ตอนพิเศษ
Happy New Year ! (again)
“อื้อ…”
ผมครางประท้วงร่างหนักที่คร่อมทับตัวมาเป็นเวลาเกือบค่อนคืน เสียงฮึมฮัมดังลอดออกมาให้ได้ยิน แต่ทว่า ‘เขา’ ก็ยังคงไม่ขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกายแต่อย่างใด ผมถอนหายใจแรงก่อนตัดสินใจยกมือขึ้นตบเบาๆที่ใบหน้าหล่อเหล่าในยามหลับใหลนั้น
“ตื่นได้แล้วครับ”
ผมบอกที่ข้างหูพลางตบไหล่กว้างเปลือยเปล่าไปที ร่างที่เกียจคร้านจากการปลุกถึงได้ขยับเคลื่อนไหว เขาลืมตาขึ้นอย่างมึนๆ พอมองเห็นหน้าผมที่จ้องอยู่ก่อนแล้วก็แสยะยิ้มร้ายตามแบบฉบับของเขา
“ตื่นแล้วก็ลุกออกไปจากตัวผมสิครับ” ผมว่า แต่เขากลับส่ายหัวแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอผม!
จะบ้าตาย! ที่ทำมาทั้งคืนยังไม่พอใจอีกหรือไง!
“พี่แซท ลุกออกไปได้แล้ว ผมหนัก” ผมประท้วงแล้วดันหน้าเขาออกห่าง
“หนักเหรอ มานี่ เดี๋ยวจะทำให้หายหนัก”
ในขณะที่ผมกำลังงงกับคำพูดเขาอยู่ แขนยาวก็สอดเข้ามาใต้แผ่นหลังอุ้มผมขึ้นนั่งบนตักเขาอย่างง่ายดาย! ผมถลึงตาใส่อย่างไม่ชอบใจแต่เขากลับยกยิ้มมุมปากเลื่อนฝ่ามืออุ่นๆลงไปตรงสะโพกที่ปราศจากสิ่งปกปิด ผมตีมือเขาดังเพี๊ยะแต่เขาก็ไม่สนใจ ลูบไล้สะโพกผมต่อไปอย่างมันส์มือ!
“พี่แซท!” ผมขึ้นเสียงอย่างโมโหขึ้นมาจริงๆ
“เสียงดังทำไม อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“ถ้าไม่อยากให้เสียงดังก็ปล่อยสิครับ”
ผมเสียงห้วนใส่ จะขยับลุกขึ้นเขาก็รั้งตัวผมไว้ให้นั่งลงบนตักเหมือนเดิม แถมคราวนี้ยังล็อคคอผมให้โน้มต่ำลงไปใกล้จนจมูกชนกันอีก!
“ไม่เอา”
ผมรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อเลยคิดจะเบี่ยงหน้าหลบ แต่มีเหรอที่คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะรู้ไม่ทัน แค่ผมคิดเขาก็จับหน้าผมล็อคไว้แล้วประกบจูบดูดดื่มลงมาแล้ว!
“อื้อ!”
ลิ้นที่สอดรุกไล่เข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผมอย่างมีชั้นเชิงบวกกับฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบไล้สีข้างขึ้นลงอย่างเชื่องช้าทำเอาผมอ่อนยวบไปทั้งตัว
“พี่แซท”
ผมเรียกเสียงแผ่วเมื่อเขาถอนจูบออกไป ริมฝีปากได้รูปเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ผมหวาดกลัว
“ทำมาทั้งคืนแล้ว ยังไม่พอใจอีกเหรอครับ” ผมรีบพูดดักคอเขาไว้ก่อน
“นั่นสิ กูเอามึงมาทั้งคืนแล้วทำไมตัวมึงยังหอมอยู่เลย”
‘ไอ้บ้า!’ ผมก่นด่าเขาอยู่ในใจ
“จะปีใหม่แล้ว”
“แล้วยังไงครับ”
“ตามใจกูหน่อยสิ”
“ใครกันแน่ที่ต้องพูดคำนี้”
เราจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครจนกระทั่งเสียงน่าอายโพล่งดังขึ้น พี่แซทหัวเราะดังลั่นอย่างไม่เก็บอาการเลยสักนิด ในขณะที่ผมได้แต่ก้มหน้าซ่อนความอายชิดอกเขา
“เด็กหิวข้าวแล้ว”
ไม่ต้องมาล้อเลย คนบ้า!
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยผมก็มานั่งยิ้มกว้างอยู่ในห้องอาหาร บนโต๊ะมีแต่อาหารที่ผมชอบ และเพราะความหิวผมจึงตั้งหน้าตาตั้งตาทานข้าวอย่างไม่สนใจคนที่นั่งร่วมโต๊ะอีกคนนึง แม้ว่าเขาจะใจดีโทรสั่งเชฟให้ทำอาหารที่ผมชอบเพื่อเอาใจก็ตาม
“อร่อยมั้ย”
“ครับ อร่อยมากเลย”
ผมยิ้มตอบ พี่แซทคอยตักกับข้าวใส่จานให้ ผมก็ทานไปเรื่อยๆจนอิ่ม พอมองไปที่จานข้าวของเขาก็พบว่ามันพร่องไปนิดเดียวเอง
“ทำไมทานน้อยจังล่ะครับ”
“แค่ดูมึงกินก็อิ่มแล้ว”
ผมเผลอยิ้มก่อนรีบยกแก้วน้ำดื่มกลบเกลื่อน ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะพูดจาหวานๆใส่ผม
“ต้าร์”
“ครับ”
พี่แซทตบลงที่ตักตัวเอง ผมยิ้มก่อนลุกขึ้นไปนั่งลงบนตักเขา ที่ยอมตามใจเพราะเขาใจดีสั่งอาหารของโปรดผมมาให้ทานก็เท่านั้นแหละ ไม่มีเหตุผลอื่น…
“กูเอาแต่ใจกับมึงมากเกินไปหรือเปล่า”
คำถามทำให้ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก็นะ…ในเมื่อถามมาแล้ว
“เพิ่งรู้ตัวเหรอครับ” ผมย้อนพร้อมรอยยิ้ม
พี่แซทจับจมูกผมบิดเบาๆก่อนเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผมแล้วค้างไว้อย่างนั้น นัยน์ตาคมจ้องสบนัยน์ตาผมราวกับจะสื่อความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง
“ที่กูเอาแต่ใจ ก็เพราะอยากให้มึงสนใจ”
ผมเม้มปากแน่น รู้สึกถึงความเห่อร้อนที่แก้ม
“กูมีแค่มึงคนเดียว รักแค่มึงคนเดียว”
ให้ตาย…ผมไม่รู้จะซ่อนความอายไว้ตรงไหนดี!
“ใจอ่อนบ้างหรือยัง รักกูบ้างหรือยัง”
เสียงทุ้มกระซิบถามที่ข้างหู ลมหายใจอุ่นๆของเขาทำให้ผมขนลุก
“อ๊ะ!”
ผมหลุดเสียงร้องเพราะถูกฟันคมขบลงที่ใบหู พอขึงตาใส่เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกดจูบหนักๆที่ปากก่อนผละออกไป
“ไหนร้องอีกสิ”
“โรคจิต”
ผมว่าเสียงแข็งแต่เขากลับหัวเราะ มือหนาสอดเข้ามาในเสื้อ ผมรีบจับไว้ก่อนที่มันจะเลื้อยไปไกลกว่านี้!
“หยุดคิดเรื่องอย่างว่าสักนาทีจะได้มั้ยครับ”
“ก็มึงน่าฟัดจะให้กูหยุดคิดได้ไง”
“คนบ้า!”
ผมว่าแล้วรีบลุกขึ้นจากตักเขา เดินออกจากห้องอาหาร เขาไม่ได้ตามมาซึ่งก็ดีแล้ว ผมจะได้มีเวลาพักจากอาการหื่นกำเริบของเขาได้บ้าง วันนี้เป็นวันสิ้นปี วันที่หลายคนต่างนับถอยหลังก่อนเข้าปีใหม่ เทศกาลสังสรรค์และพักผ่อน ปีนี้ผมมาเที่ยวโรงแรมของพี่แซทที่พัทยา เรามาถึงกันเมื่อคืนวาน ผมยังไม่มีโอกาสได้ลงไปเล่นน้ำเลย ได้แต่มองวิวผ่านหน้าต่างห้องแบบนี้
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดัง ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาดู สายที่โทรเข้ามาทำให้ผมรีบรับเพราะโดนขู่ว่าถ้ารับช้าจะถูกลงโทษให้นอนเฝ้าเตียงแบบไม่ให้เห็นเดือดเห็นตะวันตลอดคืนวันเคาท์ดาวน์จนถึงวันปีใหม่!
“ฮัลโหลพี่ควิน ถึงไหนแล้วครับ” ผมเอ่ยทักปลายสาย
“อีก 15 นาทีถึง”
“ขับรถเร็วจัง”
“อยากเห็นหน้ามึงเร็วๆ” ผมยิ้ม พลิกตัวหยิบหมอนมากอด
“ขับรถดีดีนะครับ”
“อืม…แล้วกินข้าวหรือยัง”
“เรียบร้อยครับ”
“ไอ้แซทมันไปหรือยัง”
“ยังครับ”
“ทำไมมันยังไม่ไป”
แล้วผมจะไปรู้มั้ยล่ะ…
“ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“ไล่มันไปได้แล้ว บอกด้วยว่ากูใกล้จะถึงแล้ว ให้มันรีบไสหัวไป”
มันจะดีเหรอถ้าผมบอกไปแบบนั้นน่ะ!
“ตั้งใจขับรถเถอะครับ ผมวางสายนะ”
“อืม…เจอกัน”
“ครับ”
ผมตัดสายไปก่อน พี่ควินบอกว่าอีก15นาทีจะมาถึง เพราะฉะนั้นผมต้องลงไปรอเขาก่อน เดี๋ยวเขาจะโวยวายแล้วพาลโกรธหาว่าผมไม่สนใจ ผมขี้เกียจมาทะเลาะกับเขาให้เสียบรรยากาศในวันพักผ่อนดีดีแบบนี้ ผมเดินออกมาจากห้อง เห็นพี่แซทยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ผมรอจนเขาคุยเสร็จแล้วเดินเข้าไปหา
“พี่ควินใกล้จะถึงแล้วครับ ผมจะลงไปรอรับ”
“จะลงไปรับมันทำไม มันมีขา ให้มันขึ้นมาเอง”
“เอ่อ…แล้วพี่แซทจะออกไปทำธุระตอนไหนครับ”
“ทำไม พอไอ้ควินมามึงก็จะไล่กูไปเลยเหรอ”
โอ้ย…ผมไปไล่เขาตอนไหน!
“เปล่านะครับ ผมก็แค่ถาม พี่อย่าหาเรื่องผมสิ”
“มึงเริ่มก่อน”
“ผมไม่คุยกับพี่แล้ว”
ผมว่าแล้วเดินหนี พี่แซทตามมากอดผมไว้ เกยคางกับไหล่เหมือนจะอ้อนและขอโทษกลายๆ
“โกรธเหรอ”
“เปล่าครับ”
“ขอโทษ”
ผมเหลียวมองหน้าเขา แปลกใจที่จู่ๆเขาก็พูดขอโทษออกมาง่ายๆ
“ไม่โกรธก็ยิ้มสิ ยิ้มให้กูหน่อย”
นิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มผมไปมาอย่างรอคอย ผมค่อยๆยิ้มให้เขาจนกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง พี่แซทยิ้มตอบ เขาหอมแก้มผม กดแช่จมูกโด่งอยู่นานก่อนผละออกไป
“แค่มึงยิ้ม กูก็มีความสุขแล้ว”
ผมรู้สึกเหมือนตัวกำลังลอยขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้น
เราลงมารอรับพี่ควินอยู่ที่ล็อบบี้ ผมนั่งดูโบว์ชัวร์ของโรงแรมระหว่างรอส่วนพี่แซทก็คุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ดูเหมือนเขาจะมีธุระต้องรีบไป ที่จริงเขาก็บอกผมแต่แรกแล้วล่ะว่าเขาต้องไปธุระช่วงสายวันนี้ แต่เขาจะกลับมาให้ทันเคาท์ดาวน์กับผมคืนนี้ ส่วนพี่ควินที่กำลังเดินทางมาก็ติดธุระเหมือนกันแต่คนล่ะเวลา เมื่อวานพี่ควินก็จัดการธุระเขาทั้งวันจนไม่ได้มาพัทยาพร้อมกันกับผมและพี่แซท เขาบอกผมตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้วว่าจะรีบเคลียร์ธุระแล้วตามมาทีหลัง
“ไสหัวไปได้แล้วมึง”
เสียงเข้มเหมือนดังอยู่ข้างหลัง พอผมหันไปมองก็เห็นร่างสูงของพี่ควินยืนแสยะยิ้มร้ายอยู่ เขาถอดแว่นกันแดดออกก่อนเดินมาหาผม
“บอกให้ไล่มันไปไง ทำไมมันยังอยู่”
“เอ่อ…” ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มเจื่อนให้เขา
“ปากดีไปเถอะมึง ยังไงกูก็ได้นอนกับต้าร์ก่อนมึงล่ะหว้า”
พี่แซทพูดด้วยน้ำเสียงโอ้อวด ผมได้แต่เม้มปากแน่นมองเขาอย่างไม่ชอบใจ มันใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดอวดกันมั้ย ไอ้เรื่องอย่างว่าน่ะ! มันใช่เรื่องมั้ย!
“หึ! แล้วไง พอมึงไสหัวไป เวลาต่อจากนี้ต้าร์ก็เป็นของกู”
พี่ควินโต้กลับอย่างยียวนไม่แพ้กัน เขายักไหล่แล้ววาดแขนโอบเอวผมรั้งเข้าหาตัว พี่แซทขยับปากด่าขมุบขมิบก่อนยกนิ้วกลางใส่พี่ควิน
“กูไปแป็ปเดียวเดี๋ยวก็มา”
พี่แซทหันมาบอกผมแล้วเดินชนไหล่พี่ควินออกไป ผมมองตามจนเขาเดินไปขึ้นรถที่พนักงานขับมาจอดรอรับที่หน้าโรงแรมพี่ควินก็บีบคางผมให้หันหน้าไปมองเขา
“กูอยู่นี่แล้วจะไปมองมันทำไม”
“หึงเหรอครับ” ผมถามติดตลก
“เออ!”
คำตอบรับตรงๆทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา
“กูมาแล้ว มึงก็ต้องสนใจกูคนเดียว เข้าใจมั้ย”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ผมบอกอย่างเอาใจ พี่ควินยกยิ้มมุมปากแล้วบีบปลายจมูกผมเบาๆก่อนพาเดินไปที่ลิฟต์ เราเข้าไปในลิฟต์ ผมกดชั้นที่ต้องการไปพอประตูลิฟต์ปิดพี่ควินก็ดันผมติดผนังทันที ผมกระพริบตาปริบๆมองเขาฉีกยิ้มร้าย ท่าทางไม่น่าไว้ใจ คิดจะถอยหนีเขาก็รวบตัวไว้แล้วขโมยจูบไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว!
“อื้อ…”
นี่มันในลิฟต์นะ! จะทำอะไรก็เกรงใจสถานที่บ้างสิ ถึงจะมีแค่เราสองคนในนี้ก็เถอะ!
ตุ้บๆๆ
ผมทุบไหล่กว้างไปหลายทีเพื่อให้เขาหยุด จนลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่พักเขาก็ถอนจูบออกไป ผมหอบหายใจมองค้อนเขาที่ยืนยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คนลามก หื่นไม่เลือกสถานที่เลย!” ผมว่าแล้วเดินออกจากลิฟต์ตรงไปที่ห้องพัก
“ว่ากูไปเถอะ เดี๋ยวก็เสร็จกูบนเตียงอยู่ดี”
อะไรนะ! ผมหันขวับไปมองหน้าคนพูดที่ยักคิ้วมาให้
“ผมไม่ยอมหรอก!”
“เดี๋ยวมึงก็ยอม เชื่อสิ”
“ไอ้…บ้า!” ผมด่าเขาอย่างหมดความอดทน คนอะไรหน้าด้านจริงๆ!
“ด่ากูมากระวังลุกไม่ขึ้น”
โอ้ย! ผมอยากจะบ้าตาย!
หลังจากทำให้ผมอารมณ์เสียเขาก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ดีเลย ผมจะใช้โอกาสนี้ชิ่งหนีเขาซะเลย ผมจะลงไปเล่นน้ำทะเล ผมยิ้มกับแผนการที่วาดไว้ ค่อยๆย่องเบาตรงไปที่ประตูห้อง เหลียวมองประตูห้องน้ำไปด้วยเพราะความระแวง ได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้นอยู่แบบนั้น เขาคงไม่ออกมาเร็วหรอก จังหวะนี่แหละ โกยเลย!
“จะไปไหน”
“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลง หันไปมองก็เห็นพี่ควินยืนหัวเปียกเปลือยท่อนบนอยู่หน้าห้องน้ำ
“ถามว่าจะไปไหน”
“เอ่อ…ไป…ไป”
“มานี่”
ผมส่ายหน้ารัว หันหลังกลับตั้งท่าวิ่งหนี แต่เพราะช่วงขาที่สั้นกว่าผมเลยถูกคนขายาววิ่งตามมาตะครุบตัวไว้ทัน
“ปล่อยๆๆๆ” ผมร้องโวยวายพลางดิ้นหนีออกจากอ้อมกอดเขา
“คิดจะหนีเหรอ ไม่ง่ายหรอกเด็กดื้อ”
“พี่ควิน ปล่อยก่อน ผมเปียกหมดแล้ว”
“ดี กูจะทำให้มึงเปียกทั้งตัวเลย”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ปลายลิ้นก็เลียติ่งหูผมด้วย ผมหดคอเพราะรู้สึกจั๊กจี้ แขนแข็งแรงของเขาเกี่ยวเอวผมพาเดินไปที่เตียง ผลักผมนอนหงายแล้วตามมาคร่อมทับอย่างรวดเร็ว
“พี่ควินไปเช็ดตัวเลย ผมไม่เล่นนะ”
“ใครบอกว่ากูเล่น นี่กูเอาจริง”
“จะบ้าเหรอ!”
“บอกแล้วไง ด่ากูมากระวังลุกไม่ขึ้น มึงไม่ได้ตื่นมาเคาท์ดาวน์แน่”
“เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ไม่…พี่ควิน…อื้อ…”
ผมถูกปิดปากอีกครั้ง มือที่ยังเย็นอยู่ทาบลงกับอกผม ลูบไล้เบาๆก่อนจะค่อยๆเพิ่มแรงขึ้น ผมครางอื้ออึงอยู่ในลำคอเพราะถูกจูบอยู่ บิดตัวไปมาเพราะแรงเล้าโลมของเขาที่ชักนำให้ผมเริ่มจะเคลิ้มและอ่อนแรงต่อต้าน เขานี่มัน…ร้ายกาจจริงๆ!
“ไหนคนปากเก่งเมื้อกี้ หายไปไหนแล้ว”
ผมหอบหายใจหนักหลังจากเขาถอนจูบออกไป คนทำจ้องหน้าผมด้วยรอยยิ้มยียวน
“พอได้แล้ว พี่ควินอย่าแกล้งผมสิครับ” ผมบอกเสียงอ่อน
“กูไม่ได้แกล้ง กูเอาจริง”
“พี่ควิน ผมอยากลงไปเล่นน้ำ” ผมกระพริบตาปริบๆบอกอย่างอ้อนๆหวังให้เขาเห็นใจ
“ไม่ต้องลงไปเล่นหรอก อยู่กับกูมึงก็เปียกได้”
“ไม่เอา!”
“แต่กูจะเอา”
“ม่ายยย!”
ผมดิ้นพล่านเมื่อมือหนาจับขอบกางเกงผมถลกลงไปกองที่ข้อเท้า คนใจร้ายบดเบียดร่างกายลงมาจนผมขยับต่อไปไม่ได้ ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่ที่ใบหน้าก่อนลิ้นชื้นจะแลบออกมาเลียที่ขอบปากผม
“พี่ควิน” ผมครางเรียกอย่างเหนื่อยอ่อน
“ครับ…อ้าขาหน่อยสิ”
ถึงจะอ่อนระโหยโรยแรงมากแค่ไหนแต่ผมก็ยังมีสติ ผมส่ายหน้าไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
“ดื้อจริงๆ”
เขาว่าผมแล้วก็ผละมือออกไปจากอก ขาผมถูกจับแยกออกกว้างแต่ผมก็เกร็งมันไว้พยายามหุบเข้าแต่เขาก็จับมันแยกออกอีก
“ไม่เอา” ผมบอกพลางส่ายหน้า พี่ควินกระตุกยิ้ม เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จูบเบาๆที่เปลือกตา
“กูจะเอา ตามใจหน่อยสิ จะปีใหม่แล้ว”
แล้วยังไง! ปีใหม่แล้วยังไง ทำไมจะต้องให้ผมตามใจพวกเขาด้วย ไม่ยุติธรรมเลย!
“ผมยังเจ็บอยู่เลย พี่แซทเพิ่งทำ…”
“อย่าพูดถึงมัน”
พี่ควินเอามือมาปิดปากผม ขึงตาดุใส่ ผมได้แต่กระพริบตาใส่เขา
“กูไม่ทำมึงเจ็บหรอก”
เวลาอยากได้พี่ก็พูดได้ทุกอย่างนั่นแหละ!
ปังๆๆๆ!!!
เสียงพลุดังก้องอยู่บริเวณชายหาดหน้าโรงแรมปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงกว้างสะดุ้งตื่น ร่างเปล่าเปลือยใต้ผ้าห่มนวมหนานุ่มค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เปลือกตากระพริบถี่ก่อนเปิดกว้างรับแสงไฟภายในห้อง
“เที่ยงคืนแล้วเหรอ!”
เจ้าตัวร้องเสียงดังรีบคลานลงจากเตียง สองมือจับกระชับผ้าห่มคลุมตัวไปด้วย ดวงตากลมใสมองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นแสงสีของพลุที่ถูกจุดขึ้นประดับอยู่บนท้องฟ้า
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียก นัยน์ตาคมมองร่างบางด้วยความเอ็นดูกับท่าทีตื่นๆนั้น
“พี่ควิน เที่ยงคืนแล้วเหรอครับ”
“ยัง เพิ่ง 4 ทุ่ม”
“อ้าว…ผมได้ยินเสียงพลุ ตกใจหมดเลย นึกว่าเที่ยงคืนแล้ว”
ร่างสูงเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็ก ยื่นมืออกไปลูบแก้มเนียน
“หิวหรือยัง”
“ยังครับ ผมอยากอาบน้ำ”
“ให้อาบช่วยมั้ย”
“ไม่ต้อง!”
เสียงที่บอกปัดอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าหวาดกลัวยิ่งทำให้คนมองเผยรอยยิ้มกว้าง
กับคนคนนี้ ไม่ว่าจะด่าจะว่าเขายังไง เขาก็ยังรัก
ชายหาดที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ แสงไฟหลากหลายสีประดับประดาทั่วบริเวณดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชักชวนกันมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ ร่างบางในชุดเสื้อสเวตเตอร์สีครีมกับกางเกงขายาวผ้าฝ้ายสีเทาเดินเคียงคู่กับอีก2หนุ่มร่างสูงไปตามชายหาดปะปนกับฝูงชน รอยยิ้มประดับบนเรียวปากบางด้วยความตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบตัว
“ดีจังเลยนะครับที่เราได้มาฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่ ปีก่อนเราทำสุกี้ทานกันที่คอนโดไม่ได้ออกไปไหนเลย” เสียงจากคนตัวเล็กสุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“แล้วปีนี้อยากกินอะไร”
“พี่แซทอยากกินอะไรล่ะครับ ผมตามใจพี่”
“แล้วกูล่ะ ไม่ตามใจกูเหรอ”
“ครับๆ ตามใจพี่ควินด้วย ตามใจพวกพี่เลย”
“กูอยากกินมึง / กูอยากกินมึง”
คำตอบพร้อมเพรียงอย่างไม่ได้นัดหมายเรียกให้คนฟังส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“พวกพี่พลัดกันกินผมไปแล้ว ยังไม่อิ่มกันอีกเหรอครับ”
“ไม่ / ไม่”
อีกครั้งที่คำตอบยังพร้อมกัน
“พอเลย ถ้ายังไม่หยุดผมจะโกรธจริงๆนะ อยากให้ผมโกรธพวกพี่ข้ามปีมั้ยครับ”
สองหนุ่มบุ้ยหน้ากันไปคนละทางแทนคำตอบ
“เราหาของกินง่ายๆดีมั้ยครับ เอาแบบ กินไปเดินไป ผมอยากเดินเคาท์ดาวน์ไปจนสุดหาดเลย”
“อะไรของมึง กินไปเดินไป”
“พี่แซทต้องชอบแน่ เชื่อสิ”
เจ้าตัวตอบพลางยิ้มกว้าง
แซทมองมาม่าคัพรสต้มยำกุ้งในมือตัวเองก่อนหันไปมองตัวต้นคิดที่ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ใกล้ๆ
“มาม่าเนี่ยนะ คิดได้ไงวะ”
“ถ้าพี่ไม่กินก็เอามาให้ผม ผมจะกินมาม่าเนี่ยแหละ กินไปเดินไปจนถึงปีใหม่เลย”
“เอาแต่ใจ”
“แล้วจะยอมตามใจมั้ยครับ”
มองรอยยิ้มหวานกับนัยน์ตากลมใส หัวใจมันก็ร้องบอกว่า ยอม…ยอมได้ทุกอย่าง
“พี่ควินล่ะครับ จะคัดค้านมั้ย”
“ไม่ กูตามใจมึง”
“ดีครับ งั้นเรามากินแล้วก็เดินไปพร้อมๆกันเถอะ”
ผมมองพวกเขายกถ้วยมาม่าคัพซดน้ำอย่างกลั้นขำ ดูเอาเถอะ หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดี แต่ดันมายืนซดมาม่าคัพราคา 13 บาท ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมตามใจเข้าเซเว่นไปซื้อมาม่ากับผม ไม่คิดด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะยอมลงมาเดินชายหาดเพื่อเคาท์ดาวน์กับผมแบบนี้
“หมดแล้ว แต่กูยังไม่อิ่ม เหี้ยควินของมึงหมดยังวะ”
“สันดาน อย่ามายุ่งกับกู ไม่อิ่มก็เรื่องของมึง”
ผมหัวเราะ มองดูพวกเขาขึงตาใส่กันเหมือนหมาเห่าขู่ใส่กันอย่างไรอย่างนั้น
“ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว รอนับถอยหลังก่อนนะครับเดี๋ยวผมจะพาไปซื้อ”
ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่ใกล้เวลาเที่ยงคืนเข้ามาทุกวินาที ผู้คนรอบๆชายหาดเริ่มนับถอยหลังกันเสียงดัง ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า ไม่ได้นับออกเสียงเหมือนคนอื่น ผมนับมันในใจอย่างรอเวลา
“กูรักมึง”
พี่แซทบอกผมโดยไม่มองหน้า เขายืนอยู่ข้างๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าเหมือนกับผม ส่วนพี่ควินไม่ได้พูดอะไรแต่เขาจับมือผมไว้แน่น ผมรับรู้ถึงความรู้สึกเขาได้โดยที่เขาไม่ต้องพูดมันออกมา บางทีพวกเขาก็เลือกที่จะแสดงความรู้สึกออกมาไม่เหมือนกัน
ปังๆๆๆๆ!!!
เสียงพลุดังไปทั่วทุกสารทิศ ดังติดต่อกันนานจนผมหูอื้อ แต่สีสันและรูปร่างของมันก็ทำให้ผมมองแบบไม่คลาดสายตา
“สุขสันวันปีใหม่นะครับ ขอบคุณที่ทำเพื่อผมมาตลอดทั้งปี”
ผมจับมือพวกเขา ยิ้มกว้างให้ 365 วันที่ผ่านมา มีทั้งความสุข ความทุกข์ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว
“กูทำได้ทุกอย่างเพื่อมึง”
พี่แซทบอกพร้อมกับจับมือผมไปกุมไว้
“ขอแค่มึงอยู่กับกูอย่างนี้ก็พอ แค่นี้ก็พอแล้ว”
พี่ควินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เขายิ้มแล้วบีบจมูกผมโยกไปมา
“ครับ เราจะเริ่มต้นปีใหม่ไปด้วยกัน”
สุขสันต์วันปีใหม่นะครับทุกคน
-------------------------------------------------------
สุขสันต์วันปีใหม่ (ย้อนหลัง) นะคะทุกคน
ขอให้มีความสุขตลอดปีและตลอดไป
สุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดหวังสิ่งใดขอให้สมดั่งใจปรารถนานะคะ