หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]  (อ่าน 763747 ครั้ง)

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   


เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***=================================================***
สวัสดีค่ะ  :mew1: 
   
พิมพ์เยอะก็คงไม่มีใครอ่านเนอะ เพราะงั้นแพทของลงขึ้นต้นเรื่องไว้สั้นๆว่า
จริงๆแล้วเรื่องนี้แพทแต่งเล่นๆ กะลงใน Note ของเฟสบุ้คเฉยๆ  :katai5:
แต่เนื่องจากวินโดว์ อาร์ทีของแพทมัน........ :katai4:  เลยทำให้ก็อบเนื้อหาลงเฟสไม่ได้อีกต่อไป ฉ่าาาาาา
แพทเลยเอาลงในนี้แทนนะจ๊ะ... :mew1: :mew1: ตามไปจิก ดึง ทึ้ง ทัก ทวง กันหลังไมค์ได้ที่เดิมจ้าา อิอิ


สารบัญ

:pig4: ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านจริงๆค่ะ :pig4:


แก้วปั้ณณ์
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2018 23:48:44 โดย dek-zaal3 »

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ ๑

“แน่ใจนะโม ว่าครูคนนี้จะเอาไลเกอร์กับไทกอนอยู่ ...” เสียงทุ้มกรอกลงไปทางโทรศัพท์ พลางเท้าก็รีบเดินไปขึ้นรถปิ๊กอัพยกล้อใหญ่ ก่อนจะสตาร์ทรถและถีบคันเร่งเต็มแรงเพื่อให้รถที่ตกหล่มโคลนแดงหลุดออกมาเสียที และก็ได้ผลในครั้งที่สองเมื่อเจ้ารถแก่ทำตามคำสั่งเจ้านายได้ในที่สุด

‘แน่ใจสิพี่สิงห์ รับรองครูคนนี้เอาเจ้าสองแสบนั่นอยู่แน่ๆ...แต่รับรองเขาให้ดีๆหน่อยแล้วกันนะพี่สิงห์ อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนโม อย่ามัวแต่คิดว่าเขาเป็นแค่ลูกจ้างเหมือนรายอื่นๆล่ะ’

“ถ้าทำงานดีและไม่หวังแต่จะจับพี่เหมือนรายอื่นๆแล้วล่ะก็นะ...” เสียงทุ้มเอ่ยบอกปลายสายก่อนจะเสสายตามองซ้ายมองขวา ดูว่าไม่มีรถมาก็เลี้ยวรถเข้าไปตามทางดินลูกรังสีแดง ซึ่งยังคงมีโคลนอยู่เป็นหย่อมๆเพราะฝนเพิ่งตกเมื่อวานนี้

‘โอ๊ยพี่สิงห์! พี่บัวเขาไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า...มีแต่พี่สิงห์นั่นแหละที่คิดอกุศลไม่เข้าท่า พี่บัวเขาจะคิดอย่างนั้นได้ยังไงก็ในเมื่อ...’

“แค่นี้ก่อนนะโม...พี่ใกล้ถึงบ้านแล้ว เมื่อกี๊เหมือนเพิ่งเหยียบโคลนโดนใครเข้าเลย...นี่มันทางรถวิ่งไม่ใช่ฟุตปาธ ไม่รู้เรื่องเลยรึไงวะ!” คนพูดขัดคำคนจากปลายสายก่อนจะตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง หันมองผ่านกระจกหลังก็ไม่เห็นใครเพราะตอนนี้ผงฝุ่นสีแดงที่เกินจากการที่ล้อรถของเขาบดถนนด้วยความเร็วค่อนข้างสูงมันตีตลบอบอวลปิดรัศมีการมองไปหมด ชายหนุ่มเจ้าของรถจึงทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กๆก่อนรำพึงกับตัวเอง

“ตาฝาดรึเปล่าว่ะเรา คงจะเป็นต้นไม้ละมั้ง” ก่อนคนคิดจะต่อด้วยคำว่า ‘ช่างเถอะ’ ในใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปให้ถึงบ้านโดยเร็ว

------------------------------------------------

 
   บัวไอค่อกแค่กพร้อมยกชายแขนเสื้อขึ้นมาปิดปากปิดจมูก เมื่อมีรถปิ๊กอัพกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งแล่นผ่านตัวไปด้วยความเร็ว พร้อมทิ้งคราบโคลนเฉอะแฉะเอาไว้บนกระเป๋าเสื้อผ้าที่หิ้วอยู่ พร้อมฝุ่นผงสีแดงตลบอบอวลเข้าปากเข้าจมูก

   เด็กหนุ่มพยายามมองตามท้ายรถคันนั้นไปด้วยใจขุ่นมัว ไม่คิดเลยว่าการลงใต้มาเพื่อทำงานพิเศษหาเงินซื้อบ้านใหม่ เพื่อให้แม่และตัวเองได้ย้ายออกมาจากห้องเช่าโกโรโกโสที่จะพังแหล่มิพังแหล่ จะเริ่มส่อเค้ารางร้ายมาให้เห็นตั้งแต่ที่เพิ่งย่างกลายมาถึงแบบนี้

   มือขาวบางยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นดูก่อนจะทิ้งมือตกลงไปข้างตัวตามเดิม กระเป๋าเดินทางของเขาเป็นผ้า แต่โดนโคลนดินแดงเปื้อนแบบนี้คงจะซักออกไม่ได้ง่ายแน่ๆ โธ่บัวสวรรค์...อะไรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดถึงเพียงนี้ กระเป๋านี่ก็มีอยู่ใบเดียว...ยืมคุณแม่มาด้วย ถ้าท่านเห็นเขาทำกระเป๋าใบสำคัญของท่านเปื้อนมีหวังโดนดุหูชาแน่ๆ...คนตัวขาวคิดอย่างปลงตกแต่ก็ยังพยายามก้าวเท้าออกเดินฝ่าผงฝุ่นดินแดงที่ยังคละคลุ้งอยู่ในอากาศต่อไป เพื่อให้ถึงที่หมายทันเวลา...



   ฝ่ายคนร่างสูงเจ้าของรถปิ๊กอัพพอเอารถเข้าที่จอดได้ก็รีบลงมาจากรถแล้วมองหารถของแขก ที่เข้าใจว่าน่าจะเป็นของคุณครูคนใหม่ที่น่าจะต้องมาถึงแล้ว เพราะเขามาเลยเวลาที่น้องสาวต่างมารดา นะโม นัดไว้ให้มาเกือบครึ่งชั่วโมง...แต่มองซ้ายมองขวาและรอบๆบริเวณที่น่าจะจอดรถได้แล้วก็ไม่เห็นมี เสียงทุ้มห้าวของคนเต็มวัยหนุ่มจึงตะโกนเรียกถามคนที่อยู่ในบ้านถึงแขกที่น่าจะมาถึงแล้วดังๆ

“ป้าพุด! ลุงเกรียง...ไอ้เม่น!...หายไปไหนกันหมดวะ เปิดประตูบ้านทิ้งไว้อ้าซ่ารอต้อนรับขโมยกันรึไง...ไอ้เม่นโว้ย! หายหัวไปไหนวะ...”

“นายเหมือง! ใจเย็นๆจ้านายเหมือง ป้าพุดอยู่นี่...โอ๊ย ตะโกนเสียลั่นบ้านคนแก่ตกอกตกใจหมด...” น้ำเสียงใจดีที่ดังมาก่อนตัวทำให้ชายหนุ่มร่างสูงบุกบึนมองหาไปทางต้นเสียง ก็พบแม่บ้านวัยห้าสิบกลางๆยืนลูบอกอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้าน ชายหนุ่มจึงสาวเท้าเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้คำตอบในทันที

“ป้าพุด ลุงเกรียงกับเด็กๆหายไปไหนกันหมด...ทำไมบ้านเงียบ ครูคนใหม่ยังไม่มาอีกเหรอป้า...”

“เอาคำถามไหนก่อนดีคะนายเหมือง...ถ้าตาเกรียงละก็แกลงไปดูแปลงผักให้พวกชาวบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ข่าวว่าเมื่อคืนแมลงลงเสียหายไปหลายแปลง ส่วนไอ้เม่นก็คงพาสองแสบไปเที่ยวซนอยู่ตรงที่ประจำของเขานั่นแหละค่ะนายเหมือง...” คนเป็นแม่บ้านพอหายตกใจเสียงดังฟ้าผ่าของเจ้าของบ้านก็รีบสาธยายแถลงไขคำตอบให้เจ้านายหนุ่มรู้ ซึ่งพอคนถามคำถามได้คำตอบที่ค่อนข้างจะน่าพอใจแล้วจึงพยักหน้าน้อยๆก่อนจะถอดหมวกปีกกว้างที่ใส่ประจำอยู่ออก

“...แล้ว...ครูคนใหม่ของไลเกอร์กับไทกอนล่ะครับ ยังไม่มาอีกเหรอป้าพุด ผมไม่เห็นรถ...” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ มือก็ใช้ปีกหมวกพัดวีลมเข้าตัวเองดับร้อน เปลญวนที่แขวนอยู่ตรงหน้าบ้านพร้อมโต๊ะไม้ขนาดพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่คือมุมโปรด ร่างสูงใหญ่แข็งแรงจึงสาวเท้ายาวๆไปหมายจะนั่ง ได้ยินแว่วๆจากป้าพุดว่าวันนี้มีลูกตาลลอยแก้วจะไปยกออกมาให้ เขาเอ่ยขอบคุณก่อนจะนั่งลงรอของหวานดับร้อน ไม่นานนักร่างค่อนไปทางท้วมนิดๆและเริ่มมีผมขาวแซมอยู่หน่อยก็เดินถือถาดของว่างเอามาให้เขาแล้วเอ่ยตอบคำถามที่เขาถามค้างไว้เมื่อครู่

“วันนี้ทั้งวันป้ายังไม่เห็นมีใครมาเลยนะคะ...อ้อ เมื่อเช้ามีแม่ตีลังกา เอ๊ย...ติรกา มาหาด้วยค่ะ เธอว่าแม่ฝากลิ้นจี่มาให้นายเหมือง นายเหมืองจะรับมั้ยคะเดี๋ยวป้าพุดไปจัดใส่จานมาให้...” น้ำเสียงถามอย่างประชดประชันนิดๆทำให้นายหัวแห่งเหมืองใหญ่เผยรอยยิ้มใต้ไรเคราบางๆให้คนเป็นแม่บ้าน ก่อนจะเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่กลับไปเพื่อให้แม่บ้านของตัวเองอารมณ์ดีขึ้น

“แล้วป้าอยากให้ผมรับตัวลูกสาว หรือของหิ้วจากลูกสาวกันแน่ครับ...ผมรับได้หมดแหละ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก เลยได้ค้อนจากผู้สูงวัยกว่าในทันทีที่เอ่ยจบ เป็นที่รู้กันดีว่าคุณป้าแม่บ้านพุดฤทัยของเขาไม่ชอบแม่สาว ‘ตีลังกา’ ลูกสาวนายอำเภอของที่นี่เอาเสียมากๆ เหตุเพราะแม่คุณไม่ค่อยรู้จักกาละเทศะ แต่งตัววับแวมและไล่ตามจับผู้ชายเก่งเป็นที่หนึ่ง และคุณป้าแม่บ้านก็ยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่เมื่อผู้ชายรายล่าสุดที่เจ้าหล่อนตามจับดันเป็นเขา นายเหมืองของป้าพุดฤทัยเสียอย่างนั้น

“ฮึ...นายเหมืองลองรับแม่ตีลังกามารับทานสิคะ ป้าจะได้ขอลาออกมันเสียตอนนี้เลยค่ะ...คนอาไร้ เป็นผู้หญิงยิงเรือเสียเปล่า ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีของตัวเอง เที่ยวเร่วิ่งหาผู้ชายทั้งวัน” คนสูงวัยมีการเน้นหางเสียงอย่างใส่อารมณ์

   นายเหมืองนามสิงห์ยิ้มบางๆพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ มือยกตักลูกตาลลอยแก้วขึ้นมาทานก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า

“ป้าเอาลิ้นจี่ไปแจกจ่ายให้พวกคนงานด้วยแล้วกันนะครับป้า...ส่วนลูกตาลลอยแก้วนี่อร่อยมาก ฝีมือยังเป๊ะเหมือนเดิมไม่มีตกเลยนะครับ” พูดเอาใจคนแก่แล้วนายเหมืองสิงห์ก็รู้สึกดี เพราะได้เห็นคุณแม่บ้านวัยกลางห้าสิบยิ้มแก้มปริกับคำชมที่เขาเอ่ย

“...แต่แม่ครูบัวอะไรของยัยนะโมเนี่ยสิป้าพุด ผิดเวลานัดผมมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ไอ้เราก็รีบร้อนออกจากเหมืองแทบตายจะได้มาทันนัด ที่ไหนได้...มาสาย...”

“คุณกำลังหมายถึงผมอยู่รึเปล่าครับ...ถ้างั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยที่มาสาย...พอดีผมไม่รู้ว่ามันจะอยู่ลึกขนาดนี้เลยไม่ได้เหมารถเข้ามา ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับคุณ...สิงห์?”

   เมื่อจู่ๆก็มีแขกคนที่สามเข้ามาแทรกกลางวงสนทนาโดยไม่ได้รับเชิญ สายตาสองคู่จึงหันไปมองทางต้นเสียงที่ยืนอยู่บนพื้นนอกบริเวณชานบ้านพร้อมกันในทันที

   ตรงนั้นปรากฎร่างผอมๆบางๆในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนยืนอยู่พร้อมกระเป๋าสีหม่นๆหนึ่งใบ คะเนจากหน้าตานายเหมืองสิงห์เดาว่าคงไม่น่าจะเกินยี่สิบ ใบหน้าผุดผาดและสองแก้มแดงเหรื่อมีรอยฝุ่นผงสีอิฐติดอยู่เต็ม เสื้อยืดสีขาวก็พลอยเปื้อนรอยฝุ่นย้อมสีเสื้อที่เมื่อก่อนคงเป็นสีขาวให้กลายเป็นสีส้มหม่น ยิ่งกระเป๋าที่เจ้าตัวถืออยู่ยิ่งแล้วใหญ่ มันมีรอยโคลนเปื้อนแดงเป็นทาง ทำให้นายเหมืองสิงห์รูปหล่อกระหวัดนึกขึ้นได้ถึงต้นไม้ที่เขาคิดว่าเจ้าปิ๊กอัพของเขาสาดโคลนใส่ตอนขับรถเข้ามา...
   
   ...อย่าบอกนะว่าไม่ใช่ต้นไม้ แต่เป็นคนจริงๆ...

“หนูจ๊ะ...มาผิดที่หรือเปล่า ที่นี่เป็นไร่ของนายเหมืองสิงห์นะ...” ป้าพุดที่ยืนพินิจพิศมองอยู่นานเป็นผู้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่นอกบ้านหยิบกระดาษใบเล็กๆที่ค่อนข้างยับเล็กน้อยออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดอ่าน

“เอ่อ...ถ้าที่นี่ใช่บ้านของคุณสิงห์...สิงห์ สุตนันท์ล่ะก็ผมมาไม่ผิดหรอกครับ ผมชื่อบัว...จะมาเป็นครูสอนพิเศษให้กับลูกชายของคุณสิงห์ สุตนันท์น่ะครับ...”
   
   ได้ฟังดังนั้นคนเป็นเจ้าบ้านถึงกับต้องลุกยืนเพื่อเดินเข้าไปเท้าแขนกับราวกั้นชานบ้านพลางมองคนที่เงยหน้ามองเขาจากที่พื้นนอกบ้านชัดๆอีกครั้ง...

“เดี๋ยวนะ...ยัยนะโมแนะนำฉันว่า เพื่อนเขาชื่อครูบัว...ครูบัว เป็นผู้หญิงใช่มั้ย...?” เสียงทุ้มเอ่ยถามซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ผิวขาวๆและตัวเล็กๆบางๆทำให้นายสิงห์ สุตนันท์ต้องการยืนยันคำตอบของคำถามเมื่อครู่ชัดๆอีกครั้ง บางทีร่างที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้อาจเป็นทอมหรือผู้หญิงแท้ๆที่ไม่มีนมก็เป็นได้

...ก็ผู้ชายที่ไหนชื่อบัว...ตั้งแต่ได้ยินชื่อครั้งแรกเขาก็จินตนาการภาพครูบัวเป็นครูผู้หญิง ถึงขั้นถือไม้เรียวและแว่นสายตากรอบใหญ่ เพราะจากคำพูดของยัยน้องสาวที่การันตีเพื่อนตัวเองว่าจบครูเกียรตินิยม และกำราบเด็กเกเรมาได้นักต่อนักแล้วนั่นแหละ...

...แล้วจู่ๆไอ้เด็กตรงหน้านี่จะมาหักภาพความฝันในจินตนาการของเขาดังเปาะ...ด้วยการยืดอกแบนๆพร้อมพกกระเป๋าผ้าเก่าๆและผิวขาวมาบอกเขาว่า...คุณครับ ครูบัวเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงครับ...อย่างนั้นน่ะเรอะ!

“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นผู้ชาย...ไม่ใช่ผู้หญิงครับ”

   นั่นไง...ผิดจากที่คิดไว้เสียที่ไหน ทำไมซื้อหวยมันไม่ถูกแบบนี้มั่งวะไอ้สิงห์!

   คนตอบแบบไม่ยินดียินร้ายเพราะชินเสียแล้วกับคำถามแบบนี้ตอบให้อย่างใจเย็น เขายกมือป้องใบหน้าที่มีแสงแดดส่องเข้ามาจนเกิดร่มเงา สายตาที่ฝ้าฟางอยู่ในนาทีแรกจึงได้เห็นหน้าเขา...นายจ้างเจ้าของเหมืองที่ชื่อสิงห์ชัดๆเต็มๆตา

   เรือนร่างสูงใหญ่กำยำกำลังเท้าแขนมองเขาด้วยสายตาประเมิน แต่บัวไม่สนใจเพราะกำลังนึกทึ่งกับกล้ามแขนและผิวสีแทนอันแสนน่าอิจฉานั่นต่างหาก ไหนยังจะมีไรหนวดและเคราบางๆ ลูกกระเดือกที่โป่งนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดที่บริเวณลำคอแข็งแรง และลาดไหล่กว้างพร้อมร่องไหปลาร้าที่อยู่ภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวที่คลุมทับด้วยเสื้อเชิ๊ตผ่าหน้าสีน้ำเงินเข้มพับแขนนั่นอีก บัวถึงกับเผลอนิ่งอึ้งไปสองวินาที กับภาพชายหนุ่มที่แสนหล่อเหลาอย่างร้ายกาจราวเทพบุตรกรีกที่อยู่บนบ้านนั่น ก็ตอนแรกที่ได้ยินว่าว่าที่เจ้านายเขาเป็นนายเหมือง บัวก็จินตนาการถึงชายที่มีใบหน้าคล้ายโจรเถื่อนหน่อยๆ มีรอยบากนิดๆตามร่างกาย ไม่ก็แก่อ้วนลงพุงมีสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังจนไม่มีเวลาเลี้ยงลูก จนต้องมาจ้างพี่เลี้ยงแบบอยู่เวรตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างครูบัวอย่างเขาแทน

“งั้น...ถ้าใช่ตัวจริงก็ขึ้นมา จะให้ป้าพุดพาไปที่ห้องก่อนจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเราค่อยมานั่งคุยรายละเอียดกันหลังจากนั้น...”

   คนเป็นเจ้าบ้านพอได้สติกลับเข้าเรือนร่างก็รีบเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดแบบไม่ทราบสาเหตุ ร่างสูงใหญ่กวาดมองรูปร่างบอบบางนั้นอย่างชั่งใจก่อนจะชักเท้าเดินหนีเข้าบ้านไปแบบไม่มองกลับหลังมาอีกเลย ฝ่ายป้าพุดจึงต้องเป็นคนลงไปเชื้อเชิญแขกผู้มาใหม่ให้เข้าไปในตัวบ้านพร้อมพิจารณาและประเมินระยะเวลาในการทำงานสอนของครูคนใหม่เงียบๆอยู่ในหัว 

-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
to be continue...
เรื่องนี้แพทคงลงเป็นตอนสั้นๆนะ >_< ตามแบบที่ลงไว้ในเฟสอ่ะ T_T บับบุย  :mew3:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
5555 ฝันสลายล่ะสิพี่สิงห์

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่าติดตามนายเหมืองสิงห์



กับบัวน้อยกลอยใจ

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
ตามมาแล้ว นายเหมืองกับกับครูบัว  :mew1:

ออฟไลน์ HT...hanna

  • 。。。我永远爱你。。。
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-4
เย้ๆๆๆๆ
ตามมาอีกคนค่าาาา
 :pig2: :pig2: :pig2:
บวกเป็ดให้ด้วยค่า เอาไปเลย

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
รอดูว่าใครจะเฮี้ยวระหว่างเด็กกะพ่อเด็ก ไม่พ้นมือครูบัวแน่ๆ :mew1:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ครูบัวคงได้ตำแหน่งเพิ่มด้วยนะ
ปราบสาวๆที่มาจี๊จ๊ะนายเหมือง5555555555555555

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ตามมาอ่าน ฮาาาาา


คึคึ ครูบัวเนี้ย อ่านกี่รอบๆก็น่ารักเนอะ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ ๒


“เดี๋ยวพอคุณอาบน้ำเสร็จแล้วก็ลงไปที่ชั้นหนึ่ง ห้องนั่งเล่นอยู่ทางซ้ายมือนะคะ นายเหมืองคงจะรอคุณอยู่ที่นั่น...แล้วนี่ไปยังไงมายังไงคะเนี่ย หัวหูเลอะมอมแมมไปหมดเชียว...” พุดฤทัยเอ่ยถามแขกผู้มาใหม่พลางเอื้อมมือไปช่วยปัดฝุ่นผงตามใบหน้าออกให้เล็กน้อย

   ...อุ๊ยตาย พอปัดฝุ่นออกแล้วผิวเนียนเชียว...

“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ...เอ่อ...คุณ...” เด็กหนุ่มเอ่ยค้างไว้เพราะไม่รู้จะเรียกหญิงตรงหน้าว่าอย่างไร คุณป้าแม่บ้านพุดฤทัยจึงเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม

“ป้าเป็นแม่บ้านของนายเหมืองค่ะ...ชื่อพุดฤทัย เรียกป้าพุดเหมือนนายเหมืองก็ได้ค่ะคุณครู” พุดฤทัยเอ่ยบอก

“งั้นป้าพุดก็เรียกบัวว่าบัวเฉยๆก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกคุณครูหรอก...ยังไง บัวต้องฝากตัวด้วยนะครับป้าพุด ถ้าบัวไม่รู้หรือทำอะไรไม่ถูกต้องขัดกับกฎของที่นี่ บัวต้องขอให้ป้าบอกแล้วก็สอนบัวด้วยนะครับ...”

“ตายแล้วพ่อคุณ...ไม่คิดว่าเด็กรุ่นใหม่จะพูดฝากเนื้อฝากตัวกับคนแก่แบบนี้เป็นด้วย น่ารักจริงครูบัว...” จากที่แอบมีเขม่นอยู่นิดๆในคราแรกเพราะประเมินจากที่มองเห็นแค่ภายนอก กลายมาเป็นเริ่มนึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างจริงจัง ท่าทางนบนอบอ่อนน้อมถ่อมตนที่ ‘ครูบัว’ แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และมือที่ยกขึ้นประนมไหว้ทำให้พุดฤทัยอดไม่ได้ที่จะยกมือไปลูบมือบอบบางที่ยังพนมมือค้างไว้ แล้วเลยไปลูบมือลูบแขนส่วนอื่นต่อ

“แล้วนี่ทำไมถึงติดฝุ่นดินแดงเขรอะไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะคะ...ดูซิเนี่ยเสื้อเปลี่ยนสีเลยเชียว เดี๋ยวพอคุณถอดเสื้อเสร็จแล้วเอาใส่ตะกร้าสานใบนี้ไว้นะคะ วันไหนครูบัวต้องการจะซักก็เอาวางไว้ที่หน้าประตูด้านนอก จะมีเด็กขึ้นมาเก็บตะกร้าเอาไปซักให้เองค่ะ” พุดฤทัยเอ่ยบอกอธิบาย นึกสงสารเนื้อตัวสกปรกมอมแมมของเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาครามครัน เดาว่าคงจะเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าประตูใหญ่ล่ะซี ถนนที่เป็นดินแดงเพราะยังไม่ได้ลาดยางน่ะมีแค่ช่วงถนนที่ทอดผ่านระหว่างถนนใหญ่มาจนถึงหน้าบ้านนี้เท่านั้น ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้ใกล้ๆเลยซักนิด

“ขอบคุณครับมากครับป้า...แล้วผมจะรีบลงไปพบ...นายเหมืองนะครับ”

“จ่ะ...แล้วจะไหวเหรอพ่อคู๊ณ ตัวนิดเดียวจะเอาสองแสบอยู่ได้ยังไงกันคะ เจ้าไลเกอร์กับไทกอนน่ะซนเสียยิ่งกว่าอะไรดี ครูสอนพิเศษกี่คนๆก็เอาไม่เคยอยู่ ขอลาออกกันไปหมด ครูบัวไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของสองซนนี่เหรอคะถึงได้รับงานนี้น่ะ”

“ก็งานนี้มีที่พักฟรี อาหารก็ฟรี เงินก็ดี กับการสอนเด็กสองคนมันคุ้มจะตายไปครับป้าพุด”

“คุ้มแค่สามอย่างแรกล่ะค่ะ แต่สอนเด็กสองคนน่ะขาดทุนแน่ค่ะครูบัว”

   บัวยิ้มให้กับการพูดจาประชดประชันแต่นัยน์ตายิ้มพราวของป้าพุด ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณป้าพุดฤทัยอีกครั้ง พอร่างอวบท้วมเดินออกจากห้องไปแล้วก็ได้เวลาที่ ‘ครูบัว’ ของป้าพุดจะได้อาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลของตัวเองบ้างแล้ว

   วันนี้เขาออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าเพื่อขึ้นรถทัวร์ลงใต้ ก่อนจะต่อรถโดยสารเข้ามาที่อำเภอนี้ แล้วก็ต้องนั่งรถสองแถวมาลงที่ป้ายรถที่ใกล้เหมืองแห่งนี้ที่สุด ด้วยความที่ใกล้ๆป้ายรถสองแถวมีป้ายเขียนบอกชื่อเหมืองและลูกศรชี้ทางบนป้าย เขาก็นึกว่ามันคงจะไม่ไกลมาก แล้วอีกอย่างแถวนั้นก็ไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมาเขาเลยตัดสินใจเดินเอา ไม่คิดว่าระยะทางจากป้ายรถสองแถวเข้ามาถึงนี่จะกินเวลาเดินเขาไปตั้งเกือบสามชั่วโมง ดีว่าเขาเป็นคนเดินทนถึงได้เดินมาจนถึงบ้านนายจ้างหลังนี้จนได้

   บัวมองดูห้องพักและห้องน้ำที่เจ้าบ้านจัดไว้ให้ มันมีขนาดพอๆกับห้องพักที่เขากับแม่อยู่ด้วยกันเลย นึกร่ำๆอยากขออนุญาตเจ้าบ้านพาแม่มาอยู่ด้วยกัน แม่เขาจะได้อยู่อย่างสบายๆบ้าง แต่บัวก็ทำได้เพียงแค่นึกเท่านั้นเพราะเขาก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านนายจ้างวันแรก ไม่กล้าที่จะไปรบกวนอะไรเขาขนาดนั้นหรอก

   น้ำเย็นสดชื่นที่ไหลรดลงมาตามใบหน้าเรียกความสดชื่นกลับมาให้บัวได้มากโข เด็กหนุ่มเพลิดเพลินกับการอาบน้ำเสียจนไม่ได้ยินเสียงเคาะและเปิดประตูห้องนอนตัวเองเลย...

   นายเหมืองใหญ่นาม สิงห์ สุตนันท์ กระชับผ้าขนหนูในมือแน่นระหว่างที่ค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกเพื่อส่งเสียงเรียกเจ้าของห้อง แต่ดูท่าแล้วเสียงน้ำจากฝักบัวที่เจ้าตัวคงเปิดจนสุดมันคงกลบเสียหมด ถึงได้ไม่ได้ยินเสียงเขาเรียกเลย

“คุณ...ครูบัว ผมเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ ป้าพุดบอกว่าแกลืมเอามาวางไว้ให้คุ...” สิงห์พูดค้างไว้ได้แค่นั้นเพราะเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เห็นแค่เบื้องหลังตรงหน้ามันทำให้เขานิ่งตะลึงงัน ห้องอาบน้ำไม่ได้ถูกปิดประตูอยู่ในตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามา เรือนร่างขาวผ่องที่ค่อยๆถูกสายน้ำชำระล้างทำความสะอาดคราบไคลสีส้มแดงตามร่างกายจึงค่อยๆเผยรูปจริงออกมาให้เขาเห็น แค่เบื้องหลังยังดูนวลเนียนมือขนาดนี้ ไหนจะเอวคอดกิ่ว และสองแก้มก้นที่ดูท่าจะนุ่มมือไม่แพ้กันนั่นอีก หนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่าจึงต้องรีบกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ มองแค่เบื้องหลังนี่ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย ท่อนขานั่นคงใหญ่แค่แขนเขาเองละมั้งนั่น

   สายตาคมกริบจ้องมองสัดส่วนเรือนร่างของคนที่กำลังอาบน้ำเพลินจนลืมตัว เผลอยกมือเท้าแขนกับขอบอ่างล้างแต่ดันพลาดไปโดนแปรงสีฟันตกลงพื้น เสียงของตกกระทบพื้นที่เกิดขึ้นทำให้ร่างที่ยืนอยู่หน้าห้องอาบน้ำและที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่ บัวรีบเอี้ยวตัวไปดูด้านหลังพร้อมๆกับที่ร่างใหญ่ละสายตาจากของที่ตกขึ้นมามองไปด้านหน้าด้วยเช่นกัน สายตาสองคู่มองสบประสานกันและกัน ก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของคนทั้งคู่โดยไม่รู้ตัว...

“เอ่อ...ผม...เอาผ้าขนหนูมาให้คุณ ป้าพุดบอกว่าแกลืมเอามาวางไว้ให้...”

“ขะ...ขอบคุณครับ” บัวรีบหันหลังเข้าผนัง งองุ้มตัวเองเพื่อปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าจากสายตาคมกริบที่จ้องมองเขาด้วยแววตาพราวระยับ เรือนร่างสูงใหญ่ยืนบดบังกรอบประตูห้องอาบน้ำไปเสียเกือบมิด ร่างกายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนทำให้บัวอับอายเหลือเกินที่โดนผู้ชายคนนั้นมองจ้องแบบนี้ แม้ว่าชายหนุ่มจะรีบหันหลังกลับไปทันทีที่วางผ้าขนหนูเอาไว้ให้บนซิงค์ล้างหน้าก็เถอะ

“...เรื่องวันนี้ ผมขอโทษ...”

   จู่ๆประโยคที่ดังขึ้นมาทำให้บัวถึงกับอึ้ง ไม่แน่ใจหูตัวเองว่าได้ยินถูกต้องรึเปล่า...

   ...นายเหมืองตาดุคนนั้นพูดขอโทษเขา...ใช่มั้ย?

“ครับ? ...เมื่อกี๊คุณบอก...ขอโทษ...”

“เรื่องที่ผมขับรถทำคุณเลอะ ผมไม่เห็นจริงๆว่าคุณอยู่ข้างทาง...ผมไม่ได้ตั้งใจ...”

   บัวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะดูจากรูปร่างภายนอกแล้วบัวแอบคิดไปว่าเจ้านายคนนี้ของเขาคงเป็นคนประเภทจมไม่ลง คงจะมองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น ไม่น่าจะมองเห็นความผิดของตัวเอง รถปิ๊กอัพเปื้อนโคลนที่จอดอยู่ในโรงรถไม่ต้องเดาบัวก็พอรู้ว่าเจ้าของเป็นใคร...

   ...ไม่นึกว่าเขาจะยอมมาบอกขอโทษกันตรงๆแบบนี้...

        ...เห็นทีบัวคงต้องมองเจ้านายหนุ่มในรูปแบบใหม่...


------------------------------------------------


   สิงห์หนุ่มเผลอตัวมองจ้องไปทางบันได เกิดอาการรอคอยใครบางคนโดยไม่รู้ตัว ภาพเรือนร่างขาวนวลที่เห็นเมื่อซักครู่ยังคงติดอยู่ในหัว สลัดยังไงก็ไม่หลุด แต่ที่น่าอายยิ่งไปกว่านั้นก็คือไอ้เจ้าคอมมานโดกลางตัวเขานี่สิ คนอย่างนายเหมืองสิงห์ไม่เคยขาดผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ค่อนข้างเสียศักดิ์ศรีอยู่พอสมควรที่คนอย่างเขาจะมาคอมโดพร้อมรบตอนเห็นร่างผู้ชายเปลือยแบบนี้ ดีนะที่เขาชักธงรบลงได้เร็ว เจ้าคอมมานโดแท่งใหญ่ของเขาจึงยังไม่ทำให้เขาขายขี้หน้าให้คนในมโนภาพต้องมามองเขาเป็นตัวประหลาด

“สองแสบละครับป้าพุด” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามแม่บ้านที่เดินเข้ามาวางขนมและกาแฟให้เขาบนโต๊ะ พุดฤทัยชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะตอบ

“เอ...ป้าว่าเดี๋ยวอีกไม่นานนายเม่นก็น่าจะพากลับมาแล้วนะคะ นี่ก็บ่ายแก่แล้วเด็กๆคงจะหิวกันแล้วล่ะค่ะ”

   นายเหมืองใหญ่พยักหน้ารับรู้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยต่อไป ...พุดฤทัยมองอาการเจ้านายหนุ่มก็ชักตงิด ท่าทางรอคอยที่เห็นนี่ชักไม่แน่ใจว่ากำลังรอคอยลูกชายหรือครูคนใหม่ของลูกชายกันแน่

“เดี๋ยวก็มาค่ะนายเหมือง...” ป้าพุดเอ่ยบอก เจ้านายหนุ่มจึงพยักหน้าตอบรับแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาตามเดิม

   ครู่เล็กๆผ่านไป กลิ่นหอมแป้งเด็กยี่ห้อหนึ่งก็ลอยลมมากระทบจมูก สิงห์หนุ่มรีบหันขวับไปมองที่เชิงบันได เห็นร่างผอมบางในชุดเสื้อยืดสีเทาตุ่นกับกางเกงผ้านิ่มขายาวเดินลงบันไดมาอย่างค่อนข้างรีบเร่ง ผมเปียกหมาดยังไม่แห้งดีลู่เข้ากับกรอบใบหน้า สีผมดำสนิทที่ตัดกับผิวแก้มขาวผ่องทำให้นายสิงห์นึกอยากยกมือขึ้นไล้เบาๆดูซักที มันคงจะนิ่มมือกว่าที่เห็นน่าดู

“ผมมาช้าไปหรือเปล่าครับ...ขอโทษ...”

“ไม่เลยค่ะครูบัว...เชิญนั่งค่ะ” เป็นป้าพุดที่เดินเข้ามาจับจูงมือครูบัวของแกไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับนายเหมือง ซึ่งอีกฝ่ายมีท่าทางไม่ค่อยอยากจะมองหน้าเขาในตอนแรก แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นที่ชายหนุ่มหลบตา ก่อนจะใช้สายตาคมดุจ้องมองกลับมาที่ว่าที่ลูกจ้างอย่างบัวด้วยแววตาจริงจังอย่างเดิม

“เอ่อ...มีอะไรที่ผมต้องรับทราบก่อนจะเริ่มทำงานบ้างครับ” บัวเริ่มต้นเป็นฝ่ายซักถามข้อมูลการทำงานจากนายจ้างก่อน ในมือเล็กมีสมุดโน๊ตทำมือและปากกาด้ามเล็กเปิดพร้อมเตรียมใช้ สิงห์มองท่าทางกระตือรือร้นและการเตรียมพร้อมของอีกฝ่ายอย่างค่อนข้างพอใจในระดับหนึ่ง มือแข็งแกร่งยกวางพาดบนท่อนขาแข็งแรงที่ยกขึ้นไขว่ห้างแบบตั้งฉาก ก่อนจะเริ่มสาธยายงานให้กับครูคนใหม่หน้าใสฟังโดยที่ไม่รอให้เจ้าสองแสบเข้ามาก่อกวนวุ่นวายเหมือนรายอื่นๆ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...ผมต้องการให้คุณมาคอยสอนพิเศษลูกชายของผม ไลเกอร์...กับไทกอน สองคนนี้ไม่ใช่เด็กโง่ เพียงแต่สองแสบนั้นสนแต่จะเล่นอย่างเดียวจนผลการเรียนร่อแร่เต็มที ผมต้องการให้คุณมาช่วยดูแลเรื่องผลการเรียนของลูกชายผม คุณจะใช้วิธีหรือจะจัดการเวลายังไงก็ได้ ตอนนี้สองแสบกำลังปิดเทอมอยู่อีกประมาณสามเดือนกว่าถึงจะเริ่มเปิดเทอม...”

“ครับ...แล้ว...มีอะไรที่น้องไลเกอร์กับไทกอนชอบ ไม่ชอบ หรือว่ากลัวมั้ยครับ” คำถามนี้ของครูคนใหม่ทำให้นายเหมืองสิงห์มีอาการคิ้วขมวดเล็กน้อย ไม่เคยมีครูคนไหนสนใจถามเรื่องลูกชายเขาในทำนองนี้มาก่อนเลย

“คือ...ผมแค่อยากรู้ไว้เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการดูแลลูกชายของคุณไงครับ”

“ดูแล...?” ไม่ใช่แค่สอนงั้นหรือ?

“ครับ หรือว่าถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ คือผม...”

“สองแสบไม่ชอบเสียงฟ้าผ่าเหมือนกัน แล้วไลเกอร์ก็ไม่ชอบกินแตงกวา ส่วนไทกอนไม่ชอบมะเขือเทศ...ไม่มีสิงสาราสัตว์ชนิดไหนที่สองแสบจะกลัว และสิ่งสุดท้าย...สองแสบชอบให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะหลับ” ชายหนุ่มจบคำพูดด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปาก บัวเหลือบตาขึ้นมองนายจ้างพอดีจึงทันได้เห็นรอยยิ้มนั้นใต้ราวหนวด...ความคิดผุดวาบขึ้นมาในสมองว่าถ้าเจ้าตัวยิ้มแบบนี้บ่อยๆได้คงจะดี เพราะมันทำให้สีหน้าเจ้าตัวคลายจากการเป็นสิงห์เหลือเป็นเพียงแค่คล้ายร็อตไวเลอร์ตัวโตๆผสมโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เท่านั้น...

“พี่เม่น! อย่าให้ไลเกอร์จับได้นะ หยุดเดี๋ยวเน้!!!” เสียงแว่วๆแหลมเล็กดังใกล้ๆอยู่ตรงบานหน้าต่าง นายเหมืองสิงห์ชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นเด็กชายชั้นป.ห้าสองคนในชุดเชิ๊ตยีนส์กำลังวิ่งไล่ตามลูกน้องของเขามาทางประตูหน้าบ้าน นายเม่นเด็กเหมืองวัยสิบเก้า มีปัญญาเรียนจบแค่ชั้นป.6 แล้วหันมาเอาดีด้านการใช้แรงงานในเหมือง กำลังทำหน้าที่เป็นลูกล่อให้สองแสบวิ่งกลับมาบ้านด้วยตัวเอง เสียงเจื๊อยแจ้วพอกันของทั้งสามคนทำให้นายเหมืองสิงห์ต้องเหลือบหันมามองคุณครูคนใหม่เสียหน่อย อยากรู้ว่าถ้าได้เห็นแววจอมซนของทั้งสองคนนี้แล้วจะทำหน้ายังไง

   อาการชะเง้อชะแง้มองไปทางประตูบ้านเหมือนป้าพุดพร้อมรอยยิ้มที่จุดขึ้นบนริมฝีปากขนาดกะทัดรัด ทำให้นายเหมืองใหญ่ต้องมีอาการฉงนออกมาอีกรอบ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทางตื่นเต้นยินดีที่จะได้เจอสองแสบ ไม่เหมือนครูคนอื่นที่มักจะสนใจเขามากกว่าลูกชายสองคนอย่างออกนอกหน้า

“พ่อสิงห์!!! พี่เม่นไม่ให้ไลเกอร์กับไทกอนไปเล่นในเหมือง...!!!” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยฟ้องพฤติกรรมพี่เลี้ยงวัยรุ่นที่นั่งแผ่หมดแรง ลิบแล่บห้อยออกมาจากปากเหนื่อยเป็นหมาหอบแดด

“เป็นคำสั่งพ่อเอง...จะเข้าไปเล่นได้ยังไงในเหมืองมีแต่เครื่องจักรหนัก ขืนปล่อยสองสิงห์เข้าไปผจญภัยน่ากลัวงานพ่อคงจะบรรลัยแน่...”

“หูย...ไม่ขนาดนั้นหรอกพ่อสิงห์ ไลเกอร์เป็นเด็กดีจะตาย...” เด็กน้อยผิวขาวแก้มป่องในชุดเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินอ่อนนั่งกระแซะนายเหมืองทางขวาก่อนดึงแขนพ่อมาโอบรอบไหล่ตัวเอง

“ช่าย...ไทกอนก็เป็นเด็กดี แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก เนอะไลเกอร์เนอะ...” เด็กน้อยแก้มป่องพอกันรายที่สองในชุดเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้มกว่า นั่งกระแซะพ่ออยู่ทางซ้ายก็เอ่ยบอกบ้าง

“มันแน่อยู่แล้ว...ก็เชื้อพ่อมันแรง ลูกบ่าว (ลูกชาย) พ่อสองคนเลยโคลนนิ่งพ่อมันออกมาเหมือนเด๊ะ!”

   ...หน้าตาน่ะอาจจะใช่ แต่สีผิวน่ะคนละขั้ว คนลูกขาวจั๊วะ แต่คนพ่อน่ะสีน้ำผึ้งไหม้ติดก้นกะทะชัดๆ... บัวลงความเห็นได้เลยในทันทีทันใดว่าพ่อลูกบ้านนี้นั้นหลงตัวเองกันทั้งบ้าน

“พ่อ! แล้วพี่ตาหวานนี่ใครอ่ะ เมียใหม่พ่อเหรอ...” เด็กน้อยเอี๊ยมน้ำเงินเข้มที่บัวจำได้แล้วว่าชื่อไทกอนเอ่ยพลางชี้นิ้วมาที่เขา เด็กหนุ่มแอบมีสะดุ้งตัวเบาๆเมื่อจู่ๆก็ได้รับความสนใจกะทันหัน

“วุ้ย ไทกอนไม่เอาลูกไม่ชี้ผู้ใหญ่...มันไม่ดีนะลูก” ป้าพุดที่ยืนอยู่เยื้องหลังบัวเอ่ยบอกลูกชายเจ้านาย ซึ่งเด็กน้อยก็ยอมเอานิ้วลงแต่โดยดีพลางมองพ่อรอคำตอบตาแป๋ว

“เอ่อ...นี่ไม่ใช่เมียใหม่พ่อหรอก แต่เป็น...” สิงห์กำลังจะเอ่ยปากแก้ข่าวบอกลูก แต่ดันโดนเจ้าไลเกอร์ลูกชายอีกคนขัดขึ้นมาเสียก่อน

“พ่อ! อย่าบอกนะว่าไม่ใช่เมีย...แต่เป็นแม่ใหม่! ไลเกอร์ไม่เอานะพ่อ...ปกติแม่ชั่วคราวของไลเกอร์เขานมตู้มๆเท่าส้มโอเลยไม่ใช่เหรอ แต่คนนี้นมแบนนะพ่อ...ถึงพี่เขาจะตาหวานก็เหอะ...” พูดจบก็มีเสียงเจื้อยแจ้วสนับสนุนของลูกคู่ไทกอนทางซ้ายดังเป็นทัพเสริม คนถูกหาว่านมแบนมีอาการหน้าแดงพร้อมยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเองโดยไม่รู้ตัว

“ไอ้สองแสบ...ใครบอกใครสอนเรื่องพวกนี้วะ พ่อจำได้ว่าไม่เคยสอนเรื่องแก่แดดแก่ลมพรรค์นี้ให้นะ”

“พี่เม่นสอน!!!” สองเสียงประสานขึ้นมาได้อย่างพร้อมเพรียงมาก คนถูกกล่าวหารีบลุกขึ้นนั่งดีๆในทันใดแล้วพนมขึ้นยกไหว้เจ้านายแต้

“ผ้ม...ผ้มไม่ได้สอนจิ่งจริงหน่ะขรับนายหัว! คุณหนูแกจำของแกเอง ผ้มไม่เกี่ยวนา...(ผม...ผมไม่ได้สอนจริงๆนะครับเจ้านาย คุณหนูแกจำของแกเอง ผมไม่เกี่ยวนะ)” เสียงตอบภาษาถิ่นใต้ดังขึ้นพร้อมศีรษะคนพูดที่ส่ายไปมารวดเร็วเรียกอมยิ้มเล็กๆได้จากบัวมาพอสมควร ดูเอาก็รู้ว่าคงโดนใส่ร้ายป้ายสี...แบบตั้งใจ

“เออ ก็ไม่ได้ว่าอะไร...แกอยู่ก็ดีแล้วเม่น ฉันจะได้แนะนำให้รู้จักกันเสียทีเดียวเลย...ไลเกอร์ ไทกอน...นี่คือคุณครูคนใหม่ของพวกแกสองคน ไม่ใช่เมียใหม่พ่อหรือแม่ใหม่พวกแกอะไรทั้งนั้น เขาชื่อครูบัว...เป็นผู้ชาย” ท้ายประโยคแอบมีอ้อมแอ้มนิดหน่อย ในสมองเกิดภาพจินตนาการชั่วขณะว่าถ้าครูบัวของทุกคนเป็นผู้หญิงคงจะงามหยดย้อยไม่ใช่น้อยเลย

“ครูใหม่!!!” สองแสบตะโกนประสานเสียงเข้าหูพ่อสิงห์ของทั้งคู่พร้อมกัน นายเหมืองสิงห์หน้าตาเหยเกเพราะเสียงของลูกน้อยมันทิ่มทะลวงเข้าไปในรูหูเขาเสียแก้วหูลั่นเปรี๊ยะเลย

“โหยพ่อ! ไลเกอร์ไม่อยากได้ครูใหม่ ยังไงไลเกอร์ก็สอบผ่านจบป.6 อยู่แล้วล่ะน่า”

“ทั้งๆที่เทอมที่แล้วต้องเข็นกันเกือบตายกว่าจะได้ที่สองและสามจากท้ายเนี่ยนะ” สิงห์ย้อนถามเจ้าลูกชาย

“แต่ก็ผ่านน่าพ่อ” ไทกอนร่วมด้วยช่วยบ่นอีกแรง พลางสายตาก็ส่งความไม่เป็นมิตรไปให้คุณครูผิวสวยตาหวานที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน

“แต่พ่อไม่พอใจผลการเรียนของสองแสบแค่ที่สองกับสามรั้งท้ายนี่หว่า...ไม่ต้องบ่น ยังไงพวกแกสองคนก็ต้องเรียนพิเศษกับครูบัวตลอดปิดเทอมนี้”

“ตลอดปิดเทอม!!! พ่อ...!!!” สองแสบประสานพลังกันคัดค้านจนครูบัวเริ่มมีอาการรับรู้แล้วว่า...คำว่าแสบซนที่ใครๆต่างก็กล่าวขวัญถึงคงจะไม่เกินจริงแน่

“ไม่ต้องเรียกครูก็ได้ครับไลเกอร์ ไทกอน...เรียกพี่บัวก็ได้นะ” บัวเริ่มต้นสานสัมพันธไมตรีด้วยการลดช่องว่างระหว่างกันจากครู – นักเรียน เป็นเพียงแค่พี่กับน้องดูก่อน

“ครูตาหวานชื่อบัวเหรอ” ไลเกอร์ที่นั่งตากลมป๊องมองว่าที่ครูใหม่ตาแป๋วถามขึ้น

   ...ครูตาหวาน ชื่อนี้สมกับตัวดีแฮะ...สิงห์แอบคิดในใจ

“...ครับ พี่ชื่อพี่บัวครับ...” บัวเอ่ยตอบ ไทกอนมีอาการก้มๆเงยๆมองหน้าเขา คงจะอยากดูหน้าเขาให้เห็นชัดๆล่ะสิ

“ทำไมไม่ชื่อตาหวานล่ะครู” ไทกอนเอ่ยถามบ้าง

“เอ่อ...ก็...พี่เป็นผู้ชาย ตาหวานน่ะชื่อผู้หญิงนะครับ...” บัวเอ่ยตอบเด็ก นึกกระด้างปากนิดๆอยู่เหมือนกันที่พูดคำว่า ‘ตาหวาน’ ตามเด็กๆ

“ก็ครูตาหวานอ่ะ ไลเกอร์จะเรียกครูตาหวาน...ไม่ได้เหรอ” ไลเกอร์เอ่ยบอก ครูคนนี้แลดูไม่เหมือนครูเลย ตัวเล็กๆผอมๆกว่าพี่เม่นอีก ท่าทางคงจะใจดี อย่างนี้คงไม่น่าอยู่เกินสามวัน...ดวงตาเจ้าเล่ห์เหล่มองน้องชายที่มีอายุห่างกันหนึ่งปีอย่างแอบมีแผนในใจ

“...ก็แล้วแต่...จะเรียกเถอะครับน้องไลเกอร์” บัวบอก รอยยิ้มติดแหยเล็กๆ ตอนนี้จะขัดใจไปก็เปล่าประโยชน์ บัวไม่อยากจะเริ่มงานด้วยความเครียดทั้งเขาและเด็กตั้งแต่วันแรก

“เอาล่ะสองแสบ ตกลงกับครู...ตาหวาน...ได้แล้วก็ไปอาบน้ำ จะได้ลงมากินข้าว...ใส่เสื้อยาวๆนะไลเกอร์ไทกอน คืนนี้ฝนตกจะได้ไม่นอนหนาว”

“ครับพ่อสิงห์!” สองแสบตะเบ๊ะรับคำก่อนจะกระโดดผลุงลงจากโซฟาแล้ววิ่งฉิวขึ้นห้องนอน มีเม่นวิ่งตามประกบเด็กๆพร้อมป้าพุดที่ขอตัวเดินเข้าครัวไปเหมือนกัน

“เป็นไงล่ะครูตาหวาน แบบนี้พอจะไหวมั้ย” สิงห์หันมาถามคู่สนทนาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในห้องรับแขก เห็นแววตาเอื้ออาทรณ์ที่มองส่งเจ้าลูกชายของเขาจนลับตาแล้วก็เพิ่มความพอใจขึ้นมาอีกระดับ...สนใจลูกมากกว่าพ่อ ก็ไม่เลว...แต่ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์กันต่อไป...เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวจะตัดสินกันแค่นี้ไม่ได้ มารอดูกันว่าครูตาหวานคนนี้จะดีแตกที่วันไหน เขาเดาว่าไม่น่าจะเกินสามวัน...

“...” บัวเงียบในตอนแรกเพื่อรวบรวมลมหายใจ เรียกพลังฮึดจากแม่ที่กรุงเทพฯมาเป็นกำลังใจ ก่อนจะหันมาตอบนายจ้างด้วยรอยยิ้ม “ไหวครับ...ไม่ต้องห่วง ไลเกอร์กับไทกอนเป็นเด็กฉลาดจริงอย่างที่คุณว่า แต่เขาแค่ขาดแรงจูงใจในความสนใจในห้องเรียนก็เท่านั้น ปิดเทอมสามเดือนมีเวลาเพียงพอที่จะให้พวกแกได้ทบทวนบทเรียนทั้งหมดเพื่อขึ้น ป.6 เทอมใหม่ คุณสิงห์ไม่ต้องห่วงนะครับ”

   สิงห์อยากจะบอกนักว่าอย่ามาบอกเขาเลยว่าไม่ต้องห่วง บอกตัวเถิดครูตาหวาน...แต่สิงห์มองแววตาเป็นประกายแบบนั้นแล้วก็พูดอะไรไม่ออก ไม่อยากพูดอะไรให้ขัดกับความรู้สึกตื่นเต้นของอีกฝ่ายที่ฉายชัดออกมาในตอนนี้...เขาควรจะบอกสถิติที่ครูแต่ละคนทำเอาไว้ให้อีกฝ่ายรู้ดีมั้ยนะ ว่าที่ผ่านมาสถิติอยู่นานที่สุดคือหนึ่งอาทิตย์ เร็วที่สุดคือ 18 ชั่วโมง...

   บัวเก็บปากกาและสมุดโน๊ตที่เล็กขนาดยัดใส่กางเกงตัวเองได้ลงไป สองมือยกขึ้นพนมนายจ้างทำท่าว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วก็จะขอตัวไปจัดของตัวเองอีกนิดหน่อย แต่ก่อนไปคนเป็นคุณครูคนใหม่ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาก่อนจะหน้าแดงนิดๆก่อนเอ่ย
“เอ่อ...คุณสิงห์ไม่ต้องเรียกผมว่าครูตาหวานเหมือนเด็กๆหรอกนะครับ เรียกบัวเฉยๆก็ได้...”

   สิงห์หรี่ตามองคนพูด...นึกสงสัยนิดๆว่าทำไมลูกเรียกได้แล้วคนเป็นพ่ออย่างเขาถึงเรียกไม่ได้ล่ะเนี่ย

“ก็ได้...งั้นผมจะเรียกคุณว่า ‘บัวเฉยๆ’...เหมือนที่คุณต้องการ แบบนี้โอเคแล้วใช่มั้ยคุณบัวเฉยๆ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาอยากลองเย้าครูตัวขาวตรงหน้านิดหน่อย ใบหน้าจิ้มลิ้มสวยหวานแบบที่ดูออกว่าไม่ใช่ลูกคนจีนออกอาการค้อนเขานิดๆแล้วพูดงุบงิบเบาๆแต่เขาดันหูดีได้ยิน

“กวนเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย...”

“หืม? คุณว่าอะไรนะ...” สิงห์แอบถามทวนซ้ำประมาณว่าเมื่อกี๊พูดอะไร เขาไม่ได้ยิน...

“เปล๊า...คือ...คุณจะเรียกอะไรของคุณก็ตามสบายเถอะครับ ผมขอตัว...” บัวพูดจบก็หุนหันเดินแกมวิ่งออกไปขึ้นบันไดกลับไปชั้นบนตามเดิม สิงห์แอบลุกขึ้นเดินตามไปดูตรงช่องบันไดเพื่อดูว่าประตูห้องของครูตาหวานของเด็กปิดสนิทดีเรียบร้อย

“ก็มาลองดูกัน...ครูตาหวาน ว่าคุณจะทำลายสถิติไหน...เร็วที่สุด...หรือช้าที่สุดกันแน่...” คนพูดเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเหยียดบนริมฝีปากครึ้มหนวดแล้วฮัมเพลงอารมณ์ดีเข้าห้องทำงานไป...

-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-

to be continue...
่ว่าแล้วก็ลงตอนใหม่ต่อซะเลย อิอิ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
คุณครูกะนายเหมือง
นายเหมืองสิงห์ แอบหลงเสน่ห์ครูบัวแล้วหละสิ หุหุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2013 13:04:10 โดย ○TeaCafé○ »

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0

ออฟไลน์ Pigstar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เนื้อเรื่องน่ารักมากกกก
ผมชอบแนวนี้ๆ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ
บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ สู้ๆครับบบบ   :mc4:

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ต่ออีกสักตอนสองตอนก้อได้นะ :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
นายเหมืองน่าลิ้มลอง ครูตาหวานยั่วยวนใจ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

สองตัวแสบคงจะป่วนครูบัวน่าดู

แต่คนที่ป่วนครูบัวที่สุดน่าจะเป็นคนพ่อนะ---ไหนจะยายตีลังกาไรนั่นอีก

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
รับเรื่องใหม่
น่ารักมาก
+1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
นายเหมืองมากกว่าแม้ะที่จะสนใจครูมากกว่าเนี๊ย

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ระหว่างพ่อกับลูกชาย ใครจะปราบยากกว่าก็ไม่รู้เนอะ คุณครูบัวเฉยๆๆ 555

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
รอตอนต่อไปค้าบ หนุกอ่ะ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
ลงชื่อติดตามเรื่องใหม่ค่ะ :mc4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
แนวเรื่องนี้มันช่าง classic ตลอดกาล
แต่เขียนดีจริงๆ ครับ ลื่นไหล
เอาปราบสองแสบแบบมันๆ เลยครับ คนพ่อเก็บไว้ก่อน

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารักอ่าาาาาาาาาา เอาใจช่วยบัวให้ชนะใจสองแสบค่ะ

ออฟไลน์ slurpee04

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-1

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที ๓

   มื้อเย็นผ่านไปอย่างเรียบง่าย สองแสบไม่หือไม่อือนั่งทานอาหารกันอย่างเรียบร้อยเสียจนบัวที่ตั้งใจจะมารับมือกับความซนแสบถึงกับออกอาการงง จนเจ้าของบ้านอย่างนายสิงห์ต้องแอบลอบยิ้มพอใจ เขาแอบบุ้ยใบ้ปากออกไปนอกหน้าต่างห้องทานข้าว บัวมองตามแล้วก็เดาว่าคงจะเป็นเพราะ...ฝน
   
   นั่นสินะ...นายเหมืองสิงห์เขาเคยบอกไว้ ว่าสองแสบไม่ชอบเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้อง ตอนนี้ฝนก็ตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตามาตั้งแต่ชั่วโมงก่อน มีเสียงฟ้าร้องครืนๆนิดหน่อยแต่อยู่ไกลๆ มิน่าล่ะนั่งกินกันเงียบเชียบไม่กระดุกกระดิกเชียว

   บัวหยิบปากกาสลับสีมาเขียนจดหมายเล่าเรื่องราววันแรกของการทำงานที่เหมืองสุตนันท์ลงไปบนกระดาษเอสี่ เขาสัญญากับแม่ไว้ก่อนจะลงใต้มานี่ว่าจะเขียนจดหมายส่งให้ท่านบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ต้องอาทิตย์ละครั้ง ถามว่าแล้วทำไมบัวถึงไม่ใช่โทรศัพท์เคลื่อนที่ล่ะ ก็บัวน่ะมีแต่แม่ไม่มีนี่นา แม่บอกว่าแม่ไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ให้บัวมีไว้เพราะต้องติดต่อกับเพื่อนและคนอื่นๆซึ่งมันจำเป็นในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวไกลในสมัยนี้ แล้วอีกอย่างที่ผ่านมาบัวก็เป็นเด็กดี ไม่เคยเถลไถลไปไหนแล้วไม่บอก ถ้ากลับดึกก็จะต้องหาทางบอกแม่ให้ได้ อาศัยโทรเข้าโทรศัพท์บ้านของป้าจิตที่อยู่ติดกันให้ฝากบอกแม่ให้ แค่นี้ก็ไม่ต้องใช้โทรศัพท์หากันแล้ว

   สายฝนที่ตกอยู่นอกหน้าต่างสาดกระทบกระจกจนขึ้นเป็นเกล็ดน้ำลายพร้อย พาบรรยากาศเปิดแอร์ในห้องนอนของเขาเย็นชื้นขึ้นมาอีกโข บัวกระชับเสื้อแขนยาวตัวนอกที่แม่ถักให้ขึ้นคลุมให้มิดถึงคอ ตอนแรกที่เตรียมจัดกระเป๋าจะลงใต้ก็ไม่คิดที่จะติดเสื้อกันหนาวอะไรมาหรอก เพราะเขารู้มาว่าภาคใต้มีแค่สองฤดูเท่านั้น คือร้อนกับฝน ไม่มีหน้าหนาวเหมือนภาคอื่นๆเขา แต่ดีนะที่แม่บัวไม่ประมาท ยัดเยียดเสื้อถักของตัวเองติดกระเป๋าบัวมาด้วยจนได้...เพราะแบบนี้ไงบัวเลยรักแม่มากที่สุด

‘นายหัว!!! นายหัวๆๆๆ เรื่องใหญ๊แล้วขรับ...ที่เหมือง ! นายหัว!!! (เจ้านาย เจ้านายๆๆๆ เรื่องใหญ่แล้วครับ ที่เหมือง เจ้านาย)’

   จู่ๆบัวก็ได้ยินเสียงผู้ชายสองสามคนตะโกนดังมาจากทางนอกบ้าน บัววางปากกาสีในมือลงแล้วรีบเดินไปที่ริมหน้าต่าง ห้องบัวมันตรงกับสวนของบ้านที่อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งได้รับการบอกกล่าวจากป้าพุดว่าเป็นทางไปเหมืองพอดี จึงทันให้เห็นร่างสูงฉกรรจ์ของชายผิวคล้ำแดดสามคนยืนเอามือป้องสายฝนอยู่ที่ใต้ต้นมะม่วง คนที่อยู่ริมขวาสุดนั่นเองที่กำลังป้องปากตะโกนเรียกเจ้าของบ้านเสียดังลั่น ซักพักบัวก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตูอย่างแรงมาจากชั้นสอง ชั้นเดียวกับที่บัวพักอยู่ดังขึ้น เดาว่าคงจะเป็นเจ้าของบ้านนั้นแหละที่ออกไปตามเสียงเรียก บัวคอยชะแง้มองอยู่ตรงหน้าต่างซักพักก็เห็นชายหนุ่มร่างสูง สวมหมวกคาวบอยไม่พกร่มเดินออกจากตัวบ้านเพื่อไปพูดคุยกับชายฉกรรจ์สามคนนั้น ครู่เดียวเจ้าของหมวกคาวบอยซึ่งบัวจำได้ว่าเป็นของนายเหมืองสิงห์ก็รีบเดินนำหน้าชายทั้งหมดวิ่งไปทางเหมือง

จนลับตาไปแล้วบัวถึงได้เห็นสายฟ้าแล่บแปลบปราบอยู่ทางท้องฟ้าฝั่งนั้น พร้อมเมฆดำทะมึนก้อนใหญ่ที่ลอยมาทางตัวบ้าน ก่อนจะส่งเสียงดังคำรามลั่นเป็นการทักทายจนกระจกหน้าต่างสั่นกึก...

บัวยกมือขึ้นปิดหู อยู่กรุงเทพฯไม่เคยได้ยินเสียงฟ้าร้องที่ไหนดังอยู่ใกล้ๆและน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย มันเสียดแทงเข้าไปในรูหูจนต้องอัดมือเข้ามาแน่นๆ...ในใจคิดว่าขนาดตัวบัวเองที่เป็นผู้ใหญ่แล้วยังกลัวขนาดนี้ แล้วเด็กๆล่ะจะกลัวกันขนาดไหน...

“เด็กๆ!!!” บัวสะดุ้งสุดตัวเมื่อความคิดกระหวัดถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งนั่งจำไปก่อนหน้านี้

...สองแสบกลัวเสียงฟ้าร้องที่สุด!!!...

   แล้วก่อนหน้านี้พ่อของสองแสบก็เพิ่งออกไปข้างนอก ป้าพุดก็อยู่ข้างล่างคงจะขึ้นมาช้าแน่ สองแสบคงจะอยู่ในห้องกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น...   

“ไลเกอร์...ไทกอน...!”

พร้อมกับที่พูด ท่อนขาเพรียวบางก็รีบออกวิ่งไปจากห้องนอนตัวเอง พุ่งไปหาห้องนอนประตูไม้สีน้ำตาลอ่อนที่มีป้ายอันจิ๋วแขวนไว้พร้อมชื่อเจ้าของห้องตัวน้อย ‘ไลเกอร์ & ไทกอน’ มือบางหมุนลูกบิดประตูเปิดออกได้อย่างง่ายดายเพราะมันไม่ได้ล็อก ภายในห้องมืดสลัวเพราะได้แสงไฟจากตรงระเบียงหน้าห้องช่วยส่อง บัวได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ครางฮือมาจากใต้ผ้าห่ม คนตัวบางจึงรีบตรงไปที่ต้นเสียงทันที

“ไลเกอร์...ไทกอนครับ...ไม่ต้องกลัวนะลูก...” น้ำเสียงอ่อนโยนส่งออกไปก่อนพร้อมมือเรียวบางที่ยื่นออกไปแตะโปงผ้าห่มที่เขาเดาว่าสองแสบคงจะยกขึ้นมาคลุมตัวเอง

   ก้อนผมสีดำยุ่งเหยิงสองก้อนค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มขึ้นมาทีละนิด ใบหน้าขาวใสสองดวงก็ค่อยๆเปิดเผยตามมา มันมีรอยคราบน้ำตาเปื้อนเปียกอยู่ตรงสองข้างแก้ม ภาพเด็กป.5 สองคนที่กำลังจะขึ้นชั้นป.6 ร้องไห้ครางฮือกอดกันกลมของสองพี่น้องเพราะกลัวเสียงฟ้าร้องทำเอาบัวใจหวิวเพราะสงสาร คนตัวบางค่อยๆนั่งลงที่ขอบเตียงพร้อมอ้าแขนสองข้างออก

   ไม่รู้ว่าเพราะกลัวจัดหรือไม่มีสติ ร่างสมส่วนของทั้งไลเกอร์และไทกอนรีบสะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วพุ่งตัวเองทั้งคู่เข้าสู่อ้อมกอดของบัว ไลเกอร์กอดเข้าข้างซ้าย ไทกอนก็กอดเข้าข้างขวา สองมือบัวโอบรัดเด็กทั้งสองเอาไว้แน่น ลูบเบาๆที่ท่อนแขนเด็กแล้วเอ่ยปลอบประโลมให้หายกลัว พร้อมกับถือวิสาสะจูบเข้าข้างขมับคนละทีเป็นการเสริม

“ครูตาหวาน...ฮือ ไลเกอร์กลัว...ฮือออออ”

“ไทกอนกลัว...ฮือออออ เสียงมันเข้ามาในห้องด้วย กระจกสั่นเลยครู...ฮือๆ”

   สองเสียงช่วยกันอธิบายความรู้สึกยามได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนใหญ่เมื่อครู่ให้ครูตัวบางฟัง ฝ่ายบัวฟังแล้วก็ค่อยๆโยกเด็กสองคนในอ้อมแขนไปมาพร้อมยังเอ่ยปลอบไม่หยุดปาก ขยับก้นให้กระเถิบเข้านั่งบนเตียงให้ดีขึ้นอีกนิด เพราะเมื่อกี๊แรงโถมกอดของสองแสบนั้นไม่เบาเลย ทำเอาตัวบัวที่ตัวเล็กกว่าชายไทยปกติทั่วไปเกือบหงายหลัง ดีที่ยันขาอีกข้างไว้นอกเตียงจึงช่วยให้เขาพอจะทรงตัวนั่งอยู่ได้

“ไม่ต้องกลัวนะ...ฟ้ามันร้องอยู่ข้างนอก เราอยู่ข้างในมันทำอะไรเราไม่ได้หรอก...” บัวบอก “พี่บัวอยู่นี่...อยู่เป็นเพื่อนเราสองคนแล้วนะ ไม่ต้องกลัวนะลูก นิ่งซะคนดี...คนเก่งของพี่บัว”

“ครูตาหวานอยู่กับไทกอนนะ...” เสียงงุ้งงิ้งติดสะอื้นจากทางขวาดังขึ้น

“ครูตาหวานนอนกับไลเกอร์นะคืนนี้...” เสียงออดอ้อนปกเสียงฮึกฮักจากทางซ้ายก็ดังตามมาอีก

“ได้สิ...” บัวบอก...เอาเถอะครูก็ครู คืนนี้เขาจะยอมเป็นครูตาหวานของเด็กๆก็ได้... “...งั้นเราไปนอนกันดีกว่าเนอะ คืนนี้ครูตาหวานจะนอนเป็นเพื่อนไลเกอร์กับไทกอนทั้งคืนเลย...เอ้าไลเกอร์เขยิบหน่อยลูก...ไทกอนมานอนข้างๆครูด้านนี้มาครับ...”

   บัวค่อยๆเขยิบเลื่อนตัวเองลงนอนใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ของสองแสบ ไลเกอร์รีบตามเข้าไปมุดนอนตรงที่ประจำ รอครูตาหวานตามมานอนติดกันแล้วก็พลิกตัวหมับ ยกสองแขนขึ้นกอดพร้อมขาขึ้นก่าย ซุกตัวเข้าไหล่ครูตาหวานแล้วก็ครางฮือเพราะยังสะอื้นไม่เสร็จดี ส่วนไทกอนพอเห็นพี่ชายได้ที่แล้วก็รีบตามลงไปนอนด้วยกันทางฝั่งขวาของครูตาหวาน ยกมือเข้าสอดรัดรอบเอวคุณครูพร้อมซุกซบศีรษะเข้าไหล่บัวพร้อมเริ่มส่งเสียงสะอื้นเป็นเพื่อนไลเกอร์ต่อทันที

“เอ้า...อยากร้องก็ร้องต่อ แต่เดี๋ยวครูบัวจะเล่าอะไรให้ฟัง...อยากฟังมั้ย” พอเห็นว่าสองแสบยังคงมีทีท่าสะอึกสะอื้นเป็นพักๆทั้งๆที่กอดเขาเอาไว้แน่น เขาก็เริ่มหาไอเดียมาเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องที่สองแสบกลัวไปเสีย เขากระตุ้นการเล่าเรื่องของตัวเองด้วยการถามความเห็นจากสองแสบ ได้ยินเสียงงุดๆดังลอดมาจากแถวรักแร้ของตัวเองทั้งซ้ายขวาว่า ‘อยาก’ ท่อนแขนเล็กจึงช่วยตวัดโอบกอดรัดสองร่างนุ่มให้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเองมากยิ่งขึ้น

“ถ้าอยาก...งั้นไลเกอร์กับไทกอนลองทายดูสิครับ ว่าฟ้าร้องกับฟ้าผ่าอันไหนน่ากลัวกว่ากัน...”

“ครูตาหวานถามอะไรอ่ะ...ฮึก” ไทกอนผงกหัวขึ้นมองคุณครูคนใหม่ด้วยความฉงน ในขณะที่ไลเกอร์ทำคิ้วย่น ลืมสะอื้นไปชั่วขณะก่อนจะตอบ

“เกอร์ว่าฟ้าร้องน่ากลัวกว่าอ่ะครูตาหวาน...”

“ทำไมล่ะครับ” บัวถาม ครูที่ดีต้องไม่หมายแค่คำตอบสั้นๆของเด็ก ไม่ว่าคำตอบนั้นจะผิดหรือถูก ก็ควรที่จะมีคำถามว่า ‘ทำไม’ ต่อท้าย เพื่อที่เราได้จะได้รับรู้ความคิดเห็นของเด็กด้วย

“ก็ฟ้ามันร้องอ่ะ น่ากลัวจะตาย แต่ฟ้าผ่ามันสวย มีแสงสว่างทั่วฟ้าเลยครู” ไลเกอร์ตอบ

“ไทก็ว่าฟ้าร้อง...ไทเกลียดฟ้าร้อง มันดังเหมือนบ้านจะถล่มเลยครู...” ไทกอนเห็นพี่ชายตอบแล้วตัวเองก็ตอบบ้างเพราะกลัวพี่ได้หน้าอยู่คนเดียว

   บัวหันมองสองลูกศิษย์ตัวน้อยที่นอนรอฟังเขาเฉลยตาแป๋วแล้วก็ยิ้มเอ็นดูให้

“ทั้งคู่ตอบคำถามเก่งมากจ่ะ แต่รู้มั้ยลูก...ว่าฟ้าร้องไม่เคยทำให้ใครตาย แต่ฟ้าผ่าเคยฆ่าคนตายมาหลายคนแล้วนะ”

“โห....!!!” สองเสียงประสานร้องดังลั่นด้วยความตื่นตกใจ

“จริงหรือครู...ฟ้าผ่าน่ากลัวจังครูตาหวาน” ไลเกอร์บอกเสียงใส ก้อนสะอื้นเริ่มหมดไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

“ใช่...ฟ้าผ่าน่ากลัวมาก เพราะสายฟ้าสวยๆเป็นสายๆที่เราเห็นกันนี่นะ มันมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านเป็นแสนโวลต์เลยนะครับ” บัวบอก

“เหมือนปิกาจูเลยสิครู...ช็อตไฟฟ้า...แสนโวลต์!!!” ไทกอนโต้ตอบด้วยการเอ่ยเปรียบเทียบเป็นชื่อตัวการ์ตูนตัวหนึ่งที่เด็กๆชื่นชอบ บัวรู้จักผ่านการอ่านหนังสือนิตยสารเด็กมาก่อนจึงพยักหน้าให้แล้วยิ้มชม

“ใช่...ฟ้าผ่าก็เหมือนเวลาปิกาจูปล่อยพลังไง ศัตรูตายเรียบ...ไม่เหลือหลอ” บัวบอก “แต่เนี่ย...มันเกิดขึ้นมาจริงๆ ไฟฟ้าจริงๆที่ช็อตโดนคนเป็นๆ หนูเคยโดนไฟช็อตมั้ยลูก แบบเผลอเอานิ้วไปแหย่ปลั๊กไฟอะไรแบบนี้...”

“เกอร์ไม่เคย แต่ไทเคยแหละครูตาหวาน...” ไลเกอร์ได้ทีก็รีบฟ้อง แต่คนเป็นน้องแทนที่จะสลดกับยื่นหน้าไปยิ้มแล้วตอบรับเสียงใส

“ช่าย...ไทเคยเผลอเอานิ้วไปจิ้มปลั๊กโท’ทัศน์ ตัวสั่นหงึกๆเลยครู...พ่อสิงห์เลยเอาเท้าถีบเข้าให้ ไทเลยหายสั่นเลย...” ไทกอนเอ่ยรับพร้อมจารนัยเหตุการณ์ให้ฟังเสียหมดเปลือก บัวขมวดคิ้วกับวิธีการช่วยเหลือลูกชายของคนเป็นพ่อ เหตุการณ์แบบนี้มันไม่น่าจะต้องถึงขนาดยกเท้าถีบ แค่เอามือจับผ้าแล้วดึงออกก็พอแล้ว...

“แล้วตอนนั้นตัวรู้สึกไงอ่ะ โดนไฟช็อตเจ็บปล่าว” ไลเกอร์ชะโงกหน้าไปถามน้อง คนน้องก็ส่ายหน้าหวือก่อนตอบ

“ไม่อ่ะ หนุกดี...แต่ไม่เอาละ ป้าพุดบอกถ้าไทติดอยู่นานกว่านั้นอ่ะซี๊แหงแก๋” ไทกอนตอบพี่ บัวลอบอมยิ้มกับการสนทนาของสองพี่น้อง วีรกรรมแสบซนไม่เลวเลยจริงๆ

“ครูตาหวาน...แล้วทำไงไม่ให้โดนฟ้าผ่าล่ะครู เกอร์เคยเห็นมันผ่าลงหลังคาบ้านด้วย แต่ไม่เห็นใครเป็นอะไร” ไลเกอร์ที่หันมาสนใจครูตัวบางที่นอนกั้นกลางระหว่างเขากับน้องเอ่ยถามบ้าง
   
“ก็บ้านของไลเกอร์กับไทกอนมีสายล่อฟ้านี่ครับ ไฟฟ้าแสนโวลต์ของปิกาจูเลยถูกดูดลงดินหมด เราก็เลยปลอดภัยถ้าอยู่ในบ้านเวลาฝนตกไงครับ...” บัวอธิบายลำดับการแบบคร่าวๆให้เด็กป.5 ตัวน้อยของตัวเองฟัง รู้สึกจั๊กจี้นิดๆตอนที่ศีรษะกลมของสองคนพยักหน้าหงึกหงักว่าเข้าใจที่เขาพูด

   เสียงครืนครานนอกหน้าต่างยังคงมีมาเป็นระยะคลอเคล้ามากับสายฝนกระทบหน้าต่าง แต่ภายในห้องมืดๆของไลเกอร์กับไทกอนกลับไม่มีเสียงร้องไห้โยเยให้ป้าพุดได้ยินเหมือนปกติ พุดฤทัยแอบเยี่ยมหน้าเข้าไปตรงช่องประตูที่บัวเผลอเปิดค้างไว้แล้วปิดไม่สนิทเพื่อมองให้เห็นเหตุการณ์ภายในห้อง ถึงไม่เห็นเหตุการณ์บนเตียงแต่เสียงซักถามเรื่องเล่าของครูตาหวานของเด็กๆก็ดังแจ้วๆมาเป็นระยะ ให้ป้าพุดที่หยุดแอบยืนฟังอยู่นานก็พลอยได้ความรู้ไปด้วยในตัว

   ...ท่าทางฟ้าคงจะเห็นใจ ส่งตัวช่วยนายเหมืองสิงห์มาให้ก็คราวนี้...

        พุดฤทัยก็ได้แค่ภาวนาว่าขอให้ครูตาหวานคนนี้ทนอยู่กับเด็กๆไปให้รอดอาทิตย์แรก เพื่อทุบสถิติอยู่ช้าที่สุดให้ได้เสียที...

-----------------------------------------   ---  -      - -   - --   -  - -        -   

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด