ตอนที่ 1 หวางหลี่ผิง“นายน้อยครับ อาอู๋รายงานว่าคุณธันว์มาถึงแล้วครับ”
“อืม...ถ้าคุณธันว์ขึ้นมาแล้วให้เข้ามาเลย เอาเครื่องดื่มกับของว่างที่เตรียมไว้เข้ามาด้วย”
“ครับนาย”
หลังจากคำตอบรับของเลขาคนสนิทแล้ว โทรศัพท์ในมือผมก็ถูกวางลงบนแป้นตามเดิม พร้อมสายตาผมที่เคลื่อนไปจับจ้องยังบานประตูตรงหน้า เพื่อเฝ้ารอการมาถึงของคนรัก และผมก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนบานประตูจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือเลขาที่ทำตามคำสั่งเจ้านายอย่างผมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้หนุ่มน้อยร่างบางผิวผ่องบุคคลที่ผมรอคอยได้เยื้องย่างเข้ามา แต่ท่าเดินที่เหมือนคนใกล้หมดแรง ทำให้ผมถลาไปรับร่างน้องแทบไม่ทัน
“น้องธันว์เป็นอะไรครับ ทำไมมีท่าทางเป็นแบบนี้” ผมลูบหัวลูบหลังน้องด้วยความเป็นห่วง พาลให้นึกโมโหไอ้ใครก็แล้วแต่ที่ทำให้น้องต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่แล้วอาการลุกลี้ลุกลนที่ผมเป็นก็มีอันปลิวหาย เมื่อคนในอ้อมกอดค่อยๆเงยหน้าขึ้นก่อนเกยคางมนไว้กับอก พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนไปทั้งปากและแววตามาให้
“ธันว์แค่ฝึกงานจนหมดแรง ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ แต่แค่เฮียหลี่ผิงกอดธันว์ไว้แบบนี้ก็เหมือนได้ชาร์ตแบตไปในตัวแล้ว” คำพูดคำจาที่น่ารักมาพร้อมการอมยิ้มแก้มตุ่ยของน้อง ทำให้คนที่ได้ฟังแบบผมยิ้มแก้มแตกก่อนรวบตัวคนช่างพูดเข้าหาอก และออกแรงกอดรัดร่างน้อยให้แน่นขึ้น
“ฮึๆ ช่างพูดใหญ่แล้วนะครับคนเก่ง งั้นเฮียจะชาร์ตแบตเพิ่มพลังให้จนกว่าจะเต็มเลยดีมั้ย”
“คิกๆ ฮ่าๆ เฮียหลี่ผิง ไม่เอา ฮ่าๆ ธะ ธันว์จั๊กจี๋ ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกว้างขวางแบบนี้สิ ถึงจะเหมาะกับคนของผม เพราะได้เห็นทีไรทำให้ทุกสิ่งรอบตัวสดใสขึ้นมาทันตาทุกที และผมไม่อาจละสายตาไปจากวงหน้าสว่างใสนี้ได้แม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากที่ผมทำให้คนรักกลับมาแย้มยิ้มได้แล้ว จึงหันมาช่วยถอดเสื้อโค้ทตัวยาวออกจากร่างบางที่กำลังยืนหอบน้อยๆ หลังจากโดนผมชาร์ตพลังด้วยการจี้เอว ก่อนส่งเสื้อให้ฝูหรงเลขาส่วนตัวที่ยื่นมือมารับอย่างรู้งาน พร้อมอาการโค้งให้น้อยๆและปลีกตัวออกจากห้องไป
เมื่อเราได้อยู่กันสองคนแล้ว ผมจึงจูงมือน้อยพาน้องเดินมายังชุดโซฟารับแขกที่ถูกจัดของว่างให้พร้อมแล้ว ทั้งโกโก้เย็นและทาร์ตไข่ของโปรดของน้อง
“น้องธันว์ทานของว่างเพิ่มพลังก่อนนะครับ” ผมว่าพลางพร้อมส่งหลอดที่ปักในแก้วโกโก้จ่อให้ถึงริมฝีปากสีสด พร้อมรอยยิ้มเชิญชวนให้คนน่ารักได้ลิ้มลอง
“อ่า...ชื่นใจจัง เฮียหลี่ผิงรู้ใจธันว์ที่สุด ขอบคุณนะครับ” ท่าทางสดชื่นพร้อมคำขอบคุณที่น้องธันว์เอ่ยออกมาหลังดูดโกโก้แล้วนั้น ไม่ได้ทำให้ผมสุขใจเท่ากับคำพูดที่ว่าผมรู้ใจน้องที่สุดได้เลย
“ถ้าเรื่องแค่นี้เฮียไม่รู้ว่าคนรักของเฮียชอบอะไร เฮียคงเป็นคนรักที่แย่ที่สุดแล้วครับ” ทั้งคำพูดและรอยยิ้มที่ผมจงใจส่งให้คนรักตัวน้อย ส่งผลให้คนรับยิ้มค้างพร้อมแก้มใสที่ขึ้นสีระเรื่อได้อย่างน่ามอง ก่อนน้องธันว์จะเสหลบตาและแก้เขินด้วยการตักทาร์ตไข่สีเหลืองนวลเข้าปาก แต่น้องคงรีบไปนิดทำให้ช้อนที่เปื้อนครีมป้ายแปะไปกับผิวแก้มใส
“ฮึๆ คนเก่งเปื้อนหมดแล้วครับ....อืม อร่อย~” รสชาติครีมทาร์ตหอมอวลติดปลายลิ้น แต่สู้ไม่ได้กับรสชาติของผิวแก้มเนียนนุ่มที่ลิ้นได้สัมผัส จนทำให้ผมหลุดเพ้อเบาๆชิดริมหูหอมกรุ่น
การกระทำของผมส่งผลให้เจ้าของแก้มใสที่โดนผมขโมยชิมรสนั้นครางแผ่วหวิวชื่อผมออกมา ทั้งๆที่มือน้อยยังคงถือช้อนค้างอยู่ ก่อนใบหน้าตกตะลึงจะแปรเปลี่ยนเป็นมู่ทู่ได้อย่างน่ารัก
“เฮียหลี่ผิง~...เล่นอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นรึไงว่าธันว์กำลังกินอยู่” คนน่ารักโวยวายเอาเรื่องออกมาทันทีที่ตั้งสติได้ ก่อนขยับตัวออกห่างจากผมนิด และเริ่มลงมือตักทาร์ตไข่ของโปรดเข้าปาก แต่ยังไม่วายเหลือบมองมาทางผมอย่างคาดโทษ ทั้งๆที่แก้มกลมยังไม่หายแดง ผมจึงได้แต่นั่งพิงหลังเข้ากับพนักโซฟา และมองคนรักตัวเล็กได้มีความสุขกับของว่างยามบ่าย
ผมรอจนน้องธันว์อารมณ์ดีและลดการระวังตัวลง จึงค่อยๆขยับตัวเข้าหาพร้อมส่งมือไปลูบหัวทุยสวยให้อย่างเบามือ แรกสัมผัสคนตัวน้อยเงยหน้าขึ้นนิด ชำเลืองมองตาผมหน่อย ก่อนยื่นช้อนที่มีทาร์ตไข่มาจ่อให้ถึงปากพร้อมอมยิ้มน้อยๆได้อย่างน่าเอ็นดู จนผมที่ได้เห็นยังชะงักและไม่นึกอยากกินขนมตรงหน้า แต่อยากกัดแก้มกินปากคนน่ารักมากกว่า
“ขอบคุณครับ....อร่อย”
“ใช่ม้า เจ้านี้ทำทาร์ตไข่อร่อยถูกใจธันว์ที่สุด ธันว์ชอบ ฮิๆ” ผมยกมือโยกหัวเจ้าของเสียงหัวเราะสดใสเบาๆ พร้อมจรดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมยุ่งๆ อย่างอดใจไม่อยู่กับความน่ารักของน้อง
“ชอบก็ทานเยอะๆนะครับ ถ้าไม่พอเดี๋ยวให้ฝูหรงเอามาให้อีก” เสียงใสตอบรับขึ้นมาทันที หลังจากผมเสนอของโปรดเพิ่มให้อีก ก่อนน้องจะก้มหน้าตักทาร์ตไข่เข้าปากสลับกับดูดโกโก้เย็น พร้อมใบหน้าที่แตะแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใส
ผมเองก็มองเพลินกับภาพความสุขเล็กๆของคนรัก แต่ก่อเกิดความสุขในใจผมได้อย่างท่วมท้น และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีคนที่รักและรักเราอยู่เคียงข้าง
‘คุณๆคงอยากรู้จักผมและคนที่ผมรักแล้วใช่มั้ยว่าเป็นใครมาจากไหน!? ทำไมถึงกล้ามานั่งจีบกันให้คุณๆได้ตาร้อนเล่น’
เริ่มจากผมก่อนแล้วกันครับ ผม ‘หวางหลี่ผิง’ นายน้อยแห่งตระกูลหวาง ผู้มีตำแหน่งว่าที่นายใหญ่รุ่นถัดไปของแก๊งหวางหย่งกัง แก๊งมาเฟียที่มีอำนาจและผู้คนใต้ปกครองไม่เป็นสองรองแก๊งไหนๆในเกาะฮ่องกง ซึ่งนายใหญ่คนปัจจุบันของแก๊งนั้นคือปาปาของผมเองนามว่าหวางหลี่จวิน ท่านนั้นเป็นผู้คุมบังเหียนหวางหย่งกังปกครองลูกน้องนับพันมีอำนาจล้นเมือง สามารถชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ แต่มีเพียงคนๆเดียวที่พญามังกรแห่งตระกูลหวางยอมสยบให้ นั่นก็คือพญาหงส์อย่าง ‘หยางเฟิงหวง’ ผู้เป็นคู่ชีวิตและมีศักดิ์เป็นมามาคนสวยของผม
คุณๆต้องแปลกใจ หากผมบอกว่ามามาของผมนั้นเป็นผู้ชาย และอาจคิดกันไปไกลว่าครอบครัวของผมนั้นแปลกประหลาดนัก แต่สถานภาพทางเพศของมามาไม่ได้มีผลต่อความรักความอบอุ่นที่ผมได้รับสักนิด เพราะมามาเฟิงหวงนั้นให้ความรักและดูแลผมกับน้องสาวฝาแฝดนามว่า ‘หวางเหมยอิง’ ได้อย่างดีไม่มีข้อบกพร่อง ซึ่งทำให้ผมและเหมยอิงเติบโตขึ้นมาด้วยความรักของคนเป็นพ่อและแม่ได้ดีไม่แพ้ครอบครัวอื่นๆ
จนกระทั่งปัจจุบันผมกลายเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ และมั่นใจว่าคุณสมบัติของผมนั้น ไม่แพ้ผู้ชายหน้าไหนอย่างแน่นอน การที่ผมกลายมาเป็นผมอย่างทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพียงการเลี้ยงดูและความรักของคนในครอบครัวเท่านั้น แต่มีอีกบุคคลหนึ่งที่มีส่วนกระตุ้นและผลักดัน ให้ผมกลายมาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมเพื่อเค้า!? ซึ่งก็คือหนุ่มน้อยหน้าใสที่นั่งอยู่เคียงข้างผมขณะนี้นั่นไงครับ
‘ธันว์ ธนอรรถย์’ หรือที่ผมติดปากเรียกเจ้าตัวมาตลอดว่า ‘น้องธันว์’ หนุ่มน้อยหน้าตี๋ขาวใสไปทั้งตัว ผู้ที่เป็นที่รักของนายน้อยคนโตแห่งหวางหย่งกังเยี่ยงผม น้องธันว์นั้นเป็นหนุ่มน้อยหน้าใสอายุยี่สิบสองห่างกับผมแค่ปีเดียว และกำลังเรียนในคณะวิศวะที่มหาวิทยาลัยในฮ่องกงเป็นปีสุดท้าย อยู่ในช่วงฝึกงานนอกสถานที่ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุของอาการหมดแรงของน้องนั่นเอง
เราสองคนนั้นมีสายสัมพันธ์แห่งเครือญาติกันอยู่แล้ว ด้วยน้องธันว์มีศักดิ์เป็นหลานชายของคนรักของอาหยางตี้หลง นายใหญ่แก๊งหยางหลงเหยียนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดของมามาเฟิงหวง ทำให้ผมกับน้องนั้นรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างรู้จักบุคคลในครอบครัวของกันและกันเป็นอย่างดี เพราะทั้งธนอรรถย์ หวางหย่งกัง และหยางหลงเหยียนนั้น เหมือนมีสายใยถักทอกันไว้อย่างเหนียวแน่นเป็นดั่งครอบครัวเดียวกัน
ส่วนความรักของเรานั้นคงเริ่มมาจาก ‘รัก’ ที่ให้กับคนในครอบครัว บวกเข้ากับความประทับใจที่ผมมีให้กับน้องธันว์ในความกล้าหาญและเข้มแข็ง ขณะที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับผมในช่วงวัยเยาว์ ก่อให้เกิดความผูกพันทางใจกับน้องนับจากนั้น ประกอบกับตัวตนที่สดใสร่าเริงอันเป็นเสน่ห์ของน้องที่ทำให้ผมชื่นชม จนกลายมาเป็นความรักที่แตกต่างจากรักที่ให้แก่คนในครอบครัว
เมื่อผมรู้ใจตัวเองดีแล้วว่ารักที่แตกต่างนั้น มีให้แก่น้องธันว์แต่เพียงผู้เดียว ผมในวัยสิบขวบถึงกลับกล้าเอ่ยปากให้แก่บรรดาผู้ใหญ่ของทั้งสามตระกูลได้รับรู้ ทำเอาทุกคนได้แต่อึ้งเพราะตกตะลึงในความจริงที่ออกจากปากผม แต่ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนตำหนิให้เด็กชายหลี่ผิงในขณะนั้นได้เสียใจ กลับกันอากงหยางไป๋หลงผู้ที่เป็นปาปาของมามาเฟิงหวงนั้น ท่านได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจกับผม ด้วยการให้เวลาผมได้กลับมาคิดทบทวนความรู้สึก และเตรียมความพร้อมของตัวเอง เพื่อให้ผมเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเพียงพอให้น้องธันว์สนใจ และพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตหลานชายผู้เป็นที่รักของผู้ใหญ่ทุกคนรอบตัวเรา
จนกระทั่งผมมั่นใจในความรู้สึกของผมและน้องธันว์ดีแล้ว ว่ารักที่เรามีให้กันนั้นมีความหมายเดียวกัน ผมจึงขอน้องเป็นแฟนพร้อมประกาศให้ทุกคนรอบตัวเราได้รับรู้ ซึ่งก็ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนคัดค้าน ด้วยทุกท่านคงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของผมที่มีต่อน้องธันว์มาตลอดตั้งแต่ผมเอ่ยปากวันนั้นแล้ว ว่าผมเหมาะสมและสามารถดูแลน้องธันว์ได้ แม้ช่วงนั้นเราจะอยู่กันคนละประเทศ แถมน้องธันว์เองก็อายุเพียงสิบห้าซึ่งยังเด็กอยู่ก็ตาม
นึกถึงวันที่ผมขอน้องเป็นแฟนก็ให้มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ลง เพราะน้องธันว์ตกลงเป็นแฟนกับผมเพราะเผลอหลุดปากแท้ๆครับ แต่ด้วยต้องรับผิดชอบต่อคำพูดน้องจึงไม่อาจคืนคำ ถามว่าผมรู้สึกผิดมั้ยที่ได้น้องมาเป็นแฟนเพราะเหตุนี้ บอกเลยว่าผมไม่รู้สึกผิดสักนิดครับ เพราะผมรู้ว่าในใจน้องนั้นก็มีผมอยู่เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นลิงน้อยจอมซนของใครๆก็คงได้ดื้อดึงไม่ยอมมาเป็นแฟนผมง่ายๆหรอก แม้เจ้าตัวจะหลุดปากออกมาแบบนั้นก็ตาม แต่ที่น้องธันว์ยอมอยู่เคียงข้างผมและยอมเป็นคนของผมอย่างสมบูรณ์จนถึงเดี๋ยวนี้ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้แล้วว่า ‘น้องธันว์รักเฮียหลี่ผิง’ คนนี้ไม่ต่างจากผมที่รักน้องสุดใจเช่นกัน
“เฮียหลี่ผิงยิ้มอะไรอยู่คนเดียว ฮ้าววว....ธันว์ง่วงจัง” เสียงงัวเงียของคนตาปรือทำให้ผมหลุดความคิดออกมาจากเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต และต้องอมยิ้มให้กับหนุ่มน้อยที่กำลังโตที่หนังท้องตึงหนังตาก็ปรือปรอย ก่อนผมจะเปิดวงแขนรับร่างน้อยที่โอนเอนเข้าหาอก
“นอนเลยครับคนเก่ง เดี๋ยวถึงเวลากลับ เฮียจะปลุกเอง....ฟอดดด” ถ้อยคำกระซิบปลอบประโลมของผมเหมือนดั่งบทเพลงขับกล่อม ส่งเจ้าชายน้อยให้เข้าสู่นิทรา เพราะน้องธันว์หลับตาพริ้มทันทีที่เอนกายซวนซบกับอกผม ก่อนน้องจะขยับตัวนิดซุนหัวกับอกผมหน่อย และถอนใจเบาๆออกมาพร้อมมุมปากที่ยกยิ้ม ทำให้ผมได้รู้ว่าคนน่ารักได้มุมสบายที่ถูกใจแล้ว ผมจึงกดจมูกเข้ากลุ่มผมดำเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมน้องฟอดใหญ่ และปล่อยให้น้องได้นอนอย่างสมใจ
ลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะแผ่นอก พร้อมแผ่นหลังใต้ฝ่ามือที่ขยับเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้ผมรู้ว่าน้องธันว์หลับสนิทแล้ว จึงค่อยๆขยับตัวออกจากร่างน้อง แต่ก็ยังไม่วายทำคนน่ารักร้องอืออาขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
“ชู่ๆๆ นอนต่อนะครับ ไม่มีอะไร” เมื่อร่างน้อยใต้ฝ่ามือที่ผมลูบหลังปลอบประโลมนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมจึงเลี่ยงไปทางโต๊ะทำงานต่อสายถึงฝูหรง ให้เข้ามาเปิดห้องนอนเล็กที่ติดห้องทำงานของผม เพื่อจัดที่ทางให้คนน่ารักได้นอนพัก
“เรียบร้อยแล้วครับนายน้อย”
“อืม” ผมรับคำเลขาคนสนิทแล้ว จึงช้อนร่างบางของน้องธันว์ขึ้นจากโซฟา
แม้ผมจะพยายามอุ้มน้องอย่างเบามือแค่ไหน แต่ก็ทำเอาน้องสะดุ้งตัวน้อยๆอยู่ดี ก่อนน้องธันว์จะกระพือขนตาและเปิดเปลือกตาขึ้นมองผมด้วยแววตาง่วงงุน ผมจึงรีบยิ้มใส่ตาเด็กขี้เซา ก่อนก้มลงกระซิบชิดริมฝีปากสีสด
“เฮียจะพาธันว์ไปนอนบนเตียง หลับต่อเถอะคนเก่ง....ฮึๆ” ผมกลั้วหัวเราะคลอเบาๆกับท่าทางของลิงน้อยขี้อ้อน ที่พอจบคำพูดผมแล้ว น้องธันว์ก็คล้องแขนเข้ากับต้นคอผม และซุกหน้าเข้าหาซอกคอ พร้อมตอบรับอือออเบาๆ เพิ่มความน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นนักในสายตาผม จนอยากจะฟัดแก้มเด็กขี้เซาจะเดี๋ยวนี้
แต่สิ่งที่ผมทำคือวางร่างน้องบนเตียงนุ่ม พร้อมปลดวงแขนรอบคอ จัดท่าทางให้น้องธันว์ได้หลับสบายและดึงผ้าห่มจรดลำคอ ก่อนออกจากห้องที่เหลือเพียงแสงสีส้มนวลตา ที่ถูกปรับให้ลำแสงนั้นอ่อนกำลังลงจนเกือบสุด ผมหันมามองร่างบางอีกครั้งด้วยรอยยิ้มและตัดใจออกจากห้อง แต่แง้มบานประตูไว้น้อยๆเผื่อน้องตื่นมาแล้วต้องการอะไร ผมจะได้จัดการให้อย่างรวดเร็ว
“คุณธันว์ช่างน่าอิจฉานะครับ......เอ่อ ถ้านายน้อยไม่มีอะไรเรียกใช้แล้ว ผมขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว! นายติดต่อหม่าฟูให้ฉันด้วย มันกล้าดียังไงมาใช้งานคนรักของฉันให้อยู่ในสภาพนั้นได้” ผมหมุนตัวกลับมายังโต๊ะทำงานทันทีที่สั่งงานเลขาเสร็จ และกรุ่นในอกเมื่อนึกถึงภาพน้องธันว์เมื่อเกือบชั่วโมงก่อน จนไม่ได้สนใจฝูหรงว่าออกจากห้องไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งโทรศัพท์ภายในดังขึ้น จึงได้รู้ว่าเลขาของผมทำงานตามที่สั่งได้อย่างรู้ใจ
เมื่อผมรู้ว่าปลายสายคือหม่าฟูผู้ที่เป็นหัวหน้าพี่เลี้ยงของน้องธันว์ระหว่างฝึกงานนั้น ผมจึงเริ่มกระบวนการสอบสวนถึงสาเหตุที่แฟนตัวน้อยมีสภาพหมดแรงทันที ด้วยใจที่คิดไปไกลแล้วว่าน้องต้องโดนใช้งานหนักแน่ แต่ความจริงที่ได้รู้จากหัวหน้าวิศวกรที่คุมหน้างานก่อสร้างอย่างหม่าฟูคือ คนรักตัวน้อยของผมน่ะดื้อดึงที่จะลงเรียนรู้หน้างานด้วยตัวเองตั้งแต่เช้า ทั้งๆที่พี่เลี้ยงและหม่าฟูเองคัดค้านแล้ว จนถึงช่วงก่อนน้องจะกลับมาหาผม ทั้งคู่ถึงขั้นเข้าไปขอร้องให้น้องธันว์ได้กลับมาพักผ่อน แรกๆน้องก็ยังดื้อไม่ยอมทำตาม จนหม่าฟูอ้างมาถึงผมว่า ถ้าผมรู้เรื่องที่น้องต้องทำงานหนักแบบนั้น ทั้งพี่เลี้ยงและหม่าฟูต้องโดนผมลงโทษหนักอย่างแน่นอน น้องธันว์ถึงยอมรามือและกลับมาหาผมที่นี่ได้
“นายน้อยครับ ผมขอโทษที่ไม่สามารถดูแลคุณธันว์ได้ตามที่นายสั่งมา ผม...”
“เอาเถอะ ไม่ใช่ความผิดของนายทั้งหมดหรอก เพราะคนของฉันเองก็ดื้อดึงเกินไป แต่ยังไงซะก็ช่วยดูแลคุณธันว์จนกว่าจะฝึกงานจบด้วยละกัน อะไรที่หนักเกิน เลี่ยงได้ก็เลี่ยง” ผมลอบถอนใจเบาๆหลังได้ยินหม่าฟูรับคำอย่างแข็งขัน เพราะหนักใจกับความดื้อดึงของน้องธันว์ที่เพิ่งได้รับรู้
นี่ยังดีนะครับที่ผมโน้มน้าวให้น้องมาฝึกงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างของหวางหย่งกังได้ ไม่เช่นนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าถ้าน้องไปไกลหูไกลตา น้องจะดื้อดึงฝืนทำงานหนัก จนทำให้ผมเป็นห่วงน้องไปมากกว่านี้แค่ไหน ถ้าผมรู้แต่แรกว่าวิศวะสาขานี้ต้องฝึกงานหนัก ผมคงไม่ให้น้องเรียนหรอก แต่เมื่อในความเป็นจริงห้ามไม่ได้ ผมก็คงทำได้เพียงคอยกำชับทางพี่เลี้ยงและหม่าฟูเป็นหูเป็นตาให้เท่านั้น และคงต้องให้เพื่อนสนิทของน้องที่มาฝึกงานด้วยกัน ได้ช่วยดูแลและคอยรั้งน้องธันว์ให้ผมล่ะครับ ซึ่งคงต้องทำลับหลังเจ้าตัวเค้าล่ะ ขืนน้องรู้ได้โกรธผมตาย เพราะน้องเคยคุยกับผมแล้วว่าถ้าน้องยอมฝึกงานกับหวางหย่งกัง ผมต้องห้ามก้าวก่ายระหว่างช่วงที่น้องฝึกงาน
เฮ้อออ จะมีใครเห็นใจนายน้อยหลี่ผิงอย่างผมบ้างมั้ย ที่มีแฟนกับเค้าทั้งคนก็ดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟังกันแบบนี้ แต่ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร ใจอ่อนมืออ่อนไปซะทุกที ยามเจ้าเด็กดื้อมาคลอเคลียออดอ้อนยิ้มหวานใส่ เพื่อให้ผมยอมตามใจเจ้าตัว ผมคงติดบ่วงเสน่ห์ความน่ารักของเด็กดื้อคนนี้เข้าแล้วทั้งตัวและหัวใจ
...............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ดีใจมากมายที่ได้มาเปิดเรื่องใหม่ หลังจากห่างหายจากการอัพนิยาย
ร่วมสองเดือน ฝากหลี่ผิงและน้องธันว์ด้วยนะคะ

เรื่องนี้บอกได้เลยแต่งเพราะอยากแต่ง ไม่มีพล็อตอะไรใดๆทั้งสิ้น
ด้วยอยากเขียนอะไรเบาๆสบายๆไม่ต้องคิดปมให้ซับซ้อน
กะสาดน้ำตาลเข้าใส่คนอ่านเรื่องนี้เต็มที่เลยล่ะ โฮะๆ
ดังนั้นท่านใดที่หาความตื่นเต้นหรือปมชีวิตของตัวละครล่ะก็
ต้องบอกว่าท่านคงผิดหวังกับเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ 555
ข้อตกลงในการอ่านเรื่องนี้คืออย่าคาดหวัง เพราะเราเน้นหวานๆหื่นๆไร้ซึ่งแก่นสาร
ขอแค่สร้างรอยยิ้มน้อยๆและรอยอุ่นในหัวใจของคนอ่านก็พอเนอะ
เจอกันอีกทีวันสีฟ้าค่ะ ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ
