กลายรักพิเศษ❧ครอบครัวของเรา
บรรยากาศใกล้รุ่งสางเป็นช่วงเวลาที่น่านอนมากที่สุดสำหรับหลายๆคนรวมถึงคนสองคนที่นอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงภายในห้องพักนี้ด้วยแต่เสียงเครื่องมือสื่อสารที่สั่นไม่หยุดทำให้ชายหนุ่มเส้นผมสีทองหม่นต้องเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์นั้นอย่างงัวเงีย
“...ครับ”เซโครกดปุ่มรับสายโดยที่ไม่ได้ดูว่าใครโทรมาด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ
(เกิดเรื่องใหญ่แล้วเซโคร!!)เสียงตะโกนของคนที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้ผมที่หลับตาอยู่ค่อยๆปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“...พ่อ?”ถ้าจำไม่ผิดเสียงของปลายสายคือพ่อของผมเอง
(ตื่นได้แล้วเซโครเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!)เสียงตะโกนที่ดังผ่านมาอีกรอบทำให้ผมต้องยกเครื่องโทรศัพท์ให้ออกห่างหูเพราะทนเสียงที่ดังขนาดนั้นไม่ไหว
“...อะไรเหรอเซโคร?”ยูทาร์ที่นอนอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังจากปลายสาย
“พ่อโทรมาน่ะ”
“พ่อ?...แล้วมีอะไรเหรอ?”ยูทาร์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงพรางเกาหัวอย่างสะลึมสะลือไม่ต่างจากผมเมื่อครู่เลยสักนิด
“ไม่รู้สิ”
(นี่ฟังกันอยู่รึเปล่าเนี่ย?)
“ครับพ่อ...มีเรื่องอะไรครับ?”ผมถามกลับพรางเลื่อนสายตาไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาตี4ครึ่งอย่างเซ็งๆ
เมื่อคืนผมพึ่งกลับมานอนตอนตี1นี่เองเนื่องจากภารกิจที่ได้รับต้องทำงานในช่วงกลางคืนซึ่งถือว่าผมและยูทาร์ถนัดงานตอนกลางคืนเป็นพิเศษเลยสามารถจัดการได้ไม่อยากแต่ด้วยความผิดพลาดทำให้ไดโนเสาร์ตกลงไปในน้ำแถมไดโนเสาร์ตัวนั้นยังว่ายน้ำไม่เป็นกว่าจะช่วยเหลือได้สำเร็จก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงทำให้ทั้งผมและยูทาร์ต่างเหนื่อยอ่อนกันแบบสุดๆ
ทั้งที่ควรจะได้นอนตื่นสายแต่กลับต้องมาตื่นทั้งที่นอนไปยังไม่ถึง4ชั่วโมงเนี่ยนะ?
ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆพ่อโดดแน่!
(ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่เกิดเมื่อเดือนที่แล้วเกิดอาละวาดขึ้นมาน่ะสิ!)เสียงตะโกนจากปลายสายทำให้ความงัวเงียที่มีหายวับไปกับตา
“ว่าไงนะ?...อาละวาด?!”ผมถามกลับอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ตั้งแต่มีการเพาะเลี้ยงไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็ผ่านไปสองรุ่นแล้วและก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน...อาจเพราะพวกเขาได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดรวมถึงได้รับรู้ถึงตัวตนของตัวเองตั้งแต่แรกทำให้ไม่เกิดอาการสับสนเหมือนตอนยูทาร์ดังนั้นการที่ได้ยินว่าเกิดอาละวาดทำให้ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี
(ใช่...ตอนนี้มาที่เขตA1ด่วนเลย...พ่อเรียกโนว่ามาช่วยแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลไหม)
“เข้าใจแล้วครับ...ไม่เกิน5นาทีจะถึงแน่”เมื่อวางหูผมก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว
“ยูทาร์”
“อืม...จะลุกเดี๋ยวนี้แหละ”ทันทีที่ผมเรียกคนที่ซุกตัวขดอยู่ในผ้าห่มอีกรอบเขาก็สะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบๆ...ไม่แปลกที่ยูทาร์จะดูสะลึมสะลือขนาดนั้น การที่ต้องลงไปช่วยไดโนเสาร์ที่หนักหลายตันขึ้นจากน้ำไม่ใช่งานง่ายเลย
“ไหวนะยูทาร์?”ผมหันไปถามพรางติดกระดุมเม็ดสุดท้าย
“ไหว...รีบไปเถอะ”
หลังจากนั้นพวกเราก็รีบตรงไปยังเขตA1ซึ่งตอนนี้ถูกพัฒนาให้เป็นที่อยู่ของเหล่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่ยังเด็กอยู่รวมถึงคนที่ยังไม่มีคู่หูด้วย...ยังไม่ทันเข้าไปด้านในเสียงคำรามก็ดังกึกก้องจนพวกเราต้องรีบวิ่งเข้าไปภายใน
สภาพที่เห็นตอนนี้เหมือนในหนังบู๊สักเรื่องที่มีฉากไดโนเสาร์ถล่มตึก...ตึกที่ไว้สำหรับพักถูกทำลายลงจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมสักนิดและตัวการณ์ที่ทำคือไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่กำลังกางปีกกว้างพร้อมอ้าปากเรียวออกจนเห็นคมเขี้ยว ผิวหนังสีเงินที่เหมือนเกร็ดของมังกรและปีกสีเดียวกันที่สยายออกพร้อมกับบินโฉบไปมาราวกับไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?!!”ผมรีบตะโกนถามคนที่ยืนอยู่แถวนั้นทันที
“ไดโนเสาร์อาละวาดครับ”เด็กคนนึงตอบคำถามผม
“เรื่องนั้นรู้แล้ว”ผมตอบกลับพร้อมกับวิ่งไปด้านหน้าที่ตอนนี้มีเหล่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่กลับร่างไดโนเสาร์พยายามจะจับไดโนเสาร์ที่บินอยู่บนฟ้าแต่ด้วยความที่ไม่มีปีกเลยได้แต่วิ่งไล่กับกระโดดขึ้นเท่านั้น
“พ่อ!!”ผมตะโกนเรียกชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“เซโครมาแล้วเหรอ?...เอาไงดีไม่มีใครหยุดได้เลย”พ่อหันมาถามอย่างร้อนรนพรางมองไปยังภาพด้านหน้าอย่างกลุ้มใจ
“เด็กคนนั้น?...สายพันธุ์ใหม่ใช่ไหมครับ?”ผมถามขึ้นเมื่อรู้สึกไม่คุ้นกับร่างไดโนเสาร์นั้นเลย
จริงอยู่ที่ผมต้องเป็นคนดูแลและเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของไดโนเสาร์กลายพันธุ์แต่ช่วงหลังภารกิจที่ได้รับค่อนข้างหนักเลยยกหน้าที่นี้ให้พ่อซึ่งคิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
“ใช่...พึ่งคลอดออกมาเมื่อเดือนก่อน”
“เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวแรกที่บินได้”ผมพึมพำออกมาเบาๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีการเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์กลายพันธุ์สายพันธุ์ที่ผสมหรือตัดต่อยีนลงไปมีเพียงแค่ไดโนเสาร์กินพืชและกินเนื้อที่อยู่บนบกเท่านั้น....ไม่เคยมีไดโนเสาร์ที่อยู่ในน้ำหรือไดโนเสาร์ที่บินได้มาก่อนเพราะผมคิดว่ามันควบคุมยากเวลาเป็นแบบนี้แต่พอผมไม่ได้มาดูแค่ไม่นานพ่อก็ดันสร้างขึ้นมาซะงั้น
“อืม...พ่อคิดว่าถ้าสามารถโจมทีทางอากาศได้เราน่าจะได้เปรียบ”พ่ออธิบาย
“แต่ตอนนี้เรากำลังเสียเปรียบเพราะไม่รู้จะจับเขาลงมายังไง!”ผมสวนกลับไปพรางคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี
“วิ๊ววว~...”เสียงผิวปากของพี่โนว่าดังขึ้นพร้อมกับฝูงยูทาห์แรพเตอร์ที่กระโดดขึ้นโดยใช้หลังของไดโนเสาร์ตัวใหญ่เป็นฐานแต่อีกด้านที่บินอยู่เหมือนจะรู้ทันเลยบินหลบไปได้อย่างรวดเร็ว
“ฉลาดมาก”ยูทาร์พึมพำเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ไม่ใช่แค่ฉลาดแต่ยังมีไหวพริบและการเคลื่อนไหวที่ดีมากด้วย
“พ่อ...สายพันธุ์ที่ผสมไปมีอะไรบ้าง?”ผมหันไปถามด้วยความสนใจ
หวังว่าคงไม่ใช่สายพันธุ์แปลกๆหรอกนะ
“ทูพูซัวรา...”
“ห๊ะ?...ไดโนเสาร์ที่มีหน้าตาประหลาดคล้ายมังกรน่ะเหรอ?”ผมพูดขึ้นด้วยความตกใจ
“ใช่....ทูพูซัวรา...เป็นไดโนเสาร์บินได้ที่สูงประมาณยีราฟและมีหน้าตาที่แปลกจนนักวิทยาศาสตร์คนนึงบอกว่าเป็นไดโนเสาร์ที่มีหน้าตาคล้ายมังกร ปีกขนาดให้หนึ่งคู่ทำให้สามารถบินได้ในพื้นราบและบนท้องฟ้า...เป็นไดโนเสาร์ที่ไม่ได้แค่จับปลาที่อยู่ในน้ำกินเท่านั้นแต่ยังจับไดโนเสาร์ตัวเล็กๆกินเป็นอาหารอีกด้วย”พ่ออธิบายยาวโดยที่ยังไม่ละสายตาออกจากไดโนเสาร์บนฟ้า
“แล้วสายพันธุ์อื่นล่ะ?”ผมไม่คิดว่าพ่อจะจบลงที่ทูพูซัวราผสมกับมนุษย์แค่นั้นหรอกนะ
“...เทอริซิโนซอริเดส”
“เทอริซิโนซอริเดส?”ไดโนเสาร์ตัวนี้ผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย
“เทอริซิโนซอริเดสเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อผู้ลึกลับที่มีจุดเด่นของมันคือมันมีคอยาวและกรงเล็บขนาดใหญ่รวมถึงมีขนระหว่างแขนสีสันฉูดฉาด”จากที่ฟังเราไม่ค่อยมีข้อมูลของสายพันธุ์นี้สักเท่าไหร่แถมยังไม่เคยมีการเพาะพันธุ์มาก่อนด้วย
เอามาผสมรวมแบบนี้จะเป็นไรไหมเนี่ย!
“แค่นี้ใช่ไหมครับ?”
“เปล่าๆ...ยังมีอีก”
“พ่อ...ผมบอกแล้วไงว่าอย่าผสมมั่ว!”ผมตะโกนกลับไปเสียงดัง
“ก็มัน...”
“ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อยเลย...บอกต่อเร็วๆ”
“มีเคนโทรซอรัส”
“ไดโนเสาร์กินพืชชื่อของมันมีความหมายว่ากิ้งก่าแหลมคมเพราะลำตัวส่วนหน้าของมันมีแผงกระดูกโผล่ออกมาและส่วนจากหลังถึงหางของมันก็มีหนามแหลมคมโผล่ออกมาเช่นกัน”ผมพึมพำสิ่งที่คิดได้ขึ้นมา
“มียีนแฝงด้วนะ”พ่อพูดพร้อมกับหันมายิ้มกว้างให้ผม
“ยีนแฝง?”
“ใช่สุดท้ายเป็นยีนแฝงที่ใส่ไปเพื่อเป็นอาวุธในการต่อสู้และป้องกันตัวเท่านั้น...นั่นคือปลาหมึกบลูริงหรือปลาหมึกวงแหวนน้ำเงิน”
“ปลาหมึก?...ยีนของปลาหมึกจะไปเป็นอาวุธหรือเกราะป้องกันได้ยังไง?”ยิ่งพูดยิ่งงง
ผมอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสายพันธุ์ไดโนเสาร์แต่กลับสัตว์อื่นนี่อย่ามาถามเลยแค่แยกกวางกับเก้งได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว...คนเราก็ต้องมีทั้งสิ่งที่เก่งและไม่เก่งบ้างแหละ
“ปลาหมึกบลูริงมีขนาดตัวเมื่อโตเต็มวัยจะอยู่ที่ประมาณ12-20เซนติเมตรผิวหนังมีวงแหวนสีน้ำเงินปรากฏอยู่ทั่วตัว เมื่อมันโกรธสีลำตัวจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มและพร้อมที่จะโจมตีเหยื่อหรือศัตรูที่ตัวใหญ่กว่า...พิษของมันร้ายแรงกว่าสารพิษไซยาไนด์ประมาณ10,000เท่าได้”พ่ออธิบายให้ฟัง
“ร้ายแรงกว่าพิษไซยาไนด์10,000เท่า!!”ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินข้อมูลที่แสนสุดยอดนี่
โดนเข้าไปนิดเดียวได้ตายแบบไม่ต้องเสียเวลาไปส่งโรงพยาบาลเลย!
“มันเป็นแค่ยีนแฝง”
“ถึงจะทำเสียงอ่อยผมก็ไม่สงสารหรอกนะพ่อ...แบบนั้นมันอันตรายแล้วพิษออกมาทางไหนล่ะ?”ผมถามไว้เพื่อเอาไปเป็นข้อมูล
“ไม่รู้สิ”คำตอบนั้นทำให้ผมหันควับไปค้อนพ่อทันที
ผสมเองแต่ดันไม่รู้เนี่ยนะ?
“พี่โนว่าบอกให้พวกยูทาห์แรพเตอร์ถอยออกมาก่อนครับ!”ผมเลิกสนใจพ่อที่ส่งยิ้มแหะๆมาให้แล้ววิ่งไปสบทบกับพี่โนว่าแทน
“ทำไมล่ะ?”
“เราไม่รู้ว่าพิษของปลาหมึกบลูริงจะอยู่ที่ส่วนไหนเพราะงั้นอย่างพึ่งเข้าไปต่อสู้ระยะประชิด”ผมอธิบายให้ฟัง
“ปลาหมึกบลูริง?...ใครเอาสัตว์อันตรายแบบนั้นผสมลงไปกัน?!”คำถามของพี่โนว่าทำให้ผมได้แต่ชายตาไปยังชายวันกลางคนที่ก้มหัวขอโทษส่งมาให้
“อ้อ...รู้ล่ะ...งั้นจะเอายังไง...”
กรรร!!
ยังไม่ทันได้ฟังจบเสียงคำรามจากบนท้องฟ้ายามราตรีก็ดังขึ้นพร้อมกับผิวหนังที่เริ่มเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีน้ำเงิน...ด้วยปีกขนาดใหญ่ทำให้มีความเร็วมากกว่าไดโนเสาร์ที่อยู่บนบกหลายเท่าเผลอแป๊บเดียวเขี้ยวอันแหลมคมก็กัดเข้าที่คอของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งจนล้มลงไป
“เกิดอะไรขึ้น?...ทำไมสีผิวถึงเปลี่ยนสีได้?...ไม่สิ...รีบพาหน่วยพยาบาลไปดูเร็วเข้าถ้ามีพิษก็รีบให้ยาถอนพิษซะ!”ผมรีบหันไปออกคำสั่งจากกลุ่มคนชุดขาวที่อยู่ใกล้ๆ
“เคยได้ยินมาว่าปลาหมึกบลูริงเวลาโกรธสีผิวจะเปลี่ยนนี่นะ”พี่โนว่าพึมพำเสียงเบาโดยที่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนกำลังกังวลกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ให้ตายสิ!...เราจะเอายังไงต่อดีล่ะ?”
ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี
กรรร!!
“ให้ผมจัดการไหม?”ยูทาร์ที่ยืนนิ่งอยู่นานถามขึ้น
“ไม่ได้มันอันตรายเกินไป”ผมรีบตอบกลับทันที
ไม่มีทางที่จะยอมให้ยูทาร์ไปเสี่ยงหรอก
“เขาเหมือนไม่แน่นใจและกำลังสับสน...ผมอาจคุยกับเขาได้”ยูทาร์ให้เหตุผล
“ถ้าเรื่องคุยคนอื่นก็ทำไปแล้วแต่ผลที่ได้ก็ยังออกมาแบบนี้แปลว่ามันไม่ได้ผลไม่ใช่รึไง?”
“ผมคิดว่าเด็กคนนั้นเหมือนตัวเองตอนที่ยังไม่เจอกับเซโคร”ยูทาร์บอกพรางมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มีไดโนเสาร์ตัวสีน้ำเงินกำลังสยายปีกพร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา
“ยูทาร์...”
“ผมจัดการได้...แต่เซโครต้องยอมเป็นแม่นะ”
“ห๊ะ?”คำพูดของยูทาร์ทำให้ผมถึงกับชะงักพอจะถามต่อร่างของยูทาร์ก็วิ่งออกไปพร้อมกลับกลายร่างเป็นไดโนเสาร์เรียบร้อยแล้ว...
ที่ว่าเป็นแม่นี่คือ?
กรรรร!!
กรรรร!!
เสียงคำรามต่ำของไดโนเสาร์สองตัวดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนกำลังคุยกันแต่ฝ่ายที่อยู่บนฟ้าดูจะไม่มีอารมณ์คุยด้วยเพราะเริ่มเปิดฉากโจมตียูทาร์ ถึงจะมีความเร็วที่สูงแต่เรื่องประสบการณ์ก็เทียบกับยูทาร์ไม่ได้ทำให้การโจมตีพวกนั้นถูกหลบเลี่ยงไปได้อย่างสบายๆ
“พ่อ...เขาชื่ออะไร?”ผมเดินกลับไปถาม
“ซัวราเครโทร...”
“ไม่เอาชื่อแบบนั้นสิพ่อ!”ผมรีบพูดแทรกก่อนที่จะจำชื่อสายพันธุ์แปลกๆนั่นเข้าหัว
“พ่อยังไม่ได้ตั้งชื่อเล่นให้เขาหรอก”
“งั้นเหรอ?...จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะเป็นตั้งให้”
“ไม่เลย...ลูกตั้งเถอะ”
“โอเคครับ...พ่อห้ามสั่งระดมยิงเขาเด็ดขาดเลยนะ”ก่อนเดินไปผมหันกลับมาบอกอีกรอบ
“ลูกจะทำอะไร?”
“เดี๋ยวผมกับยูทาร์จะลองทำอะไรสักอย่างดูเองครับ”
พอพูดจบผมก็วิ่งเข้าไปหายูทาร์ที่กำลังหยับการโจมตีของไดโนเสาร์ที่อยู่บนฟ้า...เสียงคำรามที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผมรู้ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่อาจเข้าใจกันได้และผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“ยูทาร์!!”ผมตะโกนเรียก
งื๊ดดด~
ฝ่ายยูทาร์ที่เห็นผมวิ่งเข้ามาก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเป็นอีกครั้งที่ยูทาร์ส่งเสียงคำรามออกไปแต่น้ำเสียงนั่นไม่ได้ดูก้าวร้าวเหมือนเวลาต่อสู้แต่เหมือนกำลังพยายามอธิบายอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายฟัง
“...อานโน่!!”ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะตะโกนชื่อนั้นขึ้น ดวงตาสีเขียวอมฟ้าจ้องไปยังดวงตาสีแดงสดที่ทอประกายแม้จะอยู่ในความมืดก็ตาม
“ชื่อของนายคืออานโน่...และผมชื่อเซโคร...ส่วนนี่ยูทาร์...พวกเราคือครอบครัวของนาย!!”ผมแนะนำตัวพร้อมทั้งตะโกนขึ้นอีกครั้ง
สิ่งที่ผมพูดออกไปหวังว่าจะสื่อถึงอีกฝ่ายได้นะ
ยูทาร์บอกว่าเด็กคนนั้นเหมือนกับตัวเองก่อนที่จะพบผม นั่นหมายถึงอีกฝ่ายมีทั้งความสับสน ความไม่เข้าใจรวมทั้งความหวาดกลัว...หลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่รอบๆคงจะสร้างความกดดันอย่างไม่ทันตั้งตัวจนบีบให้ต้องกลายร่างแล้วทำร้ายคนอื่นแบบนี้
กรรร!!
เสียงคำรามดังขึ้นก่อนจะโฉบลงมาโจมตีอีกครั้งและครั้งนี้เขาตั้งใจจะโจมตีผมแต่ด้วยความเร็วของยูทาร์ทำให้ใช้หัวกระแทกอีกฝ่ายจนกระเด็นขึ้นฟ้าไป ดวงตาสีแดงที่ตั้งตัวได้มองมาด้วยประกายเหมือนมีความนัยบางอย่างและเหมือผมผมจะรู้ว่าสิ่งที่ไดโนเสาร์บนฟ้าคิดคืออะไร
ผมว่ามันน่าคุ้มที่จะลองเสี่ยงนะ
“ยูทาร์”
งื๊ดดด!
“ห้ามเข้ามานะ...เดี๋ยวผมจัดการเอง”ผมกระซิบบอกเสียงเบาแล้วเดินออกมาตรงที่ว่างโดยที่มีดวงตาสีแดงสดจ้องมาอย่างไม่วางตา
“ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายนายเพราะงั้นเชื่อใจผมนะ!...อานโน่!!”ผมตะโกนขึ้นไปอีกครั้ง
กรรร!!
เป็นอีกครั้งที่ไดโนเสาร์บนฟ้าเตรียมจะโจมตีมาทั้งที่รู้แต่ผมกลับยืนอยู่นิ่งๆและทำเพียงอ้าแขนออกพร้อมจ้องไปยังดวงตาสีแดงสดนั่นอย่างแน่วแน่...
ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะพิสูจน์น์สิ่งที่ผมพูดก็ได้...
ผมจะไม่หนีแต่จะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปนั่นคือความจริง
“พวกเราเป็นครอบครัวของอานโน่นะ”นั่นคือคำสุดท้ายที่ผมบอกออกไปก่อนที่คมเขี้ยวอันแหลมคมจะหยุดลงตรงหน้าผมอย่างพอดิบพอดี...ขนาดตัวที่พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็เทียบเท่าผมและคงจะโตกว่านี้อีกหลายเท่าแน่
“อานโน่...”ผมเรียกเด็กตรงหน้าเบาๆเมื่ออีกฝ่ายหยุดโจมตี ปากที่กำลังอ้าอยู่หุบลงพร้อมกับดวงตาสีแดงสดที่มองมายังดวงตาสีเขียวอมฟ้าของผม
งื๊ดด~
“เขาถามว่าเซโครจะเป็นแม่ให้ใช่ไหม?”ยูทาร์ที่กลับร่างมนุษย์เดินเข้ามาหาผม
“แม่?...อ่อ...ให้ผมเป็นพ่อไม่ได้เหรอ?”ผมลองถามออกไป
มีผู้ชายคนไหนอยากเป็นแม่บ้างล่ะ?
งื๊ดดด~
“เขาว่าไงยูทาร์?”ผมรับหันไปถามคนข้างกาย
“เขาบอกว่าให้ผมเป็นพ่อแล้วน่ะ”
“ห๊ะ?...มีพ่อสองคนก็ได้นะ”ผมบอกอานโน่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
งื๊ดดดดดด!!
เสียงครางดังขึ้นพร้อมกับร่างไดโนเสาร์ตรงหน้ากลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ ผิวพรรณที่ขาวสะอาดตาเหมือนตอนร่างไดโนเสาร์สีเงิน...เส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินตรงปลายคล้ายของยูทาร์เลย ร่างกายของเด็กตรงหน้าเซไปมาก่อนจะล้มลงโดยที่ผมรับได้พอดี
“อานโน่”ผมเรียกพร้อมกับตรวจดูอาการคร่าวๆ
“เขาคงเหนื่อย”ยูทาร์บอกแล้วอุ้มอานโน่ขึ้น
“ยูทาร์...”
“คุณเป็นแม่แล้วนะเซโคร”ก่อนเดินไปยูทาร์หันมาบอกพร้อมรอยยิ้ม
“เดี๋ยวสิ...ผมบอกตอนไหนกัน?”
แบบนี้เขาเรียกว่าเผด็จการนะ!
หลังจากที่เรื่องราวจบลง...พ่อของผม ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ก็โดนลงโทษในข้อหาที่ว่า...ทำการผสมพันธุ์โดยไม่พิจารณาไต่ตรองให้ดีซะก่อนจนเกิดความเสียหายให้แก่บุคคลมากมายและได้รับบทลงโทษคืออาบน้ำทุกวันติดต่อกัน2ปี สำหรับผมมันเป็นการลงโทษที่แสนจะน่าขำแล้วไม่คิดว่ามันจะเรียกว่าเป็นการลงโทษได้ตรงไหนแต่สำหรับพ่อผมที่ไม่ชอบอาบน้ำก็ถือว่าดีแล้วล่ะ
เช้าวันต่อมาผมและยูทาร์ได้มุ่งหน้าไปยังโรงยาบาลที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีที่แล้วสำหรับพักฟื้นและรักษาทั้งคนทั้งไดโนเสาร์...รวมถึงไดโนเสาร์กลายพันธุ์ด้วย
“สวัสดีอานโน่”ผมทักทายหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องพักเดี่ยวของอานโน่
“เป็นไงบ้างอานโน่”ยูทาร์ที่ตามหลังมาเดินนำไปถามอาการของเด็กผมเงินบนเตียง
“...”แต่ดูเหมือนเด็กคนนี้จะเป็นคนนิ่งๆเพราะแทบไม่พูดอะไรเลยแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเราเลิกล้มความพยายามหรอก
“อานโน่พ่อซื้อผลไม้มาฝากด้วย”ผมบอกพรางยกกระเช้าผลไม้โชว์ให้ดู
“ไม่ใช่พ่อ...แม่ต่างหาก”เสียงจากเด็กบนเตียงดังขึ้นในทันทีที่ผมหลุดคำว่าพ่อออกมา
“อ่อ...เรียกพ่อว่าพ่อไม่ได้เหรอ?”
ก็ดีใจอยู่ที่ยอมพูดแต่ทำไมต้องเรียกผมว่าแม่ด้วยล่ะ?
“มนุษย์ที่ไหนมีพ่อสองคนล่ะ?”เจอคำถามนี้ผมถึงกับพูดไม่ออกเลยครับ
“มันก็ใช่...แต่เรียกผู้ชายว่าแม่นี่มันออกจะ...”
“ไหนบอกว่าเป็นครอบครัวไง”อานโน่พูดต่อ
“...อ่อ...”
“ที่พูดมาโกหกงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่...แต่...”
“งั้นก็เป็นแม่ให้ผมสิ”เด็กตรงหน้ายังคงคะยั้นคะยอ
“ให้ยูทาร์เป็นแม่แทนไม่ได้เหรอ?”เมื่อไม่มีทางเลือกผมเลยโยนไปให้ยูทาร์ที่เบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“เดี๋ยวสิเซโคร...”
“ไม่ได้!”เสียงเล็กๆตอบกลับอย่างรวดเร็วทำให้ยูทาร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องถูกเรียกว่าแม่
“ทำไมล่ะ?”ยูทาร์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแล้วทำไมถึงเรียกว่าแม่ไม่ได้แต่เรียกผมได้กัน?
“คนเป็นแม่ต้องตัวเตี้ยกว่า...”
ฉึก!
เหมือนมีลูกศรบางอย่างวิ่งเข้ามาปักที่แผ่นหลังเมื่อได้ยินคำว่าเตี้ย
ผมอยากท้วงว่าผมไม่ได้เตี้ยนะ...คนเตี้ยที่ไหนสูง180เซนติเมตรบ้างละ?
เพียงแต่ยูทาร์สูงกว่าผมเท่านั้นเอง...ร่างไดโนเสาร์ก็สูงกว่า8เมตรพอกลับร่างเดิมก็สูงประมาณ190เซนติเมตรได้ ไม่ว่าร่างไหนก็สูงกว่าผมทั้งนั้น...ถึงจะน่าโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
พอคิดว่ามียีนไดโนเสาร์อยู่ในตัวแล้วจะให้เตี้ยกว่าผมนี่ก็คงไม่ใช่
“แค่ไม่กี่เซนเองนะอานโน่...”ผมขอบอกความจริงสักหน่อยเถอะ
10เซนติเมตรนี่มันแค่นิดเดียวเองนะ
“คนเป็นแม่ต้องผอมกว่า...”อานโน่พูดต่อแล้วมองผมสลับกับยูทาร์ที่นั่งอยู่ข้างเตียง
ฉึก!
เป็นอีกครั้งที่รู้สึกถึงลูกศรมาปักเข้าที่แผ่นหลังเมื่อได้ยินคำว่าผอม
ขอค้านหน่อยเถอะ...นี่ผมไม่ได้ผอมนะน้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ปกติแถมยังออกสนามปฏิบัติจริงอยู่ทุกวันทำให้เริ่มมีกล้ามเนื้อสวยตรงหน้าท้องบ้างแล้วถึงต้องใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะเห็นผลก็ตาม
ก็ใช่ที่ถ้าเทียบกับยูทาร์ผมก็อาจจะผอมไปแต่ยูทาร์ก็ไม่ได้บึกบึนอะไรเหมือนพวกนักเพาะกายสักหน่อยเรียกกว่าก็พอมีกล้ามท้องสวยๆน่าสัมผัสแต่ก็ไม่ได้มากเกินงาม...ด้วยความที่ยูทาร์เป็นแนวหน้าจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องต่อสู้มากกว่าคนอื่นทำให้ได้ฝึกฝนกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ...
ยอมรับก็ได้ว่าผอมกว่าน่ะ!
“ถึงจะผอมกว่าแต่ก็แค่นิดเดียวเองนะ...ลองดูที่เส้นผมสิ...คนเป็นแม่ควรจะไว้ผมยาวกว่าไม่ใช่เหรอ?”ผมลองถามคำถามนี้ดู
เพราะยังไงเส้นผมของยูทาร์ก็ยาวมากกว่าของผมเห็นๆ
เรื่องนี้ผมชนะแน่นอน!
“คุณแม่ที่ผมสั้นก็มีเยอะแยะ”อานโน่หันไปมองยูทาร์สักพักก่อนจะกันมาบอกผม
“เฮ่อ...”พอโดนแบบนี้ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้แล้ว
“ไม่อยากเป็นแม่ให้ผมเหรอ?”เด็กตรงหน้ามองมาด้วยดวงตาสีแดงที่ไม่เข้มเท่าตอนอยู่ในร่างไดโนเสาร์
“อ่อ...ไม่ใช่นะ...”
“งั้นผมจะเรียกว่าแม่...แม่เซโคร”
เอาเข้าไป
เซโครแทบจะทรุดลงข้างเตียงคนป่วยซะให้ได้เมื่อทำยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำเรียกได้
สรุปคงต้องเป็นแม่ให้จริงๆสินะ
“ก็ได้...เรียกแม่ก็ได้”สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับ
“แม่”
“ครับอานโน่”ผมลากเก้าอี้มาแล้วนั่งลงด้านข้าง
“พ่อ”อานโน่หันไปเรียกยูทาร์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ครับอานโน่”ยูทาร์ขานพรางยกมือลูบเส้นผมสีเงินของเด็กบนเตียงด้วยรอยยิ้ม
“ผมมีครอบครัวเหมือนมนุษย์แล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน...และอานโน่ก็เป็นมนุษย์ด้วย”ผมตอบแล้วคว้าหน้าคนบนเตียงมาจูบที่แก้มทั้งซ้ายขวา
“ผมไม่ใช่มนุษย์”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”ผมถาม
“ก็ผมกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้”
“แล้วไม่ชอบเหรอ?”
“เปล่า...ผมชอบทั้งตอนที่เป็นมนุษย์และไดโนเสาร์”อานโน่ส่ายหน้าไปมาแล้วตอบผม
“งั้นก็ดีแล้วเพราะแม่ก็รักทั้งมนุษย์และไดโนเสาร์”ผมบอกพรางจูบเบาๆลงที่เส้นผมสีเงิน
“แล้วไม่รักผมเหรอ?”ยูทาร์ถามบ้าง
“ถามอะไรเนี่ย?”
“ผมแค่อยากรู้นี่”
“...ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”ผมบอกเสียงอ่อย
“อยากได้ยินอีกครั้งนึง...นะครับ”น้ำเสียงอ้อนๆนั่นทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ
“ผมก็รักยูทาร์...แล้วตอนนี้ก็รักอานโน่ด้วย”ผมบอกยูทาร์แล้วคว้าตัวของอานโน่มากอดไว้แน่น
“ให้ผมกอดลูกบ้างสิ”ยูทาร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วดึงทั้งผมและอาโน่เข้าไปกอดแน่น
“จะกอดลูกก็ปล่อยผมสิ”
“อยากกอดทั้งแม่ทั้งลูกเลย”ยูทาร์กระซิบข้างหูพร้อมกับจูบที่หน้าผากผมก่อจะหันไปจูบหน้าผากอานโน่ต่อ
“ปล่อยก่อนผมร้อน”ผมดิ้นจนในที่สุดก็หลุดออกมาได้เลยนั่งมองภาพพ่อลูกกอดกันกลมอยู่บนเตียง
“จะว่าไปชื่ออานโน่ที่คืออะไรเหรอเซโคร?”ยูทาร์ถามขึ้นแล้วจ้องมาที่ผม
“ผมก็อยากรู้”อานโน่เองก็หันมามองอีกคน
“อานโน่...เป็นภาษฝรั่งเศสแปลว่าแหวน”ผมบอกออกไป
“แหวน?”พ่อลูกพึมพำออกมาพร้อมกัน
“ใช่...พวกเราไม่ได้มีงานแต่งเหมือนคู่รักอื่นๆและก็ไม่ได้มีแหวนที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์หรือคำสัญญาที่มีให้กันเหมือนคนอื่น...เพราะงั้นอานโน่เลยเป็นแหวนที่คอยผูกมัดผมและยูทาร์ให้อยู่ด้วยกันตลอดไปไง”ผมอธิบายสิ่งที่คิดออกไปแต่พอนึกได้ก็รู้สึกว่าตัวเองนี่น้ำเน่าใช้ได้เลย
ทำเหมือนพวกสาวน้อยพึ่งหัดรักไปได้
“ผมชอบชื่อนี้นะ”ยูทาร์บอกพร้อมส่งยิ้มมาให้
“...ผมก็ชอบ...ความหมายของชื่อคือถ้ามีผมทั้งพ่อและแม่ก็จะไม่ไปไหนใช่ไหม?”อานโน่ถามต่อ
“ใช่...ตามนั้นเลย”
“ผมรักพ่อกับแม่”เด็กบนเตียงบอกพร้อมคลียิ้มออกมาบางๆ
รอยยิ้มแรกที่เห็นทำให้ผมและยูทาร์มองหน้ากันก่อนจะตอบออกไปด้วยประโยคเดียวกัน...
“พวกเราก็รักลูก”
ครอบครัวที่มีอย่างไม่ตั้งตัวอาจทำให้พวกเราต้องเหนื่อยมากขึ้นแต่ก็มีความสุขมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ครอบครัวคือคำที่เชื่อมโยงเราไว้ด้วยกัน
นี่คือครอบครัวของเรา
...
สวัสดีค่ะ
กลับมาพบกันอีกครั้งในตอนพิเศษนะคะ
ยูทาร์และเซโครยังคงหวานกันหยดและตอนนี้ก็มีลูกเลี้ยงเพิ่มมาอีกหนึ่งเลยยิ่งทวีความวุ่นวายมากเข้าไปอีก(555+)
แต่งตอนนี้แล้วรู้สึกสนุกมากเลยค่ะ
ตอนนี้เป็นหนึ่งในตอนที่ลงในเล่มและเป็นตอนที่จะเชื่อมกับภาคต่อไปที่จะแต่งด้วยค่ะ
หลายๆคนคงพอเดาได้ว่าจะเป็นยังไง...แต่อยากบอกว่าภาคต่อไปนี่ค่อนข้างเปลี่ยนแนวจากของยูทาร์-เซโครอยู่พอสมควร
ระหว่างที่รออ่านภาคต่อสามารถเข้าไปอ่านนิยายเรื่องใหม่ของเราได้นะคะ
❣Secret heart❣ หัวใจ แอบรักเรื่องใหม่นี้เป็นแนวแอบรักตามชื่อเรื่องแต่เป็นเนื้อหานั้นไม่ได้ออกแนวเศร้าโศก...กลับกันออกเป็นแนวละมุลหัวใจค่ะ
ใครสนใจสามารถเข้าไปติดตามได้นะคะ^^
ขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังที่มีให้นะคะ
ไว้เจอกันใหม่ค่ะ
Happy new year 2016 !!!
บ๊ายบาย

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪