ตอนที่ 1 : เดทกับคุณชายหมอ“รอนานไหมครับ” ผมทักชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านกาแฟสุดหรู
วันนี้หมอวินดูดีมาก นี่ขนาดคุณชายหมอใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์มา ยังสามารถทำให้ผมดูโกโรโกโสไปถนัดตา
ผมไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย เสื้อผ้าไม่คุ้นทรงผมแปลกๆ ทั้งหมดคุณพู่เป็นคนจัดการทั้งสิ้น
ไม่ได้หล่อเหลาเอาการขึ้นหรอกครับ แค่ทำให้เดินห้างหรูได้โดยไม่ขัดตาว่าไอ้บ้านี่หลุดมาจากไหนเท่านั้นเอง
หมอวินเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม ขมวดคิ้วนิดนึงก่อนคลายออก
“ผมคิดว่าคุณทักคนผิดครับ”
“ไม่ผิดหรอกครับ คุณชวินใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คุณพู่โฆษณาเอาไว้สักนิด ผมเพิ่งคิดได้ว่าผมโดนคุณพู่หลอกเข้าให้แล้ว
“คุณชวินนัดคุณพู่ไว้ใช่ไหมครับ ผมนี่แหล่ะครับ” สายตาคมเหมือนเหยี่ยวตวัดขึ้นมองหน้า
“มา..มาแทน” ผมพูดต่อเกือบไม่ออก ไม่คิดว่าจะได้จ้องตากับคุณชายหมออย่างนี้ เล่นเอาผมตกประหม่า
พูดจาติดอ่างขึ้นมาทันที
“ไม่มาสินะ” คุณหมอวินปิดหนังสือในมือเหมือนเตรียมจะกลับ พอเห็นผมก็เริ่มทำใจแล้วว่าคงถูกเปลี่ยนจากคู่เดทไปเป็น
คนส่งข่าวแทน
“จะทานอะไรก่อนไหม หรือจะไปเลย”
“ครับ?..อะไรนะครับ” ผมตั้งตัวไม่ทัน ไปไม่ถูก นึกว่าจะถูกทิ้งเสียแล้ว
“ผมถามว่าจะทานอะไรก่อนไหม”
“ไม่ต้องครับ ผม..ผมทานมาแล้ว”
“อยากทำอะไร ผมไม่ได้วางแผนอะไรไว้ กะจะให้ผู้หญิงเป็นคนเลือก”
“คุณชวินจะกลับเลยก็ได้นะครับ” กลายเป็นผมที่เป็นคนเอ่ยปากเสียเอง ทั้งที่อยากมาเดทกับคุณชายหมอจนนอนไม่หลับ
ไปสามคืน ต้องสวดมนต์ก่อนนอนให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่านเห็นแต่หน้าคุณชายหมอ
“คุณบอกผมว่ามาแทนไม่ใช่เหรอ เท่ากับนัดไม่ได้ถูกยกเลิก ไหนๆ ก็มาแล้ว เป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก”
ผมไม่เข้าใจความคิดของคุณชายหมอแม้แต่น้อย ควรโกรธแต่ก็เหมือนไม่โกรธ จะว่าสบายๆ ไม่คิดอะไร ตาสีดำขลับคู่นั้น
ก็ฉายแววแปลกๆ
“ว่าไง อยากทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินใกล้ๆ กำลังดังอยู่ตรงนี้แล้ว ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว
“แล้วแต่คุณชวินเลยครับ ผมไม่รู้เหมือนกัน” ผมยกมือขึ้นลูบหลังคอแก้เขิน เหงื่อออกเต็มมือ
คุณชายหมอตัวเป็นๆ สิ่งมีชีวิตที่ดูดีที่สุดในสายตาผม
“ในห้างมันมีอะไรให้ทำไม่มาก ทานข้าว ช็อปปิ้ง ดูหนัง ถ้ายังไม่หิวงั้นดูหนังก็แล้วกัน”
“ครับ ดูหนังก็ได้ครับ”
ผมเดินตามคุณชายหมอออกจากร้านกาแฟแบรนด์ดัง ไม่แปลกใจที่มีแต่สายตามองมา คุณชายหมอเป็นส่วนผสมไทยจีน
ที่ลงตัวมาก ดึงความเด่นของแต่ละเชื้อชาติมาได้อย่างดี ผิวขาว ปากแดง แต่หน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ตาเรียว
ความสูง 180 กว่า ไหล่กว้าง อกสามศอก
ผมก้มลงดูตัวเอง ชายหนุ่มผู้พกพาความสูง 170 มาแบบเกือบไม่ถึง ผอมแห้งแรงน้อย (อย่าไปจินตนาการถึงผู้ชายหุ่นบาง
สวยเหมือนผู้หญิงนะครับ กรุณาคิดไปถึงเด็กขาดสารอาหาร ถึงไม่ใช่ก็เรียกว่าใกล้เคียง)
ผมเป็นคนไทยแท้ แต่หน้าจืดพอๆ กับแกงจืดที่ลืมใส่ก้อนปรุงรส ให้เข้าใจง่ายขึ้นหน้าอย่างผมก็เหมือนอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
แต่ไม่มีใครตัก ซ้ายก็น่ากินกว่า ขวาก็ท่าทางอร่อย อิ่มทั้งโต๊ะผมยังเหลือเต็มชาม สมแล้วที่คุณพู่บอกว่า ต่อให้คุณชายหมอ
เจอผมที่มหา’ลัยก็คงมองผ่าน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อยากดูเรื่องอะไร” ผมกวาดตามองตัวหนังสือดิจิตอลที่ขึ้นชื่อหนังและเวลา ถึงผมจะเชยแต่ผมก็เคยมาดูหนังตามห้างแบบนี้
ก็อานิสงค์จากคุณพู่นั่นแหล่ะครับที่ลากผมมา
“ดูเรื่องนี้ไหมครับ” ผมเลือกหนังแอ็คชั่นที่เห็นโปสเตอร์หนังแว้บๆ ตรงข้างบันไดเลื่อน
“เอาสิ” ผมเดินตามคุณชายหมอไปที่ช่องซื้อตั๋ว
“ รออยู่นี่แหละ” ผมรีบก้มลงเปิดกระเป๋าตังค์จะส่งเงินให้ แต่เงยหน้าขึ้นมาเหลือแต่อากาศ คุณชายหมอเดินไปโน้นแล้ว
“ไปกันเถอะ” คุณชายหมอเดินนำลิ่วผ่านจุดตรวจตั๋ว ผมต้องเร่งฝีเท้าแทบจะกลายเป็นวิ่งเพื่อให้ทันคนที่ขายาวกว่า
“รอบนี้ฉายไปเกือบสิบนาทีแล้วแต่คงทัน” เสียงพูดลอยมาจากคนที่เดินอยู่ข้างหน้า ผมก็ได้แต่ ครับ ครับ
ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสนใจฟังด้วยซ้ำ
คุณชายหมอพาผมเดินมาจนถึงเก้าอี้นั่ง ผมตื่นตาตื่นใจไปหมด โรงแบบนี้ผมเห็นแต่ในโฆษณาไม่เคยใช้บริการ
มันเป็นโรงแบบเฟิร์สคลาสเก้าอี้นวมตัวใหญ่วางอยู่ข้างกันเป็นคู่ๆ
ผมลงนั่งข้างคุณชายหมอ เห็นเบาะกำลังเลื่อนเอนลงเกือบเป็นระดับราบ ผมมองซ้ายมองขวา มันต้องทำยังไงเนี่ย
ผมไม่ได้โง่นะครับ แต่คนมันไม่เคยนั่ง ครั้งแรกก็ต้องงงกันบ้างล่ะ
“โอ๊ะ” ผมต้องรีบยกมืออุดปากตัวเองก่อนที่จะโดนคนรอบข้างหันมาด่า ก็จู่ๆ คุณชายหมอก็โน้มตัวข้ามตักผม
เอื้อมมือไปจัดการปรับเบาะให้
ตอนที่เบาะมันค่อยๆ เอนลง แล้วมีคุณชายหมอคร่อมเอาไว้ สายตาก็มองจ้องมาที่ผม แสงน้อยๆ จากจอ
ยิ่งทำให้ใจเต้น ผมรู้สึกว่าตัวเองเขินจนหน้าแดง
“พอดีหรือยัง” หมอวินก้มลงมากระซิบใกล้ๆ คงไม่อยากให้เสียงรบกวนคนอื่น แต่มันใกล้จนผมรู้สึกไปเองว่าหน้าเรากำลัง
จะสัมผัสกัน (แต่ความจริงห่างเกินฝ่ามือครับ)
“พอดีแล้วครับ”
“อืม”
คุณชายหมอกลับไปนั่งที่นั่งตัวเองแล้ว ผมยังจูนสติกลับมาไม่ได้เลย ใจมันเต้นแรงจนนึกว่าจะกระดอนออกมาจากอก
ผมนั่งดูโฆษณาหนังไปได้แค่สองเรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ดังขึ้น ด้วยความที่สติยังกลับมาไม่ครบ
บวกกับความเคยชินของการนั่งดูหนังเก้าอี้ธรรมดาทำให้ผมลุกขึ้นยืนโดยโน้มตัวไปข้างหน้า
กะจะยืนขึ้นเหมือนปกติ แต่มันติดปลายเก้าอี้ที่ยื่นออกไป ผมเลยเซคว่ำคะมำไม่เป็นท่า
ดีที่มือแข็งแรงมาดึงเอาไว้ ผมเซถอยหลังจนปะทะเข้ากับอกแข็ง ก่อนพากันล้มลงบนเก้าอี้ของคุณชายหมอ
ดูไม่จืดเลยครับ ผมทั้งอาย ทั้งหน้าแดง เพราะผมกำลังนั่งทับอยู่บนตักของหมอวิน มีมือแข็งแรงจับเอวเอาไว้
“จะลุกได้หรือยัง” เสียงเรียบๆ ที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้ผมรีบกระเด้งตัวขึ้นยืนแทบไม่ทัน เผลอนั่งแช่อยู่ไม่ยอมขยับ
พ่อแก้วแม่แก้ว วันเดียวคุ้มอย่างที่คุณพู่บอกเอาไว้จริงๆ ขอโทษนะครับคุณพู่ที่ผมหาว่าโกหก
++++++++++++++++++++++++++++++
“นี่ครับ” ผมยื่นแบงค์พันไปตรงหน้าคุณชายหมอ
หลังออกจากโรงหนัง หมอวินก็เลิกถามผมว่าอยากจะทำอะไรต่อ พาผมเดินเข้าร้านอาหารไทย ส่งเมนูให้เสร็จสรรพ
พอสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ผมถึงหยิบเงินส่งให้
“อะไร” คุณชายหมอขมวดคิ้ว หรี่ตามองผมท่าทางเอาเรื่อง
“เงินค่าตั๋วหนังครับ” ผมไม่รู้หรอกว่ามันเท่าไหร่ เดาเอาว่าคงเป็นพัน เสียดายก็เสียดาย ทำไมต้องนั่งแพงขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ใครบอกว่าต้องจ่าย” คุณชายหมอนั่งนิ่งไม่ยอมเอื้อมมือออกมารับ
“พระท่านบอกครับสอนว่าอย่าเบียดเบียนคนอื่น” ผมตอบตามที่ได้รับการสั่งสอนมา
“แค่ค่าตั๋วหนังไม่กี่บาทเก็บไปเถอะ”
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวชาติหน้าผมต้องตามไปใช้คืนให้คุณชวิน ไม่รู้ว่าจะเอาคืนเท่าไหร่นานไปเดี๋ยวดอกมันแพง
ผมใช้คืนชาตินี้แหล่ะครับ อุ่นใจดี”
“หึๆ นายชื่ออะไร”
ในที่สุดคำถามนี่ก็หลุดออกมา ผมนึกว่าคุณชายหมอจะไม่ถามเสียอีกครับ ดูไม่สนใจผมสักนิด
ว่าแต่ผมจะตอบว่าชื่ออะไรดี ผมไม่อยากมุสา ถ้าอย่างนั้นผมตอบไปตามจริงดีกว่า ถึงยังไงที่มหา’ลัยก็ไม่มีใครเรียกผม
ชื่อนี้อยู่แล้ว อาจจะจำกันไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะไม่มีใครเรียกเลย
“ผมชื่อนิวครับ”
“เรียนที่ไหน ยังเรียนอยู่ใช่ไหม”
“เรียนครับ ที่..เอ่อ..ที่เดียวกับคุณพู่"
“คณะเดียวกับชมพู่เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เพื่อนกันสินะ ยังนึกว่าจ้างใครมาหรือเปล่า”
“คุณชวินรู้ด้วยเหรอครับว่าคุณพู่เรียนคณะไหน” ผมเหงื่อแตกซิก
“ไม่ได้อยากรู้หรอก ผู้ใหญ่ร่ายประวัติให้ฟังมันผ่านๆ หู”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงมานัดเดทครับ” ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ผมเลยอดถามไม่ได้ คุณชายหมอเป็นที่ต้องการของ
สาวๆ มากครับ จะหาผู้หญิงดีๆ ที่คู่ควรไม่ได้ยากอะไรเลย
“เรื่องอะไรฉันถึงต้องบอกนาย” หน้ายังยิ้มแต่คำพูดสุดกวน นี่ใช่คุณชายหมอจริงหรือเปล่า แต่เห็นแบบนี้ยิ่งดูเท่ห์เข้าไปใหญ่
“ไม่ถามก็ได้ครับต้องดุด้วย ผมก็แค่สงสัยหมอวินออกจะดังในมหา’ลัย ผมเลยไม่คิดว่าจะมีความจำเป็นต้องมานัดบอด”
“รู้จักฉันมาก่อน?”
อ้าวกรรม ผมเผลอหลุดปาก ทั้งเรียกหมอวิน ทั้งเรื่องความดัง
“ครับ” มุสาไม่ได้ครับ เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องตอบตามตรง
“ผู้ใหญ่อยากให้เจอกัน ฉันก็ไม่ได้คบใคร ไม่จำเป็นต้องขัด มาแล้วจะได้จบๆ ไปไม่ต้องร้อนหู”
ผมอยากตบมือให้จริงๆ ครับ ไม่เหมือนคุณพู่เลย ขานั้นทั้งทะเลาะกับคุณป๊า ทั้งอาละวาดกับเพื่อน แถมยังคิดแผนการ
สารพัดที่จะไม่ต้องมา
“โอ๊ะ ผักชี” ผมมองหมูตุ๋นหม้อดินที่พนักงานยกมาเสิร์ฟ รีบขยับมันมาใกล้ๆ ตักผักชีทั้งหมดที่โรยหน้าอยู่ออกมาใส่ไว้ใน
จานแบ่งของผม
“ทานได้แล้วครับ” ผมดันหม้อดินใบเล็กไปไว้กลางโต๊ะตามเดิม คุณชายหมอไม่ชอบทานผักชี ผมไปนั่งทานข้าวกลางวันที่
โรงอาหารคณะแพทย์ฯ บ่อย ก็ไปแอบดูคุณชายหมอนั่นแหล่ะครับ บางทียังโชคดีได้นั่งโต๊ะเดียวกัน แต่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
ผมมั่นใจว่าคุณชายหมอไม่มีทางจำผมได้
“รู้ด้วยเหรอว่าไม่ชอบผักชี” ทำไมผมชอบหาเรื่องให้ตัวเองแบบนี้ งานนี้ไม่อยากมุสาก็คงต้องตัดใจทำเสียแล้ว
“หมอวินก็ไม่ชอบเหมือนกันหรือครับ ผมนึกว่าผมไม่ชอบคนเดียว”
“งั้นเหรอ”
“ครับ” ผมแอบกลืนน้ำลาย รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลยที่ต้องโกหก
“นึกยังไงถึงมาแทนชมพู่” ช้อนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากชะงัก
“คุณพู่ขอให้มาครับ ให้มาส่งข่าวบอกหมอวินว่าจะไม่มา” พูดไม่หมดไม่ถือว่าโกหกนะครับ เขาเรียกว่าเก็บไว้ในใจ
“แล้วหมอวินนึกยังไงถึงยังอยู่ต่อครับ”
“ไม่รู้สิ เห็นหน้าแล้วสงสารมั้ง” ผมรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทั้งสองข้าง
“หน้าผมมันเป็นยังไงเหรอครับ”
“เหมือนหมานั่งรอเจ้าของโยนของเล่นให้”
หมานั่งรอเจ้าของ ผมกะพริบตาปริบๆ ผม หมา หมา ผม
“ผมไม่ใช่หมา”
นอกจากเป็นมหาของเพื่อนแล้ว ผมยังต้องมาเป็นหมาของคุณชายหมออีกเหรอครับ เขียนเหมือนกันแต่แค่สลับตำแหน่ง
นิดเดียว จาก มหา กลายเป็น หมาทันที โธ่ ชาตินี้ผมจะได้เป็นอะไรที่มันดูดี ทันสมัยกับคนอื่นเขาบ้างไหม
“หมาไม่ดีตรงไหน มันซื่อสัตย์ รักเจ้าของ อาจจะดีกว่าคนบางคน”
“หมาวิน อุ๊บ...” ผมสาบานว่าผมไม่ได้ตั้งใจ แค่ฟังแล้วมันเคลิ้มตาม
“พูดว่าอะไรนะ” ดวงตาสีเข้มหรี่ลงท่าทางเอาเรื่อง อะไรเล่าตัวเองเป็นคนพูดเอง พอผมพูดบ้างทำเป็นมาจ้อง
ไม่ได้กลัว แต่มันเขิน
“พ..พูดว่า หมามันน่ารัก หมอวินก็น่ารัก”
“น่ารัก?”
กรรม ยิ่งพูดยิ่งผิด ทำไมคนหล่อพูดอะไรก็ดูดี ทำไมผมพูดอะไรก็กลายเป็นหาเรื่องเข้าตัวตลอด
“ครับ น่ารัก คนหล่อไม่จำเป็นต้องเท่ห์อย่างเดียว น่ารักบ้างก็ได้ครับ” เมื่อพูดไปแล้วเราต้องยืนยัน ยืนหยัดให้ถึงที่สุด
“ขอบใจที่ชมว่าหล่อ แต่เก็บคำว่าน่ารักไว้ใช้เองเถอะ”
“ผมไม่น่ารัก สู้หมอวินไม่ได้หรอกครับ”
“จะดราม่าเหรอ?”
“หือ? อะไรนะครับ” ผมมองหน้าหมอวินงงๆ
“ที่พูดเมื่อกี้”
“อ้อ เปล่าครับ" ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมทั้งไม่หล่อ ไม่น่ารัก ผอมก็ผอม เล่นกีฬาก็ไม่เก่ง หัวก็ไม่ดีต้องอาศัยความขยันเอา
ฐานะก็ธรรมดามาก ถึงบอกว่าอะไรที่หมอวินมี ผมขาดเกือบหมดครับ แต่ผมก็พอใจ
ผมยิ้มให้หมอวิน คนอย่างผมพอเพียงครับ ไม่อาจหาญไปเทียบกับคุณชายหมอหรอก ผมถึงไม่เคยกล้าไปทำความรู้จัก
ได้แค่มองแบบนี้ก็มีความสุขมากแล้ว
“ทานเถอะครับ อาหารเย็นหมดแล้ว “ หมอวินไม่ชอบทานเย็นๆ ครับ แต่ไม่ใช่ว่าทานไม่ได้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้
ผมรู้ด้วยตัวเอง ค่อยๆ สังเกตไปทีละนิด ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จากต้องจดบันทึกเอาไว้ จนจำได้ขึ้นใจ
“นิว”
“ครับ”
“รับ” คุณชายหมอโยนมือถือของตัวเองข้ามโต๊ะมาให้ผม
“อะไรครับ” ผมมองโทรศัพท์ในมือ
“บันทึกเบอร์มา”
ผมมองโทรศัพท์ในมือ ก่อนตัดสินใจส่งคืนให้คุณชายหมอ
“หมายความว่ายังไง”
“ผมไม่อยากให้ครับ เจอกันแค่นี้ก็พอแล้ว”
ก่อนมาผมก็ตัดสินใจแล้วว่ามันต้องแลกกัน ถ้ามาก็คงแอบมองใกล้ๆ ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มาก็จะเสียโอกาสนี้ไป
ผมเลือกที่จะมา และเปลี่ยนไปมองจากที่ไกลๆ แทน
“ไม่ได้ขอแต่สั่ง”
“หา?”
“จะพิมพ์เอง หรือจะให้ค้นโทรศัพท์ในตัว” คำพูดเรียบๆ แต่หน้านิ่งๆ นั่นบอกผมว่าหมอวินเอาจริงแน่ๆ
“ครับ พิมพ์ครับ” ผมยอมพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ตัวเองให้แต่โดยดี เอาเถอะอย่างหมอวิน เดินออกจากห้างไปวันนี้ก็คงลืมผมแล้ว
“นี่ครับ” ผมส่งโทรศัพท์คืนให้กับหมอวิน
“โทรไปรับด้วยล่ะ อย่าให้ต้องบุกไปหาถึงคณะ...เกษตรใช่ไหม” หมอวินเว้นช่วงให้ผมใจหายใจคว่ำเล่น
หมอวินผู้มีรอยยิ้มดุจคุณชาย ท่าทางสุภาพเป็นผู้ใหญ่ ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผมควรจะรู้สึกเหวอ รับไม่ได้
นี่ไม่ใช่ผู้ชายที่ผมชอบ มันควรจะเป็นอย่างนั้นแต่กลับไม่ใช่ ผมรู้สึกใจเต้นแรง คล้ายตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ซ้ำๆ
รอยยิ้มร้ายๆ ดึงดูดให้ผมมองอยู่อย่างนั้นไม่อาจละสายตาได้
“ใช่ไหม”
“คะ..ครับ”
“ดี ทีนี้ก็ทานได้แล้ว เลิกจ้องฉันเสียที”
“ครับ ครับ” ผมรีบก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวเข้าปากแทบจะลืมตักกับข้าว จนคนที่นั่งตรงข้ามถอนใจออกมาดังๆ
“ช้าๆ เดี๋ยวก็ติดคอ เอ้าทานนี่ อร่อยดี” คุณชายหมอเลื่อนจานให้ผม ในบุคลิกใหม่ที่เพิ่งได้รู้จักยังคงแฝงไว้ด้วย
คุณชายหมอแบบที่ผมชื่นชอบ
++++++++++++++++++++++
“จะไปไหนต่อ” คุณชายหมอถามเมื่อเดินออกจากร้านอาหารกันแล้ว
“กลับครับ” ผมนึกไม่ออกว่าเราจะทำอะไรกันต่อ เวลาผ่านไปสี่ชั่วโมงกว่า แค่นี้มันก็นานเกินกว่าที่ผมหวังไว้
“อืม ตามมา”
“ตาม..จะไปไหนครับ” ผมวิ่งตามคนที่เดินนำไปลิ่วๆ บอกให้ตามแต่ไม่รอกันบ้างเลย
“จะกลับไม่ใช่เหรอ จะไปส่ง”
“หา!! ไม่ต้องครับผมกลับเองได้”
คุณชายหมอไม่พูดอะไร แต่หยุดยืนกะทันหันทำเอาผมชนเต็มแรงเพราะรีบเดินตาม
แขนแข็งแรงโอบรอบเอวของผมไว้กันไม่ให้ล้ม
“ซุ่มซ่าม”
“ผมไม่ใช่คนที่หยุดกะทันหันนะครับ”
“พูดว่าอะไร?”
“ช่างเถอะครับ ถ้าอย่างนั้นผมกลับเลยนะครับ ขอบคุณสำหรับวันนี้” ผมยกมือไหว้คุณชายหมอหนึ่งที
ตามมารยาทอันดีที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา
“ดื้อ”
คุณชายหมอพูดคำเดียวจริงๆ ก่อนจับแขนผมลากให้เดินตาม ไม่สนใจว่าผมจะปฏิเสธแค่ไหน
ลงท้ายผมก็ต้องมานั่งข้างคนขับอยู่ในรถสปอร์ตคันหรูจนได้
“บอกทางสิ”
“ครับ” การเรียนรู้สอนผมว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้น อีกอย่างการได้นั่งรถที่คุณชายหมอขับสักครั้ง
ไม่ใช่เรื่องที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดหรือ ถึงแม้จะเจียมตัวแค่ไหน แต่เวลาแบบนี้ผมก็อดดีใจไม่ได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ที่นี่เหรอ” คุณชายหมดชะโงกมองผ่านกระจกหน้ารถ ดูแปลกใจมากที่ผมให้มาส่งที่วัด
“ครับ ผมพักที่นี่”
“เป็น...” คุณชายหมอคงตัดสินใจไม่ถูกว่าผมเป็นอะไร ถึงหยุดคำพูดไว้แค่นั้น
“เป็นหลานหลวงลุงครับ มาอาศัยวัดอยู่เพราะเข้ามาเรียนมหาลัย หรือจะเรียกว่าเด็กวัดก็ได้ครับ”
“อืม”
“ขอบคุณครับ” ผมปลอดสายเข็มขัดนิรภัยออก เตรียมจะเปิดประตูลงรถ แต่คุณชายหมอไวกว่า
กระตุกมือผมจนเซเข้าไปหา
“ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปนายมาเป็นเด็กฉัน”
“เด็ก? แปลว่าอะไรครับ” ผมไม่เข้าใจที่หมอวินพูดเลยสักนิด เด็กอะไรกัน
“เด็กวัดทำอะไรนายก็ทำแบบนั้น ถือของ เดินตาม ฟังคำสั่ง”
“แต่เด็กวัดไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“นิว” น้ำเสียงลงหนักเหมือนไม่พอใจที่ถูกขัดใจ
“ลงรถไปได้แล้ว”
“ครับ” ผมลงรถมาอย่างงงๆ ยังไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ทีลงมานี่ก็เพราะโดนไล่ ความจริงยังอยากคุยให้รู้เรื่อง
แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว เพราะทันทีที่ผมปิดประตูรถ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสนิทดีหรือเปล่า รถสปอร์ตคันหรูก็วิ่งลิ่วออกไป
เฮ้อ แล้วเดี๋ยวผมควรจะเล่าให้คุณพู่ฟังยังไงดี อะไรๆ มันก็แปลกพิลึก
มีอย่างเดียวที่ไม่แปลกคือความรู้สึกชอบหมอวินของผม ที่ก่อนวันนี้เคยมีมาอย่างไร
จนถึงเมื่อกี้ตอนที่ผมโดนถีบลงมาจากรถ มันก็ยังคงอยู่อย่างนั้น
เฮ้อ ช่างมันเถอะ หลับสักตื่น พรุ่งนี้ผมคงคิดออกเอง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
**เรื่องนี้จะลงประมาณสองวันครั้งนะคะ Darin ♥ FANPAGE