INTRO
ตุ้บ!! พลั่ก!!
กลุ่มคนจำนวน 10 กว่าคนกำลังรุมกระทืบคนๆ หนึ่งอยู่ ซึ่งร่างที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลาย 10 คู่ คนคุดคู้เพื่อให้แรงของการลงน้ำหนักเท้าไม่ไปโดนจุดสำคัญที่อาจจะทำให้ตนเจ็บหนักไปมากกว่านี้
“อึ๊ก...อั่ก” เสียงชายหนุ่มที่ยังโดนรุมกระทืบอยู่ดังออกมาต่อเนื่องอย่างเจ็บปวดแต่ยังทำอะไรไม่ได้
“เอามันให้ตาย มันบังอาจมายุ่งกับเมียกู!!” เสียงคนที่ยืนกอดอกมองอยู่สั่งเสียงกร้าว ก่อนจะยกยิ้มอย่างสะใจที่เห็นอริของตัวเอง
กำลังทรมาน
“ได้เลยลูกพี่” หนึ่งในพวกที่รุมกระทืบชายคนนี้อยู่ตอบรับขึ้น ก่อนจะลงน้ำหนักเพิ่มราวกับว่าตัวเองเป็นคนแค้นเคืองเอง
“อย่างมึง...มันต้องตายเท่านั้นไอ้พัฒน์!!!” เสียงคนสั่งคำรามเสียงกร้าว ยังไม่ทันที่พวกหมาหมู่จะรุมคนชื่อพัฒน์ไปมากกว่านี้
ผู้ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับต่อยเข้าที่หน้าคนที่ยืนสั่งแรงๆ จนลูกน้องหยุดการรุมผู้ชายคนนั้นแล้ววิ่งมาหา
ผลัวะ!!
“ซี้ด! ม่ะมึงเป็นใครวะ” คนที่โดนชายมาใหม่ต่อยถามขึ้น
“แล้วพวกมึงทำอะไรล่ะวะ หมาหมู่รุมคนๆ เดียว” เสียงทุ้มต่ำถามขึ้น
“เรื่องของพวกกู มึงอย่ามาเสือกสิวะ!!” ลูกสมุนคนหนึ่งพูดขึ้น
“กูไม่เสือกไม่ได้ว่ะ” ชายคนนั้นตอบ
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ กูก็คงต้องจัดการมึงไปด้วย” คนเป็นลูกพี่ถูกลูกน้องช่วยกันดึงขึ้นมา ผู้ชายสูงใหญ่ที่ถูกรุมกระทืบอยู่ก่อนหน้านี้
พยายามที่จะหยัดกายลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่โชคดีที่ตัวเองพยายามที่จะป้องกันส่วนสำคัญทำให้ไม่ค่อยจุกมากเท่าไหร่
ผู้ชายชื่อพัฒน์มองคนมาใหม่ด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผู้ชายตัวคนเดียวคนนี้ถึงกล้าเข้ามาในฝูงชนหมาหมู่แบบนี้
“พ่ะ พวกมึงเล่นกูคนเดียวพอ อึก...คนอื่นไม่เกี่ยว” เขาพยายามบอกออกมาอย่างยากลำบาก หลังจากที่ลุกขึ้นยืนได้แล้ว แต่
ร่างกายก็ทรงตัวแทบจะไม่อยู่
เขาไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“มึงยังไม่น่วมอีกหรือวะไอ้พัฒน์” หันไปมองอย่างเคียดแค้นในความอดทนและความอึดของพัฒน์
“หึ!” ได้แค่หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะสบตาเข้ากับดวงตาคมที่พัฒน์รู้สึกว่ามันมีพลังและน่าเกรงขาม
“ไหนๆ ก็มีคนเสือก แล้วมึงก็ยังไม่ตาย ถ้างั้นกูจะให้ลูกน้องเล่นมึงจนน่วม”
พวกลูกน้องของชายคนนี้เผยรอยยิ้มอย่างสนุก ก่อนจะทำท่าทำทางเหมือนเตรียมจะลงไม้ลงมือได้ตลอดเวลา แต่คนมาใหม่กลับ
มองแค่ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุก
ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง
“ก่อนที่มึงจะโดนไปกับไอ้พัฒน์ด้วย กูให้โอกาสมึงบอกชื่อเสียงเรียงนามของมึงให้กูรู้จักนิดหน่อยก็ได้ ไหนๆ มึงก็กล้าเข้ามาและ
ก็กล้าต่อยกูขนาดนี้” หัวหน้าฝูงหมาหมู่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยๆ
“มึงแน่ใจนะว่าอยากจะรู้จักชื่อกู” ร่างสูงของคนมาใหม่ถามขึ้น
“ก็เออสิวะ รีบบอกมาก่อนที่กูจะสงเคราะห์พวกมึง!”
“ก็ได้ ถ้ากูบอกไปแล้วมึงอย่าหนีจนหัวหดล่ะ”
“ทำเหมือนกับมึงใหญ่โตมาจากไหนงั้นแหละ! ฮ่าๆ” หัวเราะชอบใจ ก่อนที่จะหัวเราะอย่างชอบใจไปมากกว่านี้ทั้งหัวหน้าและลูก
น้อง ทุกคนก็ต้องเงียบมองหน้ากัน ก่อนจะวิ่งหนีกันคนละทางเมื่อได้รับความชัดเจนเมื่อมีลูกน้องของคนมาใหม่เดินเข้ามาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
แน่นอนว่าคนๆ นี้ ไม่มีใครอยากจะมีเรื่องด้วยที่สุด
“ดิน ปฐพี อภิหชัยบดินทร์”
“มึงน่ะ ชื่อพัฒน์ใช่ไหม” ปฐพีถามพัฒน์เมื่อพวกหมาหมู่มันวิ่งหนีหายไป
“อืม” รับคำน้อยๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“พามันไปขึ้นรถ” ปฐพีหันไปสั่งลูกน้อง ซึ่งลูกน้องคนหนึ่งก็เดินมาพยุงตัวร่างสูงไปขึ้นรถคันหรูทันที
“อึก!”
บนรถ ปฐพีกับพัฒน์นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังด้วยกัน พัฒน์กุมท้องตัวเองไว้แน่น ไม่คิดจะถามด้วยว่าปฐพีจะพาตนไปไหน
“มึงไม่คิดว่ากูจะพามึงไปฆ่าบ้างหรือไงวะ” ผู้มีพระคุณของพัฒน์ถามขึ้น
“ถ้าคุณจะพาผมไปฆ่า คุณคงไม่มาช่วยผมหรอก” เชื่อเถอะว่าผู้ชายอย่างพัฒน์ไม่เคยพูดเพราะๆ กับใคร แต่กับผู้ชายที่ช่วยตน
คนนี้ไว้ กลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาอยากจะตอบแทนบุญคุณ
เพราะถ้าไม่ได้ปฐพี พัฒน์ได้ตายจริงๆ แน่
“ฉลาดดีนะ สนใจทำงานกับกูไหม เมื่อเรียนจบแล้วกูต้องสืบทอดบริษัทว่ะ อยากมีคนสนิทสักคน” ปฐพีหันมาถาม
พัฒน์สบตากับคนถามนิ่งๆ ตามแบบฉบับของตนเอง ก่อนจะตัดสินใจบอกออกมาทำให้คนถามถึงกับยิ้มมุมปากอย่างยินดีที่จะมี
ลูกน้องแบบพัฒน์
“ผมยินดีที่จะตามรับใช้คุณ ด้วยชีวิตของผม พีรพัฒน์ รัตนมณีโชติ!!”
…
…
…
ปัง!
“เชี่ยเอ้ย เล่นปืนเลยหรือวะ” เสียงของชายคนหนึ่งดังบ่นขณะหลบกระสุนปืนที่มีคนไล่ล่าตัวเองอยู่
“มึงจะหนีไปไหนไอ้ธีร์!!” เสียงคนตามล่า ตะคอกกร้าวไปทั่วบริเวณ หากแต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะสถานที่แห่งนี้ค่อนข้าจะไม่มี
คนในยามกลางคืน ผู้ชายที่ชื่อธีร์วิ่งหลบอริไปมา ก่อนจะหลับอยู่หลังต้นไม้ด้วยความเหนื่อย
“ท่าทางจะไม่ไหวแล้วว่ะ มึงต้องมาตายที่นี่หรือวะไอ้ธีร์” บ่นอย่างหงุดหงิด
“บังอาจมายุ่งกับผู้หญิงของกู มึงจะหยามหน้ากันไปหน่อยไหม เฮ้ย! พวกมึง ไปลากตัวมันมา!!” คนตามล่าตะโกนสั่งลั่นจนคนที่
หลบอยู่ถึงกับสะดุ้งอย่างตกใจ
ร่างสูงโปร่งคิดในใจว่าไม่น่าจะไปตามอารมณ์ที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามที่จะยั่วยวนเลย ให้ตายสิ!
“เมียมึงมายุ่งกับกูเอง!” ตะโกนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
แต่เหมือนจะเป็นการเปิดทางให้ศัตรูเข้าประชิดตัวได้มากขึ้น สองแขนถึงควบคุมด้วยลูกน้องของคู่อริทันทีที่พวกมันหาเจอ ธีร์สบถ
อย่างจนใจ
ก่อนจะตั้งสติดีๆ คิดในใจว่าตายแน่ๆ พวกมันมีกัน 4 คน ปืนทั้งนั้น
“แต่ยังไงมึงก็ไม่ควรเข้ามายุ่ง”
“ก็แม่งยั่วกูนี่หว่า”
ปัง!
สิ้นเสียงของธีร์ คู่อริก็ลั่นไกใส่ขาเรียวไป โดยเล็งให้เฉียดๆ เพื่อเป็นการเตือนว่า มันเอาจริง ไม่ได้เอามาขู่เล่น
“โอ๊ย! ไอ้สัตว์ ทำไมมึงไม่ยิงกูให้ตายเลยล่ะวะ” ธีร์ตะโกนไปอย่าเหลืออดตามนิสัยชอบท้าของตัวเอง
“มันไม่สนุกน่ะสิ เออ! แต่จะว่าไป มึงนี่ก็หน้าตาดีนะไอ้ธีร์ หุ่นก็ดีใช้ได้ ไม่เหมือนผู้หญิง ไม่เหมือนผู้ชาย”
“มึงพูดอะไรวะไอ้ชาติ” ถามอย่างระแวง ก่อนจะพยายามสะบัดตัวให้ออกจากการเกาะกุมนี้
ธีร์รู้ว่าคนชื่อชาติเป็นเสือไบ แต่ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะอยู่ในข่ายด้วย!
“มีกล้ามหน้าท้องหน่อยๆ แต่ถ้าไม่ออกกำลังบ่อยๆ มันก็หายไป ทั้งแขน ทั้งท้อง ส่วนขามึง เรียวอยู่แล้ว หึหึ” ชาติหัวเราะเจ้าเล่ห์
เมื่อใช้ปืนเสื้อเสื้อยืดของธีร์ขึ้นเผยหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อหน่อยๆ อยู่
“แต่มีแค่หน้ามึงเท่านั้นแหละที่กูไม่ชอบใจ เสือกหล่อกว่ากู จะเป็นผู้หญิงก็น่าจะสวย หึ”
กูเหมือนผู้ชายขนาดนี้มึงยังจะคิดลงอีกหรือวะ...
“น่ะ ไหนมึงบอกว่ามึงจะแก้แค้นกูที่ไปยุ่งกับเมียมึงไง” ถามสั่นๆ
ขนลุกกราวไปทั่วสรรพางค์กายกับสายตาที่มองมาอย่างน่ารังเกียจ
“ก็กำลังจะทำไง”
“ถ้างั้นมึงก็ยิงกูสักทีสิวะ!!”
คนอย่างธีร์ ยอมตายดีกว่าเสียประตูหลังให้ชายด้วยกันเอง...
“กูยิงแน่ แต่เปลี่ยนใจไม่ใช้ปืนกระบอกนี้แล้ว แต่จะใช้ ‘ของกู’ เอง” สิ้นเสียงนี้แหละ ธีร์ถึงกับพยายามสะบัดตัวเองอย่างแรง จน
คนที่คุมคนหนึ่งกระเด็นไป แต่ก็ยังมีอีกคนที่ยังจับตัวไว้อยู่
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด หยุดให้ธีร์กับคู่อริถึงกับหันไปมองที่ต้นเสียงด้วยความสงสัย
“มึงเป็นใครวะ!” ชาติถามไปเสียงกร้าว
“กูเป็นใครไม่สำคัญ แต่กูไม่ชอบเห็นคนโดนรุมว่ะ” ชายคนนั้นตอบกลับมา ก่อนจะค่อยๆ เดินมายังพวกเขาด้วยสายตาและหน้าที่
นิ่งๆ
“หึ! เรื่องของพวกกู”
“ถ้างั้นกูขอเสือก”
“ย่อมได้ แต่กูจะให้มึงกินกระสุนของกูก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิ กูยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยนะ” ชายคนมาใหม่พูดยิ้มๆ
“กูไม่ได้ต้องการอยากจะรู้”
“แต่กูอยากบอก”
“ถ้างั้นมึงก็บอกมาสิ กูจะได้จำเอาไว้ ฮ่าๆ” ชาติพูดก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
ปัง!
คนมาใหม่ลั่นปืนไปยังแขนของชาติโดยไม่ต้องเล็ง จนปืนที่อยู่ในมือของมันหลุดออกไป ชาติหันมามองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น
“มึงมันเล่นสกปรก!” ด่าลอดไรฟัน
“หึ! ถ้าสะอาดก็ไม่ใช่ อัคนี อภิหชัยบดินทร์ดิวะ!” สิ้นคำพูดของเขา พวกมันถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจที่ได้รู้ว่าคนๆ นี้เป็นใคร
ก่อนที่พวกมันจะปล่อยตัวธีร์ให้กระแทกลงกับพื้นแรงๆ แล้ววิ่งตามเจ้านายตัวเองที่วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดจะรอใครทั้งนั้น
คิดว่าจะแน่! ที่ไหนได้ก็กลัวเขา
“เป็นไงบ้างวะ” อัคนีเดินมาถามธีร์ที่จับแขนข้างที่ถูกยิงแน่น
“ก็ยังไม่ตาย”
“ปากมึงนี่มัน สมควรโดนแล้วล่ะ”
“เฮอะ!!”
“ทำเป็นเก่ง ถ้ากูไม่เข้ามาช่วยมึงก็ถูกข่มขืนไปแล้วล่ะวะ” อัคนีจี้ใจดำ
แต่เพราะพระคุณตรงนี้แหละที่ทำให้ธีร์ใจอ่อน และเคารพอัคนีราวกับว่ารู้จักกันมาก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอ
กัน
“ขอบคุณครับ” ธีร์โค้งให้อย่างจริงใจ
“เออๆ มากูจะพาไปทำแผล”
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้คุณก็ช่วยผมมากพอแล้ว” ธีร์บอกอย่างเกรงใจ แม้ในใจจะกลัวพวกมันกลับมาอีกก็ตาม
“กูเป็นคนช่วยชีวิตมึงใช่ไหม” อัคนีหันมาถาม
“ครับ”
“มึงเป็นหนี้บุญคุณกู?”
“ครับ”
“งั้นตั้งแต่วันนี้มึงคือลูกน้องคนสนิทกู ไปทำงานกับกูซะเมื่อกูเรียนจบ” สิ้นคำสั่งของอัคนีก็เล่นทำเอาร่างโปร่งที่ยืนฟังอยู่ถึงกับนิ่ง
อึ้งไป
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จักอัคนีนะ แต่เพิ่งเคยเห็นหน้าก็ครั้งนี้ครั้งแรก ที่สำคัญ การที่ได้ใกล้ชิดอัคนีถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จู่ๆ คนดัง
ของสังคมก็เข้ามาชวนเขาไปทำงาน
เข้ามาช่วยชีวิตขนาดนี้
แล้วอย่างไอ้ธีร์จะปฏิเสธได้หรือ?
“ทำไมต้องเป็นผม”
“กูว่ามึงมีอะไรที่น่าสนใจ แต่ไม่ต้องห่วง กูไม่ชอบผู้ชาย และมึงไม่ใช่รสนิยมกู กูว่ามึงต้องทำงานกับกูได้ดีแน่ๆ” อัคนีบอก
แม้ตอนแรกจะตกใจกับคำว่าสนใจเล็กน้อย แต่ก็โล่งใจทันทีที่ผู้เป็นว่าที่เจ้านายพูดอธิบายใหม่
“ตกลงครับ”
“ด้วยเกียรติของ ธีรไนย อมรไพพิจิตรคนนี้ จะตอบแทนพระคุณที่คุณช่วยชีวิตของผม!!” บอกเสียงหนักแน่น
ธีร์เป็นคนที่ติดหนี้บุญคุณใครแล้ว ก็จะตอบแทนให้ และยิ่งช่วยชีวิตเขาเอาไว้เช่นอัคนี เขาก็จะตอบแทนด้วยชีวิต จงรักภักดีกับผู้
เป็นนายคนนี้
จนกว่าเขาจะไม่ต้องการ!!!
…
…
…
เมื่อปฐพีกับอัคนีเรียนจบที่มหาลัยฯ ชื่อดังของเมืองไทยในวุฒิปริญญาตรี เขาสองคนก็เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทอีก 1 ปีที่
อังกฤษก่อนจะเดินทางกลับมาทันทีที่เรียนจบเพื่อรับสืบทอดกิจการธุรกิจใหญ่จากผู้เป็นบิดาต่อทันทีในวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น ซึ่ง
ปฐพีกับอัคนีเมื่อกลับมาแล้วก็ติดต่อไปยังพัฒน์และธีร์ คนที่เขาจองตัวเอาไว้เป็นลูกน้องมาเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อคุย
งานและตกลงรายละเอียด
“ไอ้ธีร์มันมาช้าตลอดเลย ไอ้บ้านี่!” อัคนีบ่นบางมองนาฬิกาที่ข้อมือไปด้วย
“หึ! แต่แกนี่มาถึงเร็วไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้พัฒน์” ปฐพีชมพัฒน์
“พอดีว่ามันเป็นนิสัยน่ะครับ” พัฒน์ตอบนิ่งๆ
แต่ในใจก็แอบบ่นลูกน้องของอัคนีไปด้วย แม้ว่าจะไม่เคยเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดีคนที่มาไม่ตรงเวลาแบบนี้
“ลูกน้องมึงดีนี่ไอ้ดิน ของกูนี่ต้องให้ด่า” อัคนีชมก่อนจะบ่นธีร์ไปด้วย
“ก็มันกำลังจะเรียนจบไม่ใช่หรือวะ คงจะติดสอบติดอะไรอยู่ก็ได้” ปฐพีบอก
“เออว่ะ กูก็ลืมไป”
“มาแล้วครับ มาแล้ว!”
ยังไม่ทันขาดคำ เสียงของธีร์ก็ดังมาก่อนที่ตัวจะตามมา คนที่ตัวเล็กกว่าชาวบ้านอย่างธีร์มองหน้าเจ้านายตัวเองก่อนจะหันไปไหว้คนที่เหลือ และเมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ ก็ต้องสบสายตาเข้ากับดวงตาคมของพัฒน์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับตน
“ขอโทษครับเจ้านาย” เอ่ยออกมาเล็กน้อย
“เออๆ กูไม่ว่า” อัคนีพูดอย่างไม่ใส่ใจเพราะเห็นว่าธีร์มาทั้งชุดนักศึกษา
“ขอโทษนะครับคุณดิน” หันไปบอกอีกคน
“อืม ไม่เป็นไร”
“เอาล่ะ ที่พวกฉันเรียกพวกแกมาวันนี้ ก็เพราะอยากจะให้ไอ้ธีร์รู้จักกับไอ้พัฒน์มัน เพราะพวกแกคงจะได้ร่วมงานกันบ่อยๆ แม้ว่า
จะอยู่กันคนละบริษัทก็ตาม” อัคนีพูดขึ้น
“และวันนี้ก็มีงานที่พ่อของพวกฉันจัดให้เพื่อให้เราสืบทอดตำแหน่ง พวกแกจะต้องไปด้วย ไอ้พัฒน์แกเป็นผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว อยาก
จะทำงานกับฉันอีกหรือวะ” ปฐพีหันไปถามพัฒน์ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
“ครับ”
“ก็ดี! ฉันชอบแกก็ตรงนี้แหละ” ปฐพีพยักหน้ายิ้มๆ
“ส่วนแกนะไอ้ธีร์ อีกอาทิตย์เดียวก็เรียนจบแล้วใช่หรือเปล่าวะ” อัคนีถาม
“ครับเจ้านาย”
“ก็ดี ถ้างั้นเอาอย่างนี้ ไอ้พัฒน์มันคงจะทำงานเป็นอยู่แล้วใช่ไหม” อัคนีหันไปถามพัฒน์
“ครับ ผมเคยช่วยพี่ทำงานอยู่ที่บริษัทตัวเอง”
“แต่ไอ้ธีร์ไม่เป็นเหี้ยอะไรเลย หลังสอบเสร็จ ให้เวลาแก 1 เดือนไปเรียนรู้งานจากไอ้พัฒน์ที่บริษัทไอ้ดินซะ แต่ระหว่างฝึกแกก็
ต้องมาประเมินกับฉันทุกอาทิตย์ เพื่อบอกว่าแกเหมาะสมที่จะทำงานกับฉันหรือเปล่า”
“อ้าว? ไหงเป็นแบบนี้ล่ะครับเจ้านาย” ธีร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
จะให้เขาไปเรียนรู้งานกับไอ้หน้าโหดนี่นะ เรื่องดิ!!
“หรือไม่อยากได้งาน”
“ทำก็ได้ครับ” ยอมอย่างจำใจ
“ดี...งั้นไอ้ดิน กูฝากด้วยนะมึง” หันไปพูดกับปฐพีทันที ซึ่งอีกคนก็พยักหน้ารับ
ฝากฝังเราซะเรียบร้อยเลย
ธีร์เองก็มองหน้าพัฒน์เล็กน้อย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มที่แสยะส่งมาให้อย่างเยาะเย้ย ดูถูก จนธีร์โกรธขึ้นหน้า กำหมัด
แน่นอย่างอดทน
“ทำหน้าอะไรแบบนั้นวะไอ้ธีร์” อัคนีถาม
“คุณเพลิง ให้ผมไปเรียนงานกับคนอื่นได้หรือเปล่า” ถามอย่างเว้าวอน
“ทำไม”
“ผมว่าผมไม่ค่อยถูกกับมัน” ตอบแต่สายตาสบเข้ากับดวงตาคมแบบประกาศสงคราม
“ไอ้นี่หาเรื่องอีกแล้ว มันอายุมากกว่าแกอีกนะไอ้ธีร์ แล้วมันเองก็เป็นงานเพราะมันก็เคยเป็นรองประธานของบริษัทของพี่มัน
ฉะนั้นเรียนกับไอ้พัฒน์น่ะถูกแล้ว” อัคนีสั่ง
“ชิ! ไม่สบอารมณ์เลยว่ะ” แอบสบถน้อยๆ
“ทำไม? มึงกลัวกูหรือไง” เสียงทุ้มต่ำที่ไม่ค่อยพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงท้าทาย จนธีร์หันไปมองด้วยสายตาแข็งกร้าว
“กูไม่ได้กลัวมึง!” ตอบเสียงแข็ง
“ถ้างั้นมึงก็คงไม่ปฏิเสธสินะ ถ้าผ่านการเรียนกับกูได้ ถือว่ามึงเก่ง เพราะกูค่อนข้างโหด” บอกออกมาตามความเป็นจริงที่ตัวเอง
เป็น
แต่ธีร์คิดว่ามันเป็นเพียงแค่คำขู่
“ได้!!”
“แต่กูว่าน้ำหน้าอย่างมึงคงไม่ได้เรื่อง”
“ไอ้พัฒน์มึง!!”
“ทำไมวะ จะทำอะไรกูได้!” พัฒน์ยังไม่หยุดท้าทาย
ธีร์ที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองถึงกับสั่นด้วยความโกรธ ก่อนที่จะถามไปอย่างโมโห
“แล้วถ้ากูทำได้ล่ะ มึงจะให้อะไรกู!!”
“ตามที่มึงต้องการ”
“เออ!! จำไว้นะมึง”
“หึ!!!”
เอาล่ะสิ...งานนี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะกันล่ะ

ลงอินโทรพัฒน์ธีร์ค่ะ อาจจะแปลกๆก็ขอโทษด้วย อยากแต่งแบบนี้อ่ะ