เข็นมาได้อีกตอนแล้ว

เชิญติดตามความคืบหน้าของนายฉานกะนุ้งเมฆได้เลยจ้า
==============================
ตอนที่ 3เราสองคนลงลิฟท์มาลานจอดรถใต้หอครับ รถที่ทั้งผมและมันเป็นเจ้าของ ใช่ครับทั้งผมและทั้งมันมีชื่อเป็น
เจ้าของรถคันนี้อภินันทนาการมาจากพ่อแม่มันและแม่นิ่มผมอีกทีครับ เค้าสามัคคีกันซื้อให้ตอนผมกะมัน
เอนท์ติดนั่นแหละครับออสตินมินิ สีทูโทน มันชอบสีดำ ผมชอบสีขาวครีม เลยออกมาเป็น มินิสีดำหลังคาคาดครีม
ครับ คุณอ่านไม่ผิดแต่อย่างใดครับ ผมกับมันเป็นเจ้าของรถกันคนละครึ่ง แต่ทำไม สีที่ผมชอบจึงได้แค่
สีคาดหลังคานะเหรอครับ ก็ผมนะ เป็นใครหละครับ ผมมันนายสยมภูก็จริงนะครับ แต่ไม่ว่าอะไร
ผมก็แพ้มันตลอดแหละครับ พ่อแม่มันถึงจะเอ็นดูผมมาก แต่แม่นิ่มสิครับ หลงมันยังกะอะไรดี มันเก่งครับ
เรื่องเข้าหาผู้ใหญ่ต้องยกให้มัน ก็ยังดีที่มันยังมีสีที่ผมชอบอยู่บ้าง หยวนๆครับ เป็นพระเอกต้องจิตใจดี
เราออกมากินต้มเลือดหมู เจ้าประจำ ที่เวลาผมกะมัน เมากันมาทีไร ใช้ต้มเลือดหมู เป็นอาหารย้อมใจตอนใกล้สว่าง
“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง” ระหว่างที่นั่งรอต้มเลือดหมู มันถามผมครับ
“บ่ายโมง ทำไมเหรอ” นานๆมันถามเวลาเรียนทีนึงครับ ผมว่านะ ผมกะมันห่างกัน
ก็ตอนแยกย้ายกันไปเรียนคณะใครคณะมันนี่แหละครับ
“งั้นดี ตอนเช้ากูมีเรียนสิบโมง มึงไปเรียนกะกูด้วยนะ” อ้าว เชี่ยแล้วมั้ย ผมมีเรียนบ่าย อยากจะนอนตื่นสายบ้างอะไรบ้าง
นี่มันจะลากผมไปเรียนด้วยทำไม มันเรียนเก่งกว่าผมเป็นไหนๆ จะเอาผมไปเกะกะทำไมเนี่ย
“ก็กูมีเรียนกฎหมาย สาระมันเยอะ กูเก็บไม่หมดหรอก มาช่วยกูเก็บหน่อยสิ มึงอย่าลีลามาก มีความผิดอยู่นะมึงหนะ”
อ้าว ฉิบหาย กูคิดว่าประเด็นนี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว ทำไมมึงยังเอาออกมาอุธรอีกเนี่ย สาดดดด แล้วประเด็นนี้ผมผิดตรงไหน ยังไม่เข้าใจอยู่ แล้วมันจะเอามาอ้างกะผม ยันลูกบวชเลยมั้ยเนี่ย
“แต่มันเช้านะมึง อีกอย่างกฎหมายก่อสร้างของมึง ไม่เกี่ยวกะกูเลยนะ กูไม่ต้องมีส่วนร่วมก็ไม่เป็นไรมั้ง”
“ตอนนี้มันไม่เกี่ยวใช่ปะ” ผมรีบพยักหน้ารัวเลยครับ ผมเรียนศิลปะกรรม ออกแบบบรรจุภัณฑ์นะครับ
กฎหมายก่อสร้างห่างไกลจากผมมากครับ เรียกได้ว่า รังสิตกะพุทธมณฑลสาย 5 เลยก็ว่าได้
“เดียวพรุ่งนี้มันก็เกี่ยวกะมึงเองแหละ ถ้ามึงเข้าเรียนกะกูอะ” สรุปว่าแพ้อีกเกมส์ครับ นี่ผมเถียงมันเพื่อพบเจอกับ
ความพ่ายแพ้ของตัวเองใช่มั้ยครับ
“ทีหลังเวลาใครให้อะไร ก็อย่าใจง่ายหยิบติดมือมาอีกนะ” อ้าว นี่ตกลง มีต่อภาคสองเหรอครับเนี่ย
ผมคิดว่ามันจบไปแล้ว
“ดูดีๆ ก่อนนะมึง ถ้าเห็นอะไรไม่ถูกไม่ควร ก็ทิ้งขยะไปใต้หอนั่นแหละ” แมร่ง นี่มันพูดถึงคน หรือเปลือกมังคุดวะ
ที่ว่าถ้าเก็บขึ้นมาแล้วจะเน่าใส่ห้อง
“อ้าวฉาน ตกลงมึงเจอเมฆที่ไหนวะ เห็นว่ามึงหามันทั้งมหาลัย ลามไปถึงตลาดหลัง ม. “ ไอ้ยอนครับ
เพื่อนคณะผมนี่แหละ แต่รู้จักกะไอ้ฉาน เพราะมันไปเดินแบบที่คณะผมบ่อยๆอะครับ
“เออ เจอมันที่ถังขยะของเทศบาล เค้ากำลังใส่ถุงดำพอดี “ มันยังออกสะเก็ดเหวี่ยงผมไปโดนเพื่อนผม
แบบละลอกคลื่นครับ
“มึงกะไอ้เมฆเนี่ย ยังกะรักยมเลยนะเว้ย แมร่งต้องติดกันตลอด ขาดกันไม่ได้ ขาดกันแล้วไม่ขลัง”
“เออ ก็เมียกูทั้งคน ขาดมันไป ลูกกูก็กำพร้าดิ” ไม่แผ่วหรอกคับมัน หมาในปากแตกสปอร์ตลอดเวลา
ผมว่าก่อนที่บรรยากาศจะรื่นเริงไปมากกว่านี้ ผมต้องหาวิธีเบรค
“ยอน กินข้าวกะพวกกูมั้ย จะไปไหนหรือปล่าว” ผมเบี่ยงเบนประเด็นที่เป็นข่าวออกไปก่อนครับ
“เอาเลยกูกินแล้ว ป่านนี้แล้ว กูจะไปชิงดำหวะ” มันหมายถึงโต๊ะสนุกเกอร์แบบโต้รุ่งครับ
“กูไปก่อนนะ “ มันหันไปบอกไอ้ฉานครับ “เมฆจ๋า พี่ยอนไปฝึกมือก่อนนะ จุ๊บๆ” มันไม่พูดปล่าวครับ
มันเอานิ้วมาบิดแก้มผมแต่พองาม แต่เจ็บจริงครับ ผมรู้ว่ามันคงหมั่นไส้ อาการปากยื่นๆ จมูกรั้นๆของไอ้ฉาน
ตอนนี้แหละครับ แต่ ไอ้ฉานนะครับ ไอ้ฉาน เล่นกะใครผมไม่ว่า แต่กะไอ้ฉานนี่ตัวใครตัวมันครับ
เพราะหลังจากที่มันบิดแก้มผม ยังไม่ทันจะดึงมือออก เท่านั้นแหละครับ สิ่งที่ตามมาคือ
รองพระบาทเชิงงอนของไอ้ฉาน เตะเข้าพอดีพอดิบที่หน้าแข้งไอ้ยอนครับ ความรุนแรงของมันไม่มากไม่น้อย
แค่พอให้ไอ้ยอนมักชักขาขึ้นทันที พร้อมกับซี๊ดปากพร้อมกันเป็นจังหวะสามช่าเลย แค่นั้นเองครับ แค่นั้นเองจริงๆ
ไม่อยากบอกว่า ในใจลึกๆ ก็แอบสะใจไอ้ยอนนะครับ ในฐานะที่ทำผมเจ็บเมื่อกี้ แต่มันไม่ดีใช่มั้ย
ไม่เหมาะกะบทพระเอกเนอะ นี่ผมแสดงอาการสะใจไอ้ยอนมากไปหรือไงไม่รู้ครับ หรือว่า
มันเป็นอาฟเตอร์ช็อคจากไอ้ยอนอีกที ก็ไอ้ฉานหนะสิครับ
มันตบกบาลผมไปอีกที แค่นี้กูยังโง่ไม่พอเหรอสาด
“มึงกินสักทีเมฆ มันเย็นจนมึงใส่น้ำตาลไปมันก็ไม่ละลายแล้วเนี่ย” อ้าวนะ
แล้วต้มเลือดหมูมาอยู่หน้ากูตอนไหนคนเราอารมณ์พาลก็งี้แหละครับ ก็ว่ากันไป
“ฉาน มึงจะตามหากูทำไม กูไม่ได้ไปกินเหล้ากะพี่เด่น โดยไม่มีมึงเป็นครั้งแรกซะหน่อย”
ครับสายรหัสผมกินกันบ่อยกินล้างกินผลาญ ตามฐานะทางบ้านของพี่รหัสบ่อยๆครับ
บางครั้งไอ้ฉานก็ติดสอยห้อมตามผมไปกินฟรี บางทีมันก็ไปกับพวกเพื่อนมัน ถึงแม้ตอนไอ้ยอน
บอกว่ามันตามหาผมทั่วมหาลัย ใจผมมันจะฟองฟูจนจะล้นออกจากอกออกมาทางปากยังงัย
แต่ผมก็สงสัยอยู่ดีแหละครับ ถึงเราจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดทำอะไรเองไม่ได้
ไปไหนมาไหนเองคนเดียวไม่ได้เสียหน่อย ถึงเหตุการณ์นี้จะมีน้อยก็เถอะ แต่หลังๆมา ผมก็ไปไหนมาไหนคนไหน
เองคนเดียวบ่อยนะครับ อย่างน้อยก็ตอนไปเรียน
“ฉาน มันไม่มีอะไรจริงๆเหรอวะ มึงแปลกๆนะกูว่า” ผมยังคาใจครับ ครั้งล่าสุดที่ไอ้ฉานมันตามหาผมอย่างบ้าคลั่ง
ก็ตอนที่ผมแอบได้ยินแม่นิ่มคุยโทรศัพท์กะใครสักคน ซึ่งมีผมอยู่ในวงสนทนานั้นเป็นเฮดทอปปิคเลยก็ว่าได้
ผมไม่ใช่เด็กไร้มารยาท แม่นิ่มสอนผมมาดีอยู่ครับ ว่าอย่าแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน แต่ถ้าเรื่องนั้นไม่มีแต่ชื่อผม
ผมไม่สนใจหรอกครับ แต่นี่มันมีแต่ผมและผมอยู่ตลอด จะไม่ให้สนใจได้ยังงัยครับ หลังจากที่แอบ เอร้ย
ยืนฟังอยู่หลังประตู โดยแม่นิ่มไม่รู้อยู่นาน จับใจความประมาณว่า แม่มาแอบดูผม แต่ไม่กล้าเข้าบ้าน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแม่ถึงไม่เข้ามา แต่หลังจากที่แม่เอาผมมาฝากกับแม่นิ่มนั้น ก็ไม่เคยได้ข่าวแม่อีกเลย
ส่วนพ่อนั้น ลืมไปเถอะครับ มันเลือนลางจางหายมาก เหมือนกับจะตายจากกันนั่นแหละครับ ผมในตอนนั้นได้แต่คิดว่า อยากเจอแม่ ผ่านไปหลายปี แม่ตอนนั้นกับแม่ตอนนี้จะเปลี่ยนไปแค่ไหน ถ้าผมเห็น จะจำได้มั้ยว่าเป็นแม่
ผมยืนฟังให้แน่ใจอยู่นานครับ ถึงค่อยๆย่องออกจากบ้าน เดินไปทางหน้าบ้าน วนไปวนมาจากซอยบ้าน
จนถึงถนนหลักของหมู่บ้าน ความหวังผมในตอนนั้นคืออยากเจอแม่ อยากรู้ว่าถ้าเจอแม่และแม่เจอผม
เราจะปฎิบัติยังงัยต่อกัน แม่จะโผมากอดผมเหมือนในละครช่องมากสี หรือวิ่งหนีไป ไม่ว่ายังไงเถอะครับ
ผมก็ยังเดินตามหา เดินทั้งๆที่ไม่รู้หรอกว่า แม่มายังงัย จะเดินมา หรือนั่งรถมา แล้วถ้านั่งรถ จะเป็นรถอะไร
รุ่นไหน บางครั้งช่วงเวลาแบบนี้ ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าตรึกตรองคืออะไร ผมทำตามใจล้วนๆครับ ถึงแม้ว่า
ผมจะมาอยู่กะแม่นิ่มหลายปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่มากครับ มีทะเลสาบแบ่งโซนบ้าน
มีวงเวียนไม่รู้สักกี่วงเวียน มีโรงเรียนมัธยมในหมู่บ้าน คงไม่ต้องบอกนะครับว่าหมู่บ้านมันกว้างใหญ่แค่ไหน
ผมเดินจากกำลังใจเต็มเปี่ยม จนมันเริ่มหมดลงช้าๆ พร้อมๆกับกำลังขาที่อ่อนล้าลงเรื่อยๆ เวลาก็ผ่านไป
จากแดดกล้าเป็นอ่อนแสง ผมจำได้ว่านั่งหมดแรงลงตรงโซนคอนโดของหมู่บ้านครับ ผมนั่งพัก ตรงม้าไม้
ที่เป็นสวนหน้าคอนโด ไม่ต้องด่าหรอกครับ ผมรู้ว่าตอนนั้นผมโง่ ถึงแม้ผมกับแม่จะจากกันตอนห้าขวบ
แต่เด็กห้าขวบก็จำอะไรได้แม่นแล้วนะครับ แล้วความผูกพันธ์ของสายเลือด มันก็น่าจะเพียงพอกับความหวัง
ของผมในครั้งนี้นะครับ ผมพูดได้อย่างไม่อายเลยว่า ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงม้าไม้นั่นแหละครับ เหนื่อยกาย
ถ้านั่งไปสักพักมันก็น่าจะทุเลาจนจางหาย แต่เหนื่อยใจละครับ ทำยังงัยถึงจะหาย ผมนั่งหมดอาลัยตาย
อยากอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกที ตอนไฟทางเดินสวนของคอนโด มันเปิดพรึ่บขึ้นพร้อมกันนั่นแหละครับ
สติถึงได้กลับมาพร้อมกลับปัญหาที่ว่า
“กูอยู่ไหนของหมู่บ้านวะเนี่ย” ตอนเดินก็ไม่ได้ดูทาง มัวแต่มองคนสลับกับรถที่ผ่านไปผ่านมา
แว่บแรกที่ผมคิดถึง ไม่ใช่แม่นิ่มครับ ทุกคนได้แต้มครับ คุณทายถูก ผมคิดถึงไอ้ฉานครับ
ปกติมันชอบเสนอหน้ามาอ้อนกินข้าวบ้านผม บางครั้งมีขั้นกว่า ยิ่งกว่านั้นคือ ขอนอนกับผมครับ
ป่านนี้มันคงด่า ที่ผมกลับช้า มันท่าจะโมโหหิวอยู่แน่ๆ ผมก็เริ่มหิวครับ ผมก็อยากกลับบ้าน แต่บ้านกูอยู่ไหนครับเนี่ย ตอนออกมาอย่าว่าแต่เงินสักบาทเลย โทรศัพท์อยู่ไหน ก็ไม่รู้ จากเมื่อกี้ที่น้ำตาไหลเพราะไม่เจอแม่ น้ำตาผมเริ่มไหลอีกรอบ ไหลเพราะหาทางกลับบ้านไม่ถูกครับ ผมกำลังรวบรวมพลังความกล้า ไปถามยามคอนโด
ช่วงวินาทีที่เงยหน้าขึ้นมา ไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์ก็แยงตามาแบบพอดีๆครับ มันมุ่งตรงมาทางผม
ผมกำลังด่าไอ้มอร์ไซค์ไม่มีมารยาทอยู่ในใจ เพราะนี่มันถนนคนเดินนะครับ ไม่ใช่ทางรถวิ่ง มันผ่ามาได้งัย
ไอ้หน้าด้าน แหนะ นี่ขนาดผมด่ามันในใจ มันยังไร้สำนึกนะครับ มันยังมุ่งหน้ามาหาผม ไม่ไหวครับ
ผมยกแขนขึ้นมาบังหน้า ไฟมันแยงตาเกินไปครับ ผมเพิ่งหม่นหมองประคองอารมณ์มาหมาด ๆ
ไม่ไหวหรอกครับแบบนี้ ขณะที่รถพุ่งมาที่ผม และผมพยายามหนี รถมันถูกจอดแบบทิ้งลงมาเลยครับ
ไม่มีการวางขาให้เสียเวลาเด็กแว๊น พ่อแม่มันคงรวยนะครับ ก็ลูกมันไม่รักษาของขนาดนี้ แย่ ครับแย่ นิสัยไม่ดีสุดๆ
แต่หน้ามันคุ้นๆนะครับ ผมปรับโฟกัสสายตา พอดีว่าไอ้บ้านั่นเดินมาใกล้ มันคว้าตัวผมไปกอดครับ
มันเป็นงูเหลือมเมื่อชาติที่แล้วรึเปล่าครับ รัดกูซะแน่น นี่ถ้ากระดูกกรูบ่นขึ้นมานะ จะเอาขี้หมาไปปาหน้าบ้านมัน
มันกอดผมอยู่นานพอดูครับ นานพอที่จะให้ผมแช่งชักหักกระดูกและสาปแช่งมัน (แต่เพียงในใจ)
แต่วินาทีที่มันปล่อยผมออกมา ไอ้ฉานครับไอ้ฉาน มันตามผมมา มันกอดผมไว้ แล้วมันก็น้ำตาไหลครับ
ตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเก็บกลืนมันไว้ได้เมื่อสักครุแล้วนั้น มันโดนส่งออกมาเป็นน้ำตาอีกครั้งครับ
ผมร้องไห้แบบไม่อายใคร ร้องไห้กับสิ่งที่ทำลงไป และร้องไห้กับความตื้นตันใจที่เห็นมันครับ มันไม่พูดอะไร
นอกจากจูงมือผมกลับไปนั่งที่ม้าไม้ตัวเดิมที่ผมนั่ง เรานั่งข้างกัน มือมันจับมือผมไว้ เราสองคนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
ผมไม่รู้ว่ามันร้องไห้กะเรื่องไหน แต่เราก็ร้องไห้ด้วยกัน มันไม่ถาม ไม่ตะคอกด่าผม ที่ทำให้มันต้องรอกินข้าว
ไม่บ่นที่ทำอะไรโดยไม่คิด ไม่วางแผน ไม่ด่าที่เสร่อหาทางกลับบ้านไม่ถูก มันปล่อยให้ผมร้องไห้
จากที่เราร้องไห้ไปด้วยกัน กลายเป็นผมที่ร้องไห้คนเดียว โดยมีมันสละชายเสื้อตัวเก่งของมัน มาปาดน้ำมูก
ไห้ผมบ้างเป็นครั้งคราว
“กลับบ้านกันได้แล้วมั้ง ฉานหิวข้าวแล้ว แม่นิ่มตั้งโต๊ะแล้ว แต่ยังไม่ผัดผักบุ้งนะ แม่นิ่มกลัวไม่ร้อนแล้วจะไม่อร่อย”
ผมเช็ดหน้าเช็ดตาครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะพยักหน้าให้มันพาไปที่มอเตอร์ไซค์ เรากลับมากินข้าวพร้อมกัน
โดยที่วันนั้นไม่มีเสียงทะเลาะแย่งกับข้าวของผมและมัน เรากินกันไปเงียบๆ วันนี้ไอ้ฉานมันไปนอนบ้านตัวเองครับ
มันคงสำนึกได้ว่าบ้านมันมีห้องนอนของมัน แต่อาจโดนยึดโดยหยากไย่ใยแมงมุมทั้งหลายไปแล้ว
คืนนั้นคนที่มานอนกับผมกลายเป็นแม่นิ่มครับ แม่นิ่มกอดผม ลูบหัวผม ลูบหลังให้ผม จนเคลิ้มๆจะหลับแล้วหละครับ
“วันนี้ แม่ไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นนะ ฉานเองก็คงจะไม่ถามเมฆใช่มั้ย แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไร แต่เมฆรู้มั้ย แม่นิ่มรักเมฆนะ
ฉานเองก็รักเมฆ ตอนฉานเข้าบ้านมาแล้วถามหาเมฆ แม่ก็คิดว่าเมฆไปกับฉาน แต่ฉานสิพอรู้ว่าเมฆไม่ได้อยู่บ้าน
ฉานก้ไปเอามอเตอร์ไซค์ของใครไม่รู้มา แล้วออกตามหาเมฆ ฉานมันวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่หลายรอบ จนแม่ก็ร้อนใจ
แม่ก็ทำอะไรไม่ถูก ทุกคนบอกให้แม่รอ แม่ก็รอ แต่เมฆรู้มั้ย การรอแบบไม่ได้ทำอะไร มันทรมานมาก แม่เพิ่งรู้ว่า
จะขาดใจมันเป็นยังงัยก็วันนี้แหละ น้าชาติกับน้าพิมก็ร้อนใจ โทรไป จส 100 ด้วยนะ แม่ห่วง กลัวเมฆเกิดอุบัติเหตุ
แล้วแม่จะอยู่ยังไง กลัวฉานออกไปแล้วก้จะเกิดอุบัติเหตุเหมือนกัน แม่หนะ ถ้าไม่มีเมฆแล้ว ต้องเสียฉานไปอีกคน
แม่คงจะอยู่สู้หน้าน้าชาติกับน้าพิมพ์ไม่ได้
เมฆ แม่ เมฆคือหัวใจของแม่นะ ถึงแม่ไม่ได้เกิดเมฆมา แต่ตลอดเวลาเมฆคือหัวใจของแม่
เมฆคิดว่าแค่ความรักของแม่ มันพอมั้ย ถึงแม้จะขาดใครไป แต่เมฆมีแม่นะ นะเมฆนะ อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก
อย่าทำให้แม่เหมือนตายทั้งเป็นแบบวันนี้อีกนะลูกนะ “ ผมไม่ได้ตอบอะไรแม่นิ่มเลยสักคำครับ
สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนั้นคือ พลิกตัวเข้าหาอ้อมกอดแม่นิ่ม แล้ววาดแขนของผมไปบนตัวแม่นิ่ม
ผมกอดแม่แน่นมากครับ ผมอยากให้ความอบอุ่นของแม่ส่งมาถึงผมมากที่สุด ผมอยากตักตวงความรักนี้ไว้ให้มากที่สุด ผมกอดแม่ไว้ จนผ่านคืนนั้นไปเลยครับ