลูกน้องทั้งสองด้วยสีหน้าเอือมระอา “มึงเปลี่ยนโจทย์เขาอีกแล้วเหรอเนี่ย? ตะกี้กูได้ยินคอนเซ็ปต์มึงนะ ว่านอนสอนง่ายสักโปรเจ็คต์จะตายไหมหา?...แล้วนี่มึงจะเอาหน้าปักหัวน้องมันหรือไง? ผมไอ้จินจะเข้าจมูกมึงอยู่แล้วน่ะ”
...ถ้อยคำครึ่งแรกของต้อมถูกส่งไปให้จินดา ส่วนอีกครึ่งที่เหลือนั้นตกเป็นของโกวิท...
เมื่อถูกทักดังนั้นนายโก๋จึงค่อยๆยืดตัวกลับมายืนเต็มความสูงดังเดิม
“โธ่ป๋า...ผมไม่ได้เปลี่ยนโจทย์ แค่บิดมันนิดหน่อยเอง” จินดาว่า
“นิดหน่อยพ่อมึงสิ มึงก็รู้ว่าถ้าขึ้นตึกหน้าตาแบบนี้จริง ค่าก่อสร้างบานตะไทแน่นอน...บานมากๆด้วย กูฟันธงให้เลย” นิ้วอวบอูมของสถาปนิกรุ่นใหญ่เคาะเป็นจังหวะถี่ๆลงไปบนภาพสเก็ทช์เจ้าปัญหา
“อูย เดี๋ยวสิ นี่มันเพิ่งขั้นคอนเซ็ปต์เอง อย่าเพิ่งรีบพูดถึงตอนก่อสร้างได้ไหมป๋า? ค่อยๆตบงานไปเรื่อยๆดีกว่าน่า...อีกอย่างผมก็มีเหตุผลนะที่ไปบิดโจทย์เขาออกมาแบบนี้”
“เออรู้ อย่างมึงน่ะมีเหตุผลตลอดแหละ...สวยอย่างเดียวไม่ได้ต้องมีเหตุผล...หมั่นไส้...” ต้อมกล่าวประชดประชัน ทั้งที่ลึกๆแล้วก็เข้าใจลักษณะการทำงานของจินดาเป็นอย่างดี
“ให้น้องมันได้โชว์ฝีมือหน่อยน่าป๊า...” โก๋ที่ยังคงยืนเป็นส่วนหนึ่งของวงกล่าวสนับสนุนคนถูกติง “...นานๆทีมันจะได้จับโปรเจ็คต์แบบนี้สักที ลองให้มันฟุ้งไปก่อนไม่ดีเหรอ?”
ต้อมทอดถอนใจ “ไหนมึงลองอธิบายคอนเซ็ปต์มึงแบบละเอียดๆให้กูฟังอีกทีซิ”
“ได้ป๋า ตอนนี้มันยังไม่เสร็จดี แต่เอาเท่าที่มีตอนนี้ไปก่อนนะ...”
ว่าแล้วจินดาก็เริ่มขายงานตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาลงรายละเอียดอย่างถี่ยิบชนิดว่าไม่มีประเด็นใดตกหล่นไปแม้สักเม็ด
ฟังจบต้อมก็ส่ายหัวไปมาช้าๆ “ก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่แม่งต้องใช้เงินเยอะบรรลัยเลยเชื่อกูสิ...มึงชอบไอเดียนี้ของมึงขนาดไหนไอ้จิน?”
“ชอบเท่าที่ชอบน้องพิมฐาอะ” จินดาตอบออกมาเต็มปากเต็มคำ ซ้ำยังยักคิ้วยืนยันไปด้วยอีกที “มากขนาดไหนป๋าลองคิดดู”
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ เดี๋ยวกูนัดให้มึงเข้าไปคุยกับชาติก่อนสักรอบ มึงลองไปอธิบายคอนเซ็ปต์มึงให้เขาฟังแล้วดูว่าเขามีฟีดแบ็คยังไง ถ้าเขาสนใจก็เอากลับมาพัฒนาต่อได้ แต่ถ้าเขาไม่โอเคมึงก็ต้องปรับคอนเซ็ปต์ โอเคไหม?”
จินดาพยักหน้ารับโดยไม่ต้องคิด
...เขามีความมั่นใจ...
...ลิงเกอร์คอร์ปครอบครองทรัพย์สินท่วมหัว แค่เพิ่มเงินอีกสักหน่อยเพื่อผลประโยชน์ที่มากขึ้นน่ะไม่ระคายขนหน้าแข้งองค์กรหรอก...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
...เข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่สองแล้วที่ราคาหุ้นลิงเกอร์ยังคงดิ่งลงมาเรื่อยๆ...
...นับตั้งแต่วันแรกที่การประมูลสี่จีจบลงไปจนมาถึงวันนี้ ตัวเลขก็ติดลบไปแล้วกว่าสิบเปอร์เซ็นต์และยังไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้นในอีกวันสองวันข้างหน้า...
ธีรชาตินั่งกุมขมับโดยมีภาพกราฟหุ้นบนจอคอมพิวเตอร์สะท้อนอยู่ในแววตา
...การลงทุนมันก็อย่างนี้ เขารู้วัฏจักรของมันดี...
...แต่พอได้เห็นตัวเลขสีแดงๆเรียงกันเป็นแนวยาวแล้วก็ไม่สามารถสั่งตัวเองให้คลายกังวลลงได้สักที...
.
.
.
“สวัสดีครับ ผมมาพบคุณธีรชาติครับ จากบริษัททอมทอมสตูดิโอ”
จินดาเกร็งหน้าเกร็งปากกล่าวกับหญิงสาวหลังเคาท์เตอร์ต้อนรับด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย เมื่อเหลือบตามองไปบนผนังทางด้านหลังของเธอก็เห็นแผ่นโลหะฉลุลายอักษร LINKER ปรากฏหราอยู่อย่างเด่นชัด
“นัดไว้หรือเปล่าคะ?”
“นัดไว้ตอนบ่ายสองโมงตรงครับ”
เจ้าหล่อนเอ่ยปากบอกให้เขารอก่อนยกหูโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน
วันนี้จินดาแบกงานมาที่นี่เพียงลำพังเนื่องจากยังไม่ใช่การนัดพรีเซ็นต์อย่างเป็นทางการ
เช้าหลังจากวันที่ไปดูไซต์ ลุงเจ้าของบ้านเช่าก็เล่าให้ฟังว่าธีรชาติเป็นคนพาร่างกะปลกกะเปลี้ยของเขาขึ้นไปเก็บไว้บนห้อง พอรู้แบบนั้นชายหนุ่มจึงรีบโทรฯไปตามเบอร์ที่แสดงอยู่บนนามบัตรหมายว่าจะกล่าวคำขอบคุณ หากแต่คนที่มารับสายกลับเป็นเลขาฯสาวซึ่งยืนยันว่านายของเธอติดประชุมและไม่สะดวกมารับสายด้วยตัวเอง สุดท้ายจินดาจึงทำได้เพียงฝากเรื่องไว้เท่านั้น
...นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เคยได้ขอบคุณผู้บริหารหนุ่มด้วยตัวเองเลยสักที...
จินดาแหวกปากถุงกระดาษในมือออกจากกันเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยของกล่องขนมแทนคำขอบคุณที่อยู่ด้านใน
...ขนมแสนแพงที่ชาตินี้เขาไม่มีวันซื้อมากินเอง...
ขนมฝากไฮโซ...จะซื้อพวกของไก่กาถุงละยี่สิบสามสิบบาทไปให้ก็ใช่เรื่อง สุดท้ายจินดาจึงจำต้องควักเงินก้นกระเป๋าซื้อมาการองหอยหลอดชิ้นละแปดสิบไปให้
...ยี่ห้อนี้ยังถือว่าไม่แพงมากนะ บางร้านแม่งชิ้นละร้อยกว่า กล่องนึงก็ปาไปเป็นพัน...
.
.
.
“ขอบคุณครับ” ธีรชาติกล่าวเพียงสั้นๆก่อนรับถุงขนมจากมือของจินดาไปวางไว้ที่มุมหนึ่งของโต๊ะโดยไม่ได้แสดงท่าทีซาบซึ้งใจให้อีกฝ่ายได้เห็นมากมายนัก
...เห็นดังนั้นสถาปนิกหนุ่มก็รู้สึกเสียดายเงินขึ้นมาจับใจ...
...จะช่วยแกล้งทำเป็นเห็นคุณค่ามันสักหน่อยก็ไม่ได้ กล่องละตั้งหลายร้อยเชียวนะมึง...
“ผมต้องขอบคุณและขอโทษคุณชาติอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องเมื่อวันก่อน ปกติเวลาที่ผมอดนอนหลายๆคืนติดกันผมจะเป็นคนที่ปลุกยากมาก มีปัญหาตอนตื่นเป็นประจำ”
“เหรอครับ? ลำบากแย่เลยนะ” ถ้อยคำของนักธุรกิจหนุ่มถูกเปล่งออกมาเช่นนั้นทั้งที่สายตาคู่คมก็ยังวนเวียนอยู่ไม่ห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ “เห็นพี่ต้อมบอกว่าวันนี้คุณมีงานมาโชว์ให้ผมดูไม่ใช่เหรอ? ผมว่าเราเริ่มกันเลยดีกว่าไหม? พอดีช่วงใกล้ๆบ่ายสามโมงผมต้องออกไปประชุมนอกออฟฟิศต่อ”
จินดารู้ดีว่านัดนี้เป็นนัดแทรกที่ป๋าของเขาอุตส่าห์ขอเจียดเวลามาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คาดหวังเอาไว้ว่าธีรชาติจะแสดงท่าทีต้อนรับขับสู้มากกว่านี้อีกสักนิด
...ที่อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือมาจากบ้านว่าจะได้พูดคุยกับคุณลูกค้าคนสำคัญในบรรยากาศเป็นกันเองนั้นพังครืนลงในบัดดล...
“โอเคครับ สักครู่นะฮะ” แต่เมื่ออยากได้รับความเห็นชอบ จินดาก็ทำได้แค่เพียงต้องปฏิบัติตามความประสงค์ของอีกฝ่ายอย่างว่าง่ายเท่านั้น
กระดาษขนาดเอสามปึกหนึ่งถูกดึงออกมาจากกระเป๋าใบโตที่นักออกแบบคนขยันพกพามาด้วย
“ก่อนอื่นผมขออนุญาตชี้แจงจุดประสงค์ที่ผมมาขอเข้าพบคุณชาติในวันนี้สักหน่อยนะครับ คือในคอนเซ็ปต์ที่ผมคิดมามันมีบางอย่างแตกต่างจากโจทย์ที่ทางลิงเกอร์ให้ไว้นิดหน่อย ก็เลยอยากจะมาขอความเห็นเพื่อเอากลับไปเป็นแนวทางในการพัฒนาแบบต่อครับ” ระหว่างที่ปากขยับ สายตาใต้กรอบเรียวรีก็จับจ้องไปยังอิริยาบถของผู้ฟังด้วย
...ธีรชาติไม่แม้แต่จะละสายตาออกจากจอคอมพ์...
...ผู้บริหารคนยุ่งเพียงพยักหน้าให้เขารู้ว่าฟังอยู่เป็นระยะเท่านั้น...
จินดากระแอมเคลียร์ช่องคอเบาๆก่อนทำใจแข็งกล่าวต่อ “จากเดิมที่ทางลิงเกอร์ต้องการให้อาคารมีเพียงส่วนสำนักงานและส่วนโชว์รูมของแบรนด์ ตอนนี้ในดีไซน์ของผมมันมีบางฟังก์ชั่นเพิ่มเติมเข้ามาครับ...”
เมื่อกล่าวอารัมภบทจนจบ สถาปนิกร่างสันทัดก็เริ่มเข้าสู่ช่วงการอธิบายที่มาคอนเซ็ปต์
สิ่งแรกที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบๆไซต์ ต่อด้วยพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าของลิงเกอร์ แล้วจากนั้นก็โยงมาที่วัฒนธรรมองค์กร ทุกสิ่งดำเนินเรื่อยมาตามลำดับขั้นตอนที่จินดาได้วางแผนไว้อย่างแม่นยำ
“...นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ลิงเกอร์คอร์ปก็ยังมุ่งเน้นพัฒนาบุคลา..ก...ร...”
“เดี๋ยวนะครับ ผมขอขัดจังหวะหน่อย” นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มพูดคุยกันมาที่ธีรชาติหันมองจินดาอย่างเต็มตา ประโยคของสถาปนิกหนุ่มขาดช่วงลงตรงนั้นทันที “ผมว่าคุณเล่าย่อๆดีกว่าไหม? คือผมกลัวว่ามันจะจบไม่ทันเวลา ตรงส่วนนี้ผมว่าน่าจะพอได้แล้วล่ะ ข้ามไปประเด็นหลักเลยดีกว่า”
จินดากระพริบตาปริบๆและออกอาการสตั้นไปเสียหลายวินาที
“อ่า...แต่ว่าข้อมูลพวกนี้ก็สำคัญ...” จากที่ตั้งใจจะดื้อดึงชายหนุ่มก็จำต้องเลี้ยวหัวรถกลับไปตามทางที่ธีรชาติต้องการเมื่อเหลือบไปสังเกตเห็นแววแห่งความรำคาญที่เจืออยู่ในลูกตาดำขลับคู่นั้น “...ไม่เป็นไรครับๆ ผมข้ามไปประเด็นหลักเลยก็ได้ครับ”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของจินดาในตอนนี้ดูเจื่อนสนิทจนหมดมาดนักออกแบบมือโปรฯที่อุตส่าห์วางไว้ไปอย่างน่าอดสู
สถาปนิกหนุ่มขยับมือเปลี่ยนหน้ากระดาษเอสามที่วางแผ่อยู่บนโต๊ะ บรรดาข้อมูลเชิงวิเคราะห์ทั้งหลายเป็นอันถูกซ้อนเก็บไปไว้ทางด้านล่าง
“ภาพนี้เป็นไดอะแกรมแสดงความสัมพันธ์ของแต่ละฟังก์ชั่นที่ผมวางไว้นะครับ” จินดาเริ่มอธิบายต่อด้วยการลากปลายนิ้วไล่ไปตามจุดต่างๆบนแผนภาพไอโซเมตริกแล้วสาธยายคุณงามความดีของจุดนั้นๆให้คุณลูกค้าผู้เร่งรีบได้สดับ
ข้อมูลบนกระดาษแผ่นนี้นับเป็นส่วนที่เขาใช้เวลาคิดและทำนานที่สุด มันเป็นการกลั่นแนวคิดทั้งหมดออกมาเป็นฟังก์ชั่นภายในอาคารคร่าวๆ ดังนั้นภาพกราฟฟิกที่เขากำลังนำเสนออยู่จึงถือเป็น ‘ประเด็นหลัก’ ของคอนเซ็ปต์ที่ธีรชาติต้องการฟังอย่างแน่นอนที่สุด
จินดามองเห็นอยู่ตลอดว่าคนตรงหน้ายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาอยู่เป็นระยะ
...ได้เห็นแบบนั้นแล้วมันก็รู้สึกใจฝ่อขึ้นมาไม่น้อย...
...ทั้งที่ ‘ประเด็นหลัก’ ที่เขากำลังอธิบายอยู่มันก็กระชับขึ้นมากแล้วแท้ๆ...
แต่แม้อีกฝ่ายจะมีท่าทีแบบนั้นชายหนุ่มก็ยังยืนยันที่จะพรีเซ็นต์ตามแบบที่ตั้งใจไว้ต่อไป
...จนกระทั่ง...
“ช่วยสรุปสักทีได้ไหมครับ? นี่มันบ่ายสองครึ่งแล้วนะ” คราวนี้ธีรชาติว่ากล่าวออกมาตรงๆด้วยน้ำเสียงไม่รื่นหู “ตกลงมันเป็นตึกขนาดกี่ตารางเมตร? งบก่อสร้างอยู่ที่ประมาณกี่บาท? แบ่งพื้นที่ใช้สอยยังไง อะไรมาก อะไรน้อย? สิ่งที่ผมอยากดูที่สุดตอนนี้ไม่ใช่รูปกราฟฟิก แต่ผมอยากดูตัวเลขคร่าวๆ...ได้ทำมาหรือเปล่าสเปรดชีตน่ะ?”
...สีหน้าของจินดาเปลี่ยนไปทันที...
สถาปนิกหนุ่มกำลังรู้สึกเหมือนกับว่างานทั้งหมดที่ตั้งใจทำมาโชว์นั้นถูกเหยียบจมส้นเท้าเหมือนขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่ง ใจความสำคัญที่ต้องการนำเสนอยังถูกถ่ายทอดออกไปไม่ถึงครึ่งดีก็ต้องมาถูกเบรกไว้เสียแล้ว
ดวงตาเรียวรีจับจ้องไปยังใบหน้าของธีรชาติตรงๆ รอยยิ้มที่ก่อนหน้านี้เขาเพียรฉีกค้างไว้เพื่อใช้ต่างหน้ากากการทูตได้เลือนหายไปจนหมดสิ้น
“ตกลงได้ทำมาให้ผมดูหรือเปล่า?...ตัวเลขน่ะ” นักบริหารทายาทตระกูลดังถามย้ำอีกครั้งโดยมองตอบอีกฝ่ายไปด้วยสายตาเฉยชา
จินดาลอบขบกรามอยู่ในความเงียบก่อนจะก้มลงพลิกกระดาษหาหน้าที่ถูกถามถึง แล้วเพียงไม่นานตารางตัวเลขที่เขาพิมพ์มาจากโปรแกรมเอ็กเซลก็ถูกยื่นให้ธีรชาติได้พิจารณาด้วยตัวเอง
สเปรดชีตหรือตารางแจกแจงแผนงานคือสิ่งที่ตัวเขารวมถึงเต็กอีกหลายๆรายรู้สึกขยาด มันถึงเป็นส่วนที่น่าเบื่อและไร้จินตนาการที่สุดของงานก็ว่าได้
...ก็ไม่เถียงหรอกว่าจำเป็น...
...หากไม่มีไอ้ตารางนี่ก็ไม่มีทางควบคุมงบได้...
...และหากไม่มีทางควบคุมงบได้ก็ไม่มีนายทุนหน้าไหนยอมรับแบบไปสร้าง...
...แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ควรจะถูกเรียกว่า ‘ประเด็นหลัก’ ในการพรีเซ็นต์คอนเซ็ปต์สิ...
...ประเด็นหลักในการพรีเซ็นต์คอนเซ็ปต์ก็ต้องเป็นตัวคอนเซ็ปต์เองไม่ใช่หรือไงกัน?...
เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงสองนาทีจินดาก็ได้ยินเสียงทอดถอนใจดังมาจากธีรชาติเต็มสองรูหู
“พี่ต้อมได้บอกคุณหรือเปล่าว่าเรากำหนดงบประมาณสำหรับโครงการนี้ไว้ที่เท่าไหร่?” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามออกมาเช่นนั้น
“บอกครับ”
“แล้วทำไมตัวเลขมันเกินมาเยอะขนาดนี้? ได้ติดตามข่าวบ้างหรือเปล่าว่าสัปดาห์ก่อนลิงเกอร์คอร์ปฯเพิ่งจะลงทุนไปหลักหมื่นล้าน? คราวหน้าคราวหลังรบกวนเอาสเปรดชีตขึ้นมาโชว์เป็นอย่างแรกเลยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลากันทั้งคู่”
จินดาไม่อมพะนำ รีบแย้งกลับไปทันที “มันดูเหมือนว่าเกินมาเยอะก็จริงนะครับคุณชาติ แต่ถ้าคุณอนุญาตให้ผมได้นำเสนอจนจบคุณก็จะเข้าใจว่ามันเกินมาเพราะอะไร ฟังก์ชั่นอาคารที่ผมเพิ่มเข้ามาจะสร้างผลประโยชน์ระยะยาวให้ลิงเกอร์คอร์ปฯได้”
ได้ยินดังนั้นธีรชาติก็ส่ายศีรษะด้วยท่าทางระอาใจ “คุณไม่ใช่ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งของผม มันไม่ใช่หน้าที่ที่คุณจะต้องมาคิดแทนว่าเงินส่วนไหนคุ้มค่าไม่คุ้มค่า...แล้วถ้าอยากจะพูดถึงฟังก์ชั่นที่คุณเพิ่มมาให้จริงๆน่ะนะ ผมก็ขอบอกตรงๆว่าผมไม่เห็นความจำเป็นของมันเลยครับ คุณทำเกินรีไควร์เม้นท์มาเยอะเกินไป รบกวนไปแก้ไขมาใหม่ด้วย ไม่อย่างนั้นตอนพรีเซ็นต์ให้บอร์ดฟังคุณโดนวิจารณ์หนักกว่านี้แน่ ผมเตือนด้วยความหวังดี”
จินดาหลุบตาลงมองพื้นโต๊ะก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงคอไปอย่างยากลำบาก ริมฝีปากล่างถูกขบไว้เบาๆพอให้รู้สึกได้ถึงสัมผัสจากแนวฟัน
...เจอแบบนี้เข้าไปเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี...
“เอาล่ะครับ ได้เวลาที่ผมต้องไปแล้ว ขอให้คุณโชคดี แล้วเจอกันอีกทีวันพรีเซ็นต์จริง...”
.
.
.
เมอร์เซเดส-เบนซ์เอสคลาสสีดำสนิทคลื่อนตัวพ้นทางออกอาคารไปอย่างเชื่องช้าเนื่องด้วยสภาพการจราจรอันแสนติดขัดบนถนนตรงหน้า นายสมหมายขับไปเพียงไม่ถึงสิบเมตรดีก็ต้องแตะเบรกอีกครั้งเมื่อรถทั้งแถวหยุดเคลื่อนตัวลง
ธีรชาติซึ่งนั่งอ่านเอกสารประกอบการประชุมอยู่ที่เบาะหลังเงยหน้าขึ้นสำรวจความแน่นขนัดบนท้องถนนอย่างนึกกังวลว่าตนอาจไปไม่ทันนัด
“เดี๋ยวหลุดแยกนี้ไปได้ก็เลี่ยงเข้าทางซอยสี่สิบไปออกพระรามสี่เลยนะครับลุง”
“ได้ครับคุณชาติ”
ในจังหวะที่ผู้บริหารหนุ่มกำลังจะก้มกลับลงไปสนใจเอกสารที่อยู่ในมือต่อตามเดิม ร่างของใครคนหนึ่งที่ปรากฏเข้ามาทางหางตาก็ดึงให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
...จินดา...
สถาปนิกไฟแรงคนที่เพิ่งจะถูกเขาติติงเรื่องโปรเจ็คต์ไปเมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนเดินไหล่ห่อคอตกไปตามแนวฟุตบาทโดยมีกระเป๋าใส่แบบใบกว้างห้อยติดอยู่ที่บ่าข้างหนึ่ง
แม้จากมุมนี้ธีรชาติจะสามารถมองเห็นได้เพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายจินดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอดูออกว่าดวงตาคู่เรียวดูขุ่นหมองลงกว่าเมื่อครั้งแรกพบมากเพียงใด
นักออกแบบหนุ่มเดินลากเท้ามาทิ้งกายลงบนม้านั่งแสตนเลสตัวยาวหน้าป้ายรถเมล์ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
จินดานั่งนิ่งราวกับว่ากล้ามเนื้อทุกมัดตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกตะคริวกัดกินไปจนทั่ว สายตาเหม่อลอยคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่พื้นฟุตบาททั้งที่มันก็ไม่ได้มีอะไรดึงดูดใจเลยสักนิด
...ท่าทางคงผิดหวังน่าดู...
เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องทำงานเขาสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของจินดาอยู่ตลอดเวลาที่พูดคุยกัน ตื่นเต้น ลุ้น หวาดหวั่น ผิดหวัง โกรธเคือง สถาปนิกคนนั้นสะกดความรู้สึกส่วนตัวให้อยู่ภายใต้สีหน้าได้ไม่มิด
...แล้วก็ไม่รู้ว่าถูกอะไรดลใจเข้า จู่ๆคนที่ธีรชาติกำลังลอบสังเกตอยู่เงียบๆก็เบนสายตาขึ้นมาจากพื้น...
...สายตาทั้งสองคู่สบประสานกันผ่านกระจกรถอย่างที่ไม่มีฝ่ายใดตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น...
จินดาดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากไปกว่าการจ้องตอบกลับมานิ่งๆ
ชายหนุ่มสองคนนั่งมองหน้ากันอยู่เพียงชั่วอึดใจก่อนที่ฝ่ายผู้น้อยจะยกมือขึ้นไหว้สวัสดีตามธรรมเนียมแล้วหลบสายตาหนีไปก่อน
ธีรชาติผ่อนลมหายใจเฮือกยาวผ่านปลายจมูกอย่างแผ่วเบา
เมื่อสัญญาณไฟที่ทางแยกเปลี่ยนสี รถยนต์ทั้งแถวก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากตรงนั้นไป
ผู้บริหารหนุ่มเสียบเอกสารที่ถือค้างไว้ในมือเข้ากับช่องเก็บของหลังเบาะหน้า ก่อนจะหยิบเอาถุงกระดาษหน้าตาหรูหราที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาเปิดออกดู
มาการองจำนวนแปดชิ้นเรียงตัวกันอยู่อย่างสวยงามภายในกล่องขนาดไม่ใหญ่โตนัก เรียวนิ้วยาวสมส่วนขยับคีบขนมสีหวานขึ้นมาส่งเข้าปาก
...ปกติเขาไม่ใช่คนชอบกินของพวกนี้นัก แต่จะว่าไปมาการองชิ้นที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากนี่ก็ถูกลิ้นดีเหมือนกัน...
ธีรชาติเพิ่งจะสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่า ที่ก้นถุงยังมีการ์ดใบเล็กๆนอนนิ่งอยู่อีกใบหนึ่ง และเมื่อหยิบขึ้นมาเปิดออกดูเขาก็ได้พบกับภาพวาดลายเส้นฉวัดเฉวียนรูปผู้ชายที่ดูอย่างไรก็เป็นตัวจินดาเองกำลังยืนประนมมือให้คนอ่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บนพื้นที่ว่างข้างๆกันนั้นมีข้อความสั้นๆปรากฏอยู่
...‘ขอบพระคุณที่กรุณาแบกผมขึ้นไปส่งถึงห้องครับ!!’...
นักธุรกิจหนุ่มคลี่ยิ้มขำออกมาทันทีที่อ่านจบประโยค การ์ดใบน้อยถูกเก็บใส่กระเป๋าในเสื้อสูทหลังได้รับการพิจารณาจนถ้วนทั่วแล้ว
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะต้องนึกย้อนกลับไปถึงแววตาขุ่นเคืองที่นายคนนั้นใช้มองเขาตอนโดนปฏิเสธงานขึ้นมาอีกครั้ง จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่หรอก อุตส่าห์ตั้งใจทำงานมาให้ดูแท้ๆ
...แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาพูดไปก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น...
...นายจินดาควรต้องเรียนรู้ว่าการทำงานตามอารมณ์ศิลปินในโลกของเงินทุนน่ะมันเป็นไปไม่ได้...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
