ตอนที่ 1“ ดูแลตัวเองดีๆนะหยุ่น.. แล้วแม่ถึงบ้านจะโทรมาหา " คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินในวันนั้น ยังคงดังก้องหู ใต้หอพักที่ดูภายนอกจัดว่าค่อนข้างดูดี โทนสีน้ำตาลดูอบอุ่น ตึกห้าชั้นเป็นหอพักที่ผมเองก็ย้ายเข้ามาอยู่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาเรียนกรุงเทพ
เป็นเด็กต่างจังหวัด ผมเป็นภูเก็ต เกิดที่นั่น ไม่เคยไปไหนยกเว้น ครอบครัวจะพาไป โลกแคบติดคอมสุดชีวิต แต่ต้องมาเรียนมหาลัยที่นี่ ความจำเป็นที่ต้องยอมรับ กับสิ่งที่ไม่ชอบเอาซะเลย
เมืองกว้างที่เราเองก็ไม่รู้จักกับอะไรเลย.. กรุงเทพมหานคร
ติ๊ด. เสียงกดเปิดประตู ผมหันไปยิ้มให้กับพนักงานที่มาทำงานตอนเช้า หน้าตาตกใจของเธอแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหมือนผมจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงสัย
“ ขอโทษนะค่ะ..น้องห้อง 409 รึเปล่าค่ะ ที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน” น้ำเสียงดูใจดี ทำให้ดูแล้วอยากจะตอบสิ่งที่เธอถามออกไป
“ ใช่ครับ..”
“ น้องชื่ออะไรค่ะ พี่จะได้จำเอาไว้..”
“ หยุ่นครับ..” ตอบก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเธอที่ก็พยักหน้าเข้าใจ " แล้วพี่ละครับ "
“ พี่บีค่ะ..ดูแลที่นี่ มีอะไรถามได้นะค่ะ ”
บทสนทนาสั้นที่เราพูดกันเป็นเหมือนคำทักทายแรกที่ได้ทำความรู้จักใครสักคนเป็นคนแรก.. นี่เป็นวันเปิดเทอมแรก แม้จะไม่ใช่วันแรกที่ได้เจอเพื่อนร่วมชั้นเพราะเจอกันแล้วตั้งแต่วันปฐมนิเทศ..แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องไปมหาลัยตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้ทั้งๆที่เรียนบ่ายโมงแต่ไปตั้งแต่ สิบโมง.. ตื่นเต้นไปรึเปล่าว่ะกู
แต่มันก็เป็นแบบนี้ทุกคนไม่ใช่เหรอไง.. มีคนบอกว่า กรุงเทพรถติด ถ้าอยากจะไปตรงเวลาก็ต้องเผื่อเวลาไปมากๆ แบบนั้นมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ.. ท่าทางกูจะดูเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงมั๊ยว่ะ..
“ อ่าใช่..กูนี่เหละ บ้านนอก" ยกคิ้วกับตัวเองแบบนั้นทั้งๆไม่รู้อะไรทั้งนั้นตอนที่เดินออกมาจากหอพักอย่างมั่นใจ วันรับน้องแม่ก็เสือกจัดการพาไปส่งที่มหาลัยแล้วก็รับกลับ เลยไม่ได้รู้อะไรเลยว่าอะไรไปทางไหน คุณนายแกไม่เสือกบอกหรืออยากให้รู้อะไรสักอย่าง ตอนจะกลับได้แต่ยิ้มๆทำท่าเหมือนจะร้องไห้แล้วนั่งรถตู้คันที่เหมามานั่นกลับบ้านไป
ตอนนี้เลยต้องไปวกกลับไปถามพี่บีอีกครั้งด้วยซ้ำไปว่า " ถ้าจะไปมหาลัย..นี่..ไปยังไงเหรอครับ "
“ แล้วรถไฟฟ้านี่ไปสถานนีไหน ก็ไม่บอกอีก " เอาเข้าไป..ส่ายหัวรัวกับตัวเองก่อนจะเดินสุ่มไปยังช่องขายตั๋วที่มีใครบางคนกำลังตั้งใจกับการนับเหรียญสิบ เขาจัดเรียงมันใส่กระบะสีดำดูเหมือนตั้งใจทั้งๆที่ปากก็คุยกับใครอีกคนไปเรื่อย " ขอโทษนะครับ "
“ ครับ..”
“ จะไปมหาลัย..นี่ ต้องลงสถานทีไหนครับ "
“ เอกมัยครับ " เขาตอบ แต่ผมก็นิ่ง สายตาเราจ้องกัน รู้สึกเหมือนว่าใครคิดอะไรขึ้นได้ก่อนคนนั้นจะชนะ " 25 บาท "
“ ครับ " ยื่นเงินให้ก่อนที่เค้าจะก้มหน้าลง แสงสว่างจ้าขนาดนั้นเลยทำให้รู้ว่าต้องแอบยิ้ม
เกลียดจริงๆเลย ไอ้เหี้ย ที่กูต้องมา เผยไต๋ว่าตัวเองควายตั้งแต่วันแรกที่ก้าวออกจากหอพัก
..เกลียดโคตรเหง้าที่เม่ง ต้องเป็นแบบนี้ เสียหน้าสาดๆ เพื่อนเหี้ยก็เสือกได้เรียนมหาลัยดีของประเทศกันหมดทิ้งกูให้มารับทุนเรียนอยู่ม.เอกชนคนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่ชอบเลยว่ะ คนที่ชอบยิ้มพอเห็นกูโง่ หัวเราะพอกูไม่รู้เรื่องอะไร
“ น้อง จะใช้บัตรโดยสารแบบนักศึกษารึเปล่า บัตรแรทบิท สำหรับนักศึกษา " รอยยิ้มที่พยายามฝืนๆอธิบาย โดยที่ไม่ได้มองเลยว่าคนฟังหน้าตึงเหมือนฉีดโบท๊อซ์ไปแล้ว " มันถูกกว่านะ..เที่ยวนึงตก 18 บาทเอง ถ้าน้องใช้บัตรปกตินะ ตั้ง 25 บาท จะได้ไม่ต้องต่อคิวซื้อด้วย "
สรรพคุณระดับพารา เม็ดเดียวรักษาทุกโรค ปวดหัว ปวดท้อง ปวดฟัน.. แน่ใจหรือว่านี่คือบัตรโดยสารรถไฟฟ้า แต่ก็ซื้อมาหนึ่งใบ มีค่าประกันบัตร.. ไร้สาระชิบหาย รับมาแบบงงๆ ทั้งๆที่ในมือมีอีกหนึ่งใบ เดินมึนมาตรงเหลื่ยมๆสามอัน ป้าคนนึงท่าทางรีบร้อนเอากระเป๋ามาถูด้านบน สามเหลี่ยมสองอันนั้นที่กั้นทางมันก็เปิดออกเค้าวิ่งออกไป มาที่อีกคนสอดบัตรเข้าไป มันเด้งขึ้นมาแล้วก็หยิบมัน แล้วเดินเข้าไป..
เดี๋ยว แล้วของกูมันแบบไหนละว่ะ ยากว่ะ..เม่ง! คือกู.. ต้องเดินให้ทันไอ้หนีบนั่นแล้วมันจะหนีบกูรึเปล่า ถ้าหนีบ ยืนตรงหรือหันข้างให้เม่งว่ะ มันถึงจะเจ็บน้อยๆหน่อย แล้วบัตรในมือสองอันนี่ ใช้ยังไง.. เอาไปถู หรือ เอาไปสอด.. วิ่งลงชั้นล่างตรงเข้าหอไปถามพี่บี คนนั้นก่อนได้มั๊ย.. เหี้ยแล้วไง
สายตาจากตู้แก้วจ้องมองเหมือนกำลังแอบดูว่าจะทำยังไง.. ไร้หัวใจบริการ เห็นความโง่ของกูเป็นเรื่องตลกสินะมึง ใจกล้าและหน้าด้าน.. นึกถึงคำพูดนี้ของไอ้ปอไว้ แต่กูเกลียดอะไรพวกนี้จริงๆ เลยเม่งงงงงง กูเกลียดที่กูต้องง้อ กูเกลียดที่กูต้องกล้า เริ่มทำอะไรเป็นครั้งแรกด้วยตัวคนเดียว กูเกลียดดดดด
“ ป้าครับ มันใช้ยังไงอะ..” ถามออกไป ป้าที่ใส่ชุดยามสักประมาณสี่สิบต้นๆก็พูดออกมาด้วยความใจดี ว่าแบบที่ซื้อทีแรกนะ มันบัตรโดยสารแบบแรก ใช้สอดเข้าไปแล้วดึงออกไป เดินผ่านไป ส่วนอีกใบก็เอาไปทับตรงเครื่องถาดสีน้ำเงินมันจะเปิดให้เอง ตอนออกก็ทำแบบนั้นที่สถานทีปลายทาง
“ ใช้แบบเที่ยวเดียวไปก่อนก็ได้หนู "
“ ครับ "
และแล้วก็ ผ่านมาได้.. โดยไม่โดนหนีบ
“ แล้ว.. ทำไมมันมีสองทาง " หันซ้ายมันบอก ไปแบริ่ง หันขวา ไปหมอชิต.. เปล่า กูจะไปเอกมัย.. แต่ทำไมมันไม่มีป้ายบอก.. ควายแล้ววว !! เค้าบอกทางกูผิด แน่เลย
ยืนคิดอยู่ตรงนั้น เดินไปรอบๆ กลั้นใจไม่โชว์โง่ถามใครๆเหมือนแต่ก่อน ตรงดิ่งไปที่ป้าย สูงๆ ตั้งอยู่บนพื้น เหมือนกับฝังจุดจอดรถไฟเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นเลย .. แต่แค่ กูดูๆแล้วไม่เข้าใจมันก็เท่านั้นละ.. ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ... ขำไม่ออกว่ะ คนที่นี่ก็เสือกน้อยอีก ทุกคนเลยหันมาจับจ้องกู เป็นของแปลกและตลก
“ จะไปไหนเหรอ "
“ ไปเอกมัยครับป้า แต่ผมไปไม่เป็น เพิ่งมาจากต่างจังหวัด " สารภาพ กูโง่มาก..และไม่อยากจะอับอายไปมากกว่านี้ คนทำความสะอาดที่กำลังให้กำลังใจช่วยกู ถูกำแพงบีทีเอสไปยิ้มไป แล้วยังมีพนักงานขายตั๋วที่สรรพคุณเหมือนยานั่นอีก .. มึงยิ้มและหัวเราะ.. แต่ไม่มีใครเสนอตัวเข้ามา เป็นฮีโร่ช่วยกูสักคน
“ ไปทางนี้.. ไปทางหมอชิต.. เห็นมั๊ย จะสอนให้นะ ถ้าเราจะไปตามเส้นนี้ สมมุติจะไปบางนา ก็ขึ้นตรงที่มันเขียนว่า ไปแบริ่ง แต่ถ้าจะไปอีกเส้นนึง คือเส้นที่หนูจะไป คือเอกมัย มันจะไปสุดท้ายที่หมอชิต ก็ขึ้นไปทางนี้ "
“ หมายความว่าจะไปไหน ก็ดูที่สุดสายของมัน อ่านป้ายจากตรงนั้น มันจะจอดเหรอครับ "
“ จอดสิ.. จอดที่มันเป็นวงกลม " เธอชี้ตรงวงกลมให้ผม
“ แล้ว..ไปมหาลัย..นี่ ไปยังไงเหรอครับ แบบพอถึงแล้วนะ "
“ อ๋ออออออออออ ป้าก็ไม่รู้หรอก "
“ อ้าว..” สลดไปสามวิ พร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน แล้วจะอ๋อยาวทำซากอ้อยอะไรว่ะ
“ ไปเถอะ ค่อยไปถามปลายทางเค้าก็ได้ เดี๋ยวเค้าก็บอกเองละ ”
ใช่..ให้กูไปโชว์โง่ ยามเช้าเป็นตลกแทนน้ำเต้าหู้ให้สถานีปลายทางเค้าดูอีกทีสินะ.. ป้าเม่ง.. ก็ไม่ต่างอะไรกับ คนอื่นเลยว่ะ
ขึ้นรถบีทีเอสครั้งแรก ยืนรอสักสิบนาทีมันก็มา วิ่งมาอย่างเร็วแล้วจอดตรงหน้า ก้าวยาวกลัวก้าวพลาดแล้วตกลงไป เข้าไปยืน..สิ่งแรกที่รู้สึก.. เย็น .. แอร์เม่งเย็นมากกกกก ตื่นเต้นว่ะ แล้วก็ยืนนิ่งจนได้ยินเสียง ติ๊ดๆ..ประตูปิดลงรถเริ่มเคลื่อนออกไป ตัวเซนิดนึงตอนออกตัว คว้าราวเอาไว้ทัน ถอนหายใจโล่ง... โชคดี คนน้อย.. ไม่มีใครสังเกต ความโง่ของอีบ้านนอกคนนึง
เสียงประกาศ.. ได้ยินมา..สองครั้งแล้ว อ่อนนุช และ พระโขนง.. กำลังรอ หันซ้ายดูขวา ประตูมีสองทาง จะเปิดด้านไหน ขวา หรือ ซ้าย ยืนอยู่ตรงกลาง จะได้รีบพุ่งออกไปทัน กลัวประตูหนีบ ถ้าขืนช้า.. ช่วงเวลาระทึกขวัญสั่นประสาท
สถานนีต่อไป เอกมัย เอกมัย เน็ก สเตชั่น..เอกมัย..
ประตูเปิดทางด้านซ้ายเหมือนที่เคยเปิดมา พุ่งตัวออกไป ถอนหายใจเฮือกใหญ่...แล้วกูต้องไปทางไหนต่อ ก้มหน้าลง เดินลงบันไดตามคนอื่นเค้าที่ไม่รู้จะทำไปทำไมตั้งสองสามอัน ทำเพื่อให้คนโง่สับสนแท้ๆ ระหว่างเดินลงมามีป้าย ป้ายที่บอกว่าต้องไปออกสถานีไหนบ้าง.. ป้ายที่แอบอ่านด้วยความเร็ว แต่เป็นป้ายที่.. ไม่บอกเลย ว่ามหาวิทยาลัยนี่.. ไปทางไหน พ่อง! สถานที่สำคัญแบบนี้ทำไมมึงไม่บอกละ ควายยยยยยย
ยืนนิ่ง.. ตรงป้ายบอกทาง ทำหน้าเซง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก..อารมณ์ดีมาแต่ไกล หันไปมอง.. เข็มสีดำ กระโปรงสั้น แต่งหน้าจัด.. เลยเดินตามเค้าไป สถาบันเดียวกันแน่.. ไปไหนก็ไปด้วยเลยละกัน เขาทาบบัตรลงไปแล้วออกไปพร้อมๆ กันกับเช่นกันกับเราที่สอดบัตรเข้าไปแล้ว .. ก็ยืนรอ..
สองวิ..เข้าไปแล้ว สาม สี่ และ ห้า.. คนด้านหลัง เริ่มสังสัย เอียงหน้าถาม
“ ทำไมไม่ออกไปครับน้อง..”
“ บัตรผมมันยังไม่ออกมาเลยครับพี่ " ตอบออกไป เค้ายิ้มเหมือนกลั้นหัวเราะเอาไว้
“ สถานีปลายทาง มันไม่ต้องรอเอาบัตร ออกไปได้เลยครับ " เขาบอกก่อนจะทาบบัตรของเค้าให้เราออกไป ยืนมึนจนไอ้ที่หนีบนั่นปิดลงไป หน้าแดงถึงหู อายจนต้องกัดฟัน ตรงหน้าสองสาวที่จะตามไป หันมาซุบซิบและหัวเราะ..
มึงไม่สวยแล้ว เหี้ยยย ไปไกลๆ ส้นตีนกูเลยแสดดดดดดดดดด แล้วทำไม ไม่บอกกูว่า สถานีนี้มันติดกับคอนโด ห้าง โรงหนัง แถมยังเป็นสถานีที่ใกล้ มหาลัย.. ทำไม.. ถึงไม่มีใครบอกกู. คนเยอะแบบนี้ อายแทบจะมุดดินหนี เหี้ยเอ้ย
รีบเดินขาเกือบพลิก วิ่งลงบันไดฝั่งตรงข้ามบันไดเลื่อน หายใจหอบเจอคิวมอเตอร์ไซต์วิน คนยืนต่อคิวกันหกเจ็ดคน หันไปเจอป้าย มหาลัย.. 20 บาท ขอบคุณพระเจ้าที่เขียนบอกทางมา หยิบเงินจากกระเป๋าตังค์มาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ยืนมองนู้นมองนี่ไปเรื่อย
รอบข้าง ขวารถติด ข้างหลังมีห้างแล้วรถก็ติด ส่วนซ้ายก็มีคอนโด.. คอนโดหรูสูงจนเหงยหน้ามองจนคอเคล็ด ป้ายที่บอกว่ามีอะไรบ้าง ร้านกาแฟแพงที่ชอบกินอยู่ที่นี่ นอกนั้นก็สถาบันเสริมความงามทั่วไป ที่น่าสนใจคือ ห้างมีแมวญี่ปุ่นตัวใหญ่ อยากถ่ายรูป มองแล้วยิ้มๆ ก่อนจะถึงคิว
“ ไปมหาลัย..ครับ " บอกไปแล้วขึ้นไปนั่ง สายตาไม่ได้จดจ้องอะไร ที่ตื่นเต้นเม่งมีมากกว่านั้น ขับรถเร็ว ขึ้นฟุตบาท หลบหลีกเวลาคนเดิน ได้ยินเสียงด่าไล่หลัง และที่สำคัญ กลิ่นเค็มของต้นคอพี่วินที่นอกจากดำแล้วยังเป็นแข็งจนต้องกลืนน้ำลาย
จอดตรงด้านข้างเหมือนวันที่แม่มาส่งเดี๊ยะๆ ยื่นตังให้เดินเข้ามหาลัย ยกนาฬิกาขึ้นมาดู เที่ยงสิบนาที.. กูโง่บนบีทีเอส สองชั่วโมงกว่า อีก ครึ่งชั่วโมงเข้าเรียน..
ขอบคุณตัวเอง ที่รู้ตัวว่า ตัวเองนั่นโง่แค่ไหน..
กดโทรศัพท์หาเพื่อนเลย อย่าให้เสียเวลาร้อนตับจะไหม้แล้วเหี้ย ได้ยินเสียงเฮฮาที่พ่นเป็นภาษาอังกฤษนั่นแว่วๆในสาย
“ มึงอยู่ไหนแล้วว่ะ "
“ ในมอ นี่เหละ เพิ่งถึง "
“ มึงกินข้าวยัง "
“ ยัง "
“ มึงมาโรงอาหารก่อนหยุ่นกูกำลังกินข้าวกับไอ้เตอร์อยู่ " พยักหน้าเหมือนมันจะได้เห็นก่อนจะกดวางโทรศัพท์ไป เดินดุ่มๆไปโรงอาหารที่แค่มองจากไกลๆก็ดูรู้ว่าคนเยอะ แต่หาพวกมันหาไม่ยากถึงแม้จะเจอหน้ากันหนเดียวตอนรับน้องก็เถอะ
บอทเพื่อนคนไทยคนแรกในคณะนานาชาติที่ผมกำลังเรียนอยู่ ไม่ได้ฟังผิดไปหรอก.. ไอ้คนโชว์โง่ที่บีทีเอสนะคนนั้นนะ คือผม ที่ได้ทุกเรียนมหาลัยเอกชน ฝ่ายนานาชาติเกี่ยวกับกราฟฟิคมีเดีย เพื่อนที่ส่วนใหญ่ก็คือเด็กไทยแต่มีฝรั่งปะปายมานั่งให้กลุ่มดูมีสีสันด้วยหัวทองๆ
บอท จริงๆแล้ว มันชื่อ โรบอท แต่เม่งโคตรเกลียดชื่อตัวเอง เพราะปัญญาอ่อน เห็นด้วยกับมัน มันบอกว่า ตอนเด็กๆมันชอบเล่นหุ่นยนต์มาก ให้เล่นอะไรก็ไม่เอาทั้งนั้นเล่นหุ่นยนต์อย่างเดียว จากชื่อคีน ก็เลยกลายเป็นโรบอท ไอ้บอทที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ พ่อมันเปิดโรงแรมขนาดกลางที่หัวหิน แต่บ้านเม่งอยู่กรุงเทพ มันเป็นคนเป็นคนผิวสองสีเพราะเม่งชอบกีฬาทางน้ำ มันสูงกว่าผมมาก น่าจะสัก 187 หน้าตามันดูดีจมูกโด่งตาคม ให้อารมณ์เหมือนคนใต้
“ มึงกินข้าวก่อนดิ ข้าวป้าร้านนี้อร่อยนะเว้ย ไอ้เตอร์บอกกู " ไอ้บอทหันมายักคิ้ว ชวนให้มอง ป้าขายข้าวมันไก่ที่มีมากกว่านั้น คือ หมูบด ไก่ทอด พยักแล้วแล้วเดินไปสั่ง ได้ข้าวสวยร้อนๆมาหมูบดชิ้นใหญ่ๆพร้อมน้ำซุปกระดูกร้อนๆหนึ่งถ้วย ถอนหายใจก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าว
“ มึงเซ็งอะไรขนาดนั้นว่ะ "
“ กูเหนื่อย มึงไม่มีวันเข้าใจหรอกว่ากว่ากูจะออกจากหอมานี่ได้ เม่ง กูทรมาณแค่ไหน "
“ ขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ " มันตั้งแขนบนไหล่ผมแต่หันไปคุยกับเพื่อนในคราสที่แม้ไม่สนิทกันเท่าไหร่แต่ก็พอรู้ว่ามากจากส่วนไหนของโลกกันบ้าง
กลุ่มเรามีสามคนตั้งแต่วันรับน้อง ไอ้บอท ผม แล้วอีกคนที่ดูท่าทางว่าจะวิ่งมาด้วยความเร็วแสง ไอ้ไฟ ท่าทางหอบแดกที่ยกมือทักทายคนทั้งโต๊ะก่อนจะตบหัวผมที่กำลังสูบน้ำซุปลงท้อง
“ ไอ้หยุ่นอย่าแดกเงียบ! ”
“ พ่อมึงไอ้ฟายยยยยย เข้าจมูกเลยสาดด " เสียงดังไปหนึ่งยก ไอ้เหี้ยนี่สนิทคนง่ายครับ จากกระทำของมันนี่เหละก็ยอมรับว่ามันเลวไปหน่อยแต่ข้อดีของมันคือ แค่เจอกันวันรับน้องพวกผมก็สนิทกันอยู่สามหน่อ ราวกับว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ไอ้ไฟพ่อมันก็เป็นเจ้าหน้าที่ใหญ่ของสนามบิน มันไม่ค่อยบอกอะไรหรอกเกี่ยวกับครอบครัว บอกแค่ว่าพ่อทำงานในสนามบินส่วนแม่ก็มีร้านขนมตรงย่านคนรวยที่บ้านมันอยู่ ท่าทางที่ไม่คิดจะแซวหรอกว่าพ่อมันขัดห้องน้ำในสนามบิน เพราะทั้งกระเป๋าตังค์ รถที่มันขับ คิดว่าไม่น่าจะไม่ใช่ แต่ท่าทางที่ดูไม่ค่อยสนใจความรวยของตัวเองตังหากที่ทำให้เผลอคิดไป มันไม่ได้สูงนักแต่มันก็ยังสูงกว่าผม น่าจะสัก 178 กะจากสายตา มันขาว ขาวกว่าผมอีก ผิวนี่ก็คุณหนูชิบหาย หน้าตามันดูดีเพราะมีลักยิ้ม เป็นคนที่ยิ้มแล้วหน้าโคตรเหี้ย เพราะมันยิ้มทีกูเสือกต้องยิ้มตาม แต่นั่นละ เจ้าชู้หลอกสัด
“ ฮ่าๆ ไอ้ไฟ ทำไมมาช้าว่ะ เหี้ยย อีกสิบนาทีเข้าเรียนมึงจะแดกทันอะไร " มันหันมองเพื่อนๆที่ทยอยเข้าคราสเรียนไปแล้ว คราสนานาชาติขึ้นชื่อเรื่องการตรงต่อเวลามันเป็นนิสัยติดตัว
“ รถติดนะสิ ไอ้สัด กว่ากูจะออกมาจากแถวบ้านได้กูใช้เวลายังกับไปนอนตรงไฟแดง "
“ อ้าวบ้านมึงไม่ได้อยู่ตรงไฟแดงหรอว่ะ ..” ไอ้บอทว่า มันเอียงหน้าเหมือนไม่รู้จริงๆ " ก็เห็นกลางคืนมึงคลุมโปงอยู่แถวๆนั้น "
“ โธ่สัด.. กูเห็นบ่อยๆกูคิดว่ามึง " ไม่พูดอะไร ให้มันสองตัวนั่งเถียงกันไป ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้น จานที่ไม่ต้องเอาไปเก็บเดินออกไปอย่างมั่นใจพร้อมเสียงด้านหลังที่เอ่ยทักออกมา
“ มึงจะไปไหนไอ้ย่น "
“ กูชื่อหยุ่น ห่า ไปเรียนนะสิว่ะ จะนั่งด่ากันเหมือนพวกมึงทำไม "
“ แล้วมึงรู้รึไงครับ ว่าตึกนะมันไปทางไหน.. “
เงียบ และสุดท้ายก็เดินคอตกไปนั่งเป็นหมาหงอยให้เพื่อนรุมหยิกแก้ม ไอ้สองตัวที่เม่งถูกใจกอดคอเดินนำไปทั้งๆที่ตอนนี้หน้าผมเซ็งสุดๆ ได้ยินไอ้ไฟพูดเสียงดังระหว่างทาง
“ กูว่ามึงควรชื่อฟายยยย มากกว่ากูซะอีกว่ะ ไอ้หยุ่นเอ้ยย "
เออ กูมัน โง่..แต่อย่าให้กูฉลาดนะมึง เม่ง... สาดเอ้ยยยย กูเกลียดตัวเองชิบหายเลยไอ้เหี้ย!!
.........................................................................
“ ตอนนี้เลยเหรอว่ะ.. เหี้ย กูไม่อยากไป " พูดเสียงอ่อน อ้อนวอนมัน เพื่อนผู้ประเสริ์ฐสองชีวิตที่โทรมาวิงวอนเหมือนกูเป็นพ่อที่ต้องไปเยี่ยมลูก เลิกเรียนแล้ว แต่เม่งเสือกรู้อีกว่าคงไม่ไปไหนนอกจากกลับหอแล้วไปนั่งหน้าคอมแล้วดอทเอ
“ มาเลย..” เสียงนิ่ง " กูรอมึง หน้าสยามเซ็นเตอร์ "
วางสายไป ถามกูสักคำมั๊ยว่าไปเป็นรึเปล่า ?.. กูมาเรียนอยู่เดือนนึง กูไม่ไปไหนเลย ยกเว้น หอพัก และ มหาลัย ข้าวยังสั่งให้มาส่งที่หอแล้วเอาขึ้นมาแดกเลย แล้วทำไมไม่บอกกูว่า ลงสถานีไหนนนนนนนนนละ ควายยยเอ้ยย
ถอนหายใจ ไอ้ไฟบอกให้ติดรถมันไปได้จะส่งไปที่ บีทีเอสเอกมัย.. “ ทำไมมึงไม่ไปส่งกูถึงที่เลยว่ะ สัด "
“ เปลืองน้ำมัน " เป็นคนที่จริงใจแบบนี้เสมอเลย
“ มึง..ไอ้ไฟ กูถามจริงนะเว้ย สยามเซ็นเตอร์นี่ สถานีไหนว่ะ "
“ ควายเอ้ย สยามไง ชื่อมันก็บอกอยู่ ไป๊ๆ ชิ้วๆ "
ถูกส่งลงสถานทีเอกมัย ถอนหายใจเซ็งกับเพื่อนที่ยังคงหัวเราะไม่หาย หลังจากที่บอกไปว่าทำไม ถึงไม่อยากมา.. “ กูไม่รู้จะลงทางไหนว่ะ "
" ทางบันไดไงสัด.. “ เป็นคำตอบที่ช่วยได้มากและมาพร้อมเสียงหัวเราะ
ตอนนี้เริ่มใช้ไอ้บัตรสอดนั้นเป็นแล้ว โดนหนีบไปครั้งนึง เพราะมัวกดพิมข้อความ โดนหนีบ จุกไปสามชั่วโมง สร้างเสียงหัวเราะยามบ่ายให้สถานีบางจาก ที่เงียบเหงา
ตอนนี้เกือบเที่ยง คนไม่เยอะ เหมือนตอนเช้าที่ไปเรียน เอาไอพอตขึ้นมาเสียบสายฟังเพลงยืนพิงกำแพงตรงช่องนั้นทางด้านที่เดินเข้ามา เตรียมตัวออกเดินไปเมื่อถึงสถานี สยาม ที่ไอ้ไฟบอกมาเมื่อกี้
ตี๊ดๆ เเสียงปิดประตูทันพอดีที่คนสุดท้ายจะวิ่งเข้ามา เหลือบตามองเขาที่ยืนหอบก่อนจะเดินไปยืนอีกฝั่งนึงของกำแพง ยกยิ้มนิดนึง ว่าไอ้เชี้ยนี่โชคดีชะมัด บุญแล้วไม่โดนหนีบ แต่ก็นั่นละ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ยังคงฟังเพลงต่อไป เพลงที่ชอบ
....................................TBC.....................................
[/color]
สวัสดีค่ะ เราเป็นนักเขียนมือใหม่ ยังไงฝากแนะนำติชมด้วยนะค่ะ
จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาเต็มที่จ้า
