Chapter 1 : น้ำแตกแล้วแยกทาง! [เถื่อนแต่เริ่ม..] ..ผมกึ่งฉุดกึงลากมันออกมา
สายตามึนเมาของผมพยายามซอกซอนหาซอกหลืบเหมาะๆ สำหรับปฏิบัติกามกิจอย่างรีบเร่ง
ทั้งๆที่ริมฝีปากยังคงนัวเนียไม่ห่างกับริมฝีปากของร่างที่คว้ามา
“อืม….ซี๊ดด..ด”
ผมซูดปาก กัดฟัน เพราะดุ้นแข็งมันดุนดันจะออกมาข้างนอกให้ได้
มือแกร่งผมกระชากร่างนั้นยันไปติดกำแพง บดขยี้จูบอย่างตั้งอกตั้งใจ
“อือ..อืมม”
เสียงมันครางในลำคอ ผมหัวเราะหึหึ และจัดการใช้มืออีกข้างบีบดุ้นน้อยที่ทิ่มต้นขาผมอยู่อย่างแรง
“อื้ออ.. ฮึ่ก! แม่ง เบาๆหน่อยสิวะ!”
ไอ้ห่านั่นเปลี่ยนเสียงครางเป็นด่าได้อย่างรวดเร็วจนผมฉุนกึก ปากเสียนักนะมึง
ผมจึงละริมฝีปากแล้วหยุดมองมันเป็นครั้งแรก.. ครั้งแรกนับตั้งแต่ลากๆหิ้วๆกันออกมา
คนมันเจอกันในผับ ไฟวับๆแวมๆ ใครจะมาสนใจพิจารณาหน้าตาท่าทีกันมากมาย เอากันเสร็จก็จบ……
แสงเรืองๆจากไฟถนนสาดต้องใบหน้าขาวซีดที่ตอนนี้แดงก่ำไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าหรืออารมณ์อยากกันแน่
เฮ้ย..
ผมอุทานในใจเบาๆ ไม่ใช่ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนแบบพระเอกนางเอกหนังไทย
แต่เพราะไอ้หมอนี่เต้นกวนบาทาอยู่ในผับและผมไม่ได้นึกพิศวาสมันเลยตั้งแต่แรกเห็นแล้วน่ะสิ
แต่ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่นะ ผมคงจะต้อง..
.
.
“ไอ้ห่านี่ มองอยู่นั่นแหละมึง ถ้ายืนมองแล้วมันเสร็จเอง เค้าจะออกมาเที่ยวกันทำด๋อยอะไรวะ!”
เสียงด่าแหบๆ ดังมาขัดจังหวะความคิดผม จากที่ฉุนอยู่แล้ว จึงยิ่งฉุนเข้าไปอีก
ไอ้เวรนี่ ปากแม่ง.. อย่าพูดอีกเลยมึง
ผมก้มลงประกบปากด้วยทันที เหมือนมันรออยู่แล้ว อ้าปากรับลิ้นผมเข้าไปโดยไม่ต้องลีลาท่ามาก
เออ ก็ดี ผมชอบแบบนี้แหละ ไม่เรื่องมาก แม้ปากมันจะเหลือรับไปหน่อยก็เถอะ
ผมก็ดูดๆเม้มๆเอาไว้อย่าให้มันปล่อยสิงห์สาราสัตว์ออกมาเพ่นพ่านพอแล้ว
“อะ..อา”
ไอ้ห่านั่นครางอย่างกะผันวรรณยุกต์ ทันทีที่ผมไล้มือเข้าไปในเสื้อยืดและบี้ยอดอกเล็กกระจิ๊ดเบาๆ
ผมหัวเราะสมใจ ละปากออกมาหยอดนิดหนึ่ง
“อยากให้กูเอามากนักใช่มั๊ยมึง”
ผมกระซิบเสียงแหบพร่า และมันเหลือบตาขึ้นมามองนิดหนึ่ง
“ไม่จำเป็นต้องมึงหรอก ก็แค่เพราะมึงอยู่ตรงนั้น อะ..อื้อ”
ปากมันวอนจริงๆ ผมจึงบดจูบปากแดงๆเจ่อๆนั่นไปอีกที รวมทั้งกัดมันเป็นการลงโทษ
แต่มันก็ใช่อยู่หรอก ผมกับกลุ่มเพื่อนมาเที่ยวกันในค่ำคืนที่ต้องการปลดปล่อยอารมณ์
แดกเหล้า พี้ยาในผับไปตามเรื่องตามราวของวัยรุ่น(เหลือน้อย)
....แต่คืนนี้ขณะที่ผมกำลังกรึ่มๆ แดกเหล้าไป-แดกเหล้ามา เพื่อนๆแม่งก็หายไปคั่วหญิงกันหมดแล้ว
ผมก็อยากมั่งน่ะสิ ไม่ได้หลงตัวเองอะไรนะ แต่ตั้งแต่เข้ามา สาวๆก็ส่งสายตาเชิญชวนผมเรื่อยๆอยู่แล้ว
ขณะผมกำลังกวาดสายตามองนมตู้มๆทั่วร้าน ก็เห็นไอ้ห่านั่น มันเต้น เต้น เต้น และเต้น.......
เหมือนกับชีวิตนี้แม่งจะไม่ทำอะไรอีกแล้วนอกจากดิ้นกระแด่วๆคลอเสียงเพลง
ผมหมั่นไส้ นึกอยากเอาน้ำสาดมันซะ แต่ก็ละสายตาไปจากมันเสีย มองนมกับก้นอวบๆของสาวๆสบายใจกว่า
แม้ผมจะชายก็ได้หญิงก็ได้ และเคยรุกจนเรียกเสียงครางมาได้จากทั้งสองเพศ แต่ผมชอบผู้หญิงมากกว่า
แลh;อีกอย่างหน้าตาหมอนั่นก็ไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดใจอะไรผมได้เลย
แต่ด้วยนรกชังหรือสวรรค์แกล้งห่าเหวอะไรก็ไม่รู้
พอเมาเต็มที่ผมจึงไปดิ้นอยู่กับมันและคนอื่นๆ ที่วาดลีลากันอย่างกิ้งกือ ไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกนั่น
เต้นไปก็เสียดคนนี้ที สีคนโน้นที จนในที่สุดเจ้าน้องชายผมทนไม่ได้ มือผมจึงคว้าออกมาคนหนึ่ง ด้วยความอยากเสียน้ำเต็มที
“อา..อา”
มันร้องคราง ตัวอ่อนระทวยเมื่อผมสอดมือไปข้างหลังระหว่างก้นมันกับกำแพงและลงมือบีบเคล้นบั้นท้ายนั่น
ดีว่ามันนุ่มมืออยู่ ไม่งั้นผมคงเสียใจที่จากสาวนมตู้มกลายเป็นตูดไอ้หนุ่มปากเสียนี่แทน
“หอกเอ้ย อย่าบีบตูดกูสิวะ”
มันพยายามเอามือไขว้มาข้างหลังเพื่อรั้งมือผม
“ปากหมาอีกแล้วนะมึง”
ผมด่ามัน ก่อนที่จะใช้สองมือยกก้นมันขึ้น หลังชิดติดแน่นกำแพง ขาลอยจากพื้น
“เหวออ ไอ้..”
สงสัยมันคงกลัวจะหล่นพลั่กลงพื้นแบบหลังครูดกำแพง จึงเอาขาเกี่ยวเอวผมไว้ และเกาะไหล่ไว้มั่น
“หึหึ..”
ผมหัวเราะเยาะมันและทำหน้าเหยียดๆ ขณะถูไถเป้าตัวเองที่ตอนนี้แนบสนิทกับของมันแล้ว
แม้มันจะเม้มปากกับหน้าเหยียดๆของผม แต่ใบหน้าแดงซ่านนั่นก็เหยเกทันทีที่ผมเอาเป้าแข็งเข้าไปเสียดสีอย่างรุนแรง
เสียงครางซี๊ดซ๊าดบ่งบอกถึงอารมณ์ดังออกมาเบาๆ
“ชะ..เชี้ย มึงจะถูให้เลขขึ้นเรอะไงวะ!?”
มันร้องประท้วง
ผมหัวเราะหึหึอีกที แล้วจัดการปล่อยมันลงและบรรเลงซักที
ปกติผมไม่ใช่ผู้ชายมีอารมณ์ละเมียดละไมมามีบทโอ้โลมอะไรมากมาย เน้นให้รีบๆเสร็จ แล้วต่างคนต่างไปเลยดีกว่า
ตามสโลแกนน้ำแตกแล้วแยกทาง..ที่ชอบใช้ และคราวนี้ก็เช่นกัน..
ผมจับมันหันหน้าเข้ากำแพง ถอดกางเกงยีนส์สีซีดที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ออก
เอามือบีบเคล้นก้นมันแรงๆอีกทีก่อนถอดปราการชิ้นสุดท้าย แล้วหันมาจัดการกับกางเกงตัวเอง ดึงกางเกงในลงและฉีกถุงยางสวมสอดเข้ารวดเร็วอย่างชำนาญมือโดยไม่ต้องถอดเสื้อเลย เพราะผมไม่ทำอะไรกับท่อนบนอยู่แล้ว นมเนิมมันก็ไม่มี
น้องชายที่ชี้ชี้เด่ของผมค่อยๆถูกไถช่องทางด้านหลังนั่นช้าๆ เสียงครางปลุกอารมณ์ชั้นดีอยู่ตรงหน้า
แต่ยิ่งผมถูก็เหมือนไอคนข้างหน้ายิ่งพยายามขยับก้นหนี
ผมจึงจับบั้นท้ายนั่นไว้มั่น นิ้วเน้อวอะไรก็ไม่ได้สอดใส่ก่อนทั้งนั้นกะเอามังกรน้อยลูกพ่อยัดเข้าไปเลยไม่ให้เสียเวลา
แต่ไอ้ก้นนั่นก็หนีแล้วหนีอีก ลำตัวสั่นน้อยๆอย่างคนแสดงอาการลังเลออกมาให้เห็น
บ๊ะ มันจะเอาไงของมัน! ตอนแรกก็บอกให้กูเอาอยู่ยิกๆ
“อยู่นิ่งๆสิวะ”
ผมกัดฟันบอก และเอานิ้วแยงๆถูๆประตูหลัง แต่มันฝืดมากเกินไป
เอาละ เจลก็ไม่มี แล้วผมก็อยากเต็มที่แล้ว เลยเอาน้ำที่เยิ้มๆจากเจ้าของมันนั่นแหละมาป้ายตรงข้างหลัง แต่มันก็ยังฝืดมาก
“ทำไมมันแน่นงี้วะ เคยโดนเอาตูดมาก่อนมั๊ยเนี่ย แสรด”
ผมสบถอย่างหัวเสีย
และในทันใดมันก็เอี้ยวหน้ามามองผม สายตาปราศจากความลังเลใดๆ ขณะสูดลมหายใจเข้าปอด และปรายตามองท่อนล่างผมอย่างเหยียดหยาม
“กูโดนเอาบ่อยแล้ว แต่ไอ้เจี๊ยวเล็กๆของมึงไม่มีปัญญาสอดเข้ามา?”
ไอ้ ไอ้ ไอ้ ไอ้เชี้ย! มึง..............มากไปแล้ว
ผมโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง จับหัวมันหันหน้ากลับ เอาไอ้เจี้ยวๆเล็กที่ปากเล็กนั่นค่อนขอด แต่ทว่าขนาดทำเอามันร้องอ๊ากออกมาขณะผมพยายามกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างฝืดเคือง
“ไงล่ะมึง หึ”
ผมหน้ามืดตามัว ลูกผู้ชายฆ่าได้ แต่หยามว่า’ไอ้นั่นเล็ก’ไม่ได้ ผมจับยัดเข้าไป ทั้งๆที่แน่นไปหมดทุกทิศทุกทาง
“ซี๊ด..ด เกร็งทำห่าอะไรเนี่ย”
ผมสบถลั่น เพราะช่องทางภายในมันรัดเจ็บจนขยับไม่ได้ จึงสงสัยว่าแม่งคงจะเกร็งมาก เสียงสูดน้ำมูกน้ำตาดังมาเป็นระยะๆ
“กะ..ก็ กู กูเจ็บนี่หว่า”
ผมพ่นลมหายใจพรืดเมื่อได้ยิน
“เป็นไงล่ะ ‘ยืนมองแล้วเสร็จเองเค้าจะมาเที่ยวกันทำไม’ ‘เจี๊ยวเล็กของมึงไม่มีปัญญาสอดเข้ามา’ เหอะ ทีงี้มาโอดโอยเป็นผู้หญิง”
ผมเหน็บกลับ ได้ยินมันด่าเบาๆทำน้องว่า ชิบ หรือ เชี้ย นี่แหละ
ปกติผมไม่ได้จูบ ไม่ได้โอ้โลมมากมายขณะร่วมรัก
แต่ไอ้หมอนี่ทำท่าว่าจะไม่ยอมให้เข้าไปจริงๆ ซึ่งไอ้ผมก็ไม่อยากยืนหนาวตูดตายดับอนาถเป็นข่าวหน้าหนึ่งเช้าวันพรุ่งนี้
จึงคว้าคอไอ้คนข้างหน้าให้เอี้ยวมาและลงมือบดจูบละเลงลิ้น หมอนั่นหลังจากชะงักก็ตอบรับผมทันที พันลิ้นกันน้ำลายไหลยืดไปหมด ผมจึงถือโอกาสนั้นขยับเจ้าลูกพ่อเบาๆ มือข้างหนึ่งก็จัดการลูกรักของไอ้หมอนี่ไปด้วยเพื่อเร้าอารมณ์
“ซี๊ดด..อือ อือ”
มันขาสั่นพั่บๆ ขณะที่ผมก็โหมแรงกระแทกเข้าไป
หน้าแดงก่ำก้มลงและกัดฟันแน่นจนผมได้ยินเสียงกรอดบ่งบอกถึงความเจ็บปวด แต่แล้วมันก็โพล่งออกมา
“เอากู เอากูเลย!”
เห้ย! อะไรของมึงวะเนี่ย
แต่ไอ้ผมก็ไม่ขัดศรัทธาหรอกครับ จัดให้มันไปเต็มๆนั่นแหละ น้ำพุ่งเมื่อไหร่ ผมไปเมื่อนั้น..
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
Chapter 2 : Work In =__=!..มึน
มึน มึน มึน โอ้ย ไอ้เหี้ยเอ้ย มึนหัวสาดๆๆเลย
.
.
แล้วความเจ็บปวดนี่ มันคืออะไรวะเนี่ย ??
ผมตะโกนดังลั่นห้องใจ ยกมือขึ้นกุมหัวที่ปวดหนึบ ยังไม่มีความสามารถที่จะลืมตาขึ้นได้
“เหี้ย! เหี้ย!! เหี้ย!!! เห-”
ผมตะโกนดังลั่น คราวนี้ออกมาจากปากเลย ด้วยหวังว่านั่นจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้บ้าง
.
.
“เฮ้ย มึงอย่ามาพ่นสิงสาราสัตว์ในห้องกูแต่หัววัน”
เสียงหนึ่งดังแทรกผ่านตัวเหี้ยของผมมา
ผมชะงักกึก เด้งตัวขึ้นเล็กน้อย ตาเบิกโพลงขึ้นทันที
ร่างที่มีหยดน้ำเกาะพราว พันผ้าขนหนูสีขาวสะอาดมองผมอย่างไม่ชอบใจ กลิ่นแชมพูและสบู่ลอยมาปะทะจมูก
“ลุกขึ้น แล้วไปได้แล้ว”
มันบอกไล่ไม่ใส่ใจ ก่อนหันไปลงมือแต่งตัว
ผมรู้ตัวว่าเลือดบนหน้าคงเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เมื่อความทรงจำเมื่อคืนหลั่งไหลเข้าสู่หัวช้าๆ ราวภาพสโลวโมชั่น
ผมเมา..
เมา..
เมาเยี่ยงหมาเลยด้วย และก็เต้นเอาเต้นเอา อยากปลดปล่อย.. อยากปล่อยมันออกมา และไม่ยอมปลดปล่อยแค่เหงื่ออีกแล้ว
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือใครลากผมออกมา มือใครดันผมติดกำแพง ปากใครจูบผม และของใครที่…….
ตั้งแต่กำแพงในตรอกนั้น.. บนรถของมันคนนั้น.. เรื่อยมาจนจบที่เตียงนี้..
โอ้โห นี่กุรอดตายจากเมื่อคืนมาได้ไงเนี่ย!??
ผมทิ้งตัวกลับลงบนเตียงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงเจ็บปวดจะเป็นจะตายแบบนี้
“เห้ยๆ กูบอกให้ลุกขึ้นไปได้แล้ว”
มันหันมาเพราะได้ยินเสียงเตียงยวบลงและหัวเสียเมื่อเห็นว่าผมยังนอนอยู่เหมือนไม่สนใจคำที่มันบอกให้ลุกและรีบไป
มึงก็พูดง่ายอ่ะดิสาด ถามรึยังว่ากูลุกได้มั๊ย!?
ฮึ่ย ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วหลับตาต่อ
“เห้ยย”
มันตรงมาเขย่าตัวผมที่เจ็บระบมจะตายอยู่แล้ว “กูบอกให้มึงลุ-”
“รู้แล้วไอ่เหี้ย แต่กูลุกไม่ไหว”
ผมรวบรวมแรงตะโกนใส่มันและรู้ในนาทีต่อมาว่าแรงผมมันมีน้อยนิดขนาดไหน
ก็เพราะน้ำสียงที่แหบโหยจนไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบเท่าไหร่เลย
ตัดสินจากแรงเขย่าที่หยุดไป มันคงกำลังชะงักและชั่งใจว่าจะเอาไงกับผมดี
หลังจากถอนใจแบบรำคาญๆ มันก็ย่ำโครมๆไปแต่งตัวต่อ
ผมหัวเราะในใจ สมเพชค่ำคืนบ้าบอที่ทำให้ผมมาจบอยู่ที่ห้องไอ้เหี้ยไหนก็ไม่รู้
แถมเป็นไอ้เหี้ยที่ดูเป็นผู้ครอบครองความสามารถเต็มเปี่ยม
จากที่เห็นแว้บหนึ่ง.... แม่ง ห้องอย่างหรู โอเคหน้าตามันก็ใช้ได้
เออ ก็ได้ๆ มันเข้าขั้นหล่อ เออก็ได้วะ มันหล่อ หล่อเลย ไม่ใช่แค่เข้าขั้น ฮึ่ย !
แถมแม่งคงเอากลางคืนแล้วถีบหัวส่งในตอนเช้ามานักต่อนักแล้ว
“ทีงี้มาทำเป็นไม่ไหว แต่เมื่อคืนเสือกปากเก่งนักนะมึงอะ”
ผมรู้สึกถึงเตียงนอนที่ยวบลง จึงลืมตาขึ้นมาและถลึงตาใส่มันไป และหลับลงต่อโดยไม่พูด
เพราะหนึ่ง ผมไม่มีเสียง และสองผมจำไม่ได้หรอกว่าเมื่อคืนพูดอะไรไปบ้าง เถียงมันไม่ได้แน่ -*- ชิบ
“กูจะออกไปข้างนอกแล้ว เห็นแก่เสียงครางกระเส่าเมื่อคืน มึงนอนต่อไปก็ได้ แต่ไหวแล้วรีบลุกไปก่อนกูกลับมา เข้าใจ๊?”
ผมทำจิ๊ปากรำคาญอย่างหมั่นไส้มันเต็มที่ ทั้งๆที่ใบหน้าร้อนฉ่า เสียงครางกระเส่าเรอะ!? เวรเอ้ย!!
“ทำไมต้องหน้าแดงขนาดนั้นด้วยวะ”
น้ำเสียงมันเหมือนแปลกใจเอาจริงๆ
“กูไม่ได้ติดใจอะไรมึงหรอกนะ ฝืดชิบหาย หยุดด้านหลังไปนานสิท่า ทั้งที่ก็บอกโดนเอามานักต่อนักแล้ว”
อึก !
ลมหายใจผมสะดุด ขยำผ้าปูที่นอนแน่น หลับตาปี๋อย่างคิดว่านั่นจะช่วยบดบังใบหน้าผมไปได้
ผมเห็นหน้ามันแว้บเดียว มันก็คงจำหน้าผมไม่ได้หรอก เย้ย!! มันเกี่ยวกันตรงไหนวะ??
ผมเพ้อเจ้อไร้สาระไปจนได้ยินเสียงประตูปิด ..มันออกไปแล้ว
ผมแอบลืมตาขึ้นอย่างหวาดระแวง พยายามยันกายลุกขึ้น แต่ก็พ่ายแพ้.. ทิ้งตัวหลับต่ออย่างอ่อนแรง
. . . . .
. . . . . . . .
กริ๊งงงงงงงงงง
กริ๊งง กริ๊งงงงงงงงงงง . . . . !!
โทรศัพท์ส่งเสียงหวีดดังลั่นห้อง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!
“เห้ยๆ ห่า เหว ระเบิดลง พ่อง 'ไรวะ”
ผมสะดุ้งโหยง ก่อนจะสะบัดหัวไปมา และควานมือเปะปะไปหัวเตียง และคว้าต้นตอเสียง
“'ไรมึงวะ!?”
ผมกรอกเสียงลงไป เป็นวิธีการรับโทรศัพท์แบบปกติของผมเอง
ไม่ใช่ว่าใครต่อใครไม่ช่วยกันประณามว่าผมหยาบคายหรอกนะ แต่ผมไม่เคยแคร์เรื่องพวกนี้เลยต่างหาก
มีอะไรๆเลวกว่านี้ตั้งเยอะ นักการเมืองโกงกิน ฆาตกรฆ่าคน คนรวยเอาเปรียบคนจน
แล้วทำไมจะต้องมาอะไรกับอีแค่ว่าพูดคำหยาบ..
ทว่า.. ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของปลายสาย แล้วในทันใด ก็ตามมาด้วยเสียงพูดติดขัดของคนกำลังโกรธ
“ทัศน์!! กะ..แกพูดแบบนี้กับแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้ท๊าดดดดดด”
เย้ยยยยย!!
โทรศัพท์แทบหลุดจากมือผม
เสียงกราดเกรี้ยวอย่างผีคุณป้าแก่ๆที่สิงตามบ้านร้างนั่น แล้วทัศน์เหี้ย'ไร ทิวทัศน์ ทัศนวิสัย ทัดดาว บุษยา อะไรวะ!!
“กูชื่อเกรย์เว้ย โทรผิดแล้วคุณป้า”
นั่น ผมหลุดกูออกมาอีก อยากตบปากตัวเองชิบ
ปกติผมเคารพผู้ใหญ่นะครับ แต่ใครมาเรียกทัศน์เหรอจะยอมได้
ผมชื่อเกรย์ ออกจะเท่ดีๆอยู่แล้ว ทัศน์บ้าทัศน์บอนั่นมาจากไหน ชื่อบ้านๆ -*-
“แก ไอ้เด็กหยาบคายไร้มารยาท เรียกไอ้ทัศน์ ลูกเวรมาเดี๋ยวนี้”
ปลายสายไม่ลดละ
“บอกว่าไม่มีทัศน์ไง ผม-”
“ไปเรียกทัศศศศศศศศศศศศศศศศศศศ-”
“ป้า ผมชื่อเก-”
“ทัศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศน์”
ป้านั่นยังตะโกน ใครมันจะไปยอมละครับ !
“เกรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรย์”
“บอกว่าทัศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศ”
“บ๊ะ ป้านี่ ก็บอกว่าเกรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรย์”
“………..”
ป้าเงียบ
เย้ ผมชนะป้าแล้ว!! เห็นมั๊ยทัศน์บ้าทัศน์บอ-
.
.
“แล้วเจอกันไอ้ทัศน์”
“เออ เจอกันว่ะ”
เอี๊ยด..
เสียงร่ำลาของกลุ่มหนึ่งกับอีกเสียงหนึ่ง
..ตามด้วยเสียงเปิดประตูดังแหวกเข้ามาในขณะที่ผมกำลังตาลีตาเหลือกเถียงกับป้าเรื่องทัศน์ห่าทัศน์เหวอะไรนั่น
“มึง..”
มือแกร่งจับลูกบิดประตู แล้วมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ
และเมื่อเห็นผมถือโทรศัพท์ พร้อมทั้งกลิ่นไอที่ยังคุกกรุ่นจากการเถียงอย่างเอาเป็นเอาตายก็กลายเป็นฉุนโกรธ
“ยังไม่ไปอีกเหรอวะ แล้วยังใช้โทรศัพท์ห้องกูอีก”
ห้องกู..?
ก็ใช่ไง ห้องกู มึงมาทำไม??
เห้ย ไม่ใช่ ห้องกูของมันหมายถึงห้องมึง
สมองผมมึนงง หันหน้ามองรอบๆห้อง
ห้องมึง ห้องมึง ..!!
แจกันนั่นห้องผมไม่มีหรอก
ข้างฝาผนัง อี๊ หยดหยอง ผมไม่ได้เชียร์บาร์เซโลน่า
เออ ที่ตู้เสื้อผ้าค่อยใช้ได้หน่อย ผมก็ชอบวงกรีนเดย์
เออ ดีๆ.. ดี
เย้ยย แต่มันก็ยังไม่ใช่ห้องผมอยู่ดี!!
เอาแล้วมั๊ยไอ้เกรย์
แถวบ้านเรียกงานเข้า งานเข้า
งานแม่ง มึงเข้ามาตอนไหน……………………………………….
“มึงเลิกใช้โทรศัพท์กูได้แล้ว ทำไมยังไม่ไปอีกวะ”
เสียงอย่างกับคำรามของมันปลุกผมจากการสำรวจห้อง
“ห๊ะ ฮะ โทรศัพท์”
เออ ผมลืมยัยคุณป้าไว้นิหว่า
“ไม่ได้ทะ..โทร เค้า เค้าโทรมา”
ผมตะกุกตะกัก
คราวนี้มันอ้าปากค้างราวกับอยากจะมาฉีกเนื้อผม ขายาวๆนั่นก้าวมาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือผมเอาแนบกับหูทันที
แต่วินาทีเดียวก็กระโดดห่างจากโทรศัพท์ราวกับไฟช๊อต
นั่นๆ เจอเสียงพิฆาตของคุณป้าอ่ะดิมึง
.
.
“คะ..ครับ ครับแม่ ผมเอง อ้อ คนนั้น.. เอ้อ ..คือว่า”
อีกวินาทีต่อมามันก็คว้าโทรศัพท์มากรอกเสียงลงไป และทำหน้าเหยเกเอาโทรศัพท์ห่างจากหูที่เริ่มจะมีควันออกมา
“ครับ ครับ หยาบคายไร้มารยาท อ้อ ครับ อืม ใจเย็นๆครับ”
ตาดุๆนั้นหันมาทางผม ไม่ได้รู้เล้ยว่าหยาบคายไร้มารยาทนั่นหมายถึงใคร ฮึก !
มันชี้นิ้วมาทางผม แล้วทำปากขมุบขมิบ ทำนองว่า มึงตาย มึง-ตาย-แน่
“อ้อ เอ้อ อะไรนะครับ คำว่า'ไรมึงวะ เหรอครับ ครับแม่ ครับ”
ไอ้เหี้ยนั่นขมุบขมิบปากอีกที อ่านได้ว่า ตาย-ไม่-ฟื้น-แน่-มึง
!
!!
!!!
!!!! ผมไม่ได้กลัวนะ แต่ถอยกรูดไปปลายเตียง
พยายามคลาน คลาน และคลานไป
.
.
“ครับแม่ คร้าบบบ ครับ ครับ”
มันตอบรับอะไรก็ไม่รู้ยกใหญ่ ในขณะที่ผมกระดึ๊บจะลงจากเตียง
มันวางโทรศัพท์เหมือนจะเขวี้ยงลงด้วยซ้ำ แต่คงนึกได้ว่ากลัวแม่ได้ยินอีก จึงเบามือลงก่อนกระแทกกับโต๊ะเพียงนิดเดียว
ผมกระดึ๊บจะพ้นเตียงอยู่แล้ว แล้วผมจะวิ่งจู๊ดจากห้องไปเลย
.
.
หมับ!!
มันคว้าข้อเท้าผมไว้และลากกลับไปบนเตียงอย่างแรง
“อ๊ากก โอ๊ยย ไอ้เหี้ยเอ้ย”
ผมร้องด่ามันด้วยความเจ็บปวด ตูดกูก็จะหักอยู่แล้ว จะให้ข้อติงหักอีกเหรอ!?
“กูบอกให้มึงออกไปก่อนกูจะกลับมา นี่กูกลับซะเย็นขนาดนี้ มึงยังอยู่อีก?”
มันบีบไหล่ผมจนเจ็บ
“ทำไม? รึอยากให้กูเอาต่อ?”
.
.
ผวั๊วะ..
ผมทั้งเจ็บ ทั้งจุก ไอ้นี่ยังพูดจี้จุดอ่อนเรื่องสาเหตุที่ผมมานอนแหมะอยู่นี่ ไม่ไหวครับ ชกแม่งเลย
แล้วหน้าตามันก็เหมือนพร้อมจะฆ่าผมจริงๆแล้ว
“กะกู กูหลับเว้ยไอ้เหี้ย เจ็บ”
ผมพยายามอธิบาย แล้วด่ามันไปด้วย เพราะแรงควายชิบหาย บีบทีไหล่กูจะแตกสองซีกแล้วบึ้มในทุ่งข้าวสาลี
“กูหลับ เพิ่งตื่นตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ กูนึกว่าห้องกู กูลืม ..กูลืมไอ้ห่า”
ผมอธิบายต่อเมื่อมันคลายมือ แต่เมื่อมาถึงคำสุดท้ายมันก็บีบแน่นอีก
“จะฆ่ากันรึไงวะ”
ผมโวยวาย
“มึงก็หัดพูดจาให้หมามันแดกมั่งสิ”
มันคงโมโหแสรดๆแล้ว แต่ผมแค่ยักไหล่ ตอนนี้เริ่มไม่กลัวมากนัก
.
.
“มึงออกไปได้ละ”
มันออกปากไล่เป็นรอบที่ร้อยล้าน ไอ้นี่.... อย่างกับกูอยากอยู่นัก
ผมเชิดหัว ลากสังขารลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล เห็นมันชะงักไปนิดหนึ่ง ผมรีบดึงกางเกงใส่ให้มิดชิด
คว้าเสื้อยืดยู่ยี่เยี่ยงผ้าขี้ริ้วบนเตียงมาสวมลวกๆ แล้วทั้งเดินทั้งคลานไปทางประตู ทำไมมันเจ็บตูดแบบนี้วะ!!
ผมสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลจากอาการปวดและมึนหัวที่ไม่หายซักที
ทั้งเมาแฮงค์ ทั้งโดนเอา บ้าเอ้ย.. มีเลวร้ายกว่านี้อีกมั๊ยกับเวลาแค่คืนนึงเนี่ย!?
.
.
“มึงแน่ใจนะว่ามึงเคยเอากับใครเค้ามาก่อน?”
คำถามนั้น ทำเอาผมที่กำลังจะถึงประตูชะงักกึก
กูจะรีบไป กูจะรีบไป
กูจะรีบปะ……………ไป ผมท่องบทอาขยานในใจ
.
.
“แค่สองรอบเองนะ มาทำเป็นแข้งขาระทดระทวย!?”
จึ๊กก อ๊ากก โฮก ไอ้เหี้ย มึงพูดทำมั๊ย..??
เกลียดมัน เกลียดมัน พระเจ้า ให้ตายสิ ผมเกลียดมัน.. ตอนนี้ใบหูผมคงกลายเป็นสีเลือดหมูแล้วละ
ทำไมผมถึงไม่ไปตั้งแต่ทีแรกที่ตื่นนะ รีบไปก่อนมันจะจำหน้าผมได้
ตอนนี้คงไม่ต้องไปหวังกันละเรื่องให้มันลืมหน้าผม ภาวนาอย่าให้ไปเดินเจอกันแถวสยามพารากอนดีกว่าม้าง
ผมไปถึงประตูแล้วชะงักกึกอีกครั้ง.. มือเกาะขอบประตูไว้
ผมลุกไม่ไหว หรือ..ผมยังไม่รู้จะไปไหนดี. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .