ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 2
' ความซวยซ้ำซ้อน '
[/size]
ลืมตาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย ปวดตัว แถมพ่วงผสมด้วยความมึนจนเหมือนสมองจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ ผมดึงตัวเองขึ้นนั่งถอนหายใจออกมาก่อนจะลำดับเหตุกาณ์ทั้งหมดในสมอง เมื่อคืนจำได้ว่าไปกินเบียร์กับเพื่อนที่ทำงาน จากนั้นก็รู้สึกว่าอยากจะกินเบียร์ต่ออีกเลยมากิน ชวนลิปมากินด้วยกันแต่ว่า ลิปไม่ว่างก็เลยมาคนเดียว แล้วจากนั้นก็เจอเข้ากับเด็กหน้าตาหล่อคนนึงชวนไปนั่งดื่มด้วยกันจำได้ว่า ตอนนั้นปฎิเสธไปแล้วแต่เค้าก็ตื้อไม่หยุดเลยให้ตามไปด้วย จากนั้นก็คุยกัน คุยกันไปคุยกันมา แล้วจากนั้นผมก็เมา แล้วเราก็คงจะ.. ก้มหน้าลงดูเรือนกายที่เปลือยเปล่าของตัวเองก็เผลอถอนหายใจออกมาเสียเต็มแรง
“ เชี้ยเอ้ยยย นี่กูทำอะไรลงไปวะ " ผมกระชากหัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะขยี้มันด้วยความหงุดหงิด พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นจากเตียงย้ายตัวเองไปที่ห้องน้ำก่อนจะตกตะลึงกับ ร่องรอยแดงที่ประปรายอยู่ทั่วร่าง ผมไม่รู้เลยว่าเรามีเซ็กส์กันมากแค่ไหนเพราะตอนที่ตื่นขึ้นมาผมไม่ได้พบร่องรอยอะไรทั้งนั้นที่บอกถึงเซ็กส์ที่ร้อนแรงของเค้าเมื่อคืน ยกเว้นก็เพียงแต่บนร่างกายของผมนี่แหละ " นี่ฉันไปมีอะไรกับเด็กโฮสข้างถนนเหรอวะเนี้ย โอ๊ย คีย์แกทำอะไรลงไปเนี้ย จะบ้าตาย " สบถด่าตัวเองอย่างสิ้นหวัง แต่ผมก็ทำได้แค่อาบน้ำ ถูสบู่ก่อนจะเดินออกมาก็ใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ก็ถูกพับไว้อย่างที่ดีที่โซฟาปลายเท้า ผมหยิบมันขึ้นมาสวมก่อนจะมีความคิดหลายอย่างพุ่งเข้ามาในหัว " เงิน เชี้ย มันเอาเงินกูไปเปล่าวะ " ผมมองหากระเป๋าตังค์ตัวเองแต่ก็พบว่ามันอยู่ที่หัวเตียง หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ มันก็ตั้งอยู่ตรงนั้น " ก็ครบนิ เงินไม่ได้หายไปไหนสักบาท "
หย่นตัวเองลงนั่งบนเตียง ทำไมถึงจำอะไรเมื่อคืนไม่ได้เลยโดยเฉพาะตอนที่ทำเรื่องอย่างงั้นกับเด็กคนนั้น ผมไม่รู้เลยว่าตัวผมเป็นยังไง ไม่รู้ด้วยว่าพูดอะไรออกไปบ้าง จำได้ลางๆเหมือนกับแค่ว่า ผมก็มีความสุขมากแล้วก็รู้สึกต้องการเค้าอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน " แต่เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันคงไม่ได้พูดทำนองเอาแต่ใจ ว่าอยากได้เค้าอยู่ทั้งคืนแน่ๆ ใครพูดก็บ้าแล้ว " ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ใจมันก็ไม่ไว้ใจตัวเองเอาซะเลย ก็เมานี่หว่าอะไรที่อยากทำก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ แม้จะร้องขอให้เค้าทำแรงขึ้นอีกผมก็คงทำให้
" ก็คนมันเมานี่หว่า อีกอย่างก็คงไม่ได้เจอกันแล้วก็ช่างแม่งเถอะ " ผมพยายามจะไม่สนใจ ไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก่อนจะหันสายตาไปมองถังขยะที่อยู่ตรงมุมห้องไม่รู้ทำไมแต่ขาที่ก้าวออกไปก็ทำให้ผมตัดสินใจก้มลงไปดูมัน เหล่ากองขยะที่ทำให้รู้สึกพูดเข้าข้างตัวเองยากขึ้นทุกที ในถังขยะที่มีเพียงแค่ถุงยางอนามัยใช้แล้วมากกว่าสามถุงผมเม้นริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไง " ให้ตายสิ นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย " ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเซ็กส์แต่การที่มีเซ็กส์กับคนที่รู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วมีอะไรกันหลายยกขนาดนั้น ก็บอกได้สั้นๆแค่ว่า นั่นแหละ ครั้งแรก .. ชีวิตไม่เคยพลั้งพลาดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ให้ตายสิ
ครืน ครืน ครืน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดอารมณ์ของผมตอนที่คว้ามันมารับ ผมสังเกตเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆที่ติดอยู่บนหน้าจอ ผมดึงมันขึ้นมาอ่านก่อนจะกดรับโทรศัพท์ของตัวเอง
“ ฮัลโหล "
“ แกอยู่ไหนเนี้ยคีย์ สายขนาดนี้แล้วยังไม่มีทำงานอีก แล้วนี่เมื่อคืนบอกว่าถึงคอนโดแล้วให้โทรมาบอกไง ทำไมไม่โทรบอกฉัน คีย์ นี่ คีย์ ฮัลโหล " อีกคนที่เรียกผมซ้ำๆถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบเค้าไป
“ อื้ม ฟังอยู่ "
“ ทำไมถึงคอนโดแล้วถึงไม่โทรมาบอกฉันวะ เป็นห่วงนะเว้ย "
“ ก็เพราะว่ามันยังไม่ถึงไง จะโทรบอกได้ไง " ผมบอกไปตามตรง สายตาก็เอาแต่จ้องกระดาษแผ่นเล็กๆที่ถืออยู่
“ หมายความว่าไง "
“ ไว้เจอกันแล้วจะเล่าให้ฟังละกัน แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะกลับคอนโดละ " ผมกดวางสายแต่สายตาก็เอาแต่มองกระดาษแผ่นนั้น กระดาษที่เขียนข้อความเอาไว้สั้นๆ ' อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคีย์ ผมขอโทษที่ต้องออกไปก่อนเพราะว่าผมมีเรียนเช้า เบอร์ของผมคือเบอร์โทรออกล่าสุดบันทึกไว้ว่า ฟาน~♥ เผื่อคุณมีธุระจะโทรหาผม ฟาน ' ผมขย้ำกระดาษใบนั้นจนยับก่อนจะโยนใส่ถังไปอย่างไม่ใยดี " ใครมันอยากจะมีธุระกับนายอีกวะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย เสียเวลาชีวิตชะมัด ไม่น่าเมาเลย คีย์ นายนี่มัน!! “ ทั้งหงุดหงิดตัวเองแล้วก็หงุดหงิดอีกฝ่าย หงุดหงิดแต่ไม่รู้จะไปลงกับใครดี ผมคว้าเอากระเป๋าตังค์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกไปไปจากห้อง ลงไปที่หน้าเค้าเตอร์โรงแรมที่มีพนักงานยืนอยู่
“ ขอเช็คเอ้าท์ครับ " ผมยื่นกุญแจให้เธอ ก่อนที่เธอจะนำไปคีย์ข้อมูลก่อนจะพบว่า ห้องนี้ถูกจ่ายเงินเรียบร้อยหมดแล้ว แค่นำกุญแจมาคืนก็ถือว่าคืนห้องเรียบร้อย ' แปลกชะมัด ไม่เคยเห็นเด็กโฮสที่ไหนจ่ายตังค์ค่าห้องให้แขกด้วย ' แต่คำตอบมีอยู่สองอย่างในหัวตอนนี้คือ ถ้ามันไม่ใช่คนดีมาก เราก็เป็นฝ่ายบริการมันดีมากจนเหมือนขายตัวให้มันแล้วมันก็จ่ายเงินให้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ประโยคหลังก็น่าจะเป็นประเด็นที่เป็นไปได้มากที่สุด
“ วันนี้มาสายนะคีย์ " เสียงของหัวหน้างานของผมทัก ยิ้มแห้งๆให้เค้า ผมเหลือบมองเวลาที่ใกล้จะสิบโมงก่อนจะก้มหน้าขอโทษเค้าไป
“ ขอโทษครับ พอดีเมื่อคืนผมเมาหนักไปหน่อย " บอกเค้าเสียงเบาๆ แต่พี่ธีร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เค้าแค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“ มาสายก็ยังดีกว่าไม่มาแล้วกัน รีบทำงานเสนอลูกค้าให้เสร็จล่ะ วันนี้เค้าจะมาพบนายตอนบ่ายโมงนะ "
“ ครับผม " รับคำแบบนั้นตอนที่เดินมานั่งที่โต๊ะแล้วเปิดคอม ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงตัวเองกับเก้าอี้อย่างหมดแรง ให้ตายสิทำไมมันรู้สึกเหนื่อยอย่างงี้ว่ะ รีบออกจากโรงแรมรีบกลับไปคอนโดอาบน้ำเพื่อมาทำงาน แล้วดันมาเสียเวลาหากระเป๋าเป็นชั่วโมงแต่ก็ดันไม่เจออีก วันนี้ก็เลยต้องเอากระเป๋าสะพายใบใหม่ที่ชาตินี้คิดว่าจะเก็บไว้แค่สะพายไปเที่ยวเท่านั้นมาใช้จนได้
“ คีย์ เมื่อคืนไปไหนมา " ลิปที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถาม ผมที่ถอนหายใจออกมา ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดีเลย เรื่องมันยาวจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ คือถ้าเล่าฉันคงต้องใช้เวลายาวมาก เอาเป็นว่าฉันจะเล่านายตอนพักเที่ยงแล้วกันนะ "
“ ตามใจแล้วกัน รีบทำงานเถอะเดี๋ยวหลังเที่ยงลูกค้ามานายงานไม่เสร็จมีหวังตายแน่ " ผมพยักหน้ารับให้อีกคนตอนที่เปิดงานออกมาทั้งหมดแล้วเตรียมบริ้นท์ออกมาอธิบายลูกค้า แต่ทว่าผมหาเอกสารภาษาอังกฤษของตัวเองที่เป็นเอกสารสำหรับโจทย์ออกแบบไม่เจอ จำได้ว่าก็ตั้งไว้บนโต๊ะตรงนี้นี่หว่า
“ ลิป นายเห็นเอกสารฉันมั้ย " ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างกัน อีกคนที่หันหน้ามามองเค้าขมวดคิ้วก่อนจะถาม
“ เอกสารอะไร "
“ ก็เอกสารโจทย์งานออกแบบของฉัน ฉันวางไว้ตรงนี้ไง "
“ ฉันจะไปเห็นได้ไงเล่า ทำไมหายเหรอ ถ่ายใหม่ดิ " เค้าบอกแบบง่ายๆแต่ว่ามันไม่ใช่สำหรับคนไม่รอบคอบแบบผม
“ ฉันไม่ได้เซฟเก็บไว้ในคอมว่ะ "
“ ห๊า ? อะไรนะ " อีกคนร้องเสียงหลงพลางเลื่อนเก้าอี้มาใกล้โต๊ะผม " หาดีๆ นายอาจจะทำมันตก "
“ ไม่ตกหรอก หาดีแล้ว " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ มือที่ยังคงหาไปตามชั้นเอกสารบนโต๊ะไปเรื่อย " นี่มันวันอะไรของฉันเนี้ย ทำไมต้องมาเจอแต่อะไรแย่ๆพวกนี้ด้วย พระเจ้าช่วยประทานเรื่องดีๆมาให้ฉันบ้างเถอะ "
“ ทำไมไม่ลองหาในกระเป๋าละ เผื่อนายจะเอากลับไปบ้านเพื่อทำการบ้านเวลาคุยกับลูกค้าเหมือนทุกทีไง " คำพูดของเพื่อนที่ทำให้ผมเหมือนคิดอะไรออก ใช่แล้ว จำได้ว่าก่อนออกจากบริษัท์ผมเก็บเอกสารนั่นเข้าไปในกระเป๋าเพื่อที่จะเอากลับไปทำที่บ้านเหมือนทุกครั้งอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ แต่ว่านะ..หนนี้น่ะ
“ แล้วกระเป๋านายหายไปไหน เปลี่ยนกระเป๋าเหรอ " ลิปที่เหลือบมองไปที่กระเป๋าของผม " ไหนบอกกระเป๋าเป้ใบนี้นายจะเก็บเอาไว้ใช้แค่ตอนไปเที่ยวไง "
“ ลิป.. เมื่อวานฉันเอาเอกสารกลับไปบ้านจริงๆนั่นแหละ "
“ ใช่มั้ยละ นายก็ทำแบบนั้นประจำ " อีกคนว่ายิ้มๆก่อนจะดันเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิม
“ แต่ว่าเมื่อวานฉันเมาแล้วฉันก็ทำกระเป๋าของตัวเองหาย คือตื่นมามันก็ไม่มีแล้วอะ "
“ ห๊ะ นายว่าอะไรนะ นายทำเอกสารลูกค้าหายได้ไง คีย์ "
“ ลิปทำไงดี ลูกค้ามาบ่ายโมงด้วยอะ ฉันแย่แน่ โดนไล่ออกแน่ๆเลย " ผมที่เริ่มลนมองซ้ายมองขวาอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำยังไง " ทำไงดี ทำไงดี "
“ ใจเย็นๆ นายลงไปขอเลขาหัวหน้าใหม่มั้ย เค้าน่าจะมีสำรองไว้บ้างแหละ พวกเอกสารสำคัญน่ะ "
“ จะให้ฉันไปขอยัยหน้าแหลมที่ร้ายกับคนทุกคนยกเว้นหัวหน้านี่อะนะ " เธอเป็นเลขาหน้าห้องสุดโหดที่มีอิมเมจประจำตัวคือ หน้าเธอจะเรียวแหลมเป็นพิเศษ แถมด้วยนิสัยแรงๆเรียบร้อยๆของเธอ ก็เหมือนว่าทุกคนต้องอยู่ในกฏอย่างเคร่งครัด จะมีก็แต่หัวหน้านี่แหละที่ฉีกกฏได้อยู่คนเดียว ก็แน่แหละแค่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดงานที่หัวหน้าลืมบ้าง เผลอลืมไว้ที่บ้านบ้างก็ปวดหัวพอแล้ว นี่ยังต้องมาแจกจ่ายงานให้พวกผมในแผนกอีก ตอนที่เธอให้มาก็ถูกย้ำแล้วย้ำเล่าว่าให้ดูแลให้ดีแท้ๆเลย นี่ถ้าผมเข้าไปขอไฟล์งานเธอตอนนี้มีหวัง ตายแน่ๆ " วันนี้เธอยุ่งมั้ย อารมณ์ดีเปล่า "
“ เธอก็ยุ่งเหมือนทุกวันนั่นแหละ อารมณ์ดีก็เหมือนทุกวันด้วย" งั้นก็แสดงว่าอารมณ์ไม่ดีสินะ
“ แล้วฉันจะรอดมั้ยเล่า " ผมพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา ทรุดลงที่นั่งของตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไง มองไปทางไหนก็มืดไปหมด
“ บ่นไปก็ไม่ได้อะไร ยังไงก็เป็นทางเดียวเท่านั้น คือนายต้องเข้าไปขอเธอ "
“ เม้าส์กันอยู่ได้ไม่ทำงานรึไง แล้วเมื่อกี้ฉันได้ยินอะไรแหลมๆ " เสียงที่ทักเราทำเอาผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมอง คุณเลขาที่กำลังพูดถึงยืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว แถมกำลังทำหน้าหงุดหงิดได้ที่ด้วย
“ เปล่าหรอกครับ คุณเลขามีอะไรเหรอครับ "
“ ไม่มีอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่านายบริ้นท์งานที่จะใช้เสนอลูกค้าที่กำลังจะมาบ่ายวันนี้แล้วรึยัง " เธอถามผมก็พยักหน้ารับ
“ เรียบร้อยครับ "
“ เหรอ งั้นก็เก็บไว้ก่อนนะ " เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาหลังคำพูดนั้น " เพราะลูกค้าขอเลื่อนจากวันนี้เป็นพรุ่งนี้น่ะ เค้าติดประชุมต่างจังหวัด "
“ งั้นเหรอครับ ครับ ขอบคุณมากครับ " ผมยิ้มออกมา เธอที่พยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ลิปก็คว้าแขนผมไว้ด้วยความดีใจ
“ โชคดีชะมัดคีย์ แต่แกรีบไปหากระเป๋านั่นมาเลยนะ มันอยู่ไหน ถ้าหาไม่เจอก็เดินไปขอเอกสารใหม่ซะ " อีกคนบอก " เมาอีกท่าไหนว่ะกระเป๋าหายก็ไม่รู้ตัว แล้วมีอะไรหายอีก กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ "
“ อันนั้นไม่หายอะ ฉันใส่ไว้กับตัวมันเลยไม่หาย "
“ ถามจริงๆ เมื่อคืนไปเมาที่ไหนมา อะไรมันจะสิ้นสติขนาดนั้นวะ "
" คือเอาจริงๆนะ ถ้าแกรู้ว่าเรื่องราวตลอดทั้งคืนของฉัน ว่ามันเป็นยังไง แกจะไม่หยุดแค่คำว่า ฉันเมาจนสิ้นสติหรอกลิป " เพราะฉันคิดว่ามันมากกว่าคำว่า สิ้นสติเสียอีก
ช่วงเวลาพักเที่ยงที่ผมกับลิปเลือกที่จะนั่งอยู่ในออฟฟิศนิ่งๆ แทนที่จะออกไปกินข้าวกับคนอื่นๆ แซนวิชแบบที่ขายในร้านชั้นนำถูกหยุดอยู่ตรงปากของลิปไม่ยอมกินมันสักที เพราะมัวแต่ฟังเรื่องราวของผม เรื่องราวสิ้นสติของผมเมื่อคืนกับน้องผู้ชายคนนั้นที่ชื่อ ฟาน
“ แล้วเป็นไงต่อ แล้วนายก็ไปมีอะไรกับเค้าอะนะ "
“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ " หลายรอบด้วย ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว"
“ คีย์ นี่นาย " อีกคนที่ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดออกมายังไง " คือ ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี จะบอกว่านายสิ้นสติก็คงไม่ได้ นายดูเหมือนไม่มีสติ และไม่มีมันมาตั้งแต่แรก นายไปกับเด็กที่เจอกันตอนข้ามถนนเท่านั้นอะนะ นี่นายไม่ได้คิดระวังตัวเรื่องโรคร้ายหรืออะไรแบบนี้เลยเหรอ "
“ แต่เค้าก็ใส่ถุงยางอนามัยนะ ฉันเห็นตั้งหลายถุง " ผมบอกเสียงเบาๆอีกคนก็ชักสีหน้าใส่
“ นายห่วงตัวเองบ้างมั้ยเนี้ย ให้ตายเถอะ เมาขนาดนั้นนายคิดว่ามันจะแอบสดกับนายบ้างรึไง " ก็จริงอย่างที่เพื่อนผมพูด เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นพร้อมกันของเรา ลิปก็เอื้อมมือมาจับไหล่ผม " ช่างมันเถอะ เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว ต่อไปนี้ก็ระวังตัวก็แล้วกัน แล้วของนายหายไปบ้างมั้ย "
“ ไม่มีอะไรหายไปนะ กระเป๋าตังค์ เงิน มือถือ ทุกอย่างก็อยู่ครบ จะขาดก็แค่กระเป๋าฉันนั่นแหละ ที่หายไป "
“ มันจะขโมยกระเป๋านายไปเหรอ "
“ ก็อยากจะคิดอย่างงั้นอะนะ แต่มันจะเอาไปทำไมวะ ข้างในมันก็ไม่มีอะไร จะมีก็แค่เอกสารงานของฉัน แล้วก็ของใช้นิดหน่อย มันจะเอาไปทำไมวะ ถ้ามันจะเอามันเอากระเป๋าตังค์ มือถือ ของมีค่าอะไรแบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอวะ "
“ มันก็จริงของนายนะ "
“ แต่ไอ้หมอนี่มันไม่ได้เอาอะไรไปเลย แล้วที่แปลกมากกว่านั้นก็คือ มันจ่ายค่าเบียร์แล้วก็ค่าโรงแรมให้ฉันด้วย "
“ แปลกชะมัดเลย " คนตรงหน้าขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มออกมา
“ คิดว่าถ้าไม่แปลกมากๆ อีกอย่างก็คงเป็นเพราะว่าฉันให้มันมากเกินไปจนเหมือนไปขายตัวให้มัน จนมันต้องจ่ายให้รึเปล่า แบบ พี่เค้าบริการเราจนเราเหมือนไปซื้อบริการเค้าเลยอะไรแบบนี้ " ผมพูดติดตลกแต่เอาจริงๆมันไม่ขำเลยสักนิด ลิปที่ยิ้มแห้งๆกับคำพูดของผมก่อนจะส่ายหน้า
" ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเลยเอาจริงๆ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด ฉันว่านายคงเซ็กส์จัดใช่ย่อยนะ "
" บ้า " ผมเบือนหน้าหนีอีกคน
" บ้าอะไร แกเมา แกจะรู้ได้ไงว่าตอนที่แกไม่มีสติแกจะเป็นยังไง ถูกมั้ย " อีกคนว่ายิ้มๆ " เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มันเสียไปแล้วก็ให้มันเสียไป ไปหาความทรงจำดีๆข้างหน้ามาแทนที่ดีกว่า " พูดง่ายๆอีกแล้วผมก้มหน้ากินแซนวิชในมือตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น ทำไมถึงชอบคิดว่าการมีใครใหม่สักคนง่ายเหมือน แค่เราเดินข้ามถนนแล้วก็เจอกันวะ .. ' แค่เดินข้ามถนน ' ผมทวนความคิดตัวเองก่อนจะคิดถึงหน้าของใครบางคนขึ้นมา ใครบางคนที่เจอกันเพียงเพราะแค่ผมกำลังจะข้ามถนน ใครคนนั้นที่ผมยังจำภาพของเค้าได้ติดตา หนุ่มหล่อรูปร่างสูงที่ดูโดดเด่นจนใครๆก็หันมอง
“ เหม่ออะไรวะ กำลังคิดถึงใครอยู่ " ลิปถามตอนที่เห็นผมเงียบไป " หรือว่าคิดถึงเด็กคนนั้น "
“ คิดถึงบ้าอะไร " ผมบอกปัด
“ นี่ฉันอยากรู้ อยากรู้ว่าหน้าตาของเด็กคนนั้นน่ะ เป็นยังไง "
“ ถามทำไม "
“ ก็ฉันว่าเค้าน่าสนใจดีนี่ ดูเหมือนไม่ใช่พวกเด็กชวนดริ้งทั่วไปที่เหมือนจะเอาแต่เงินอย่างที่ฉันรู้จัก ฉันคิดว่าเค้าแปลกๆน่ะ น่าสนใจดี ว่าไงๆ หล่อมั้ย "
“ หล่อมั้ยเหรอ " ผมคิดถึงรูปร่างของเค้าขึ้นมาอีกครั้ง " ก็หล่อนะ สูง สูงมากเลยแหละเกือบจะสูงเท่าหัวหน้าเลยมั้ง หน้าตาก็เหมือนนายแบบสรุปก็หล่อนั่นแหละ สั้นๆแล้วกัน "
“ อยากเห็นจัง " ผมขมวดคิ้วใส่อีกคนที่ยิ้มกว้างแล้วหันมาถาม ไม่รู้ทำไมถึงต้องรู้สึกแปลกๆ พยายามจะไม่แสดงออกแล้วแต่คิ้วมันกลับขมวดคิ้วกันเร็วเกินไป แสดงความรู้สึกขัดใจเร็วไปนะคีย์ " นี่ ทำหน้าแบบนั้นแอบหวงก้างเหรอ "
“ หวงก้างอะไร ไม่มีเถอะ ก็ฉันเห็นว่ามันแปลก ฉันเพิ่งเล่านายไปเองว่าเค้าเพิ่งมีอะไรกับฉันมา "
“ ก็มันแล้วไงเล่า แค่วันไนท์สแตนใครๆก็มีปะ ฉันยังเคยมีเลย นายเองก็บ่อยไป "
“ ก็จริง " ผมตอบเสียงเบาๆอีกคนก็เลื่อนเก้าอี้มาหา
“ แล้วนายจะไปเจอเค้าอีกรึเปล่า "
“ ไปเจออีกทำไมละ ฉันไม่ได้มีธุระอะไรกับเค้าสักหน่อย ทำไมนายจะให้ฉันติดต่อให้ว่างั้นเถอะ "
“ ก็ถ้าเค้าหล่ออะนะ " ลิปที่ยิ้มแห้งๆออกมาอย่างยอมรับ
“ นายมีไอ้เด็กจินอยู่แล้วนะ นี่ยังจะมายุ่งกับคนอื่นอีก "
“ แหม คนเรามันก็ต้องมีเด็กในสต๊อกไว้บ้าง นายคิดว่าจินมันจะจริงจังกันฉันไปอีกนานรึไง หึ ฉันไม่คิดงั้นหรอก " อีกคนถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าออกมา พลางเหล่มองผม " ว่าแต่นายมีพิรุธนะ ไม่ชอบแล้วทำไมหวงจังฉันจะจีบก็ไม่ได้ "
“ ไม่ได้หวงสักหน่อย นายน่ะเพ้อเจ้อแล้ว ฉันจะไปเจอเค้าอีกได้ไง สำหรับฉันแค่คืนนั้น คืนเดียวก็พอแล้ว จะไปมีหน้าอยากจะเจอมันอีกทำไม "
“ อายว่างั้นเถอะ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง " ถึงไม่อยากจะสารภาพแบบนั้น แต่ก็ยอมรับล่ะนะว่า ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ คืออายมากจริงๆที่จะต้องเจอเค้า เค้าที่ผมไม่รู้ว่าในคืนไร้สตินั้นตัวผมทำอะไรลงไปบ้าง
“ แล้วกระเป๋าเอกสารนายล่ะ นายจะเอายังไง ไปหาเหรอ "
“ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยอะ " ผมบอกอีกคนก็เหลือบตามามองแบบปลงๆ
“ คิดได้แล้ว ก่อนที่พรุ่งนี้จะเป็นวันตกนรกของนายจริงๆ ถ้าคิดไม่ออกก็นู้นเลย เดินไปขอบริ้นท์ใหม่ซะ " ลิปที่ชี้ไปที่โต๊ะเลขาหัวหน้าก่อนที่ตัวเค้าจะเลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิมของตัวเองเพื่อทำงานต่อ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ค้ำข้อศอกกับโต๊ะพลางเลื่อนหน้าจอมือถือไปเรื่อย ก็ไม่อยากจะไปขอพี่เลขาเลยเพราะรู้ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่ถ้าจะให้ไปหากระเป๋าใบนั้นก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็คงต้องไปถามคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืน.. แล้วคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนก็...
“ โอ๊ยยยยย ทำไมกูเลือกทางไหนไม่ได้เลยวะ มีแต่ทางแย่ๆไปหมด " ผมเผลอบ่นกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียเฮือกใหญ่ถ้าขอความช่วยเหลือเด็กนั่น เราก็แค่ไปเจอเด็กนั่นคนเดียวได้กระเป๋าเราก็กลับ แต่ถ้าเราไปขอเอกสารเลขาต้องโดนประจานไปทั้งแผนกเพราะเธอคงต้องบ่นผมเสียงดังในความไร้ความรับผิดชอบของผม แล้วหัวหน้าก็ต้องได้ยิน ถ้าแบบนั้น.. เอาก็เอาวะ!
ผมลุกขึ้นจากโต๊ะกำมือถือของตัวเองแน่นก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน เดินไปที่มุมอับของตึกก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกดดูรายชื่อที่บันทึกเอาไว้ในมือถือตัวเอง ผมจำได้ที่เด็กคนนั้นเขียนบอกเอาไว้ในกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆเมื่อเช้า ' เบอร์ของผมคือเบอร์โทรออกล่าสุดบันทึกไว้ว่า ฟาน~♥ เผื่อคุณมีธุระจะโทรหาผม ฟาน ' สำหรับผมก็แค่สงสัยอย่างเดียว ทำไมมันต้องใส่หัวใจไว้หลังชื่อมันด้วยวะ
เสียงรอสายดังอยู่ไม่นานก่อนที่มันจะถูกกดรับ " สวัสดีครับ คุณคีย์ " เสียงที่ยังคงจำได้ หัวใจผมเต้นระส่ำตอนที่ได้ยิน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทั้งๆที่ก็คิดว่าจะโทรมาแค่ธุระเรื่องกระเป๋าที่หายไป แต่พอได้ยินเสียงเค้าปากมันกลับขยับไม่ออกซะงั้น " ฮัลโหล คุณคีย์ครับ ฮัลโหล "
“ พูดอยู่ " แล้วพอตอบกลับเสียงเบาๆ อีกคนก็เหมือนจะยิ้มออกมา
“ ผมคิดว่าคุณเผลอกดโทรศัพท์ออกมาหาผมซะอีก "
“ เปล่า ฉันมีธุระจะพูดด้วย " ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดออกมา " นายเอากระเป๋าฉันไปใช่มั้ย "
“ กระเป๋า ? “ อีกคนทวนคำ " เปล่านะครับผมไม่ได้เอาอะไรของคุณมาเลยสักอย่างเดียว แต่ว่ากระเป๋า.. ตอนนั้นที่เราออกมาจากร้านเบียร์ผมก็ไม่เห็นคุณสะพายอยู่แล้วนะ คุณมีมันด้วยเหรอ "
“ มีสิ " ผมบอก " มันมีเอกสารสำคัญของฉันอยู่ในนั้น "
“ เอกสารสำคัญของคุณอยู่ในกระเป๋าเหรอ " ผมพยักหน้ารับแม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นมัน " ผมไปช่วยหามั้ยครับ "
“ ช่วยหา ? “
“ เจอกันที่ถนนที่เราเจอกันฝั่งที่คุณกำลังจะข้ามมาเมื่อคืนนะครับ เจอกันทุ่มนึงนะ ผมจะไปช่วยหา "
“ ห๊าา มะ ไม่ ไม่ต้อง นายไม่ต้องมาก็ได้ ฉันไปหาเอง "
“ ผมอยากไปช่วยครับ " เค้าบอก " เพราะผมอยากเจอคุณ ไว้เจอกันนะครับ " คำพูดสั้นๆที่ผมไม่ทันได้ปฏิเสธก็ถูกสายตรงข้ามวางไปก่อนเสียแล้ว
ถอนหายใจออกมากับเหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัวนั้น ก่อนจะขมวดคิ้วงงก่อนสิ่งที่ได้ยินพร้อมหัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอกจนได้แต่กัดปากแน่น " คำพูดที่บอกว่าอยากจะเจอนั่นมันคืออะไรกันวะ ใจเต้นแรงชะมัดเลย "
...................................................
ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ
ตอนนี้ไม่มีน้องฟาน มีออกมาแค่เสียง แต่ตอนหน้าจะมาแบบจัดเต็มค่ะ
แล้วเช่นนี้ คนที่ไม่ชอบเด็กอย่างคีย์ จะต้องไปเจอกับฟานอีก แล้วมันจะเป็นยังไง ติดตามได้ในตอนหน้า วันพรุ่งนี้
ทำไมชีวิตดูเหมือนเขียนหลังปกหนังสือไงไม่รู้วะ ฮ่าๆๆๆ
ฝากด้วยค่า
ใครมีทวิตฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ส่วนใครอยากเม้นท์ไม่มียูสในเล้าก็เม้นท์ผ่านแท็กได้ค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ
หนมมี่ผู้ใสซื่อ
